ตามที่รัฐบาลได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้ทุกวันที่ 13 มีนาคม เป็นวันช้างไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของช้างและได้ร่วมกันระลึกถึงช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมือง อีกทั้งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติไทย ปางช้างแม่สาได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของช้างและได้ริเริ่มจัดงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543
โดยใช้ชื่องานว่า “งานส่งเสริมสืบสานสายพันธุ์ช้างไทย” โดยมีรูปแบบการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการจัดบายศรีสู่ขวัญ และเลี้ยงสะโตกอาหารช้าง รวมถึงมีกิจกรรมที่มีประโยชน์และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างช้างกับคนมาโดยตลอด โดยได้จัดงานวันช้างไทยอย่างต่อเนื่องมาทุกปี ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 21 ของการจัดงาน และมีตำนานมาอย่างยาวนานคู่กับจังหวัดเชียงใหม่
โดยปางช้างแม่สาได้ก่อตั้งโดยคุณชูชาติ กัลมาพิจิตร ในปี พ.ศ. 2519 ในปีนี้จึงเป็นปีที่ปางช้างแม่สาจะครบ 45 ปีของการเป็นปางช้างแม่สา ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งเลี้ยงช้างขนาดใหญ่ของประเทศไทย มีจำนวนช้างเลี้ยงรวมทั้งสิ้น 73 เชือก ทั้งเพศผู้ เพศเมีย หลากหลายวัย โดยช้างเหล่านี้อาศัยอยู่ที่ปางช้างแม่สามาอย่างยาวนาน กลายเป็นครอบครัวใหญ่ และกว่า 40 ปีที่ปางช้างแม่สาได้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ได้ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล มีผู้ประกอบการที่มีความเกี่ยวข้องกับปางช้างแม่สามากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับทางด้านการบริหารจัดการปางช้าง ปางช้างแม่สาเคยได้รับมาตรฐานปางช้างจากทั้งกรมปศุสัตว์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถือเป็นเครื่องหมายยืนยันได้ว่าเรามีความเป็นมาตรฐานในทุกๆด้าน และเป็นแหล่งเลี้ยงช้างที่สมบูรณ์ มีบุคลากรทุกแผนกที่จำเป็นต่อการเลี้ยงช้างอย่างครบถ้วน เช่น แผนกควาญช้าง แผนกพืชอาหารช้าง แผนกรักษาช้าง เรามีสัตวแพทย์ จำนวน 3 คน รวมถึงมีคลีนิครักษาช้าง มียา และเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่างๆทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบัน เราเลี้ยงช้างด้วยความรักและเอาใจใส่มาตลอด 40 กว่าปี จึงทำให้เรามีประสบการณ์ กลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องช้างและเราต้องการแบ่งปันสิ่งต่างๆให้กับสังคมไทย
วันช้างไทยในปีนี้จึงเป็นปีที่มีความพิเศษอย่างยิ่ง เนื่องจากปางช้างแม่สา จะทำการเปิดป้าย”ศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา” หรือ Maesa Elephant Conservation Park อันเป็นการเริ่มต้นที่จะพัฒนาปางช้างแม่สาให้ก้าวจากการเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวธรรมดาขึ้นเป็นศูนย์กลางของการเลี้ยงดูช้างเพื่อการอนุรักษ์ ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่บริหารงานโดยภาคเอกชน และมูลนิธิอนุรักษ์ช้างไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อคืนปางช้างแม่สาให้เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน สามารถเข้ามาชมช้างได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดไป
สถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ที่คนกับช้างมาพบกันได้ง่ายขึ้น เพื่อเริ่มต้นผูกสัมพันธ์ มีความรักและความเมตตาต่อกัน อันจะนำไปสู่ความสำเร็จในการอนุรักษ์ช้างไทย และด้วยการสนับสนุนของท่านทั้งหลาย ศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา จะประกอบไปด้วย พิพิธภัณฑ์ โรงพยาบาลช้าง วิทยาลัยควาญช้าง และเธียร์เตอร์ หรือโรงฉายภาพยนตร์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งจะต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล เมื่อสำเร็จแล้ว ศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา หรือ Maesa Elephant Conservation Park จะกลายเป็นไฮไลต์และจุดเช็คอินที่ไม่เหมือนใครของจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งที่ผ่านมาปางช้างแม่สาได้ยกเลิกการแสดงช้าง ยกเลิกการนั่งช้างบนแหย่งช้าง หันมาเริ่มต้นปลดโซ่หรือพันธนาการช้าง และได้ต่อสู้กับวิกฤตการณ์โควิด-19 มาถึง 2 รอบ เพื่อรักษาปางช้างแม่สาให้คงไว้ ก็ขอให้ติดตามการต่อสู้ของทีมงานปางช้างแม่สาจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการช้างไทย เป็น New Normal อย่างแท้จริง
สำหรับกำหนดการงานวันช้างไทย วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม 2564 ที่ปางช้างแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ช่วงเช้ามีพิธีทำบุญ ถวายเพลพระสงฆ์จำนวน 9 รูป พระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์ให้ช้างและควาญ และในเวลา 13.00 น. ทำพิธีเปิดป้าย “ศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา” Maesa Elephant Conservation Park โดยนายชัยณรงค์ นันตาสาย นายอำเภอแม่ริม เป็นประธาน
ในเวลา14.00 น. เปิดงานวันช้างไทยประจำปี 2564 ณ ลานแสดงช้างเดิมของปางช้างแม่สา โดยพิธีมอบเกียรติบัตรให้แก่พนักงานและควาญช้างดีเด่น ของปางช้างแม่สา พร้อมมอบอาหารช้างให้แก่ช้างจำนวน 73 เชือกของปางช้างแม่สา พร้อมเปิดตัวผู้ร่วมสนับสนุน”ศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา” แถลงถึงวัตถุประสงค์และแนวทางการดำเนินงาน การจัดตั้งศูนย์ฯ เพื่อมอบประโยชน์คืนให้สังคมไทย รวมถึงความร่วมมือในการอนุรักษ์ช้างไทย