แสนสิริชู “เชียงใหม่” Strategic Location ลั่นกลองเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท

แสนสิริชู “เชียงใหม่” Strategic Location ลั่นกลองเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท ล่าสุดส่งคอนโดแบรนด์ Haus เปิดตัวครั้งแรกในเชียงใหม่ ในชื่อ “เมคิน เฮาส์“ ไฮไลท์คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในเชียงใหม่ ในทำเลสุด Rare ใจกลางเมือง

• แสนสิริเดินหน้าแผนธุรกิจปี 67 ตามโรดแมปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเติบโตสูงและมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ชัดเจน
• ชู “เชียงใหม่” หนึ่งใน Strategic Location เมืองท่องเที่ยวสำคัญ ติดอันดับเมืองยอดนิยมของชาวต่างชาติวัยเกษียณ แนวโน้มการเติบโตสูงจากแผนดันเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน/ครั้ง และรายได้จากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 1.86 แสนล้านบาทในปี 2567 คาดรายได้จากการท่องเที่ยวเดือนมีนาคมสะพัดกว่า 9 พันล้านบาท และสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือนเมษายนที่มีเทศกาลประเพณีสงกรานต์เชียงใหม่

• ลั่นกลองเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท ครอบคลุมได้ทุกความต้องการกลุ่มลูกค้าเชียงใหม่ ได้แก่ “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านเดี่ยววิวดอยสุเทพ ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น สู้ PM 2.5 ราคาเริ่มต้น 20 – 35 ล้านบาท* เปิดชมโครงการครั้งแรก 23 – 24 มี.ค. นี้ ขณะที่ “อณาสิริ พายัพ” Sold out! ปิดการขาย 2 เฟสรวด หรือคิดเป็น 50% ของโครงการ หลังเปิดพรีเซลล์เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา

 

• ล่าสุดเปิดตัว “mekin Haus” (เมคิน เฮาส์) แบรนด์ HAUS โครงการแรกในเชียงใหม่และต่างจังหวัด พร้อมไฮไลท์ “คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในเชียงใหม่” ชูจุดขายขนาดห้องใหญ่ ดีไซน์สไตล์รีสอร์ท พร้อมส่วนกลางครบครันบนพื้นที่กว่า 1.7 ไร่ อาทิ สระว่ายน้ำยาวถึง 55 เมตร ทำเลโครงการใจกลางเมือง เพียง 200 เมตรเดินได้ถึงเซ็นทรัล เชียงใหม่ ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท* เปิดให้ลงทะเบียนพร้อมรับ ส่วนลดสูงสุดถึง 50,000 บาท* ได้แล้ววันนี้

นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2567 นี้ แสนสิริเดินหน้าต่อตามแผน NAVIGATING THE FUTURE: RESILIENT GROWTH พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจผ่านกลยุทธ์ Strategic Location มุ่งเน้นขยายโครงการในเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดใหญ่ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสนสิริเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต โดย “เชียงใหม่” นับเป็นหนึ่งใน Strategic Location ที่สำคัญของแสนสิริ จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเติบโตสูง เห็นได้จากแผนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชียงใหม่ปี 2567 ที่มีเป้าหมายดันนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน/ครั้ง คาดการณ์รายได้จากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 1.86 แสนล้านบาท โดยเฉพาะรายได้จากการท่องเที่ยวในเดือนมีนาคมที่คาดว่าจะสะพัดกว่า 9 พันล้านบาท และสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือนเมษายนที่มีเทศกาลประเพณีสงกรานต์เชียงใหม่ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังได้รับอานิสงส์มาตรการฟรีวีซ่าไทย-จีน ที่คาดว่าจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเชียงใหม่ยังติดอันดับเมืองยอดนิยมสำหรับชาวต่าวชาติในวัยเกษียณอีกด้วย

ปี 2567 นี้ แสนสิริได้เปิดตัว 3 โครงการใหม่ในเชียงใหม่ มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าในเชียงใหม่ ได้แก่ “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านเดี่ยววิวดอยสุเทพ บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีหลังใหญ่ สไตล์ Modern Classic ครบครันทุกฟังก์ชัน รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ทั้งนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น สู้ PM 2.5 นวัตกรรมบ้านสีเขียวเพื่อการอยู่อาศัย โดดเด่นด้วยทำเลศักยภาพ ตั้งอยู่ในทำเล รวมโชค นับเป็นหนึ่งใน CBD ของจังหวัดเชียงใหม่ ราคาเริ่มต้น 20 – 35 ล้านบาท* เตรียมเปิดชมโครงการครั้งแรก วันที่ 23 – 24 มีนาคมนี้ ขณะที่ “อณาสิริ พายัพ” บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในโครงการเดียว ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าเชียงใหม่ Sold out! ปิดการขาย 2 เฟสรวด หรือคิดเป็น 50% ของโครงการ หลังเปิดพรีเซลล์ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา


ล่าสุด แสนสิริได้เปิดตัว เปิดตัว เมคิน เฮาส์ (mekin HAUS) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท คอนโดมิเนียมบรรยากาศรีสอร์ทแบรนด์ Haus โครงการแรกในจังหวัดเชียงใหม่และในต่างจังหวัด หลังประสบความสำเร็จพัฒนาแบรนด์ HAUS ในกรุงเทพฯ มาแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นครั้งแรก! ในเชียงใหม่ กับ เมคิน เฮาส์ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในเชียงใหม่ รับเทรนด์ ‘Pet Parent’ เลี้ยงสัตว์เป็นลูก โดยโครงการมาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางและวัสดุภายในพื้นที่อยู่อาศัย ที่คำนึงถึงการอยู่อาศัยของคนร่วมกับสัตว์เลี้ยงอย่างแท้จริง อาทิ Pet Yard สวนสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่มีดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานพื้นที่ที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการใช้เวลาร่วมกันระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยง


ทำเลโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เดินทางเข้าออกเมืองสะดวก ติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ – ลำปาง สามารถเชื่อมต่อได้ทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์อย่าง เซ็นทรัล เชียงใหม่ (ใกล้โครงการฯ เพียง 200 เมตร) สถาบันการศึกษาชื่อดัง อาทิ โรงเรียนดาราวิทยาลัย (ใกล้โครงการฯ เพียง 1.5 กิโลเมตร), โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย (ใกล้โครงการฯ เพียง 2.2 กิโลเมตร) นอกจากนั้นยังใกล้สถานพยาบาลต่างๆ อย่าง โรงพยาบาลแมคคอร์มิค (ใกล้โครงการฯ เพียง 1.6 กิโลเมตร) รวมถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ใกล้โครงการฯ เพียง 10 กิโลเมตร)

เมคิน เฮาส์ มาพร้อมกับแบรนด์แท็กไลน์ EMBRACE UNHURRIED PLEASURE ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการพักผ่อน โดยโครงการถูกออกแบบด้วยการนำเอาธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่เข้ามาใช้ เช่น Façade ดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากไอหมอกบนดอย รวมถึงคอนเซ็ปต์ของดอยและภูเขา มาสะท้อนในการออกแบบพื้นที่สีเขียว พร้อมให้แนบชิดธรรมชาติในใจกลางเมืองได้อย่างเต็มที่ บนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 1.7 ไร่ พร้อมสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิกยาว 55 เมตร ห้องฟิตเนส พร้อมอุปกรณ์ ห้องทำงานพร้อมเก้าอี้นวด และสวนสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ โครงการมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 อาคาร จำนวนทั้งหมด 250 ยูนิต รูปแบบคอนโดมิเนียม Low-Rise ที่เน้นห้องขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ความต้องการของชาวเชียงใหม่ที่อยากได้คอนโดมิเนียมกว้างเหมือนอยู่บ้าน โดยมีขนาดตั้งแต่ 34.90 – 89.50 ตร.ม. สำหรับห้องขนาดที่ใหญ่ที่สุด ลงตัวด้วย 3 ห้องนอนและ 2 ห้องน้ำ รองรับทุกไลฟ์สไตล์ของทุกสมาชิกในครอบครัวทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ในราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท* ลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อรับข้อเสนอพิเศษ ส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท*ได้ที่ https://siri.ly/4glg6Y3

แสนสิริเชื่อมั่นว่า ทุกโครงการของแสนสิริในเชียงใหม่ในปีนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี ต่อยอดความสำเร็จของแสนสิริในเชียงใหม่ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่คอนโดมิเนียมโครงการแรกที่มีลูกค้ามาต่อคิวก่อนล่วงหน้า 1 วันเพื่อรอจองคิวซื้อคอนโดมิเนียม ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท เชียงใหม่ ขณะที่คอนโดมิเนียมหลายโครงการในทำเลใกล้เซ็นทรัล เชียงใหม่ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีและปิดการขายอย่างรวดเร็ว รวมถึงโครงการเดอะ เบส ไฮท์ เชียงใหม่ คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่โครงการล่าสุด ก็สร้างยอดขายไปแล้วถึง 70% ขณะที่โครงการก่อนหน้ายังสร้าง Value-added ให้กับลูกค้า ทั้งอยู่อาศัยเองและปล่อยเช่าโดยมี Yield เฉลี่ยสูงถึง 6% ส่งผลให้แสนสิริเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำอสังหาฯ รายใหญ่ที่กลุ่มลูกค้าในเชียงใหม่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์แสนสิริ คุณภาพโครงการ ดีไซน์ที่โดดเด่น พร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย ตลอดจนบริการดูแลหลังการขาย

 

โดยแสนสิรินับเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวมาแล้วรวม 15 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนสะสม 14,000 ล้านบาท สามารถพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งนอกจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แล้ว แสนสิริยังมีความมุ่งมั่นตามแนวคิดการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยนำเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นต่างๆ มาผสานในการออกแบบโครงการ รวมถึงมุ่งมั่นร่วมสนับสนุน “กาแฟเทพเสด็จ” สินค้า GI หนึ่งใน Soft Power ของไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกร และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสประสบการณ์กาแฟเทพเสด็จถึงถิ่นต้นกำเนิดอีกด้วย” นายอุทัย กล่าว
#40ปีแสนสิริ #แสนสิริแบรนด์อันดับหนึ่ง #เชียงใหม่ต้องแสนสิริ #Sansiri #YouAreMadeForLife

‘สีจระเข้’ แอ่วเหนือ จับมือ ร้าน ต.โฮม จ.เชียงใหม่ เปิด SHOP SEE JORAKAY นวัตกรรมสีทาบ้าน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“สีจระเข้” นวัตกรรมสีทาบ้านจากวัตถุดิบธรรมชาติ ผสานกับเทคโนโลยีกราฟีน วัสดุแห่งอนาคต ให้ความแข็งแรง ทนทาน ปลอดภัยกับผู้ใช้งานและผู้อยู่อาศัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บุกตลาดภาคเหนือ เปิด SHOP SEE JORAKAY ผนึก ร้าน ต.โฮม ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง ครบครัน ทันสมัย แห่งเมืองเชียงใหม่ ครบครันด้วยสินค้าจาก SEE JORAKAY (สีจระเข้) ทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ Natural Color, Art Color, Texture Color และ Heritage Color ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนรักบ้าน และเจ้าของโครงการที่ให้ความสำคัญกับงานดีไซน์ ควบคู่กับการใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม

SEE JORAKAY (สีจระเข้) กลุ่ม Natural Color เป็นนวัตกรรมสีทาบ้านภายใต้แนวคิด “สีปลอดภัย สีธรรมชาติ สีจระเข้” ผลิตจากวัตถุดิบที่มีความปลอดภัย คุณภาพสูง ผสานเข้ากับนวัตกรรมเฉพาะของจระเข้ ทำให้ได้สีที่มีความสบายตา ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย ไร้กลิ่นฉุน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสีจระเข้ได้ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการ หรือแม้แต่กลุ่มสถาปนิก และช่างผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ สีจระเข้ ยังเป็นรายแรกในประเทศไทยที่เลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มาจากไลม์สโตนหรือ หินปูนธรรมชาติ จากประเทศสเปน มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย และที่สำคัญดีต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ห่วงใยสุขภาพ และคนรุ่นใหม่ ที่มีความรักสุขภาพควบคู่ไปกับการรักสิ่งแวดล้อม เพราะสีจระเข้เป็นสีที่มีการเลือกสรรวัตถุดิบที่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและผู้อยู่อาศัย ผลิตภายใต้แนวคิดที่คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ กระบวนการ

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ SEE JORAKAY มี 4 กลุ่ม ได้แก่
1. Natural Color เป็นสีที่มีจุดเด่นที่เลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติผสานกับเทคโนโลยีกราฟีนที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะพร้อมช่วยกระจายความร้อนทำให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็น ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขั้นตอนการแห้งตัวของสี ปราศจากสารอินทรีย์ ระเหยง่าย (Non VOCs) และไม่มีสารก่อมะเร็ง (Non Formaldehyde) สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังจากทาสีเสร็จเรียบร้อย

 


2. Art Color เป็นสีที่ใช้สำหรับสร้างลวดลายสไตล์ลอฟท์และลายหินอ่อน ช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้กับผนังบ้าน โดยใช้อุปกรณ์สร้างลวดลายได้หลากหลาย เช่น ลูกกลิ้ง เกรียง โดยมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยยับยั้งการเกิดราดำและตะไคร่น้ำ

3. Texture Color เป็นสีที่ผลิตจากมอร์ต้าชนิดไฮบริด และมีเทคโนโลยี 3D Texture ใช้สำหรับสร้างพื้นผิวที่มีมิติได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีจุดเด่นที่ความแข็งแกร่งทนต่อรังสี UV ทนต่อไอเกลือทะเลใช้งานได้ยาวนานกว่า 15 ปี สามารถใช้สร้างลวดลายได้หลากหลายวิธี

4. Heritage Color เป็นวัสดุฉาบแต่งผิวที่คิดค้นขึ้นมาเพื่องานบูรณปฏิสังขรณ์สำหรับโบราณสถาน ปูชนียสถาน หรือสถานที่อันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะ ด้วยเนื้อสีที่ผลิตจากไลม์สโตน ผสานเข้ากันกับเทคโนโลยีกราฟีน และนวัตกรรมการผลิตเฉพาะตัวของจระเข้ จึงทำให้ได้ สีจระเข้ Heritage Color วัสดุที่สามารถใช้ทดแทน “ปูนหมัก ปูนตำ” สำหรับงานบูรณะ โดยไม่ทำลายพื้นผิวเดิมของอาคาร เพื่อให้สถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และคุณค่าทางความทรงจำ กลับมาสวยงดงาม ท้าทายกาลเวลา ให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์สืบต่อไป

และเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น SEE JORAKAY ได้ร่วมกับ ร้าน ต. โฮม ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง ครบครัน ทันสมัย จ.เชียงใหม่ เปิดช็อปสีจระเข้อย่างเป็นทางการในจังหวัดเชียงใหม่ โชว์สัมผัสประสบการณ์แห่งสีสัน และลวดลายกับสีจระเข้ ด้วยเทคโนโลยีจากสีธรรมชาติ พร้อมสัมผัสประสบการณ์แห่งแรงบันดาลใจ ด้วยเทคนิคความรู้ดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญจากสีจระเข้ นำโดย คุณวิกิจ กันฉาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ, คุณสุภกิตติ์ เตชดนัย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจกลุ่มสี และคุณพงศธรณ์ สุดาจันทร์ วิทยากรอาวุโส ศูนย์ฝึกอบรม จระเข้ อะคาเดมี่ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มาร่วมอัปเดตผลิตภัณฑ์ ภายใต้หัวข้อ “Paint The New Norm” เพ้นท์มาตรฐานใหม่ให้ชีวิต สีปลอดภัย สีธรรมชาติ สีจระเข้ อีกด้วย

พบกับสีคุณภาพพร้อมทีมที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ และทีมช่างพร้อมให้บริการงานทาสี แบบมืออาชีพ มีครบ จบที่เดียว ทั้งสินค้า และบริการ ได้แล้ววันนี้ “ต.โฮม จ.เชียงใหม่” ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของสีจระเข้ได้ทาง www.seejorakay.com

“แสนสิริ” ปิ๊กมา “เชียงใหม่” แหมเตื้อพร้อมเปิด “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านดีไซน์ Modern Classic วิวดอยสุเทพ

“แสนสิริ” ปิ๊กมา “เชียงใหม่” แหมเตื้อพร้อมเปิด “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านดีไซน์ Modern Classic วิวดอยสุเทพ
ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น สู้ PM 2.5 ราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท* เปิดชมโครงการครั้งแรก 23-24 มี.ค.นี้ แสนสิริ สุดยอดแบรนด์อสังหาฯ จากการคัดเลือกของผู้บริโภคทั่วประเทศ เดินหน้าลงทุนเชียงใหม่ต่อเนื่องพิเศษ สำหรับชาวเชียงใหม่และใกล้เคียง กับบ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ” หนึ่งในโปรดักส์ไฮไลต์ของกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี เตรียมเปิดโครงการเศรษฐสิริ รวมโชค บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Classic รายล้อมด้วยวิวดอยสุเทพ กับโซนที่ดีที่สุดของโครงการ วันที่ 23-24 มี.ค.นี้

บมจ. แสนสิริ เดินหน้าตามแผนธุรกิจปี 2567 ต่อยอดขยายพอร์ตบ้านลักชัวรีในหัวเมืองใหญ่ กลับมาอีกครั้งของโครงการเศรษฐสิริ ในจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากเคยประสบความสำเร็จกับเศรษฐสิริ สันทรายมาแล้ว เปิดตัวโครงการใหม่ “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี หลังใหญ่ สไตล์ Modern Classic ครบครันทุกฟังก์ชัน รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น นวัตกรรมสีเขียวเพื่อการอยู่อาศัย และโดดเด่นด้วยทำเลศักยภาพ ซึ่งย่านรวมโชค ถือเป็นหนึ่งใน CBD ของจังหวัดเชียงใหม่ เปิดจองโซนที่ดีที่สุดครั้งแรก ในวันที่ 23-24 มีนาคมนี้ ลงทะเบียนรับข้อเสนอสุดพิเศษ สูงสุด 2 ล้านบาท* ได้ที่ https://siri.ly/QLeG5U3


โครงการ เศรษฐสิริ รวมโชค ดีไซน์เหนือระดับในสไตล์ Modern Classic ที่เรียบง่าย แต่ยังคงมีความโดดเด่นและความร่วมสมัยในทุกรายละเอียด เป็น Timeless Design ที่จะอยู่เหนือกาลเวลาไปตลอดกาล

โครงการมีพื้นที่ขนาด 29 ไร่ จำนวนทั้งหมด 84 ยูนิต รูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท มีแบบบ้านให้เลือกถึง 4 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 251-407 ตร.ม. และขนาดที่ดินเริ่มตั้งแต่ 62-167 ตร.วา โดยแบบบ้านขนาดใหญ่ที่สุด คือ GRANDEUR โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน Double Volume Living โถงต้อนรับสูงกว่า 6.4 เมตร ลงตัวด้วย 5 ห้องนอน/ 6 ห้องน้ำ/ 1 ห้องนั่งเล่น/ 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน/ 1 ห้องแม่บ้านและ 4 ที่จอดรถ โครงการยังมาพร้อมกับนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น ที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น

รวมถึงนวัตกรรมสีเขียวเพื่อการอยู่อาศัย Green Living Designed Home ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้ง Solar Panel บ้านทุกหลัง และพื้นที่สำหรับ EV Charger รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงยกระดับการอยู่อาศัยให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย LIV-24 จากแสนสิริ ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีอย่างครบครัน เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว เช่น คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำระบบเกลือเชื่อมพื้นที่สวน, สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก, ฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ, สวนส่วนกลาง, Co-Working Space รวมถึง Sansiri Backyard แปลงผักสวนครัว และอื่นๆ

เรื่องของทำเลที่ตั้ง โครงการเศรษฐสิริ รวมโชค เหนือระดับด้วยวิวดอยสุเทพ ตั้งอยู่บน ถนนวงแหวน รอบที่ 2 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งย่านรวมโชค ถือว่าเป็นย่านเศรษฐกิจศูนย์กลางเมือง หรือ Central Business District (CBD) แห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ มีการขยายตัวจากศูนย์การค้าชื่อดังและพื้นที่ทางการค้า อาทิ รวมโชคมอลล์ และริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต (ใกล้โครงการฯ เพียง 5.4 กิโลเมตร), เซ็นทรัล เชียงใหม่ (ใกล้โครงการฯ เพียง 8.4 กิโลเมตร) รวมถึงแหล่งการศึกษาต่างๆ เช่น โรงเรียนนานาชาตินครพายัพ (ใกล้โครงการฯ เพียง 1.9 กิโลเมตร) นอกจากนั้นยังใกล้สถานพยาบาลต่างๆ อย่าง โรงพยาบาลลานนา (ใกล้โครงการฯ เพียง 6.6 กิโลเมตร) และยังเป็นย่านที่สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ได้อย่างสะดวก

โครงการ เศรษฐสิริ รวมโชค เปิดจองโซนที่ดีที่สุดครั้งแรก ในวันที่ 23-24 มีนาคมนี้
ลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษ สูงสุด 2 ล้านบาท*ได้ที่ https://siri.ly/QLeG5U3#บ้านเดี่ยว #เศรษฐสิริ #Setthasiri #PortraitOfSuccess #Sansiri #YouAreMadeForLife

เชียงใหม่ ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสกับเสน่ห์เมืองหลวงแห่งไม้ดอก ในงานเทศกาล Chiang Mai Blooms 2024

จังหวัดเชียงใหม่เชียงใหม่ เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสกับเสน่ห์เมืองหลวงแห่งไม้ดอก ในงานเทศกาลเชียงใหม่บลูมส์ ปีที่ 7 Chiang Mai Blooms 2024 ภายใต้แนวคิด “Secrets of Flowers” พร้อมเผยความลับแห่งชีวิตสุนทรีย์ ตามรอยดอกไม้ทั่วเมืองเชียงใหม่ ตลอดกุมภาพันธ์นี้

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 67 ที่ โรงแรมรติ ล้านนา ริเวอร์ไซส์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ , นายสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ และ นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมการค้าวิศิษฏ์ล้านนา เพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดเทศกาลเชียงใหม่บลูมส์ ปีที่ 7 (Chiang Mai Blooms 2024) ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ สมาคมการค้าวิศิษฎ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว และภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วเมืองเชียงใหม่ได้ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567

โดยในปีนี้กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Secrets of Flowers : เผยความลับหอมหวนแห่งชีวิตสุนทรีย์ ตามรอยดอกไม้ทั่วเมืองเชียงใหม่ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้” โดยเชิญชวนพี่น้องชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสกับเสน่ห์ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งดอกไม้

โดยไฮไลท์สำคัญของงานในปีนี้มีอยู่หลายงาน ซึ่งได้นำเอาดอกไม้มาเป็นสื่อกลางในการจัดงาน และพร้อมที่จะนำทุกท่านออกไปท่องโลกดอกไม้ที่อบอวนไปด้วยความสุข และความสนุก อาทิ งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 47 ระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด “บุปผชาติล้านนา ภูษาเวียงพิงค์” , กิจกรรม Chiang Mai Blooms Chef’s Table : Secret Recipes เชฟเทเบิลในสไตล์ Chiang Mai Blooms ที่แฟนประจำรอคอยทุกปี ซึ่งในปีนี้จะได้ให้นักท่องเที่ยวมาร่วมสนุกกับสามเชฟทำอาหารชื่อดัง สามร้าน สามรสมือ ที่พร้อมเปิดเผยความลับของการรังสรรค์ดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสมผสานกับวัตถุดิบทำอาหารของเมืองเชียงใหม่ มาไว้บนจานอาหารให้ได้ชิมกระตุ้นต่อมรับรส ประกอบด้วย ร้านเลเลฟอง ร้าน Blanc Chiang Mai และ หลังบ้านเชฟ , กิจกรรม Flowers on the table : Secret Garden

ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ที่ชวนนักท่องเที่ยวมาสนุกสนานเบิกบานในค่ำคืนพิเศษ กับงานนิทรรศกาลผ้าไหม งานศิลป์ อาหารอร่อยจากเชฟชื่อดัง และการขับกล่อมบทเพลงจากศิลปินนักร้อง , กิจกรรม Chiang Mai Blooms Secret Heavens กิจกรรมสำหรับสายสุขภาพ ที่ชวนมาบอกรักตัวเองด้วยความลับของดอกไม้ที่เปิดเผยโดยสปาชั้นนำของเชียงใหม่ และ กิจกรรม Chiang Mai Blooms Journey ซึ่งได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาฟินกับแพ็กเก็จท่องเที่ยวพิเศษ พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์เส้นทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้ โดยได้รวบรวมดีลโรงแรม มื้ออาหารพิเศษ เครื่องดื่มเมนูดอกไม้ และไนท์ไลฟ์มาไว้ในแพ็กเก็จเดียว ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดหาที่อื่นไม่ได้ของ Chiang Mai Blooms

สำหรับผู้ที่สนในร่วมกิจกรรมต่างๆ สามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลของเทศกาลได้ที่ เพจ Facebook : Chiang Mai Blooms , อินสตราแกรม : cmblooms หรือที่เว็บไซต์ www.visitlannaassociation.com

ภายใต้แบรนด์ Dr. Woo Shik Choi’s Nose Lips Surgery จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมาดูแลความงามของชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ภาคเหนื

ภายใต้แบรนด์ Dr. Woo Shik Choi’s Nose Lips Surgery จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมาดูแลความงามของชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ภาคเหนืออย่างใกล้ชิด

ครั้งแรกในภาคเหนือ กับการเปิดตัวตัวแทนภาคเหนือ ประเทศไทย โดยการนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จาก Nose Lips Plastic Surgery Center ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์มากกว่า 25 ปี Dr. Woo Shik Choi จับมือกับพาร์ทเนอร์นักธุรกิจชื่อดังจังหวัดเชียงใหม่ โดยการนำของ พลตรีหญิง กชกร ไชยบุตร และ ดร. จารุปรานต์ ภากุลเดช ภายใต้แบรนด์ Dr. Woo Shik Choi’s Nose Lips Surgery จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมาดูแลความงามของชาวเชียงใหม่อย่างใกล้ชิด

ในวันที่ 29 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ณ สถานความงาม เมอเดเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงาน Soft Opening สุด Exclusive ให้กับเหล่าบรรดาเซเล็บเชียงใหม่ โดยภายในงานได้เรียนเชิญคุณหมอชื่อดังจากเกาหลี Dr. Woo และ คุณหมอชาวไทยชื่อดังด้าน การใช้ศาสตร์ดูโหงวเฮ้งใบหน้า ให้กับผู้ที่เข้าร่วมในงาน ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่น ซึ่งตลอดทั้งวัน มีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง

พี่น้องชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ภาคเหนือ ประเทศไทย สามารถปรึกษาการทำสวย อุ่นใจภายใต้ประสบการณ์ยาวนานถึง 25 ปีของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้การดูแลของDr. Woo Shik Choi’s Nose Lips Surgery

งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 หรือ CHIANG MAI FLOWER FESTIVAL 2024

งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 หรือ CHIANG MAI FLOWER FESTIVAL 2024 เริ่มขึ้นแล้วอย่างยิ่งใหญ่ โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ได้เนรมิตพื้นที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด ให้เต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาพันธุ์อย่างสวยงาม ภายใต้แนวคิด Miracle of Precious Flora หรือ “มหัศจรรย์แห่งพฤกษา ความงามเลอค่า นครเชียงใหม่”

นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดสวนสาธารณะหนองบวกหาด ในงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 หรือ CHIANG MAI FLOWER FESTIVAL 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Miracle of Precious Flora” หรือ “มหัศจรรย์แห่งพฤกษา ความงามเลอค่า นครเชียงใหม่” ที่จัดกิจกรรมต่อเนื่องกันถึง 5 วัน ระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2567 เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-22.00 น.

ทั้งนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่ ผู้จัดงาน ได้เนรมิตพื้นที่ 12 ไร่ บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาด ให้เต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาพันธุ์ สีสันสดใส และส่งกลิ่นหอม พร้อมประดับตกแต่งประติมากรรมดอกไม้ ประติมากรรมแสงไฟ ไว้อย่างสวยงามตระการตา นำดอกไม้เมืองหนาวทั้งของเมืองไทยและจากต่างประเทศ อย่างดอกทิวลิป ดอกกุหลาบสเปรย์ ดอกลิลลี่ ดอกไฮเดรนเยีย รวมไปถึงกล้วยไม้หายาก มาจัดมุมถ่ายรูปสวยๆ ในลักษณะของทุ่งดอกไม้ สวนดอกไม้ ซุ้มดอกไม้ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 โซนด้วยกัน

เริ่มที่โซน Dimension Gate นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับ Animation 3D สุดน่ารักตั้งแต่ด้านหน้า ก่อนเดินผ่านซุ้มประตูดอกไม้เข้าสู่งาน ที่เปรียบเสมือนกับการเปิดประตูมิติ เข้าไปอีกโลก คือโลกแห่งแมกไม้ ดอกไม้ ท่ามกลางประติมากรรมน้อยใหญ่อันงดงามอลังการ ผสมผสานนวัตกรรมร่วมสมัย ในแบบฉบับที่เหนือจินตนาการ โดดเด่นไม่เหมือนใคร, โซน Miracle of Precious Flora ประติมากรรมและทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์อันงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไฮเดรนเยีย สวนดอกกุหลาบสเปรย์ สวนดอกลิลลี่ ซุ้มโค้งทรงโดม ซุ้มอุโมงค์ไม้ไผ่ประดับดอกไม้และไฟ บ้านต้นไม้ ดั่งดินแดนแห่งเทพนิยาย, โซน Tulip Dream Land สัมผัสประติมากรรมดินแดนในฝันของทุ่งดอกทิวลิปหลากสีสัน ที่อัดแน่นด้วยดอกทิวลิปนับพันดอก,

โซน Orchid Garden สัมผัสความงดงามของดอกกล้วยไม้ที่หาชมได้ยาก อย่าง กล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสใหญ่ยักษ์ กล้วยไม้แวนดาสีสันสวยงาม ท่ามกลางละอองหมอกฟุ้งกระจาย ราวกับหลุดเข้าไปในดินแดนแห่งความฝัน, โซน Field Lights ทุ่งหญ้าแห่งแสงไฟหลากหลายสีสันสุดตระการตา มีประติมากรรมแสงไฟ รูปดาว รูปผีเสื้อ และรูปปั้นต่างๆ ที่ตกแต่งไว้กระจายทั่วพื้นที่ คล้ายกับอยู่ในดินแดนสุดมหัศจรรย์ เป็นมุมถ่ายรูปอย่างจุใจ, โซน Happy Funny Glow สัมผัสประสบการณ์ความสุข กับอุโมงค์เรืองแสงในสวนดอกไม้ ที่สามารถเพนท์ร่างกายได้แบบตามใจฉัน ก่อนเดินผ่านสู่อุโมงค์เรืองแสงความยาว 40 เมตร สร้างความสนุกเพลิดเพลินสไตล์ใหม่ๆ, โซน Funny Baby Bear ชมการแสดง Mapping Baby Bear ที่ใช้แสงและสี ฉายลงบนประติมากรรมรูปหมีน้อยแสนน่ารัก สร้างมิติให้น่าสนใจ สนุกสนาน มีชีวิตชีวา มอบรอยยิ้มแห่งความสุข ส่วนในโซนสุดท้าย การแสดงน้ำพุดนตรี Musical Fountain ภายในคูเมือง ด้านหน้าสวนสาธารณะหนองบวกหาด ที่นำระบบแสง สี เสียง ที่ตื่นตาตื่นใจ มามอบให้เป็นของขวัญให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ปีนี้เป็นปีแรก

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงาน นอกจากจะได้ชื่นชมและถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ แล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายเช่นเดียวกับทุกปี อาทิ บูธนิทรรศการและการประกวดไม้ดอกไม้ประดับ บูทจำหน่ายต้นไม้ ดอกไม้ การออกร้านจำหน่าย สินค้า OTOP ของดีแต่ละอำเภอ ร้านขายอาหารเครื่องดื่มนานาชาติ รวมไปถึงการแสดงของเครือข่ายเด็กและเยาวชน จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานอื่นๆ ตลอด 5 วันเต็ม

ทั้งนี้จะมีการแสดงดนตรีในสวนดอกไม้ ในเวลา 16.00 – 17.00 น. และ 20.00 – 21.00 น., การแสดง Mapping Baby Bear ในช่วงเวลา 19.00 – 22.00 น., กิจกรรมอุโมงค์เรืองแสงในช่วงเวลา 18.00 – 22.00 น. ส่วนการแสดงน้ำพุดนตรีภายในคูเมืองด้านหน้าสวนสาธารณะหนองบวกหาด จะมีวันละ 3 รอบ รอบละ 15 นาที ในเวลา 19.00 น., 20.00 น. และ 21.00 น. ระหว่างวันที่ 1 – 4 กุมภาพันธ์

Chiang Mai Food Festivalเทศกาลอาหารนานาชาติเชียงใหม่“เพราะรักแห่งอาหารคือรักที่ไร้พรมแดน”ที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่

วันที่ 27 มกราคม 2567 ที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานเทศกาลอาหารนานาชาติเชียงใหม่ Chiang Mai Food Festival ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เชียงใหม่กรีนคิทเช่น โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) สภาอาหารจังหวัดเชียงใหม่ เขียวสวยหอม โอล์ดเชียงใหม่ (ศูนย์วัฒนธรรม) ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 มกราคม 2567

เทศกาลอาหารนานาชาติเชียงใหม่ Chiang Mai Food Festival จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอาหาร และเส้นทางท่องเที่ยวอาหารเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้ทั้งคนเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวได้ทำความรู้จักและเข้าใจในอาหารท้องถิ่น และความเป็นพหุวัฒนธรรมของเชียงใหม่ ทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมกลุ่มผู้ผลิตอาหาร ผู้แปรรูปอาหาร และกลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่มรายย่อยให้มีพื้นที่ในการแสดงสินค้า อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าให้กับอาหารท้องถิ่น สู่การกระจายรายได้สู่ชุมชน

ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและผลัดดันนโยบายของ Soft Power 5F (F : Food) ให้ “อาหาร” เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวChiang Mai Food Festival จัดขึ้น ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ในวันที่ 27-28 มกราคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-22.00 น.

ภายในงานจะได้พบกับบูธอาหารไทย อาหารเมือง อาหารนานาชาติ อาหารจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ อาหารนวัตกรรม กลุ่มร้านอาหาร Green Kitchen และ Green Farm เครื่องดื่มจาก Brewer ท้องถิ่น ร้านจำหน่ายสินค้าทำมือรักษ์โลก การสาธิตการทำอาหาร กิจกรรมเสวนาเรื่องอาหาร พูดคุยกับเจ้าของร้านอาหาร ผู้รู้ ผู้ประกอบการด้านอาหาร ผู้ผลิตคราฟต์ดริ้ง การแสดงทางวัฒนธรรมและการแสดงดนตรีจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และกิจกรรมเวิร์กชอปมากมาย ตลอดทั้ง 2 วัน

นอกจากนี้ Chiang Mai Food Festival ยังได้ร่วมกับ LOMO (Local Mobility) จัด City Gastro Tour ภายใต้กิจกรรม “กองกีดทัวร์” พาเที่ยวตามตรอกเล็กซอยน้อยด้วยรถไฟฟ้า ไปรู้จักอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทในตัวเมืองเชียงใหม่ อาทิ ชุมชนวัดพันแหวน ชุมชนล่ามช้าง ชุมชนศรีสุพรรณ ชิมอาหารบ้านตึก ฟิวชั่นอาหาร 5 เชียง ที่ร้านเอื้องคำสาย

นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า อาหาร ถือเป็น Soft Power ในการดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยว รู้จักและสัมผัสกับความหลากหลายทางอาหารของภาคเหนือของไทย ซึ่งมีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น เป็นการเพิ่มมูลค่าที่ยั่งยืน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ชุมชน ร้าน และผู้ประกอบการ รวมทั้งวัฒนธรรมทางด้านอาหารนานาชาติที่ผสมผสานกันเกิดเป็นรสชาติที่น่าสนใจ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว เรามีทั้งอากาศ อาหาร ที่พัก รอยยิ้มและน้ำใจของผู้คน เกิดเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านเฉพาะในงานนี้ เพราะมีการต่อยอดและสร้างเครือข่ายอาหารปลอดภัยให้เกิดขึ้น เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของประชาชนและนักท่องเที่ยว เป็นความยั่งยืนในระยะยาว

จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองที่สมบูรณ์ด้วยอาหารการกินจากหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง และกลุ่มคนไทในพื้นที่ราบ ถึง 12 ชาติพันธุ์ และยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ ทั้งชาวญี่ปุ่น เกาหลี จีน อเมริกัน เยอรมัน อังกฤษ และอีกมากมาย พวกเขาต่างนำวัฒนธรรมอาหารของตนเองมาด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความหลากหลายของผู้ผลิตอาหารในหลายสัญชาติ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายเล็กๆ กลายเป็นเสน่ห์ของเชียงใหม่ที่สามารถทำให้ได้ลิ้มลองอาหารหลากหลายสัญชาติจากการมาเชียงใหม่เพียงที่เดียว


การท่องเที่ยวเชิงอาหารจึงเป็นการท่องเที่ยวที่สามารถเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม สังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ อีกทั้งเทศกาลอาหารยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถทำความรู้ความเข้าใจเรื่อง
อาหารท้องถิ่น และความเป็นพหุวัฒนธรรมของเชียงใหม่ได้อย่างรวดเร็ว … มาร่วมงาน Chiang Mai Food Festival เพียงงานเดียว เหมือนได้เดินทางไปชิมอาหารทั่วเชียงใหม่

บริษัทจาร์ทิซานน์จำกัด ผู้ผลิตชีสสัญชาติไทย100% ขยายโรงงานผลิตที่ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ดีไซน์มาเพื่อการผลิตชีสที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อเย็นวันที่ 23 มกราคม.นี้ที่ บริษัทจาร์ทิซานน์จำกัด เลขที่ 242 หมู่ 3ตำบล สันผักหวานอำเภอหางดงจังหวัดเชียงใหม่เส – จารุทัศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา พร้อมทั้งแอน- ชุติพันธุ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้ทำพิธีเปิดขยายโรงงานที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ดีไซน์มาเพื่อการผลิตชีสที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด โดยมีหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคล เป็นองค์ประธานเปิดงานมี พล.อ.อ.อนุพันธ์- ผศ.วรลักษณ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา หม่อมหลวงปรียพรรณ ศรีธวัช พร้อมทั้งผู้บริหารจากองค์กรและบริษัทต่างๆ แลพแขกผู้ทรงเกียรติมาร่วมงานคับคั่ง


โดยบริษัทจาร์ทิซานน์จำกัดผู้ผลิตชีสสัญชาติไทย100% เริ่มก่อตั้งเมื่อปี2563 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้นมในท้องถิ่นมาผลิตเป็นหลัก จุดเด่นของจาร์ทิซานน์คือการประยุกต์ภฺูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ชีสหลากหลายชนิดทางผู้ก่อตั้งเชื่อว่าประเทศไทยสามารถเป็นแหล่งผลิตชีสระดับโลกได้ ปัจจุบันเพื่อรองรับการผลิตที่ใช้ปริมาณนมโคถึง 2ตันต่อเดือน ทางจาร์ทิซานน์จึงได้ขยายโรงงานที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ดีไซน์มาเพื่อการผลิตชีสที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด


เส – จารุทัศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้กล่าวถึงการเปิดขยายโรงงานในครั้งนี้ว่า”กระผมขอขอบพระคุณทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาในวันนี้ เพื่อเป็นสักขีพยาน ในความสำเร็จ ที่จะสร้างความฝันที่ยากเย็นและยุ่งยาก ให้กลายเป็นความจริง เป็นความฝันที่เลือกที่จะท้าทายความสามารถของคนไทยและของตัวเอง ให้ทั้งคิดและทำออกนอกกรอบ โดยการสร้างมโนภาพ ใช้อิทธิบาท 4 เพียรพยายามและมุ่งมั่นที่จะทำให้มโนภาพนั้น เกิดขึ้นมาเป็นสิ่งจับต้องได้ อย่างที่ประเทศไทยเราไม่เคยเห็นมาก่อน

การทำชีสในเมืองไทย ก็ว่าเป็นเรื่องยากแล้ว เพราะไหนจะคนไทยไม่ได้คุ้นชินกับชี การสร้างโรงผลิตชีสที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างชาติ ด้วยน้ำมือและมันสมองของคนไทยเองที่จะรังสรรปั้นแต่งขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่ยาก ’มาก’ ไม่ได้แพ้กัน เพราะทั้งสองสิ่งนี้ ประเทศไทยเราขาดครูผู้สอน ขาดที่ปรึกษา หรือผู้มากประสบการณ์ ที่จะคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้อง แต่เป็นความพยายามของเราคนไทย ที่เลือก ที่จะต้องอดทนต่อความยากลำบากในการค่อยๆเรียนรู้ด้วยตนเอง จากการลองผิดลองถูก จากการช่างสังเกตุ จากการมองดูต้นแบบจากแดนไกลเพียงผ่านสื่อโดยไม่ได้ไปจับต้องของจริง แล้วมาถอดรหัส และจากการทำสมาธิเพื่อพวกเราให้ตกผลึก จนเราเกิดความเข้าใจในระบบที่กำลังจะเกิดขึ้น จนการออกแบบที่สามารถปะติดปะต่อการทำงานของระบบต่างๆ ให้เข้ากันได้นั่นเอง

ตอนที่คิดจะเริ่มสร้างโรงผลิตชีสแห่งนี้ในกลางปี 2564 ผมรู้ตัวในตอนนั้น ว่าผมคงต้องเป็นผู้ออกแบบ Layout ของอาคารเอง เพราะมันจะเป็นการออกแบบที่ยากมากให้ลงตัว เนื่องจากต้องเต็มไปด้วย Function ต่างๆ ที่จำเป็นตามกระบวนการผลิตชีสจากต้นจบ ที่มีเพียงเราเท่านั้นที่จะรู้ และก็ต้องให้ถูกต้องตามหลักมาตรฐานอาหาร และยังอาศัยหลักวิชาฮวงจุ้ยที่ทางซินแส ณภัทร ดุษฎีรักษ์ คอยให้คำแนะนำ แต่มีพื้นที่จำกัดเพียงประมาณเศษ 1 ส่วน 10 ของพื้นที่บ้าน และ บนคือ Footprint เพียงที่ถือว่าเล็กมาก แต่ต้อง ก่อนที่จะส่งแบบ 3 มิติต่อให้บริษัท Full Scale Studio บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมเจ้าประจำ ของคุณอรรถสิทธิ์ กองมงคล ไปช่วยจบแบบด้านรูปลักษณ์ภายนอกให้สวยสดงดงาม ตามมโนภาพของสถาปนึกคือเจ้าของ และสถาปนิกตัวจริง คือคุณอรรถ รวมๆกัน รวมถึงทำแบบก่อสร้างให้ออกมาให้สำเร็จด้วย อย่างไรก็ดี คุณอรรถสิทธิ์ก็ได้ทำใจไว้แล้ว ว่าสถาปนึก ก็จะมาดัดแปลงแบบออกไปอีก เปรียบดั่งนักดนตรี jazz ในวงเดียวกัน ที่แต่ละท่านก็จะมี ท่อน solo คนละท่อน เพื่อให้เพลงมีความลงตัวและหลากหลาย

ด้วยความที่เราไม่มั่นใจว่าเราจะหาผู้รับเหมาได้หรือไม่ เนื่องจากงานนี้ จะเป็นงานที่สลับซับซ้อน และมีระบบแปลกๆใหม่ๆ ที่จะเข้ามา ทางพวกเราจึงเลือกที่จะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเอง โดยปราศจาคผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องจัดคิวช่างก่อสร้างทุกประเภทเข้ามา ตามลำดับ แต่ต้องมีคู่หูรุ่นพี่ ผู้มากมายความสามารถ คือช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบและทำ คือคุณป๋วย อัครภาคย์ ผู้ที่เป็นทั้ง designer / วิศวะกร / สถาปนิก / model maker / visionary ในคนเดียวกัน เข้ามาช่วยเป็นแรงให้อีกท่าน เป็นบุคคลที่เข้าใจงานออกแบบ งานก่อสร้าง งานเขียนแบบทั้ง 2 มิติและ 3 มิติ ได้ตั้งแต่ระดับมหาภาค ยันระดับน็อตตัวเล็กๆ แถมยังมีความบ้าที่จะท้าทายอะไรแปลกๆใหม่ๆ ได้ไม่แพ้กัน จึงทำให้งานทั้งฝั่งระบบ ฝั่งเครื่องจักร ฝั่งอาคาร ช่วยกันสำเร็จได้อย่างที่ท่านจะได้เห็น เพราะคุณป๋วย มาเป็นผู้ช่วยกันค้ำโปรเจ็คของพวกเราให้เกิดขึ้น พวกเราสนุกกันมาก กับการได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ กันตลอดเวลา


ชีสของจาร์ติซานที่จำหน่ายประจำมีอยู่สิบชนิด เรียงจากเนื้อชีสนุ่ม ไปจนถึงแข็ง มีทั้งรมควัน ปนผลไม้แห้งหอมหวาน หรือบลูที่เป็นมิตร San Paquanburie สันผักหวานบุรีSoft, bloomy-rind,Snow Goat สโนว์ แพะSoft, bloomy-rind,Hidden Agenda ซ่อนกลิ่น
Soft, washed-rind,Ricotta Affumicata รีคอตตา อัฟฟูมิกาตาSemi-soft, smoked,Ricotta Alla Fruitta รีคอตตา อัลลา ฟรุตตา
Semi-soft smoked, flavoured,Syam Is Blue สยาม อิซ บลูSemi-hard, blue,,Saltara Ferari ซอลธารา เฟราริSemi-soft, washed-rind
Saltara Machima ซอลธารา มาชิมะSemi-hard, mountain, washed-rind,Saltara Thera ซอลธารา เถระHard, mountain, washed-rind
Palazzo Di Palma ปาลาซโซ ดิ ปาลมาHard Italian – Grana type,

“เราจะทำชีสได้ ต้องเริ่มด้วยนม จะเป็นนมวัว นมควาย หรือนมแพะก็ได้ จากนั้นต้องมีเชื้อจุลินทรีย์เพื่อให้เกิดกรดแลคติก ซึ่งภาวะกรดจะทำให้เกิดการตกตะกอนโปรตีนในน้ำนม จากนั้นก็จะใส่สารที่เรียกว่าเรนเน็ต ทำให้โปรตีนที่แยกออกมานั้นจับตัวเป็นก้อน ของเหลวที่แยกออกมาคือเวย์โปรตีน จากนั้นคนทำชีสจะเอาก้อนโปรตีนหรือที่เรียกว่าเคิร์ด มาอัดกดเพื่อไล่น้ำออก จากนั้นก็เข้าห้องบ่ม ออกมาเป็นชีส” เส – จารุทัศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กล่าวทิ้งท้าย

สายการบินสตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงเชียงใหม่-ไทเป

สายการบินสตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงเชียงใหม่-ไทเป เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางจากทั่วโลก

ครั้งแรกของสายการบิน “Starlux Airline” สายการบินพรีเมี่ยมสัญชาติไต้หวัน พร้อมเปิดให้บริการแบบ Full Service บินตรงเชียงใหม่ – ไทเป รองรับนักเดินทางที่ต้องการต่อเครื่องไปยัง ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อกระตุ้นการเดินทางระหว่างภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มเม็ดเงินให้หมุนเวียนภายในจังหวัดเชียงใหม่ ตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ที่คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางภายในปี 2567 ประมาณ 6 – 15 ล้านคน และสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 3 – 7 พันล้านบาท

18 มกราคม 2567 – จ.เชียงใหม่: สายการบิน สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ – Starlux Airline บริหารงานโดย “K.W. Chang ผู้ก่อตั้งและประธานสายการบิน STARLUX” สายการบินพรีเมี่ยมสัญชาติไต้หวัน เปิดสำนักงานใหม่ล่าสุด ณ สนามบินเชียงใหม่ เป็นแห่งที่ 2 ต่อจาก กรุงเทพฯ เอาใจตลาดนักท่องเที่ยวเมืองไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด พร้อมบินด้วยเครื่องรุ่นใหม่ทุกเที่ยวบิน อาทิ A330neo, A321neo, A350XWM เสริมทัพด้วยการบริการเหนือระดับพร้อมนำทุกท่านสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย

สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ มาพร้อมจุดเด่นเน้นการให้บริการแก่ผู้โดยสาร โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก และการออกแบบที่เน้นการบริการเรื่องประสาทสัมผัสทั้ง 5 รูป, รส, กลิ่น, เสียง, สัมผัส อาทิ
– รูป และสัมผัส: ห้องโดยสาร ได้รับการออกแบบโดย BMW Designworks ที่สร้างขึ้นจากแนวคิด “สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน” และตกแต่งด้วยโทนสีที่เน้นความหรูหรา สง่างาม
– รส: อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่อง ได้รับการคัดสรรวัตถุดิบ และรังสรรคเมนูจากร้านอาหารชื่อดัง และร้านที่ได้รางวัล Michelin Guide จากประเทศไต้หวัน
– กลิ่น: ห้องโดยสารในแต่ละชั้นโดยสาร จะได้กลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ภายใต้แนวคิด “Home in the Air”
– เสียง: มีเพลงบรรเลงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แต่งโดยศิลปินระดับโลก Peter White

ด้านการบริการ สายการบิน สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ เน้นการบริการแบบ Full Service สามารถโหลดสัมภาระได้ 23 กก. (1 ชิ้น/1 ท่าน) มีการเสิร์ฟอาหาร และเครื่องดื่ม Meal and Beverage on Bord, มีจอส่วนตัว ที่สามารถดูหนัง-ฟังเพลง-เล่นเกมส์-Inflight Entertainment พร้อม Free Wifi ตลอดไฟล์บินอีกด้วย

รองรับนักเดินทางทั้งต้องการบินตรงจาก เชียงใหม่ สู่ ไทเป ประเทศไต้หวัน รวมไปถึงนักเดินทางที่ต่อเครื่องไปยัง ประเทศญี่ปุ่น และประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้ง Los Angeles, San Francisco โดยมีตาราง และราคาแต่ละเที่ยวบินดังนี้
• เส้นทางบิน (Route)
บินตรง (Direct Flight) : เชียงใหม่ – ไต้หวัน (CNX-TPE)
ต่อเครื่อง (Transit) : เชียงใหม่ – ไต้หวัน – อเมริกา ได้แก่ Los Angeles (LAX) / San Francisco (SFO)

• ตารางเที่ยวบิน
1. CNX-TPE-CNX
JX 752 CNXTPE 17.15 – 22.10
JX 751 TPECNX 12.55 – 16.15
2. TPE-LAX-TPE (ให้บริการเที่ยวบินทุกวัน)
JX 002 TPE-LAX 23.40 – 20.30
JX 002 LAX-TPE 00.50 – 0540 +1
3. TPE-SFO-TPE TPE (ให้บริการเที่ยวบินทุกวัน)
JX 012 TPE-SFO 23.50 – 20.05
JX 011 SFO – TPE 0110 – 0535 +1

• เครื่องบิน (Aircraft)
>> บินตรง (Direct Flight) เชียงใหม่ – ไต้หวัน (CNX-TPE)
= A321 Neo ทั้งหมด 188 ที่นั่ง
มี 2 ชั้นโดยสาร
1. ชั้นธุรกิจ (Business) 8 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 2-2
2. ชั้นประหยัด (Economy) 180 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 3-3
>> ต่อเครื่อง (Transit) TPE – USA (LAX/SFO)
= A350-900 ทั้งหมด306 ที่นั่ง
มี 4 ชั้นโดยสาร
1. ชั้นหนึ่ง (First) 4 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 1-1-1
2. ชั้นธุรกิจ (Business) 26 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 1-2-1
3. ชั้นประหยัดพรีเมี่ยม (Premium Economy) 36 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 2-4-2
4. ชั้นประหยัด (Economy) 240 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 3-3-3

• ราคา (Price)
CNX-TPE-CNX เที่ยวบินไป-กลับ รวมทุกอย่าง (ราคาเริ่มต้น)
– ชั้นประหยัด >> 8,115 บาท
– ชั้นธุรกิจ >> 29,115 บาท
CNX-TPE-USA(LAX/SFO) เที่ยวบินไป-กลับ รวมทุกอย่าง (ราคาเริ่มต้น)
– ชั้นประหยัด >> 28,310 บาท
– ชั้นธุรกิจ >> 121,140 บาท

ดูรายละเอียดอื่นๆ ของสายการบิน สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ – Starlux Airline ได้ที่ https://www.starlux-airline.com

“บ้านม่อนฝ้าย “เฮือนล้านนาโบราณพร้อมเปิดบ้านให้เยี่ยมชม หลังจากการปรับปรุงช่วง COVIC 19 ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ณ บ้านม่อนฝ้าย โดยอาจารย์รำพัด โกฎแก้ว และทีมงาน ได้เชิญแขกผู้มีเกียรติ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ บริษัททัวร์ บริษัทนำเที่ยว ตัวแทนสายการบิน ตัวแทนด้านการท่องเที่ยวประเทศอินเดีย และสื่อมวลชน เข้าเยี่ยมชม บ้านม่อนฝ้าย และร่วมรับประทานอาหาร กาดมั่ว และขันโตก พร้อมชมการแสดงแบบลานนา

บ้านม่อนฝ้าย เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมล้านนา ตั้งอยู่ที่ ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษา สืบสาน และเผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมล้านนา มากว่า ๓๐ ปี โดยมีอาจารย์รำพัด โกฎแก้ว นักอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนา เป็นผู้ก่อตั้ง

จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อธุรกิจท่องเที่ยว บ้านม่อนฝ้ายจึงตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของประเทศไทย จึงได้ริเริ่มโครงการ “Cultural Heritage at Monfai” ซึ่งจะมีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการสืบสานวัฒนธรรมล้านนา

โดยโครงการจะประกอบด้วยการเปิดให้บริการ ขันโตกวัฒนธรรม (Cultural Night) กิจกรรมเรียนรู้งานหัตถศิลป์วิถีชีวิตท้องถิ่น และพิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีชาวล้านนา (Lanna Life Museum) เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวสนใจเดินทางท่องเที่ยวมายังประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ สร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอนาคต