ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สำรวจแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งที่ 3 ของจังหวัด บ่อน้ำสมัยพุทธกาล ที่นำไปประกอบพิธีสำคัญและพิธีหลวงหลายครั้ง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ก.พ.นี้ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ พุทธโธ นายอำเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สำรวจบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ขุนน้ำแม่ปิง อำเภอเชียงดาว ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดทำน้ำอภิเษกของจังหวัดในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อให้การจัดพิธีทำน้ำอภิเษกของจังหวัดเชียงใหม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติฯ

จากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ซึ่งเล่าสืบทอดต่อกันมาว่า บริเวณพื้นที่เทือกเขาขุนน้ำแม่ปิง พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดมนุษย์ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เมื่อมนุษย์ทราบก็พากันไปกราบไหว้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ไปรวมกันเข้าเฝ้ากราบไหว้พระองค์ด้วย ในบรรดาสัตว์เหล่านั้นมีพญาช้างเผือก งาแดง เชือกหนึ่ง เกิดศรัทธานำผลไม้เรียกว่า ผลนะ หรือ ลูกสมอ ไปถวายพระพุทธเจ้า ต้นสมอที่พญาช้างเผือกเก็บไปถวายอยู่ที่บริเวณขุนน้ำปิงแห่งนี้ ซึ่งเกิดรอยเท้าช้าง 2 รอย ชาวบ้านเชื่อว่าน้ำที่ไหลผ่านและอยู่ในรอยเท้าพญาช้างเผือก เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ สำหรับขนาดบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ส่วนที่เป็นรอยเท้าทั้ง 2 บ่อ บ่อที่ 1 กว้างประมาณ 63 เซนติเมตร ลึก 52 เซนติเมตร บ่อที่ 2 กว้างประมาณ 64 เซนติเมตร ลึก 61 เซนติเมตร ขุนน้ำแม่ปิงแห่งนี้ถือว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประชากรตำบลเมืองนะ เนื่องจากประชาชนได้นำไปใช้อุปโภคบริโภค ทำเกษตรกรรม กสิกรรมในพื้นที่ตลอดทั้งปี

แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ขุนน้ำแม่ปิง ได้ถูกนำไปประกอบพิธีสำคัญเกี่ยวกับพิธีหลวงหลายครั้ง ซึ่ง 2 ครั้งล่าสุด ได้นำไปประกอบพิธีเสกน้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

รองแม่ทัพภาค 3ระดมฉีดม่านน้ำเพื่อฟอกอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 21 ก.พ.นี้ ที่ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กองบัญชาการณ์ควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า จัดชุดปฏิบัติการออกฉีดพ่นม่านน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและฟอกอากาศในพื้นที่ โดยใช้รถดับเพลิงของ อบจ.เชียงใหม่ และทหารพัฒนา จำนวน 10 คันจอดริมอ่างเก็บน้ำทำการสูบน้ำจากห้วยตึงเฒ่า พ่นขึ้นสู่อากาศ เพื่อให้ละอองน้ำกระจายไปตามทางลมเข้าไปทำความชื้น ซึ่งเมื่อระดมกันฉีดน้ำทำให้เกิดลมเย็นบริเวณนั้นขึ้นทันที


พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า จากที่พบค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นละออง PM10 และปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ของ จังหวัดเชียงใหม่มีแนวโน้มสูงขึ้น จำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ซึ่งกองบัญชาการณ์ควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ได้ร่วมกับส่วนราชการในจังหวัด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันแก้ไขปัญหา

โดยมีแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม โดยภาคพื้นดินได้จัดทำระบบฉีดม่านน้ำเพื่อฟอกอากาศ ในช่วงเวลา 10.00-14.00 น. บริเวณอ่างเก็บน้ำต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ตลอดจนควบคุมสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ให้ลดลงอีกทางหนึ่ง และหากได้ผล ก็จะใช้วิธีการนี้บริเวณน้ำปิงในตัวเมืองเชียงใหม่และน้ำจากคูเมืองเชียงใหม่ โดยไม่ต้องใช้วิธีนำรถบรรทุกน้ำออกไปฉีดพ่น ให้ใช้แหล่งน้ำในจุดๆนั้นเลย//

อุทยานหลวงราชพฤกษ์จัดนิทรรศการ “236 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์”

