ศูนย์อนุรักษ์ช้างปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นำปู่พลายบุญเป็ง วัยกว่า 65 ปี เข้าสู่บ้านพักช้างชรา เพื่อพักผ่อนเต็มที่

ศูนย์อนุรักษ์ช้างปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นำปู่พลายบุญเป็ง วัยกว่า 65 ปี เข้าสู่บ้านพักช้างชรา เพื่อพักผ่อนเต็มที่

ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ในปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 28 เมษายน 2568 นางรัตนา ศรีหมอก ผู้จัดการทั่วไปปางช้างแม่สา พร้อมควาญช้างได้นำช้างพลาย ปู่บุญเป็ง วัยกว่า 65 ปี เข้าสู่บ้านพักช้างสูงวัย เพื่อให้ไปอยู่ในความดูแลของทีมงานควาญช้างบ้านพักช้างชรา เนื่องจากเริ่มมีอาการอ่อนล้าและล้มป่วยลงบ่อยครั้ง หลังจากใช้ชีวิตอยู่ตามป่าอย่างเป็นธรรมชาติมานานหลายปี


จากนี้ไปควาญช้างของพลายบุญเป็งจะต้องฝึกในเรื่องการบริบาลช้างสูงวัยตามที่ควรจะเป็น โดยช้างจะมีเวลาพักผ่อน และมีเวลากินมากขึ้น โดยมีสัตวแพทย์แวะเวียนมาตรวจบ่อยขึ้นด้วย ช้างแก่จะได้รับอาหารเสริม กล้วยสุก วิตามินเกลือแร่ต่างๆจนสิ้นอายุขัย
หลังจากที่ปางช้างแม่สาเพิ่งสูญเสียช้างพลายจ่าฝูง”พลายคำหมื่น งาอ้อมจักรวาล”วัย 90 ปี ไปไม่นานนี้ ช้างพลายบุญเป็ง จึงถือว่าเป็นช้างสูงวัยที่รองลงมา สมควรย้ายเข้าสู่บ้านพักช้างชราเพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต


ในเรื่องนี้ทาง นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา และศูนย์อนุรักษ์ช้างปางช้างแม่สา ได้เผยว่า อยากจะทำความเข้าใจให้กระจ่างเรื่องการบริหารจัดการช้างในปางช้างแม่สาที่ตั้งอยู่คู่เมืองเชียงใหม่และยังเป็นสถานที่เลี้ยงช้างมายาวนานจะร่วม 50 ปีแล้ว ฉะนั้นในปางช้างแม่สา จึงมีช้างชราจำนวนมากกว่า 12 เชือก จนปางช้างแม่สา ต้องเปิดโซนช้างสูงวัยขึ้นมา เพื่อที่จะยืดอายุช้างออกไป โดยช้างตามธรรมชาติจะมีฟันจำนวน 6 ชุด พอฟันชุดที่ 6 หลุดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช้างป่าหรือช้างบ้าน การกินอาหารของช้างจะทำได้ยาก ทำให้ช้างนั้นล้มไปในที่สุด ช้างที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากมนุษย์จึงมีสภาพอ่อนแรงอยู่รอความตายอย่างเดียว แต่ที่บ้านพักช้างสูงวัยของเรา มีระบบดูแลในเรื่องอาหารเป็นพิเศษ คือทางเราได้ซื้อเครื่องบดหญ้ามาไว้หลายเครื่องเพื่อบดหรือสับหญ้าให้ช้างกิน ช้างที่มีฟันเหลือน้อย หรือไม่มีฟันเลยก็สามารถที่จะกลืนอาหารที่เราทำขึ้นมาเข้าไป ทำให้ยืดอายุออกไปได้ ทุกเช้าจะมีการบดหญ้าผสมอาหารเม็ดลงไปเพื่อเติมแร่ธาตุวิตามินคลุกเคล้าด้วยกล้วยสุก ทำการแจกจ่ายไปยังคอกของช้าง โดยช้างชราจะกินอาหารอย่างช้าๆ กาละมังหนึ่งใบใหญ่ๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กินแบบกระเด็นไปทั่วเต็มพื้น ทำให้การบริโภคอาหารไม่เต็ม100 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องให้วันละหลายครั้งทุกสองถึงสามชั่วโมงให้ช้างชราได้อิ่มท้อง ไม่เหมือนสมัยที่ฟันยังดีอยู่ ช้างสามารถเคี้ยวอาหารได้ดี จากนั้นเราก็จะสังเกตดูจากมูลช้างในเรื่องการย่อยอาหาร เริ่มต้นบดเคี้ยวจากในปากไปจนถึงระบบลำไส้ว่ามูลช้างนั้นมันมีความละเอียดความหยาบอย่างไร มีการดูดซึมได้ดีไหม


นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ได้กล่าวต่อไปว่า ในบ่ายวันนี้จะมีการย้ายพลายบุญเป็งเข้าไปสู่บ้านพักช้างชรา ที่ผ่านมาช้างเชือกนี้ชอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ไม่เคยเข้าอยู่ในคอกที่มีหลังคามาก่อน จึงต้องเฝ้าดูพฤติกรรมของช้างซักระยะหนึ่ง แต่ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีในการปลดระวางหรือเกษียณอายุการทำงานของพ่อพลายบุญเป็ง ซึ่งทางเราจะต้องมีพื้นที่จัดเตรียมอย่างเพียงพอไว้ให้ช้างที่จะทยอยกันมาอยู่ที่บ้านพักช้างแห่งนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคตอันใกล้นี้

สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ฯ จัดงาน BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย Big Data & AI ครั้งที่ 2 ที่ จ.เชียงใหม่ ผลักดันการใช้ข้อมูลเพื่อยกระดับเมือง สังคม และคุณภาพชีวิตของชาวเชียงใหม่

BDI สานต่อความสำเร็จการจัดงาน “BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย BIG DATA & AI” หนุนขยายองค์ความรู้ด้านข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์ สู่ภูมิภาค เดินหน้าจัดกิจกรรรม ครั้งที่ 2 ณ จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 25 – 27 เมษายน 2568 ระหว่างเวลา 11.00 น. – 19.00 น. ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ โดยเมื่อวันที่25 เมษายน. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในงาน BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย Big Data & AI ครั้งที่ 2

 

สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จัดงาน “BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย BIG DATA & AI” ครั้งที่ 2 ณ จังหวัดเชียงใหม่ เดินหน้าเสริมสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมมุ่งยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวเชียงใหม่ พบกับกิจกรรมการเรียนรู้ Big Data และ AI กุญแจสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยข้อมูลและการตัดสินใจเชิงนโยบายที่แม่นยำผ่านการส่งเสริมการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมทำความรู้จักกับภารกิจของ BDI ที่จะบูรณาการขับเคลื่อนจังหวัดเชียงใหม่ในมิติต่างๆ ตลอดจนกิจกรรมเสวนากับผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายหัวข้อเพื่อการพัฒนาเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืนด้วย Big Data และ AI และร่วมสนุกกับกิจกรรม Edutainment ที่ทั้งสนุกและเติมเต็มความรู้ เข้าร่วมงานได้ฟรี ระหว่างวันที่ 25 – 27 เมษายน 2568 เวลา 11.00 – 19.00 น. ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมในการประยุกต์ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาเมืองในทุกมิติ โดยเชื่อมั่นว่าการใช้ข้อมูลอย่างเป็นระบบและแม่นยำจะช่วยให้การบริหารงานของภาครัฐมีความโปร่งใส ถูกต้อง รวดเร็วและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น


ข้อมูลจะมีคุณค่าอย่างแท้จริงเมื่อสามารถนำมาวิเคราะห์และต่อยอดเพื่อวางแผนรับมือกับความท้าทาย ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว สุขภาพ และการพัฒนาเมืองในระยะยาว จังหวัดเชียงใหม่จึงให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมการใช้ข้อมูลในทุกระดับ เพื่อให้การตัดสินใจของหน่วยงานรัฐมีความแม่นยำ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติม


สำหรับการจัดกิจกรรม BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย Big Data และ AI ขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ จึงนับเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคธุรกิจในการใช้ข้อมูลอย่างสร้างสรรค์ พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า งานครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการยกระดับการพัฒนาเมืองด้วย Big Data และ AI อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป นายแพทย์ธนกฤต จินตวร ผู้บริหารกิจการพิเศษ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ เปิดเผยว่า BDI มีภารกิจสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์การใช้ประโยชน์จากข้อมูล ที่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ มาขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในมิติต่างๆ รวมถึงบทบาทในการส่งเสริมให้เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ Big Data เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกภาคส่วนสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด จึงได้กำหนดจัดงาน BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย BIG DATA & AI เพื่อเป็นกิจกรรมสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ Big Data และ ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
“การจัดงาน BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย BIG DATA & AI ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งนี้ เป็นการจัดงานครั้งที่ 2 หลังจากได้ผลตอบรับอย่างดีจากจังหวัดนครราชสีมา โดยจังหวัดเชียงใหม่ นับเป็นศูนย์กลางของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ทั้งนี้ BDI ได้เข้ามาดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนภายในจังหวัดเชียงใหม่ ในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในหลายๆ โครงการ อาทิ


ความร่วมมือโครงการ Envi Link ของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) กับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.), สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) (สวพส.), สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) และ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จากการสนับสนุนงบประมาณด้วยทุนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ภายใต้การจัดการของ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในช่วงเดือนมีนาคม 2567 – มิถุนายน 2568 เพื่อจัดทำ โครงการพัฒนาระบบบัญชีข้อมูลและต้นแบบการบูรณาการข้อมูลฝุ่น PM 2.5 โดยมีเป้าหมายในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 เพื่อนำไปใช้สนับสนุนการจัดการคุณภาพอากาศอย่างเป็นระบบ

ซึ่งโครงการนี้ได้รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5 ด้วยการจัดเก็บเป็นบัญชีข้อมูล (Data Catalog) พร้อมทั้งให้บริการแดชบอร์ดนำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูลฝุ่นในหลายมิติ โดยมุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือข้าม ภาคส่วน เพื่อป้องกันและลดปัญหามลพิษทางอากาศ นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และในปัจจุบันอยู่ในช่วงการขยายผลอย่างต่อเนื่องโดยได้ร่วมกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในปี 2568 เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการลดฝุ่น PM 2.5 ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนอีกด้วย


ทั้งนี้ โครงการแพลตฟอร์มบริการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับพื้นที่เมืองอัจฉริยะ หรือ Envi Link เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงข้อมูลสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ด้วยการสนับสนุนการวางแผนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม อากาศสะอาด และลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์โดยรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 30 องค์กร มากกว่า 200 ชุดข้อมูลผ่านเว็บไซต์ https://envilink.go.th ซึ่งปัจจุบันแพลตฟอร์ม Envi Link มีผู้เข้าชมเกือบ 50,000 ครั้ง และได้พัฒนาแดชบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมไปแล้วกว่า 15 แดชบอร์ด อาทิ แดชบอร์ดแสดงคุณภาพอากาศจากค่าฝุ่น PM2.5 ย้อนหลัง 24 ชั่วโมง, แดชบอร์ดรายงานตัวชี้วัดการจัดการปัญหาฝุ่นรายจังหวัด, แดชบอร์ดอธิบายการเปรียบเทียบพื้นที่ที่มีการขอใช้ไฟผ่านระบบ Fire-D และพื้นที่เผาไหม้จริงจากภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

นอกจากนี้ BDI ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์ม Travel Link ภายในงานประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของ ททท. ด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา โดยมีผู้ประกอบการการท่องเที่ยว ชุมชนท่องเที่ยว หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมกว่า 50 ราย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และวางแผนการส่งเสริมการตลาดของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศของผู้ประกอบการการท่องเที่ยว รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน และในเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้จัดประชุมและสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านข้อมูลการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเซียงใหม่ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศด้วยการบูรณาการและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยวจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการให้บริการ เช่น ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะด้านการท่องเที่ยวแห่งชาติ (National Tourism Intelligent Platform : Travel Link) เพื่อให้ผู้ใช้งานทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถเพิ่มขีดความสามารถ และสร้างโอกาสด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 1 เชียงใหม่ ภายใต้โครงการ Health Link แพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลทั่วประเทศ ที่ช่วยให้แพทย์สามารถดูประวัติการรักษาได้ทันที สะดวก ง่าย ปลอดภัยด้วยการยืนยันตัวตนของประชาชนและแพทย์ ผ่านการเข้ารหัสข้อมูลและระหว่างจัดส่งข้อมูล รวมถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบัน Health Link มีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศ โดยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลไปแล้วรวมกว่า 10 แห่ง และกำลังขยายให้ครอบคลุมทุกหน่วยบริการในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ ในพื้นที่ สปสช. เขต 1 อีกกว่า 2,000 แห่ง ส่งผลให้ประชาชนเกิดการรักษาแบบไร้รอยต่อ พร้อมพัฒนากลไกการใช้ประโยชน์จากข้อมูล Health Link อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การเชื่อมต่อข้อมูลที่มีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกภาคส่วนต่อไป และยังสามารถตอบสนองนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ทำให้ชาวเชียงใหม่เข้าสู่ระบบสาธารณสุขได้ทุกรูปแบบ และแพทย์สามารถดูประวัติการรักษาข้ามสถานพยาบาลนอกสังกัด ที่ต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยในการตรวจวินิจฉัยที่ซ้ำซ้อน และสามารถได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที

สำหรับกิจกรรม BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย BIG DATA & AI ครั้งที่ 2 เชียงใหม่ ได้นำเสนอนิทรรศการ ในรูปแบบ Interactive ด้าน Big Data และ AI รวมถึงสร้างการรับรู้เกี่ยวกับบทบาทภารกิจของ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ตลอดจนกิจกรรมการบรรยายและการเสวนาพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจากเครือข่ายความร่วมมือในพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง แบ่งปันองค์ความรู้และแสวงหาความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น “การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยี AI เพื่อสิ่งแวดล้อมเมืองเชียงใหม่” โดย ดร.ศรัณธร ภู่สิงห์ หัวหน้าโครงการ Envi Link, ดร.ปฏิภาณ แสงเดือน นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) และ ดร.ประภัสสร พันธ์สมพงษ์ ที่ปรึกษาการวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศโครงการ Envi Link, การเสวนาหัวข้อ “Big Data และวิถีชีวิตคนเมืองเชียงใหม่” โดย รศ. ดร.จักรพงศ์ นาทวิชัย ผู้อำนวยการสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ผศ. ดร.ชาย รังสิยากูล ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.พีรดล สามะศิริ ผู้จัดการโครงการและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลอาวุโส สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) เป็นต้น

 

นอกจากนี้ภายในงาน ยังได้จัดกิจกรรม BDI JOURNEY ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะด้าน Big Data และ AI ผ่านสื่อการเรียนรู้แบบ Interactive ที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้ร่วมสนุกพร้อมรับความรู้จาก BDI โดยผู้สนใจสามารถ เข้าร่วมงาน BDI สัญจร 2025 พลิกโฉมเมืองด้วย BIG DATA & AI ครั้งที่ 2 เชียงใหม่ ได้ฟรีตลอดการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 25 – 27 เมษายน 2568 ระหว่างเวลา 11.00 น. – 19.00 น. ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ สามารถติดตามอัปเดตข้อมูลและกิจกรรมต่างๆ ของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ได้ทางเว็บไซต์ https://bdi.or.th/ และ Facebook: BDI – Big Data Institute

แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล”เปิดบ้านสวนริมลำพูน ให้กัลยาณมิตรเข้าสระเกล้าดำหัว ขอพรเนื่องในประเพณีสงกรานต์ 2568 เพื่อสืบสาน อนุรักษ์ประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ

แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล”เปิดบ้านสวนริมลำพูน ให้กัลยาณมิตรทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมเข้าสระเกล้าดำหัว ขอพรเนื่องในประเพณีสงกรานต์ 2568 เพื่อสืบสาน อนุรักษ์ประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ

เมื่อค่ำวันที่ 23 เม.ย.68 ณ บ้านสวนริมลำพูน แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีพีเอ็น คอลเล็คชั่นส์ จำกัด เปิดบ้านสวนริมลำพูน ให้กัลยาณมิตรสระเกล้าดำหัว ขอพรสืบสานประเพณีสงกรานต์ สืบทอดกันมาแต่โบราณ สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามไทยแต่โบราณซึ่งทำมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 42 โดยมีข้าราชการฝ่ายปกครอง อาทิ นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา,นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน,พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ,นายพิชัย เลิศพงค์อดิศร นายก อบจ. เชียงใหม่,นายธานินทร์ สุภาแสน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง,นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่,นายสิทธิชัย จินดาหลวงอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง

นอกจากนี้ยังมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่,รองผู้ว่าฯลำพูนและเชียงราย ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ตลอดจนนายอำเภอในพื้นที่เชียงใหม่และลำพูน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจและพี่น้องประชาชนลำพูน เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย พะเยา เข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น ด้วยรักและผูกพัน


“แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล” กรรมการผู้จัดการบริษัท วีพีเอ็น คอลเล็คชั่นส์ จำกัด มีประสบการณ์ในงานด้านมวลชน และสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการบริหารจัดการขยะมูลฝอย แบบครบวงจร มานานกว่า 20 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจในด้านการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน โดยการนำมาใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า นอกจากการทำธุรกิจแล้ว แม่เลี้ยงวรรณียังได้ช่วยเหลือสังคมและสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ส่วนรวมและประเทศชาติอีกหลายโครงการด้วย.

พรรคก้าวอิสระ โดยนางสาวกชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก หัวหน้าพรรคฯ จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 พรรคก้าวอิสระ ครั้งที่ 1/2568 โ

20 เม.ย.68) พรรคก้าวอิสระ โดยนางสาวกชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก หัวหน้าพรรคฯ จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 พรรคก้าวอิสระ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี ผศ.ดร.บุญส่ง ชเลธร รองหัวหน้าพรรคก้าวอิสระ เป็นประธานเปิดการประชุม และนายมาโนช อุณหกาญจน์กิจ รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค ประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก ณ ห้องประชุม โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่

ในการประชุมครั้งนี้มีวาระการประชุมที่สำคัญ คือการเลือกตั้ง-แต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และแต่งตั้งผู้รับผิดชอบศูนย์ประสานงานของพรรค ในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยโดยผลการเลือกตั้ง-แต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้แก่หัวหน้าพรรคก้าวอิสระนางสาวกชพร เวโรจน์

มี 1.รองหัวหน้าพรรคฯนายมาโนช อุณหกาญจน์กิจ2.รองหัวหน้าพรรคฯนส.อภิภาวดี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา3.รองหัวหน้าพรรคฯ
นายบุญส่ง ชเลธร4.รองหัวหน้าพรรคฯนายอัษฏา พันธุ์วิชาติกุล5.รองหัวหน้าพรรคฯนายไพโรจน์ อัครหิรัญภักดิ์6.รองหัวหน้าพรรคฯนางณัฐฐานันท์ ดวงมาลย์
7.รองหัวหน้าพรรคฯนายเขมธนวัฒน์ ชูชาติวงศ์สกุล8.รองหัวหน้าพรรคฯนายเอกณัฏฐ์ เรืองเดชธนาวุฒิ9.รองหัวหน้าพรรคฯนายธาวิน พี.เซียวตง10.รองหัวหน้าพรรคฯนายจำรูญวิทย์ จันนรานนท์11.รองหัวหน้าพรรคฯนายณัฐพล ทองคำ12.รองหัวหน้าพรรคฯนายกิตติวินท์ แก้วคำภา เลขาธิการพรรคนายชาญชัย โตพฤกษาเหรัญญิกพรรคน.ส.ลภัสนันท์ หมื่นจิตย์ นายทะเบียนพรรคฯนายรุ่งโรจน์ รุ่งณรงค์รักษ์ โฆษกพรรคฯนายวีรพงษ์ ผ่องอำพรกรรมการบริหารพรรคฯ1.นายนเรศร์ เกิดดี2.นายโชคชัย ตันประเสริฐ3.น.ส.ฐิติพร ประวัติศรีชัย4.นายธเนศร์ พิทักษ์วงศ์สกุล

ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 นางสาวกชพร เวโรจน์ มาดามหยก หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ กล่าวว่า พรรคได้ให้การสนับสนุนผู้สมัคร “นายการย์วิชญ์ วงษ์ทอง” ผู้สมัครหมายเลข 4 เป็นนายกเทศมนตรี พร้อมส่งผู้สมัคร ส.ท. ครบทั้ง 4 แขวง 24 คน โดยมีการเสนอ นโยบายเร่งด่วน เร่งแก้ปัญหาเพื่อเมืองเชียงใหม่ ได้แก่

1.การมีส่วนร่วมของคนเชียงใหม่ทุกด้าน สร้างความมั่นคงในคุณภาพชีวิต คุมเข้ม กวดขันลดอาชญากรรม

2.สิ่งแวดล้อม ความสวยงามของเมืองเชียงใหม่ ถนนท่อที่เรียบปลอดภัย เร่งแก้ปัญหาฝุ่น ควันพิษมลภาวะ ส่งเสริมพลังงานสะอาด

3.แก้ปัญหาเศรษฐกิจ การว่างงาน ในจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มรายได้เข้าสู่จังหวัด อย่างยั่งยืน

4.เร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข ให้คนเชียงใหม่เข้าถึงบริการสาธารณสุข โดยทั่วถึง เท่าเทียมกัน ทุกเพศ ทุกวัย

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก้าวอิสระ ก้าวไปด้วยกัน เพื่อนครเชียงใหม่ ภายใต้การนำของ นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ ประธานชมรม Change Together เปลี่ยนไปด้วยกัน มุ่งขับเคลื่อนและส่งเสริมสนับสนุนความหลากหลายทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ทีมก้าวอิสระหรือ Indy Team โดยคัดเลือกตัวแทนจากความหลากหลายกลุ่มอาชีพ เพศ อายุ เข้าร่วมชิงนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ ครบทั้ง 4 แขวง พร้อมผลักดันนโยบายหลัก 6 ด้าน ของสีรุ้งสามประสานคือ วัยรุ่นคิดสร้างสรรค์ วัยทองเปี่ยมประสบการณ์ วัยทำงานเชี่ยวชาญอาชีพ

สำหรับตัวแทนของทีมก้าวอิสระ ได้ส่งผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ คือ “การย์วิชญ์ วงษ์ทอง” รองประธานมูลนิธิเอ็มพลัส อดีตเลขาธิการสมาคมเสริมสวยแห่งประเทศไทยภาคเหนือ อดีตอุปนายกสมาคมไทยล้านนาสปา อีกทั้งเคยดำรงตำแหน่งองค์กรภาครัฐและเอกชนอีกมากมาย จบการศึกษาบริหารธุรกิจบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถือเป็นบุคคลที่มีอุดมการณ์และมีประสบการณ์หลากหลายวิชาชีพ เพื่อจะพัฒนาท้องถิ่นสู่ความยังยืน อีกทั้งมีความตั้งใจที่จะนำความรู้มาใช้ในการพัฒนาเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองแห่งความสุขอย่างแท้จริง

”ก้าวอิสระ“ มีจุดยืนที่ชัดเจน คือทุกคนจะต้องก้าวเดินอย่างอิสระ ทั้งความคิด เปิดโอกาสให้คนทุกลุ่ม ทุกเพศ ทุกอาชีพได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่และพร้อมเดินหน้ารับใช้พี่น้องชาวนครเชียงใหม่

ชาวเชียงใหม่ เปิดประวัติศาสตร์ระดมช่างฟ้อนกว่า 10,000 คน ร่วมบันทึกสถิติโลก Guinness World Records สำเร็จทำลายสถิติ 7,218 คน เฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 729 ปีแห่งการสถาปนาเมืองเชียงใหม่

ชาวเชียงใหม่ เปิดประวัติศาสตร์ระดมช่างฟ้อนกว่า 10,000 คน ร่วมบันทึกสถิติโลก Guinness World Records สำเร็จทำลายสถิติ 7,218 คน เฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 729 ปีแห่งการสถาปนาเมืองเชียงใหม่

เย็นวันที่19 เม.ย. 68ที่ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายวีรพงษ์ ฤทธิ์รอด และนายศิวะกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการสร้างปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ และองค์กรเครือข่ายทั่วทั้งจังหวัด นำช่างฟ้อนกว่า 10,000 คน ร่วมแสดงการฟ้อนเล็บอัตลักษณ์ตามแบบคุ้มพระราชชายาเจ้าดารารัศมีอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยใช้พื้นที่รอบตัวเมืองเชียงใหม่ตั้งแต่ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ เชื่อมต่อไปยังถนนต่างๆ รอบคูเมืองด้านในเพื่อร่วมสร้างประวัติศาสตร์ในการบันทึกสถิติโลกของ Guinness World Records


.
โดยผู้ร่วมแสดงจะต้องทำการแสดงตามกฎและหลักเกณฑ์ที่ทาง Guinness World Records กำหนด คือ จะต้องทำการแสดงภายในเวลาที่กำหนดและต้องทำการแสดงตามท่าฟ้อนที่ได้อนุมัติไว้ล่วงหน้าแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ สถิติล่าสุดที่ทาง Guinness World Records ได้ทำการบันทึกไว้คือเป็นการแสดงเต้นพร้อมกันเป็นจำนวน 5,255 คน

 

 


.
ภายหลังเสร็จสิ้นการแสดงฟ้องเล็บอัตลักษณ์ตามแบบคุ้มพระราชชายาเจ้าดารารัศมี คณะกรรมการ Guinness World Records ได้ทำการรวบรวมผลคะแนนการตัดสินเป็นระยะเวลากว่า 30 นาที ก่อนออกมาประกาศผลว่า “จังหวัดเชียงใหม่ ได้ถูกบันทึกสถิติโลก Guinness World Records The Leargest Thai Dance จำนวน 7,218 คน ” ทุบสถิติเดิมที่เคยบันทึก 5,255 คน พร้อมมอบใบรับรองให้กับจังหวัดเชียงใหม่เป็นการจารึกสถิติอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการประกาศศักดิ์ศรีวัฒนธรรมล้านนา ให้โลกได้ประจักษ์ผ่านพลังความร่วมมือของคนทั้งเมือง พร้อมส่งต่อความงดงามนี้สู่สายตานานาชาติ
.

บิ๊กซี สืบสานประเพณีสงกรานต์ ร่วมผลักดันสู่เฟสติวัลระดับโลก จัดแคมเปญ “สาดสนุกรับสงกรานต์ที่บิ๊กซี” อัดโปรฉ่ำ ลดสูงสุด 50% กระตุ้นการเดินทางนักท่องเที่ยวไทย – ต่างชาติ คาดยอดขายโตกว่า 2,132 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ที่บิ๊กซีเชียงใหม่ 2 (บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า เชียงใหม่ศาลเด็ก) นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน “บิ๊กซี สืบสานประเพณีสงกรานต์” โดยมีนายสรนุช พิมสาลี ผู้จัดการบิ๊กซีเชียงใหม่ 2 กล่าววัตถุประสงค์ พร้อมมีพิธีรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุโดยมีหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม

บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ จัดแคมเปญ “สาดสนุกรับสงกรานต์ที่บิ๊กซี” ขนทัพสินค้ารวมกว่า 1,000 รายการ พร้อมชูไฮไลต์โปรโมชันลดสูงสุด 50% ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2568 ที่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์

 

นายสรนุช พิมสาลี ผู้จัดการบิ๊กซีเชียงใหม่ 2 กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ บิ๊กซี มีความตั้งใจเผยแพร่ประเพณีอันงดงาม สะท้อนถึงเสน่ห์ของความเป็นไทยอันทรงคุณค่า ผ่านแคมเปญ “สาดสนุกรับสงกรานต์ที่บิ๊กซี” เพื่อป็นส่วนหนึ่งของพลังซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย พร้อมร่วมผลักดันเทศกาลสงกรานต์สู่เฟสติวัลระดับโลก และเป็น Global Summer Destination จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือนในช่วงซัมเมอร์

 

นายสรนุช พิมสาลี ผู้จัดการบิ๊กซีเชียงใหม่ 2 กล่าวเสริมว่า เราพร้อมส่งมอบความสุข สนุกสนาน และความชุ่มฉ่ำ ให้กับลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่ไทยไปด้วยกัน โดยปีนี้เราจัดกิจกรรมพิธีเปิดงานสงกรานต์พื้นเมือง ที่บิ๊กซี 10 สาขาหัวเมือง ร่วมกับองค์กรภาครัฐส่วนท้องถิ่น พร้อมร่วมส่งมอบน้ำดื่มให้กับกรมทางหลวง เพื่อแจกจ่ายประชาชนตามเส้นทางเดินทางหลักสู่หัวเมือง นอกจากนี้ บิ๊กซี ได้เตรียมจุดบริการสถานีเติมน้ำสำหรับเล่นสงกรานต์ให้กับลูกค้าและนักท่องเที่ยว กว่า 100 จุด ในทุกหัวเมืองทั่วไทย ที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และบิ๊กซี มินิ ในจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, พัทยา, หาดใหญ่, ภูเก็ต และอีกหลายสาขาทั่วประเทศ พร้อมทั้งจัดเตรียมจุดถ่ายรูปเช็คอินสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ที่ตกแต่งในรูปแบบและบรรยากาศของศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย โดยมุ่งหวังเพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวสู่เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าแคมเปญครั้งนี้ จะสร้างความคึกคักในการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า รวมถึงสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตกว่า 2,132 ล้านบาท อย่างแน่นอน

 

บิ๊กซี ตั้งใจคัดสรรสินค้าที่มีความหลากหลาย คุณภาพดี ในราคาสุดประหยัด ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า ชุดสังฆทาน อุปกรณ์เล่นน้ำ เสื้อผ้าคอลเลกชันสงกรานต์ และอาหารพร้อมทานสำหรับสังสรรค์ รวมทั้งกิจกรรมและโปรโมชันสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งก่อนและหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ “ทัวร์ริสท์ เดสติเนชัน” (Tourist Destination) ทั้งยังมอบสิทธิพิเศษอีกมากมาย ซึ่งถือได้ว่ามาที่เดียวครบจบทุกความต้องการ

 

พิเศษ !!! พบกับโปรโมชันสุดฉ่ำ ฉลองสงกรานต์ ดังนี้
• คุ้มที่ 1 : สินค้าและโปรโมชันส่วนลดจัดเต็มจากหลากหลายพันธมิตรคู่ค้า ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า ชุดสังฆทาน อุปกรณ์เล่นน้ำ เสื้อผ้าคอลเลกชันสงกรานต์ และอาหารพร้อมทานสำหรับสังสรรค์
กว่า 1,000 รายการ พร้อมโปรโมชันจัดเต็ม รับฟรี สินค้าพิเศษหลากหลายรายการ คูปองส่วนลด และรางวัลพิเศษสำหรับผู้ที่มียอดซื้อสะสมถึงจำนวนที่กำหนด
• คุ้มที่ 2 : เพียงช้อปที่ บิ๊กซี มินิ ครบ 200 บาทขึ้นไปต่อบิล / วัน ครบ 5 ครั้ง รับคูปองแทนเงินสดมูลค่า 80 บาท
• คุ้มที่ 3 : พลาดไม่ได้ แลกซื้อไอเทมสำหรับช่วงซัมเมอร์และสงกรานต์ อาทิ กระติกเก็บความเย็น, สินค้าอาหารทานเล่นสำหรับสังสรรค์ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่น ๆ อีกมากมายในราคาพิเศษ
• คุ้มที่ 4 : พิเศษสำหรับลูกค้าบิ๊กพอยต์ แลกสุดคุ้ม คะแนน 1 พอยต์ รับ 1 บาท

 

ขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่าน ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์และช้อปสินค้าคลายร้อน ในแคมเปญ “สาดสนุกรับสงกรานต์ที่บิ๊กซี” ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2568 ที่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ พิเศษ! สมาชิกบิ๊กพอยต์ “สุขไปกันใหญ่ บิ๊กพอยต์ แต้มความสุข แลกง่ายได้ทุกวัน” ยิ่งสะสมมากยิ่งได้มาก ทุกการใช้จ่าย 25 บาท = 1 คะแนน ใช้คะแนนแลกรับส่วนลดทันที เช็กโปรโมชันดีๆ ได้ทุกวันที่ บิ๊กซี.

หยก ปนันรัตน์ “เพื่อเชียงใหม่”คว้าเบอร์1 ชิงเก้าอี้นายกนครเชียงใหม่พร้อมลุยหาเสียงเต็มที่

หยก ปนันรัตน์  วิริยะกุลศานต์ จับเบอร์ได้หมายเลข1 ดีใจจะเดินหน้าเพื่อเชียงใหม่พร้อมกับพิสูจน์ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในจังหวัดเชียงใหม่หรือประเทศไทย ให้รู้ว่าเราทำงานได้จริงและสามารถทำงานร่วมกับทุกพรรคได้

หยก ปนันรัตน์  วิริยะกุลศานต์ เผยว่า พร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก วอนอย่ามองว่าเราคือสีอะไรพรรคการเมืองไหน อยากให้ดูความตั้งใจของผู้สมัครที่ต้องการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ ให้ดี

ด้านความมั่นใจในการลงสมัครครั้งนี้ ความตั้งใจในการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ ให้มีเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น อีกครั้ง ให้เมืองน่าอยู่น่าเที่ยว และน่าลงทุนหากได้ตำแหน่งในครั้งนี้นโยบายแรกที่จะขับเคลื่อนคือ เทศบาลนครฯ ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนเป็นหลัก เรื่องเร่งด่วนคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน ในเขตเทศบาลนครฯ ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น อาทิสวนสาธารณะ การขนส่งสาธารณะ เป็นต้น และอยากให้ทุกคนเป็นแรงผลักดันกลุ่มเพื่อเชียงใหม่ ที่อยากทำเพื่อเมืองเชียงใหม่จริงๆ ได้มีโอกาสมาพัฒนาเมือง

ทั้งนี้ ปัญหารอบคูเมืองถ้าหากได้ตำแหน่งจะมีวิธีจัดการยังไงมองว่าถนนรอบคูเมืองเป็นการร่วมมือหลายหน่วยงาน ต้องคุยกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา มีไทม์ไลน์ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ อยากจะให้ส่วนไหน เข้ามาเร่งรัด ช่วยให้ทำถนนดีขึ้น

 

ทีม “  เพื่อเชียงใหม่” ทุกคนรักประชาชนคนเชียงใหม่ ขอโอกาสได้ทำเพื่อเมืองเชียงใหม่ พร้อมกับพิสูจน์ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในจังหวัดเชียงใหม่หรือประเทศไทย ให้รู้ว่าเราทำงานได้จริงและสามารถทำงานร่วมกับทุกพรรคได้

มาดามหยก กชพร เวโรจน์ หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ ลุยเชียงใหม่ หนุนเบอร์ 4 โชว์ 4 นโยบายเร่งด่วน เร่งแก้ เพื่อคนเมือง

มาดามหยก กชพร เวโรจน์ หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ ลุยเชียงใหม่ หนุนเบอร์ 4 โชว์ 4 นโยบายเร่งด่วน เร่งแก้ เพื่อคนเมือง

– การมีส่วนร่วมของคนเชียงใหม่ทุกด้าน สร้างความมั่นคงในคุณภาพชีวิต คุมเข้มกวดขันลดอาชญากรรม
– สิ่งแวดล้อม ความสวยงามของเมืองเชียงใหม่ ถนนท่อที่เรียบปลอดภัย เร่งแก้ปัญหาฝุ่น ควันพิษมลภาวะ ส่งเสริมพลังงานสะอาด
– แก้ปัญหาเศรษฐกิจ การว่างงาน ในจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มรายได้เข้าสู่จังหวัด อย่างยั่งยืน
– เร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข ให้คนเชียงใหม่เข้าถึงบริการสาธารณสุข โดยทั่วถึง เท่าเทียมกัน ทุกเพศ ทุกวัย

 

 

“ก้าวล้ำ นำสมัย แต่ไม่ก้าวร้าว”
ประเทศไทย ไม่ได้เป็นของคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ขอเชิญคนไทยทุกเพศ ทุกวัย หลากหลายสาขาอาชีพ มาIndyไปด้วยกันอย่างอิสระ(Independent) เปลี่ยนพลังเงียบ เป็นพลังขับเคลื่อนอันทรงพลัง ร่วมพลิกโฉมประเทศไทย สร้างความเปลี่ยนแปลงดีๆ ไปด้วยกัน

“Step Forward, Modern, Support Soft Power by being Respectful and Integrity”

#มาดามหยก
#TransformThailand
#ก้าวล้ำนำสมัยแต่ไม่ก้าวร้าว
#ChangeTogether
#มาINDYไปด้วยกัน
#Indyกันได้ทุกเพศทุกวัย
#เปลี่ยนพลังเงียบเป็นพลังขับเคลื่อนอันทรงพลัง
#Modernbybeingrespectful
#INDYteam

 

 

 

 

“เหมา” สร้างเมืองพรรคประชาชนส่ง เหมา-ธีรวุฒิ แก้วฟอง แก้มือ ท้าชิงตำแหน่งนายกเล็กเชียงใหม่

อยอดจากความสำเร็จในเวที อบจ.ลำพูน พรรคประชาชนเดินหน้าสู่สมรภูมินายกเล็ก ขับเคลื่อนแคมเปญ “เทศบาลเพื่อประชาชน” ส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรี 16 เทศบาลนคร จาก 14 จังหวัดทั่วประเทศ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล-นายกเทศมนตรี วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นี้ ปักหมุดเชียงใหม่ หนึ่งในสมรภูมิสำคัญของภาคเหนือ ส่ง “เหมา” ธีรวุฒิ แก้วฟอง นักธุรกิจและอดีตข้าราชการนักประสานสิบทิศลงชิงชัย

สำหรับประวัติของ เหมา-ธีรวุฒิ แก้วฟอง (48 ปี) หรือที่หลายคนคุ้นหูในชื่อ “พี่เหมา” จากการเป็น “นักประสานมือทอง” ผู้คร่ำหวอดในวงการราชการ มากว่า 20 ปี และโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจและกิจกรรมเพื่อสังคมมากว่า 10 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ (การเมืองการปกครอง) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (สิงห์ขาว 32) และปริญญาโทสาขาและมหาวิทยาลัยเดียวกัน เหมา-ธีรวุฒิ เริ่มต้นทำงานที่สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ กระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2544 ทั้งยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์คราฟท์เบียร์แบรนด์แรกของภาคเหนือ My Beer Friend (2560) และดำรงตำแหน่งอนุกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร (2564) โดยในศึกเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ ได้รับมอบหมายจาก “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” ให้ดูแลสมรภูมิเลือกตั้งในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคประชาชน (2568)

ความที่มีประสบการณ์แบบคลุกวงในทั้งในฐานะข้าราชการและนักธุรกิจ ไม่เพียงเหมาจะเข้าใจกลไกการบริหารงานระดับท้องถิ่น และช่ำชองในการประสานงานร่วมระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน หากยังทำให้เขาตระหนักถึงข้อจำกัดและความท้าทายของระบบราชการที่ผ่านมา จึงตัดสินใจนำประสบการณ์ที่มีมาตั้งกลุ่ม “เชียงใหม่กว่า” ร่วมกับคณะก้าวหน้า เมื่อปี 2564 เพื่อร่วมขับเคลื่อนข้อเสนอจากภาคประชาชนสู่รัฐ และหาวิธีการทำงานร่วมกันเพื่อการพัฒนาเมือง และลงสมัครท้าชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เมื่อปี 2564 แต่เนื่องจากเป็นการลงชิงชัยครั้งแรก เขาพบกับความพ่ายแพ้ ได้เพียงลำดับที่ 3 ไม่มีโอกาสได้เข้าไปบริหาร “เทศบาลเจดีย์ขาว”

ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ปี 2568 นี้ เหมากลับมาอีกครั้งในเสื้อสีส้มของ “พรรคประชาชน” เขาหมายมั่นนำประสบการณ์ของเขามาช่วยพัฒนาเมือง ภายใต้แคมเปญ “รับ ‘เหมา’ สร้างเมือง” โดยตั้งใจทำให้เมืองเชียงใหม่ “อยู่ม่วน” ผ่านการสร้างเมืองให้เป็นเมืองสิ่งแวดล้อมดี พร้อมรับมือกับฝุ่น pm2.5 เมืองจัดการขยะ เมืองจัดการน้ำ และเมืองที่ปลอดภัย

ขณะเดียวกัน เชียงใหม่ ต้อง “กิ๋นดี” ขึ้น โดยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ดันธุรกิจใหม่ ส่งเสริมผู้ประกอบการ ปรับปรุงและสร้างพื้นที่สาธารณะที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มคน และที่ขาดไม่ได้คือการแก้ไขปัญหาถนน ทางเท้า และตรอกซอกซอย รวมทั้งจัดทำระบบขนส่งมวลชนของเมือง ให้เป็นเมืองที่คล่องตัว

สุดท้ายคือ เชียงใหม่ต้องอยู่อย่าง “มีสุข” เป็นเมืองสุขภาพดี ดูแลเด็กและผู้สูงอายุ ส่งเสริมการศึกษาที่หลากหลายตอบโจทย์เมือง และได้รับสวัสดิการต่างๆ ที่ครอบคลุม ตามอำนาจหน้าที่ของเทศบาล ทั้งนี้ จะสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมทุกระดับ ที่ทำให้เมืองเชียงใหม่ “อยู่ม่วน-กิ๋นดี-มีสุข” และ เป็นของประชาชนชาวเทศบาลนครเชียงใหม่ทุกคนอย่างแท้จริง

 

 

นายอัศนี บูรณุปกรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กลุ่มเพื่อไทยนำทีมกราบไหวัสัการะองค์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย ณ เชิงดอยสุเทพ

หน่อย” นายอัศนี บูรณุปกรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กลุ่มเพื่อไทย ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ หมายเลข 3 พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ เบอร์ 7 – 12 ทั้ง 4 แขวง ได้ถือฤกษ์เอาชัย เวลา 09.00 น. ได้เดินทางไปกราบไหวัสัการะองค์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย ณ เชิงดอยสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากเมื่อวานนี้ได้ลงสมัครเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นวันแรกที่จะได้เริ่มการออกหาเสียง หลังกราบไหว้ขอพรได้แยกย้ายกันลงพื้นที่ทันที

“หน่อย” นายอัศนี บูรณุปกรณ์ กล่าวว่า ยืนยันถึงความพร้อมที่จะอาสาเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่นครเชียงใหม่ในนามของ “พรรคเพื่อไทย”  เพื่อสานงานต่อและก่องานเพิ่ม” พัฒนานครเชียงใหม่ในทุกมิติ  “เชียงใหม่ ใหม่กว่าเดิม” เพื่อพี่น้องประชาชนนครเชียงใหม่ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นพร้อมพัฒนาเมืองยังต่อเนื่อง การพัฒนาท้องถิ่นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น “เศรษฐกิจ การศึกษา การบริการสาธารณะ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” โดยจะยึดหลักการเปิดกว้างและโปร่งใสในการบริหารจัดการ พร้อมเร่งดำเนินการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ ให้เป็นเมืองที่สมบูรณ์และยั่งยืน เพราะเชียงใหม่ไม่ได้เป็นแค่เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเท่านั้น ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยโอกาสในการพัฒนาและเติบโต “เราจะไม่หยุดนิ่งในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับเชียงใหม่” มุ่งมั่นที่จะทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีความทันสมัย ควบคู่กับการรักษาความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมที่งดงาม เพื่อให้ “เชียงใหม่ใหม่เสมอ” ในทุกยุคทุกสมัย

ผมมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะขออาสาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการรับใช้พี่น้องประชาชนต่อ  โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ในนาม “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ผมได้ทำงานพัฒนาเมืองเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่เป็นหลักตลอดมา ผมเชื่อมั่นว่าการประสานงานกับทางอบจ.เชียงใหม่และส่งเสริมจากรัฐบาล ในนาม “พรรคเพื่อไทย” เพื่อส่งเสริมผลักดันและแก้ไขในปัญหาต่างๆ จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้พร้อมกลับมาทำงาน ผมขออาสารับใช้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง ผมจะทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดความสามารถ เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ ที่ผมตั้งใจไว้ให้เป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อสร้างอนาคตให้ดียิ่งขึ้น  ตามวิสัยทัศน์ของผมที่ว่า  “เชียงใหม่ใหม่เสมอ” เพราะเมืองเชียงใหม่ไม่เคยหยุดนิ่ง วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะพัฒนาเชียงใหม่ อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม นายอัศนี กล่าว

ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกท่านสนับสนุนการร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับจังหวัดเชียงใหม่ของเรา ด้วยการเลือก “พรรคเพื่อไทย” ในเขตการเลือกตั้งทั้ง 4 เขตยกทีม พร้อมขอให้พี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลนครชาวเชียงใหม่ ร่วมกันแสดงพลังออกมาใช้สิทธิ์ ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่และสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ ในวันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม 2568 นี้.

นายนพดล สุยะ ผอ.กกต.เชียงใหม่ สรุปจำนวนวันแรกของการเปิดรับสมัครเทศบาล จำนวน 121 แห่ง รายงานการรับสมัครวันที่ 31 มีนาคม 2568 ผู้สมัคร นายกเทศมนตรี จำนวน 219 ราย และผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล จำนวน 3178 ราย รวม 3397 ราย