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) จัดนิทรรศการ “236 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ และเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ได้ทรงสร้างความเป็นเอกราช ความมั่นคง และความเป็นไทย ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนทำให้สยามประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมกับอารยะประเทศ โดยจัดขึ้นที่ อาคารนิทรรศการ 2อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่

เวลา 10.00 น. วันที่ 20 ก.พ.นี้ ที่ อาคารนิทรรศการ 2อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ นางมิ่งขวัญ วิชยารังสกฤษดิ์ ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ “236 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” โดยมีนางสาวรุจิรา ริมผดี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวรายงานการจัดนิทรรศการครั้งนี้เป็นนิทรรศการที่แสดงถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงพระราชอุตสาหะทำนุบำรุงบ้านเมือง ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยในด้านต่างๆ รวมทั้งนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรที่ทรงสืบสานพระราชกรณียกิจ อันนำประโยชน์สุขแก่ปวงชนชาวไทย

โดยภายในบริเวณจัดงานนิทรรศการแบ่งออกเป็น 12 ห้อง ดังนี้ห้องที่ 1 อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤาห้องที่ 2 สงคราม 9 ทัพ สยาม ล้านนา มหากัลยาณมิตรห้องที่ 3 ตั้งกรุงผดุงเอกราชห้องที่ 4-5 ฟูเฟื่องมหานครห้องที่ 6 เมื่อลมเปลี่ยนทิศห้องที่ 7 เรียนรู้วิทยาการ รากฐานสู่อารยะห้องที่ 8 สยามสมัยใหม่ห้องที่ 9 สยามมานุสติห้องที่ 10 ต่างแคว้นแผ่นดินเดียวห้องที่ 11 ศาสตร์พระราชาพัฒนาชาติห้องที่ 12 สืบทอดพระราชปณิธาน

นิทรรศการครั้งนี้มุ่งหวังสร้างการเรียนรู้ ความเข้าใจ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าผ่านนิทรรศการ “236 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. ณ อาคารนิทรรศการ 2 อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

โรงพยาบาลลานนา รับการตรวจประเมินมาตรฐานสถานพยาบาลในโครงการประกันสังคม

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ โรงพยาบาลลานนา นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ และ นพ.ธีระยุทธ นิยมกูล รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา พร้อมทั้งหัวหน้าแผนกทุกฝ่าย ให้การต้อนรับคณะผู้ตรวจประเมิน จากสำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ กลุ่มงานมาตรฐานทางการแพทย์

นำโดย นพ.พลเลิศ พันธุ์ธนากุล ที่ปรึกษาทางการแพทย์ , นางกฤษณา กลิ่นสมิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการพยาบาล และนางกนกนันท์ วิริยานันท์ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ พร้อมทั้งนางสาวลัดดา แซ่ลี้ ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ นำทีมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประกันสังคม จ.เชียงใหม่ ลงพื้นที่เข้าตรวจเยี่ยม เพื่อประเมินมาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์ การพยาบาล เอกสารข้อมูลสถานพยาบาล และมาตรฐานด้านความปลอดภัย รวมทั้งด้านการให้บริการของโรงพยาบาลลานนาทุกระบบ

วัตถุประสงค์ของการตรวจประเมินในครั้งนี้ เพื่อเป็นการตรวจรับรองมาตรฐานสถานพยาบาล ควบคุมการบริการของสถานพยาบาลในระบบประกันสังคม ให้มีความพร้อมในการให้บริการผู้ป่วย และต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานประกันสังคม

 

โดยโรงพยาบาลลานนา ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนในโครงการประกันสังคม ที่มีผู้ไว้วางใจเลือกประกันตนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดเชียงใหม่ มากถึง 150,000 คนแล้วในขณะนี้ จึงจำเป็นจะต้องรักษามาตรฐานในการให้บริการ และปรับปรุงพัฒนาอยู่อย่างเสมอ เพื่อรองรับผู้มาใช้บริการที่มากขึ้นในทุกๆ ปี

สวนสัตว์เชียงใหม่ร่วมกับอุทยานหลวงราชพฤกษ์ร่วมจัดโปรโมชั่น “บัตรเดียว เที่ยวสุดคุ้ม” เที่ยวหอคำหลวง พ่วงดูหมีแพนด้า

เมื่อ เวลา 10.30 น. วันที่ 18 ก.พ.นี้ ที่ ห้องประชุมอาคารสโมสรหมีแพนด้า สวนสัตว์เชียงใหม่นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.อาณดา นิรัตนตรายกุล ผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ แถลงข่าวการจับมือกันระหว่างสององค์กรจัดทำโครงการ “บัตรเดียว เที่ยวสุดคุ้ม” เที่ยวหอคำหลวง พ่วงดูหมีแพนด้า เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่


นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์จ.เชียงใหม่ เผยว่า การจัดทำโครงการส่งเสริมการขายในครั้งนี้โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวและการเรียนรู้ภายใต้โครงการ “บัตรเดียว เที่ยวสุดคุ้ม” เที่ยวหอคำหลวง พ่วงดูหมีแพนด้า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยผู้ใหญ่ ในราคา 175 บาท / เด็ก 110 บาท และสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผู้ใหญ่ ราคา 325 บาท / เด็ก 250 บาท โดยจัดจำหน่ายบัตรให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมและเรียนรู้ในพื้นที่ของ สวนสัตว์ จ.เชียงใหม่และอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในอัตราราคาพิเศษ โดยได้เริ่มใช้โปรโมชั่นนี้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ไปจนถึงวันที่ 15 กันยายน 2562 ที่จะถึงนี้เท่านั้น และถือว่าเป็นโครงการริเริ่มของทั้งสองหน่วยงานเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวและถ้าประสบผลสำเร็จก็จะต่อยอดในการจัดโปรโมชั่นแบบนี้ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ถือเป็นการคืนความสุขให้แก่ประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย


ดร.อาณดา นิรัตนตรายกุล ผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ กล่าวว่าขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ลองมาสัมผัสอุทยานหลวงราชพฤกษ์และสวนสัตว์เชียงใหม่ตามโครงการ “บัตรเดียว เที่ยวสุดคุ้ม” เที่ยวหอคำหลวง พ่วงดูหมีแพนด้า รับรองว่าราคาสุดคุ้มจริงๆ เพราะกิจกรรมของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ มีให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างมากมายจริงๆสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สวนสัตว์ จ.เชียงใหม่ 053 – 358116/www.chiangmaizoo.com หรืออุทยานหลวงราชพฤกษ์ 053 – 114110 – 5 / www.royalparkrajapruek.org.

งานเปิดตัว LOVE OK CLICK 96.75 MHz ปีที่ 9 และศูนย์บริการรถมอเตอร์ไซค์และจักรยานไฟฟ้า โตโยตรอน

น.ส.นัทฤทัย ทวีฤทธิ์กุล กรรมการผู้จักการบริษัทคลิกวันสเตชั่น จำกัด ได้จัดงานเปิดตัว LOVE OK CLICK 96.75 MHz ปีที่ 9 และศูนย์บริการรถมอเตอร์ไซค์และจักรยานไฟฟ้า โตโยตรอน ในสถานที่ตั้งใหม่ สี่แยกหนองหอย หน้าหมู่บ้านศิริวัฒนานิเวศน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ดร.โอกาส เตพละกุล ประธานกรรมการบริษัท โตโยตรอนมอเตอร์ จำกัด และกรรมการบริหารบริษัท ฮาโกเน่ คาเฟ่ เป็นประธานในพิธี เปิดตัว

ภายในงานได้มีพิธีลงนามจอง E-TUK TUK (ตุ๊ก ตุ๊ก 3 ล้อไฟฟ้า) ณ อาคารโตโยตรอน โดยมีสมาชิกและที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของสหกรณ์สามล้อเครื่องนครเชียงใหม่ จำกัด นายประเสริฐ โสภานะ ลงนามทำสัญญาสั่งทำ ตุ๊ก ตุ๊ก 3 ล้อ ไฟฟ้าโตโยตรอน 1 คัน เพื่อใช้วิ่งบริการผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว ในเมืองเชียงใหม่ เพื่อลดมลภาวะตามนโยบายของรัฐบาล

 

รองแม่ทัพภาคที่ 3 ประชุมผู้ว่าฯ 9 จังหวัดภาคเหนือ บังคับใช้กฎหมายห้ามเผาป่าเด็ดขาด

รองแม่ทัพภาคที่ 3 กำชับผู้ว่าฯ 9 จังหวัดภาคเหนือ บังคับใช้กฎหมายห้ามเผาป่าเด็ดขาด โดยตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ พร้อมระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าแก้ไขอย่างเร่งด่วนแบบไม่แบ่งแยกพื้นที่

เมือ เวลา 10.00 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ นี้ที่ สโมสรค่ายกาวิละ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการแถลงแนวความคิดในการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เข้าร่วมประชุม ซึ่งรัฐบาลได้ให้กองทัพภาคที่ 3 จัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าขึ้น เพื่อบูรณาการร่วมกันในการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงในแต่ละพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อบริหารจัดการกำลังและยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ของแต่ละหน่วยงานให้เกิดความสอดคล้องอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งระดมแนวความคิดในการปฏิบัติของแต่ละภาคส่วน โดยใช้กรอบแนวความคิดในการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นละอองเป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งได้กำหนดช่วง 61 วัน ห้ามเผาเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2562 แต่หลังจากปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จึงได้ประกาศงดการชิงเผาอย่างเด็ดขาด ห้ามเผาทุกกรณี ทุกพื้นที่ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น พร้อมกำชับให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เผาในที่โล่งหรือพื้นที่ป่าอย่างเข้มงวด รวมทั้งระดมทุกภาคส่วนทำความสะอาดถนน และฉีดพ่นน้ำสร้างความชุ่มชื้น ตั้งแต่เวลา 05.00 – 06.30 น. และ 14.00 – 15.30 น. บริเวณรอบคูเมืองทุกวัน ขณะเดียวกันยังได้กำชับให้แหล่งกำเนิดมลพิษฝุ่นละอองและฝุ่นควันทั้งบนพื้นถนน ทั้งการก่อสร้างอาคาร การประกอบกิจการอุตสาหกรรมโรงงาน และการประกอบกิจกรรมต่างๆ ต้องไม่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองแพร่กระจาย

 

ด้าน พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 9 จังหวัดภาคเหนือ เข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมาย และย้ำให้ อปท. ผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการสอดส่องดูแลห้ามมีการเผาทุกชนิดอย่างเด็ดขาด ไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นวิถีชีวิตมาตั้งแต่อดีต ซึ่งสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกัน ขณะเดียวกัน ได้ระดมกำลังทหารมาปฏิบัติงานในชุดปฏิบัติการดับไฟป่า และการใช้อากาศยาน (ฮ. MI 17) เพื่อดับไฟป่าในพื้นที่ที่ลำบาก ไม่สามารถใช้เจ้าหน้าที่เข้าไปได้ ซึ่งเป็นการบูรณาการกันระหว่างตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน จะมาแบ่งเป็นจังหวัดไม่ได้แล้ว โดยทหารได้นำกำลังกว่า 500 นาย รวมทั้งยุทโธปกรณ์ ยานยนต์ และอุปกรณ์ดับไฟป่า มาช่วยในแต่ละพื้นที่ที่มีปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยเฉพาะดอยพระบาทในจังหวัดลำปางที่จะลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน เมื่อแก้ปัญหาให้คลี่คลาย แล้วจะประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับช่วงต่อ แล้วจะย้ายไปลงพื้นที่อื่นที่ประสบปัญหาหมอกควันไฟป่า เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์โดยการติดตามประเมินผลตามห้วงเวลาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ไขสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที

 

โดยห้วงเดือน มกราคม – เมษายน ของทุกปี ภาคเหนือตอนบนต้องเผชิญปัญหาหมอกควันเป็นประจำทุกปี ซึ่งต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562ที่ผ่านมา มีค่าจุด Hotspot มากที่สุดในห้วงวันที่ 8-10กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลัก 3 ประการ ได้แก่ ปัจจัยสภาพภูมิประเทศ เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะและมีภูเขาล้อมรอบ ปัจจัยที่สองคือปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยา เนื่องจากอากาศนิ่ง ลมสงบและความกดอากาศสูง ทำให้เอื้ออำนวยต่อการกักตัวของมลพิษ และปัจจัยที่สาม คือ การกระทำของมนุษย์ อาทิ การเผาในที่โล่ง การเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ และเก็บของป่าเพื่อนำมาขาย

โดยการดำเนินแก้ไขปัญหาหมอกควันที่ผ่านมา ได้ใช้มาตรการต่างๆ เป็นแนวทางให้กับหน่วย ในพื้นที่ได้ไปดำเนินการ ซึ่งทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง ด้วยการรณรงค์ สร้างจิตสำนึก การมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน เครือข่ายภาคประชาชน รวมทั้งการร่วมมือกันระหว่างประเทศ แต่เนื่องจากสถานการณ์หมอกควันในห้วงนี้ มีแนวโน้มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้ง กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่3 ส่วนหน้า ขึ้น เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562เพื่อบูรณการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแก้ไขปัญหาเชิงประจักษ์ รวมทั้งวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเพ่งเล็ง เพื่อจัดกำลังและยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ ของแต่ละหน่วยงาน ให้เกิดความสอดคล้องอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งระดมแนวความคิด ในการปฏิบัติของแต่ละภาคส่วน โดยมีกรอบแนวความคิดในการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ดังนี้ปฏิบัติแยก โดยการดำเนินการเป็นพื้นที่จังหวัดพื้นที่ 2 ข้างทาง (ทางหลวง) : กรมทางหลวงพื้นที่ 2ข้างทาง (ทางหลวงชนบท) : กรมทางหลวงชนบทพื้นที่ป่าไม้ และป่าสงวน : สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้พื้นที่ป่าอนุรักษ์: สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ทำกิน: ผู้เข้าใช้ประโยชน์
พื้นที่สาธารณะ/ชุมชน/หมู่บ้าน: ท้องที่/ท้องถิ่น

โดยมีมาตรการหลัก กำหนดห้วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาด, หน่วยดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (ยึดคืนที่ดินทำกิน),มุ่งเน้น พื้นที่เร่งด่วน คือ จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดลำปาง สำหรับมาตรการรอง : ด้วยการบูรณาการหน่วยงานหลักในพื้นที่ (จว./กอ.รมน.จังหวัด, ภ.จว. และ กกล.รส.จว.),การเฝ้าติดตาม/ตรวจสอบ พื้นที่ โดยหน่วย รส.ประจำอำเภอ,ประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการในพื้นที่อำเภอเข้าดำเนินการแก้ไข,มาตรการเสริม : กรณีตรวจพบพื้นที่ไฟไหม้เกินขีดความสามารถใช้กำลัง ร้อย.ทพ./กกล.รส.จว. ที่จัดเตรียมไว้เข้าพื้นที่ ดับไฟ,ใช้ ฮท. ๑๗ (MI 17) ยกหิ้วน้ำ เข้าพื้นที่ ทิ้งน้ำ, ใช้ เครื่องบินทหารอากาศโปรยละอองน้ำในอากาศ, ประสานศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือในการเข้าทำฝนเทียม,ประสาน ปภ.เขต สนับสนุนในพื้นที่วิกฤติทั้งนี้เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์โดยการติดตามประเมินผลตามห้วงเวลาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ไขสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที

ตำรวจทหารล้างเครือข่ายยานรกเชียงดาว

เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ค่ายพิชิตปรีชากร อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท. ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.ได้บูรณาการกำลัง ของตำรวจปราบปรามยาเสพติด ปปส. ทหารกองกำลังผาเมือง ตำรวจภูธรเชียงดาว กองร้อยอาสารักษาดินแดนชียงดาว จำนวนทั้งหมด325 นาย ได้แบ่งกำลังเป็น 7 ชุดปฎิบัติการ เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นและยึดทรัพย์กลุ่มขบวนการเครือข่ายยาเสพติดและฟอกเงินที่ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่โดยเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 23 จุด และเน้นเป้าหมายสำคัฯทั้งหมด 7 จุด เพื่อเป็นการปราบปราบขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่จากชายแดนใกล้แหล่งผลิตและลักลอบลำเลียงจากนอกประเทศเข้าสู่ชั้นใของประเทศไทย ซึ่งได้ทำกันเป็นขบวนการ

โดยเป้าหมายสำคัญมีเป้าหมายที่1 นส.บังอร เลาจาง 197 หมู่7ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.ชียงใหม่ เป้าหมายที่ 2 นายทนงศักดิ์ ภูริบริบูรณ์ บ้านเลขที่134 หมู่7 ต.ปิงโค้ง เป้าหมายที่ 3 นายธวัชชัย เลาจางบ้านเลขที่ 395 หมู่7 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป้าหมายที่ 4 นายปิยะ เลาหาง บ้านเลขที่ เ51 หมู่7 ต.ปิงโค้งเป้าหมายที่ 5 นายปิยะ เลาหาง ไม่มีเลขที่บ้าน หมู่7 ต.ปิงโค้ง เป้าหมายที่ 6 นางลี่ เลาจาง อายุ 52ปี บ้านเลขที่189 หมู่7 ต.ปิงโค้ง เป้าหมายที่ 7 นายมังกร ภูริบริบูรณ์ บ้านเลขที่ 48/2 หมู่7 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ทางตำรวจได้ใช้กฎหมายยาเสพติดทำการยึดบ้านและที่ดินพร้อมรถยนต์รถจักรยานยนต์ไว้ พร้อมทองรูปพรรณจำนวนหนึ่งไว้

ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 11 ก.พ.นี้ค่ายพิชิตปรีชากร อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ต.ต.รุ่งสุริยา เผือกประพันธ์ ผบก.ตชด.ภาค 3และ พร้อมฝ่ายทหารนำโดย พล.ต.วิชิต วงศ์สังข์ ผบ.กองกำลังผาเมืองและพ.อ.อาจิณ ปัทมจิตร ผบ.ฉก.ม.5 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รอง ผวจ.เชียงใหม่ พร้อมฝ่ายปกครอง อ.เชียงดาว ได้ร่วมกกันแถลงข่าวผลการปิดล้อมตรวจค้นและยึดทรัพย์กลุ่มขบวนการเครือข่ายยาเสพติดและฟอกเงินใน อ.เชียงดาว โดยได้นำของกลางทรัพย์สินที่ยึดได้ และยาเสพติดยาบ้าจำนวน 7.3 ล้านเม็ด ไอซ์จำนวน 100 กิโลกรัม พร้อมรถยนต์กระบะโตโยต้า สีเทา ทะเบียน1ฒฒ 3979 กทม. พร้อมจับกุมผู้ต้องหา มีนายวีรชาติ คำวิลาส อายุ 36 ปี และ น.ส.อมรา รุ่งเรือ อายุ 31 ปีที่จับกุมได้ที่ ปั้ม ปตท.หมู่ 1 ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยขนมาจาก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่นำมาแถลงข่าว โดยกลุ่มที่ถูกขยายผลการจับกุม 7 เป้าหมายใหญ่เป็นเครือญาติในกลุ่มเครือข่ายชนเผ่า กันทั้งสิ้นโดยแบ่งหน้าที่กันเป็นฝ่ายการเงิน จัดหา ลำเลียง ถือครองทรัพย์สิน และฟอกเงิน ทำกันเป็นระบบ

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร ได้เผยว่าการขยายผลการตรวจค้นในครั้งนี้มาจากการจับกุมยาเสพติดจำนวน 7.3 ล้านเม็ด และไอซ์ 100 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 2 คน ที่ปั้ม ปตท.หมู่ 1 ต.พระบาท จ.ลำปาง จนมีการขยายผลต้นตอมาจาก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.จึงได้บูรณากำลังเข้าทำการขยายผลปิดล้อมบ้านเครือข่ายของยาเสพติดใน หมู่บ้าน หมู่ 7 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว พร้อมขยาลผลการยึดทรัพย์ และควบคุมตัวมาดำเนินการสอบสวนขยายผลดังกล่าว

พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 ได้เผยว่าสำหรับนนางหลี่ เลาจาง อายุ 50 ปี ชาวเขาเผ่าม้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วันนี้ ได้ทำการยึดบ้านจำนวน 2 หลังไว้พร้อมควบคุมนำมาสอบสวนขยายผล โดยที่ข้างบ้านหลังใหญ่ที่ถ้ำอยู่น่าจะใช้เป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติดโดยนางหลี่ได้ให้การปฎิเสธไม่ได้ค้ายาเสพติด ซึ่งตัวนายบันเทิง แซ่ตั้ง สามีใหม่ เป็นคนค้า และยังมีลูกสาวชื่อนางบังอร เลาจาง ที่เป็นตัวการใหญ่ของเครือข่ายที่ยังหลบหนีอยู่ สำหรับตัวนางหลี่ เลาจาง เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 28 ส.ค. 61 ตนถูกคนร้าย 5 คน หลอกให้มาคุยกันเรื่องเงินที่บ้านปางเปา อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หลังออกมาพบ ก็ถูกคนร้ายล็อกคอ แล้วอุ้มขึ้นรถ โดยไม่ทราบว่าไปที่ไหน เพราะคนร้ายได้ใช้ผ้าปิดตา และมัดมือไพล่หลังเอาไว้โดยกลุ่มคนร้ายได้ติดต่อกับลูกชายให้เอาเงิน 25 ล้านบาทมาไถ่ตัว ระหว่างนั้นทางญาติ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อวางแผนจับกุมกลุ่มคนร้าย โดยวางแผนให้ญาติ ติดต่อคนร้ายต่อรองให้เหลือเงิน 22 ล้านบาท คนร้ายจึงตอบตกลง และได้นัดรับเงินกันในพื้นที่ของ สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โดยนัดรับเงิน เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 4 ก.ย. 61 ที่ผ่านมาสำหรับ นางหลี่ เลาจางมี ลูกสาว คือ นางสาวบังอร เลาจาง อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ที่เคยถูกจับไปแล้วประมาณ 7 คดีใหญ่ ล้วนแล้วแต่เป็นบิ๊กลอตทั้งหมด ซึ่ง ขณะนี้ นางสาวบังอร ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งทั้งตระกูลเลาจาง ทางชุดสกัดกั้น บช.ปส. และตำรวจภูธรภาค 5 นั้น เคยจับเครือข่ายมาแล้ว และทุกครั้งก็จะมีการเชื่อมโยงถึงกันหมด

มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 43 เชียงใหม่ยิ่งใหญ่สวยงาม ตระการตา

เชียงใหม่ปิดเมืองจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 43ยิ่งใหญ่สวยงาม ตระการตา โดยเมื่อเวลา 08.00น. วันที่ 2 ก.พ.นี้ ที่บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ จะมีการปล่อยขบวนแห่รถบุปผชาติจำนวน 21 ขบวน ตกแต่งด้วยดอกไม้สดริ้วขบวนแต่ละคนขบวนมีสวยงาม และในแต่ละขบวนมีการแสดงทางวัฒนธรรมล้านนามีการประกวดขบวนรถบุปผชาติชนะเลิศชิงถ้วยพระราชสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี

โดยมีนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิด ท่ามกลางนักท่องเที่ยวหลายพันคนมารวมชมขบวนแห่ที่จะออกจากเชิงสะพานนวรัฐไปตามถนนท่าแพ ถนนคชสาร ถนนราชเชียงแสนและถนนช่างหล่อระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามตามเส้นทางที่ขบวนเคลื่อนผ่านจะมีการตกแต่งดอกไม้อย่างสวยงาม จนไปสิ้นสุดสถานที่จัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด ที่มีการตกแต่งสวนอย่างสวยงามเช่นกัน

เทศบาลนครเชียงใหม่”รณรงค์ตลาดสะอาด อาหารปลอดภัย เทศกาลตรุษจีน”

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 ณ ตลาดวโรรส นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “รณรงค์ตลาดสะอาด อาหารปลอดภัย เทศกาลตรุษจีน” ที่จัดมาอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเฝ้าระวัง และตรวจสอบความปลอดภัยของอาหารในแหล่งจำหน่ายผัก ผลไม้และอาหารที่นิยมใช้เทศกาลตรุษจีน รวมทั้งสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยของอาหารให้แก่ประชาชนชาวเชียงใหม่และผู้มาเยือน

 

ซึ่งเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายด้านอาหารปลอดภัย ตลาดวโรรส ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ ปศุสัตว์อำเภอเมืองเชียงใหม่ ชมรมตลาดสดน่าซื้อจังหวัดเชียงใหม่ มีกิจกรรมตรวจสารปนเปื้อนในอาหาร ผัก ผลไม้ และตรวจเลือดหาสารเคมีตกค้างแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและมอบส้มมงคลแก่ผู้ร่วมงาน


เทศกาลตรุษจีน เป็นเทศกาลสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนที่จะจับจ่ายซื้ออาหารและผลไม้ เพื่อใช้ประกอบในพิธีไหว้บรรพบุรษ การเลือกสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและปลอดภัย ถือเป็นเรื่องสำคัญ ตลาดจึงเป็นแหล่งรวมอาหาร สินค้าทุกประเภทที่จะนำมาใช้ในเทศกาลตรุษจีน และต้องมีการควบคุมมาตรฐานให้มีความสะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพ