รพ.หริภุญชัยฯ ร่วมกับ รพ.ศุภมิตร คืนแสงสว่างให้ผู้สูงวัย!! เปิดหน่วยผ่าตัดรักษาต้อกระจกครบวงจร เพื่อชาวลำพูนและประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ที่โถงหน้าตึกโรงพยาบาลหริภุญชัย ราม หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มอบหมายให้ นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) เปิดหน่วยผ่าตัดต้อกระจกภาคเหนือ ในชื่อโครงการ “โลกสวย ตาใส ข้าราชการไทยไร้ต้อกระจก” ระหว่าง นายแพทย์วัชระ สนธิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลหริภุญชัย เมโมเรียล จำกัด นายแพทย์ณัฐพล สนธิชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หริภุญชัย ราม และ นายแพทย์เมธ โชคชัยชาญ ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลศุภมิตร จำกัด(มหาชน) จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้ลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ พร้อมเปีดหน่วยผ่าตัดรักษาต้อกระจกภาคเหนือ โดยมีหัว นายวรยุทธ เนาวรัตน์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายโยธิน ประสงค์ความดี ปลัดจังหวัดลำพูน หัวหน้าส่วนราชการ คณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี

นายแพทย์วัชระ สนธิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลหริภุญชัย เมโมเรียล จำกัด กล่าวว่า โรงพยาบาลหริภุญชัย ฯ ร่วมกับ โรงพยาบาลศุภมิตร จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดหน่วยผ่าตัดรักษาต้อกระจกภาคเหนือ ขยายบริการเปีดหน่วยผ่าตัดต้อกระจกเพื่อชาวลำพูน และ พี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ มาตรฐานการผ่าตัดด้วยระบบ ONE STOP @ ONE DAY STOP โดยทีมจักษุแพทย์ ใช้สิทธิข้าราชการ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

สำหรับต้อกระจกเป็นภาวการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดการขุ่นของ “เลนส์ตา” ปกติเลนส์ตาจะมีลักษณะใส ทำหน้าที่ช่วยในการรวมแสงให้ตกลงบนจอประสาทตาพอดี เมื่อเกิดต้อกระจก ทำให้แสงไม่สามารถเข้าไปในตาได้ตามปกติ จึงทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนหรือมีอาการตามัว มักพบมากในผู้สูงอายุ ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป สาเหตุหลักคือ เป็นความเสื่อมตามวัย โดยสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น แต่อาจพบได้กลุ่มอายุน้อยได้เช่นกัน การรักษาจะเป็นการผ่าตัดต้อกระจกที่เราใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่น ความถี่สูง ไม่มีแผลเย็บ และเลนส์ตาที่ใช้เป็นเลนส์ของ AIcon จากประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต้อกระจก สามารถมาคัดกรองต้อกระจกได้ทุกวัน ที่โรงพยาบาลหริภุญชัย เมโมเรียล ฟรี!! โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หากตรวจพบเป็นต้อกระจก ก็สามารถที่จะทำการนัดหมาย ผ่าตัดต้อกระจกโดยใช้สิทธิข้าราชการ,ข้าราชการบำนาญ เบิกจ่ายตรงได้จากกรมบัญชีกลาง ซึ่งการนัดหมายและการผ่าตัดต้อกระจก จะไม่ต้องจ่ายค่าส่วนเกินแต่อย่างใด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 053581600 – 4 ต่อ 1137 หน่วยต้อกระจก และ 053-581111 ต่อ 0 แผนกประชาสัมพันธ์.

เตรียมพร้อมท่องโลกวรรณกรรม งานหนังสือนานาชาติมาถึงเชียงใหม่แล้ว รวมหนังสือภาษาอังกฤษและภาษาไทย ยิ่งใหญ่ที่สุดในล้านนา “International Book Sale Featuring Big Bad Wolf Books”

เตรียมพร้อมท่องโลกวรรณกรรม งานหนังสือนานาชาติมาถึงเชียงใหม่แล้วรวมหนังสือภาษาอังกฤษและภาษาไทย ยิ่งใหญ่ที่สุดในล้านนา“International Book Sale Featuring Big Bad Wolf Books”

บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสือและสื่อส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กและครอบครัว ร่วมด้วย Big Bad Wolf ผู้จัดงานมหกรรมหนังสือนานาชาติ ที่เคยจัดใน 34 เมือง 13 ประเทศ และศูนย์การค้าเซ็นทรัล ผนึกกำลังจัดงานมหกรรมหนังสือนานาชาติ ที่รวมหนังสือภาษาอังกฤษและภาษาไทยจากหลากหลายสำนักพิมพ์ มากกว่า 1 ล้านเล่ม รวมทั้งสื่อเพื่อการศึกษาและของเล่นส่งเสริมพัฒนาการ ลดราคาสูงสุดถึง 95% ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือกับงาน “International Book Sale Featuring Big Bad Wolf Books” ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2566 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทำให้เชียงใหม่กลายเป็นสวรรค์สำหรับคนรักหนังสือ สามารถเข้าถึงหนังสือได้ง่าย มีแรงบันดาลใจจากการอ่าน ฝึกทักษะทางภาษาด้วยหนังสือและสื่อการเรียนรู้ในราคาถูก มีหนังสือสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งหนังสือสำหรับเด็ก หนังสือภาพ หนังสือเสียง หนังสือกิจกรรม หนังสือบอร์ดบุ๊ค หนังสือสำหรับผู้ใหญ่ที่มีหลายหมวดหมู่ เรื่องสั้น นิยาย สารคดี ฟิคชั่น นันฟิคชั่นมีหมด หนังสืออ้างอิง หนังสือหายากที่ไม่ได้ผลิตนานแล้วก็มี รับประกันได้ว่าจะมีตัวเลือกที่หลากหลายซึ่งตอบสนองทุกรสนิยมของนักอ่าน

โดยได้จัดให้มีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 สิงหาคม 2566 เวลา 09.30 น. ได้รับเกียรติจาก คุณตรัสวิน จิตติเดชารักษ์ ผู้อำนวยการ สำนักพิมพ์ซิลค์เวอร์ม, คุณแจกเกอรีน อึ๊ง ผู้จัดงานมหกรรมหนังสือนานาชาติ “Big Bad Wolf”, คุณริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ภายในงานมีทั้งหนังสือภาษาอังกฤษเรื่องใหม่ เล่มใหม่ ส่งตรงจากต่างประเทศ และหนังสือภาษาไทย จากสำนักพิมพ์ชั้นนำที่ตอบรับเข้าร่วมงานมากมาย ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ทุกเพศ ทุกวัย จำหน่ายในราคาลดสูงสุด 95% มีมุมหนังสือราคาพิเศษ Little Hippo, หนังสือ Unbelievable Books พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อครบ 1,000 บาท รับฟรี บัตรเข้าร่วมกิจกรรม Dino Play Space 1 ใบ ซื้อครบ 2,000 บาท รับฟรี บัตรเข้าร่วมกิจกรรม Dino Play Space 1 ใบ และเสื้อ Plan For Kids Run ขนาดสำหรับเด็ก 1 ตัว และเมื่อซื้อครบ 3,000 บาท รับฟรี บัตรเข้าร่วมกิจกรรม Dino Play Space 2 ใบ พร้อมกระติกน้ำเก็บอุณหภูมิจาก Plan For Kids สินค้ามีจำนวนจำกัด จนกว่าของจะหมด

ทั้งนี้ ในงาน “International Book Sale Featuring Big Bad Wolf Books” ยังมี Dino Play Space พื้นที่ส่งเสริมประสบการณ์การอ่านและการเรียนรู้ให้กับเด็กปฐมวัย มีฐานกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็ก เป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะทางสมองในการจัดการชีวิต หรือ EF (Executive Functions) ผ่านกิจกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครนิทานเล่มโปรดอย่างแก๊งไดโนป่วนก๊วนหรรษา ที่จะพาเด็ก ๆ ไปผจญภัยในโลกของไดโนเสาร์ ควบคู่ไปกับการฝึกคิดวิเคราะห์ พัฒนาทักษะด้านจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมบทบาทสมมติ และศิลปะประดิษฐ์ พร้อมทั้งส่งเสริมการเล่นแนวทาง Loose parts Play ด้วย

ขอเชิญชวนนักอ่านชาวเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งชาวไทย และต่างชาติ ร่วมชม ร่วมช้อป เลือกซื้อหนังสือดีๆ ได้ในงานงาน “International Book Sale Featuring Big Bad Wolf Books” ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2566 เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/internationalbooksale

เปิดนิทรรศการ “จินตนานัปการ” ศิลปะภาพถ่ายอินฟราเรด “สมศักดิ์ พัฒนพิฑูรย์” ศิลปิน​ภาพถ่ายชื่อดัง ครั้งแรกที่เชียงใหม่​

เมื่อ​วันที่​ 18 สิงหาคม 2566 เวลา 16.00 น. ที่ศูนย์ศิลปะบ้านตึก  ถนนท่าแพ(ตรงข้ามวัดอุปคุต อ.เมือง  จ.เชียงใหม่ ได้มีพิธีเปิดนิทรรศการ “จินตนานัปการ” ศิลปะภาพถ่ายอินฟราเรด ครั้งแรกที่เชียงใหม่​ ซึ่งจะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม.ตั้งแต่เวลา10.00-20.00 น. โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สุกรี เกษรเกศรา คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัย​เชียงใหม่​ ประธานเปิดงานศิลปินภาพถ่าย อินฟาเรด “สมศักดิ์ พัฒนพิฑูรย์” ภัณฑารักษ์ “อลิซ วิชช์โชติ” หลังจากที่เคยจัดแสดงมาแล้ว กับนิทรรศการศิลปะภาพถ่ายอินฟราเรด ใหญ่ที่สุด ครั้งแรกในเอเชียเมื่อปี 2565 ที่พื้นที่นิทรรศการ ชั้น 1 หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ซึ่งการเปิดงานในครั้งนี้ได้มี สส.เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ เขต 1 พรรคก้าวไกล อาจารย์​นักศึกษา จากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ​เข้าร่วมชมผลงานพร้อมร่วมในพิธีเปิดในครั้งนี้

รองศาสตราจารย์ ดร.สุกรี เกษรเกศรา คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในการเปิดนิทรรศการ​ภาพถ่ายอินฟาเรด “จินตนานัปการ” ในวันนี้จากคำกล่าวรายงาน ของศิลปินเจ้าของผลงาน คุณสมศักดิ์ พัฒนพิฑูรย์ ทำให้ทราบถึงวัตถุประสงค์และความเป็นมาของการนิทรรศการภาพถ่ายอินฬาเรด “จินตนานัปการ” เพื่อเผยแพร่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยให้แก่สาธารณชนและนำเสนอแนวคิดของมนุษย์ต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ผ่านภาพถ่ายธรรมชาติ ในรูปแบบที่แม้ดูคล้ายกับสิ่งที่ตาเคยเห็น แต่ก็ต่างไปจากการรับรู้ของดวงตามนุษย์ตามปกติ ก่อให้เกิดความงดงาม ความรู้สึกและอารมณ์ดุจต่างภพต่างมิติ สร้างแรงผลักดันให้ช่วยกันรักษาหวงแหน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน

ในการจัดนิทรรศการครั้งนี้ผมรู้สึกได้ถึงความตั้งใจของศิลปิน และคณะผู้จัดงานที่จะนำเสนอผลงานภาพถ่ายชุดนี้ ให้กับผู้เข้าร่วมชมนิทรรศการทุกๆ ท่าน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านคงจะได้รับแรงบันดาลใจ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตามวัตถุประสงค์ของนิทรรศการในครั้งนี้ ขอขอบคุณ คุณสมศักติ์ พัฒนพิฑูรย์ ศิลปินภาพถ่ายเจ้าของผลงาน คุณออลิซ วิชช์โชติ ภัณฑารักษ์ คณะผู้ดำเนินงาน และผู้เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรมทุกฝ่าย

ทางด้านนายสมศักดิ์ พัฒนพิฑูรย์ ศิลปินภาพถ่ายเจ้าของผลงาน เปิดเผยว่า การจัดแสดงผลงาน “จินตนานับปการ” ในครั้งนี้นั้น แสดง​ผลงานภาพถ่ายอินฟราเรด นำเสนอภาพถ่ายความงามในธรรมชาติในอีกรูปแบบหนึ่ง แม้ละม้ายคล้ายกับสิ่งที่เคยเห็นแต่กลับต่างจากการรับรู้ของดวงตามนุษย์ตามปกติ ด้วยการใช้กล้องดิจิตอลดัดแปลงให้รับแสงสีปกติผนวกกับแสงอินฟราเรด ก่อให้เกิดความงาม ความรู้สึกและอารมณ์ดุจต่างภพต่างมิติ เพื่อกระตุ้นเตือนเรา ผู้มักยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางแห่งความคิด กำหนดกฎเกณฑ์จำนวนมาก แล้วเรียกขานสิ่งต่าง ๆ ที่ต่างจากตนว่าคือผิดปกติ และ หากวันหนึ่ง ดวงตาของเรา ต้องปรับให้คุ้นกับสิ่งที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนในชีวิต ความผิดปกติชั่วคราวหรือถาวรเหล่านั้น ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความคิด ความเชื่อ ความรู้สึก สั่นคลอนมิติแห่งความงาม กระทั่งขยายขอบเขตแห่งจินตนาการต่อไปอีกมากมาย อย่างที่เราเองก็คาดไม่ถึง”


ประวัติและผลงานของ “สมศักดิ์ พัฒนพิฑูรย์” เลขาธิการสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2558-2560, อดีตกรรมการบริหารสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2555-2556, รางวัลถ้วยพระราชทานสองปีซ้อน และนิทรรศการเดี่ยว ชุด รากไทย ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์เจ้าฟ้า และ “เมืองกรุง เมืองเทพ” ณ หอศิลป์เจ้าฟ้า มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ

ประวัติและผลงานของ ภัณฑารักษ์ “อลิซ วิชช์โชติ” เป็นผู้จัดการและภัณฑารักษ์หอภาพถ่ายล้านนา เชียงใหม่, กรรมการบริหารสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, นิทรรศการภาพถ่าย (เดี่ยว) ขาว-ดำ “นัย พื้น ที่” ครั้งที่ 1 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, นิทรรศการภาพถ่าย (เดี่ยว) ขาว-ดำ “นัย พื้น ที่” ครั้งที่ 2 ณ ศูนย์การเรียนรู้และวัฒนธรรมอันดามัน หอศิลป์ จังหวัดกระบี่, นิทรรศการภาพถ่าย (เดี่ยว) ขาว-ดำ “นัย พื้น ที่” ครั้งที่ 3 ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เกียรตินิยมทางการถ่ายภาพ A.RPST ปี 2556 จากสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, กองบรรณาธิการวารสาร “RPST” สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, กองบรรณาธิการ และพิสูจน์อักษรหนังสือ “รวมมิตรภาพ” หนังสือฉลองครบรอบ 50 ปี สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, คณะทำงานจัดงานนิทรรศการ และร่วมแสดงงานนิทรรศการ “รวมมิตรภาพ” และคณะกรรมการอำนวยการโครงการภาพถ่ายแห่งแผ่นดิน ประจำปี2554

เชียงใหม่ พร้อมเปิดศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 49

 

จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเปิดศึกการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 49 หลัง 4 ชาติขานรับพร้อมชิงชัย วันที่ 7 และ 10 กันยายน 2566 นี้ ที่ สนามกีฬาสมโภช 700 ปี เชียงใหม่ ด้านทีมชาติไทย เตรียมเปิดศึกนัดแรก พบกับ เลบานอน

วันนี้ (16 ส.ค. 66) ที่ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และนางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าวเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 49 ประจำปี 2566 ซึ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันจัดการแข่งขันขึ้นในวันที่ 7 และ10 กันยายน 2566 ที่จะถึงนี้ ที่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ในปีนี้ ถือเป็นการได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 2 ปีติดต่อกัน ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานกีฬาฟุตบอลและกระชับความสัมพันธ์กับนานาชาติ ทั้งยังเป็นการสืบทอดการจัดแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมเศรษฐกิจของท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชน ได้มีโอกาสเข้าชมกีฬาในระดับสากล

 

โดยในปีนี้ มีทีมฟุตบอลจากประเทศชั้นนำในทวีปเอเชียตอบรับเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 4 ชาติ ประกอบด้วย ทีมชาติอิรัก อินเดีย เลบานอล รวมถึงทีมชาติไทย (เจ้าภาพ) ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นศึกหนักและเป็นความท้าทายของทีมฟุตบอลทีมชาติไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากแต่ละชาติที่เข้าร่วมแข่งขันล้วนมีอันดับฟีฟ่า แรงกิ้ง ที่สูงกว่าทีมชาติไทยทั้งสิ้น ซึ่งผลการจับสลากประกบคู่การแข่งขันวันแรก ในรอบรองชนะเลิศ (7 ก.ย. 66) ปรากฏว่า ทีมชาติไทย จะได้พบกับ ทีมชาติเลบานอน โดยจะแข่งขันเป็นคู่ที่สองในเวลา 20.30 น. ส่วนคู่แรก ทีมชาติอิรัก พบกับ ทีมชาติอินเดีย จะเริ่มแข่งขันในเวลา 17.30 น. เพื่อคัดเลือกทีมที่จะเข้าไปทำการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ และ ชิงอันดับ 3 ในวันที่ 10 กันยายน 2566 ต่อไป

สำหรับการเปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน ทาง อบจ.เชียงใหม่ ยืนยันว่าจะเปิดจำหน่ายบัตรในราคาเดิม เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา คือ โซนกลางแจ้งไม่มีหลังคา 100 บาท และโซนในร่มมีหลังคา 150 บาท โดยจะแบ่งการจำหน่ายเป็น 2 ช่องทาง คือ ช่องทางออนไลน์ เริ่มจำหน่ายในวันที่ 1 กันยายน ส่วนช่องทางออฟไลน์ สามารถมาซื้อด้วยตนเองได้ในวันที่ 3 กันยายน ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เชียงใหม่ฯ โดยผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมการท่องเที่ยว สำนักปลัดฯ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053-998-333 ต่อ 213 หรือทางเพจ Facebook : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

“ปฏิบัติการนครพิงค์”กรมการปกครอง ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ บุกทลายบ่อน 89 CLUB Casino บ่อนใหญ่กลางเมืองเชียงใหม่ ย่านสินติธรรม พบเงินหมุนเวียนต่อวันกว่าล้านบาท นักพนันกว่าร้อยคน

เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 9 สิงหาคม 2566 นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง โดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กว่า 40 นาย ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังบุกเข้าทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ. เมืองเชียงใหม่

โดยปฏิบัติการครั้งนี้ เริ่มต้นมาจาก ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า มีบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้นักพนัน เข้ามาเสี่ยงโชคเป็นเวลานานแล้ว แต่ละวันจะมีนักพนันกว่าร้อยคนเข้าเล่น มีสถานที่ให้เล่นพนันสองแห่ง แต่จะตบตาเจ้าหน้าที่ สลับสถานที่ให้เล่นเป็น 2 แห่ง แถวสันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่และ ภัทรวัลย์ สนุ๊กเกอร์ ย่านช้างเผือก แต่ยังคงใช้พนักงานและทีมงานเดิม การเล่นพนัน เสือมังคร ไฮโล และ บาคาร่า โดยเปิดเล่นทั้งกลางวันและกลางคืน ยึดของกลางได้อีกจำนวนมาก!

กรมการปกครองสืบทราบข้อมูลจากพื้นที่ว่าบ่อนการพนันแห่งนี้จะมีสถานที่การให้เล่นการพนันสองที่ เพื่อหลบหลีกการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และหลังจากที่เฝ้าติดตามพบว่า พบว่าอาคารสามารถจุนักพนันได้ร่วม 300 คน โดยประตูทางเข้าจะมีทางเดียว มีการ์ดตรวจตราหน้าประตูทางเข้า 2 ราย คอยดูต้นทาง คอยตรวจตราคนเล่นหน้าใหม่ และบริเวณที่จอดรถมีการ์ดคอบสอดส่องดูแลรถเข้า ออก ตลอดเวลา ภายในบ่อนห้ามนักพนันไม่ให้ใช้โทรศัพท์โดยเด็ดขาด และจะยึดโทรศัพท์ของนักพนันก่อนเข้าเล่นภายในบ่อน นักพนันที่มาเล่นภายในบ่อน สามารถจอดรถด้านหน้าบ่อนได้ มีพื้นที่กว้างขวางในการรองรับนักพนัน


จุดเด่นของบ่อนการพนันนี้ จะมีการให้บริการ ขนม เครื่องดื่ม และอาหารให้แก่นักพนัน เพื่อเป็นการดึงดูดใจนักเล่น นอกจากนี้ยังมีตู้ยิงปลา เพื่อให้นักพนันเล่นเพื่อการผ่อนคลายจากการเล่นการพนันประเภทอื่นๆ บ่อนดังกล่าวมีการตรวจตราอย่างแน่นหนา พบกล้องวงจรปิด รวม 11 ตัว เพื่อสอดส่อง ตรวจตรานักพนันที่เข้ามาเล่นภายใน ภายหลังการเข้าตรวจค้น จับกุม พบนักพนันและเจ้ามือ จำนวนรวม 104 คน


เป็นเจ้ามือ
– วงเสือมังกร 5 คน
– วงไฮโล 10 คน
– วงบาคาร่า 4 คน จำนวนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ภายในบ่อน – รถยนต์ จำนวน 31 คัน
– รถจักรยานยนต์ จำนวน 10 คัน และด้านนอกบ่อนอีกจำนวนมาก


ฝ่ายปกครองชุดจับกุมได้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ทำการอายัดรถยนต์ต้องสงสัยที่มีเงินสดจำนวนมากพร้อมอุปกรณ์การเล่นพนัน ซึ่งฝ่ายปกครองชุดจับกุมได้ทำการยึดไว้ตรวจสอบจึงนำตัวผู้ถูกจับทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันโดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ดำเนินคดีต่อไป


นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ เปิดเผยว่า บ่อนแห่งนี้เปิดเล่นพนันใจกลางชุมชน เย้ยต่อกฎหมาย กล้าตบตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกครั้งที่มีการจับกุม เราจะเน้นยำเสมอว่าการเล่นการพนันเป็นอบายมุขที่สร้างแต่ความเดือดร้อนให้แก่ผู้เล่น ไม่มีใครรวยหรือได้ดีเพราะการพนัน และที่สำคัญเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
หากประชาชนมีเบาะแสบ่อนการพนันหรือแหล่งอบายมุขสร้างความเดือดร้อนในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่ตำรวจ หรือฝ่ายปกครองในท้องที่ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบยังไม่มีการปฏิบัติ สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย

ปิดโครงการเป็นที่เรียบร้อย กับงานฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการ “การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์ม อัจฉริยะในโรงเรือน โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบยั่งยืน ในภาคเหนือตอนบน 1”

ปิดโครงการเป็นที่เรียบร้อย กับงานฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการ “การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือน โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบยั่งยืน ในภาคเหนือตอนบน 1”ที่จัดโดยศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) สำนักงานเชียงใหม่ เปิดหลักสูตรการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับเกษตรกร เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กลุ่มเกษตรกรภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, แม่ฮ่องสอน) ที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา อาทิ สำนักงานเกษตรจังหวัด, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคเหนือตอนบน, หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่, กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer), สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยแม่โจ้, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยพะเยา

โดยมุ่งเน้นให้โครงการฯ นี้สามารถสร้างความยั่งยืน และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์เกษตรอย่างมีคุณภาพ และเน้นการพัฒนาพืชสมุนไพรมูลค่าสูงผ่านห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้วยแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy) และเศรษฐกิจฮาลาล (Halal Economy) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับพืช และสมุนไพรไทย ตลอดจนการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สร้างความอัจฉริยะในการเกษตร สำหรับพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่จะช่วยแก้ปัญหา และลดความเสี่ยงด้านการจัดการปลูกพืชสมุนไพรในโรงเรือนอัจฉริยะ และเพื่อพัฒนาระบบการบริหาร จัดการการปลูกพืชสมุนไพรด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้เป็นโรงเรือนต้นแบบ เพื่อใช้และต่อยอดในอนาคตอย่างยั่งยืน รวมไปถึงเพื่อนำผลผลิตทางการเกษตรในฟาร์มให้เป็นพืชปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP และได้รับความรู้เกี่ยวกับมาตรฐาน Halal ตามหลักศาสนบัญญัติอิสลาม และเพื่อให้ได้รับความรู้ด้านเกษตรอัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับสมาร์ทฟาร์ม และสามารถนำองค์ความรู้ไปถ่ายทอดต่อไป โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีในพื้นที่มาช่วยแก้ปัญหา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมการเกษตรฮาลาล, ลดความเสี่ยงด้านการจัดการ, ลดต้นทุน, ลดการใช้แรงงาน และเพิ่มผลผลิตให้มากยิ่งขึ้น

ซึ่งการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการปลูกพืชสมุนไพรในรูปแบบเกษตรอัจฉริยะ เป็นการนำเอาระบบเฝ้าระวัง (monitoring) และระบบควบคุม (control) ปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น การใช้น้ำ, อุณหภูมิ และความชื้น เป็นต้น ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ loT (Internet of Things) โดยการติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ (senser) และอุปกรณ์ควบคุม (controller) ภายในโรงเรือน และส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ โดยเกษตรกรหรือผู้ใช้งานสามารถสั่งการ และเรียกดูการรายงานผลในรูปแบบข้อมูล และกราฟ ผ่านทางหน้าเว็ปไซต์ (Website) ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิต ในกระบวนการเพาะปลูก และเพิ่มผลผลิตให้สามารถส่งออกไปสู่ตลาดได้อย่างเพียงพอ ด้วยในปัจจุบันชุมชนมีตลาดรองรับเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังลดการใช้เวลา และการพึ่งพาแรงงานอีกด้วย

ทั้งนี้ได้จัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ 1 มีทั้งหมด 28 รุ่น ตั้งแต่เดือน มกราคม – สิงหาคม 2566 มีผู้เข้าร่วมอบรม กว่า 1,050 คน ซึ่งมีการแบ่งหัวข้ออบรมเป็น 6 ข้อใหญ่ๆ อาทิ Sustainable Agriculture, Sustainable Branding, Sustainable Farming Sustainable Marketing, Sustainable Packaging และ Halal Forensic Science ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุม และให้ความรู้สำหรับผู้เข้าอบรมเป็นอย่างมาก โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความรู้สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้บรรยาย และจัด workshop มากมาย อาทิ

• Sustainable Agriculture
– การบรรยายหัวข้อ “พัฒนาการขยายพันธุ์สับปะรด สู่เกษตรชั้นนำ” โดย รศ.ดร.ชิติ ศรีตนทิทย์ อาจารย์สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.ลำปาง
– การบรรยายหัวข้อ “Smart Farm เกษตรอัจฉริยะทางเลือกเกษตรกรยุคไอที และการจัดการฟาร์มสมัยใหม่ พลิกวงการเกษตรไทยให้ยั่งยืน” โดยคุณพีรภัฒน์ วุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟาร์ม (ไทยแลนด์) จำกัด
– การบรรยายหัวข้อ “Farm To Face Workshop” Hydrosol, Infused Oil, Natural Lotion โดย คุณวรินทร์ดา ศรีเจริญ, คุณมัลลิกา สุทธิประภา เฮอบัล-สตูดิโอ และคุณผดุงพงศ์ สิทธิธัญญ์ จาก SunSpace
– การบรรยาย และ Workshop หัวข้อ “การทดสอบการระคายเคืองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเบื้องต้นด้วยตนเอง” โดย คุณธรรมนูญ รุ่งสังข์, ผศ.ดร. ลภัสรดา มุ่งหมาย
– การบรรยาย และปฏิบัติการ หัวข้อ “การเลือกสารและส่วนประกอบในการทำผลิตภัณฑ์ในช่องปาก และผลิตภัณฑ์กันแดด” โดย คุณฐิติพงษ์ เอี่ยมวรพันธุ์, คุณบศราวดี อมรโชติพันธุ์, คุณภัสสรณ์ กองเงิน, คุณเบญจพร คำยอง จาก บริษัท Jebsen & Jessen Ingredients
– การบรรยายหัวข้อ “Farm Zoning Management จัดสรรพื้นที่ใช้สวนอย่างไรให้ลงตัว และ Workshop – Microbial Pesticide สาธิตการผลิตเชื้อจุลินทรีย์ชีวภัณฑ์ ตัวช่วยเกษตรกรในการควบคุมและกำจัดศัตรูพืช” โดย คุณบุญอนันต์ เหล่อโพ ประธาน Young Smart Farmer จ.แม่ฮ่องสอน

• Sustainable Branding
– การบรรยายหัวข้อ “คอนเท้นต์ คอนใจ เกษตรกรยุคใหม่สร้างสรรค์อย่างไร ให้ยั่งยืน Smart Content for Sustainable” โดย คุณณัฐนันท์ อินแถลง Marketing Director Blackcat Agency

• Sustainable Farming
– การบรรยายหัวข้อ “Design Thinking กับการพัฒนาชุมชนเกษตรเข้าสู่ฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือน” โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มณิษวาส จินตพิทักษ์ จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
– การอบรมเชิงปฏิบัติการ “Data Visualization for Smart Farm” โดย คุณกมลาภรณ์ กุมมาลือ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
– การบรรยายหัวข้อ “Metaverse for Agriculture การประยุกต์การทำการเกษตรในโลกเสมือนจริง”
โดยคุณผดุงพงศ์ สิทธิธัญญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันสเปซ ฟาร์ม จำกัด
– การบรรยายหัวข้อ “กว่าจะเป็นเกษตรกรที่เรียกตนเองว่า Young Smart Farmer”
โดย คุณนพนคร งามปฏิรูป ประธานกลุ่ม Young Smart Farmer จ.เชียงใหม่ปี 64
– การฝึกปฏิบัติการหัวข้อ “loT Voice Control for Smart Farming การควบคุมระบบการเกษตรอัตโนมัติ ด้วยเสียงผ่าน loT” โดยคุณผดุงพงศ์ สิทธิธัญญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันสเปซ ฟาร์ม จำกัด

• Sustainable Marketing
– การบรรยายหัวข้อ “การสร้างร้านค้าออนไลน์บนช่องทางโซเชียลมีเดีย” (Social Media) โดย คุณทิพวรรณ ประทุมทา จาก บริษัท O2O Commerce
– การบรรยายหัวข้อ “Gets more Short VDO Commerce เทคนิคการนำเสนอขายสินค้าผ่านคลิปสั้นด้วยตัวเอง” โดย คุณณัฐนันท์ อินแถลง จาก Blackcat Agency
– การบรรยาย และWorkshop หัวข้อ “Right Content, Right Person สร้างคอนเทนต์ที่ “ใช่” มัดใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง”

• Sustainable Packaging
– การบรรยายหัวข้อ “เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ ด้วย Smart Packaging Design”
โดย คุณ คุณโสภิณ หาญเตชะ Art Director Minterax Studio
– การบรรยายและ Workshop หัวข้อ “Advanced Packaging Design & Development ออกแบบแพคเกจจิ้งอย่างมืออาชีพ สู่การสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน” โดย คุณโสภิณ หาญเตชะ ตำแหน่ง Art Director บริษัท มินเทอแร็คซ์ สตูดิโอ จำกัด
– การบรรยาย และWorkshop หัวข้อ “การเลือกสารและส่วนประกอบในการทำผลิตภัณฑ์ในช่องปาก
และผลิตภัณฑ์กันแดด” โดย คุณฐิติพงษ์ เอี่ยมวรพันธุ์, คุณบศราวดี อมรโชติพันธุ์, คุณภัสสรณ์ กองเงิน, คุณเบญจพร คำยอง จาก Jebsen & Jessen Ingredients (T) Ltd และคุณวรินทร์ดา ศรีเจริญ จาก เฮอบัล-สตูดิโอ จำกัด
– การฝึกปฏิบัติการหัวข้อ “Packaging Design 4.0 for Sustainable Agriculture: ออกแบบแพคเกจจิ้ง อย่างมืออาชีพเพื่อสร้างธุรกิจเกษตรที่ยั่งยืน” โดย คุณโสภิณ หาญเตชะ Art Director บ. มินเทอแร็คซ์ สตูดิโอ จำกัด

• Halal Forensic Science
– การบรรยายหัวข้อ “วัตถุดิบที่ต้องสงสัย และการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล” โดย คุณสุลัยญา เปี่ยมชัยวัฒน์ Scienctise, The Halal Science Center Chulalongkorn University
– การบรรยายและ Workshop “การพิจารณาและคัดเลือกวัตถุดิบ เพื่อการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล” โดย คุณชิตาพร ประทาน Scienctist The Halal Science Center Chulalongkorn University
– การบรรยาย บรรยายหัวข้อ ระเบียบและข้อบังคับคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยว่าด้วยการดำเนินการตรวจรับรองฮาลาลสถานประกอบการ โดย คุณนิรันดร์ บินประทาน สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่/ร.ต.ต.ทัศน์ ดำรงเมือง สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย
– บรรยายหัวข้อ “ข้อกำหนดแนวทางปฏิบัติการขอใช้เครื่องหมายรับรองฮาลาล และการใช้เครื่องหมายรับรองฮาลาลบนผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์” และWorkshop “ขั้นตอนการเตรียมข้อมูลสำหรับการขอรับรองฮาลาลออนไลน์” โดย คุณวุฒิชัย วีระมาชา สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่
– บรรยายหัวข้อ อบรมเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนาคุณภาพและความรู้ด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับวัตถุดิบของกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ฮาลาล” โดย อ.สมศักดิ์ ซูโอ๊ะ หัวหน้างานวิชาการ ฝ่ายกิจการฮาลาล สกอท.

ทั้งนี้ในการจัดอบรมนอกจากจะมีการฝึกอบรม ฝึกปฏิบัติการ ยังได้จัดให้มีกิจกรรมกว่า 5 กิจกรรมอีกด้วย อาทิ

• กิจกรรมที่ 1 : การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ
o การร่างมาตรฐาน HAL-GAP และพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อบูรณาการมาตรฐานการผลิตสินค้าฮาลาล (HAL-Q) ร่วมกับมาตรฐาน GAP ในด้านการเกษตร เพื่อเพิ่มโอกาสและคุณค่าของสินค้าเกษตรสู่เกษตรกรไทย
o การพัฒนาอุปกรณ์ฝึกอบรม Halal Smart Farm Training Unit สำหรับการอบรมเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ
o การพัฒนาแพลตฟอร์มการเฝ้าระวังและการบริหารจัดการฟาร์มอัจฉริยะ เพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถใช้ข้อมูลในการเพาะปลูกอย่างชาญฉลาด
o การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์สำหรับการบริหารจัดการฟาร์มอัจฉริยะ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าเกษตร
• กิจกรรมที่ 2 : การพัฒนาหน่วยฝึกอบรมและ Train-The-Trainer จำนวน 5 คน ที่ช่วยให้เกษตรกรที่เป็นเครือข่ายสามารถใช้เครื่องมือในการอบรมเกษตรกรรายอื่นๆในท้องถิ่นได้ 500 คน


o ร่วมมือกับกลุ่ม Young Smart Farmer จำนวน 5 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ที่เป็นแปลงสาธิตต้นแบบ โดยการสนับสนุน Halal Smart Farm Training Unit ซึ่งประกอบไปด้วยระบบหลัก 5 ระบบ ได้แก่
 ระบบบริหารจัดการพลังงาน
 ระบบบริหารจัดการน้ำ
 ระบบการติดตามและเฝ้าระวังโดยใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Things)
 ระบบบริหารจัดการเครือข่ายภายในฟาร์ม
 แพลตฟอร์มในการบริหารจัดการข้อมูลในฟาร์มแบบครบวงจร


• กิจกรรมที่ 3 : การส่งเสริมและการขยายผลเกษตรกรอัจฉริยะ
o โครงการนี้ได้พัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเกษตรอัจฉริยะจำนวน 22 หลักสูตรในรูปแบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตแบบออนไลน์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่องค์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับด้านการเกษตรอัจฉริยะ การมาตรฐานฮาลาล การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร และการทำธุรกิจเกษตร เป็นต้น


o ฝึกอบรมเกษตรกรและผู้ประกอบการแปรรูปสินค้าเกษตรกว่า 1,200 ราย
• กิจกรรมที่ 4 : การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปทั้งด้านอาหารและเครื่องสำอาง โดยเน้นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด (demand-driven) โครงการได้ร่วมมือกับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศเพื่อศึกษาความต้องการของกลุ่มลูกค้าและเชื่อมโยงกับผู้ผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตรที่มีมาตรฐานและคุณภาพ โดยเชื่อมต่อกับเกษตรกรผู้ปลูกโดยตรง ซึ่งได้ยกระดับสินค้าเกษตรไทย โดยแบ่งกลุ่มสินค้าที่พัฒนาเป็น 3 ระดับได้แก่
o ระดับนวัตกรรม: เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 200% โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เช่น


 สีธรรมชาติ (Plant-based Color) สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอางจากพืช เช่น ไม้ฝาง ใบมะม่วง ดอกอัญชัน ใบเตย แครอท ฟักทอง ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าจากกิโลกรัมละ 100 บาท ไปเป็นสีธรรมชาติ ขั้นต่ำกิโลกรัมละ 1,800 บาท
 Probiotic Skincare ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ จาก ลิ้นจี่ สัปปะรด และข้าว ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าได้กว่า 800 %
 เซรั่มบำรุงผม จากพืช โรสแมรี่, ขิง, และมะกรูด ด้วยเทคโนโลยี Encapsulation ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าจากกิโลกรัมละ 50 บาท ไปเป็นวัตถุดิบ กิโลกรัมละ 2,000 บาท
 Quranic Energy Bar โดยการรวบรวมพืชและผลไม้ที่ได้กล่าวถึงในพระคัมภีร์อัลกุรอาน ได้แก่ อินทผลัม องุ่น มะกอก มะเดื่อ ทับทิม กล้วย และเทียนดำมาเพิ่มมูลค่าได้ถึง 200%
 น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) จากสมุนไพรไทย เช่น ขิง ข่า กระเพรา ตะไคร้หอม ด้วยเทคโนโลยีการสกัดน้ำมันด้วยคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดได้มากกว่า 205% และเพิ่มมูลค่าได้ 350% เทียบกับการขายพืชสด


o ระดับต้นแบบ: เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 30% โดยใช้เทคโนโลยีการแปรรูปสินค้าเกษตรขั้นต้น ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือฟังก์ชันการบริโภค เช่น
 การพัฒนา Hydrosol Drinking Water หรือเครื่องดื่มจากน้ำที่ได้จากการกลั่นดอกไม้หรือพืช ร่วมกับ ร้านเฮิร์บ เบสิคส์ โดยใช้ผลิตภัณฑ์จาก กุหลาบ มิ้นท์ และข้าวหอมมะลิ เป็นต้น
 การพัฒนาโลชั่น และ แฮนด์ครีม ร่วมกับ บริษัท สุวิรุฬห์ ชาไทย จำกัด จากชาออแกนิคชนิดต่างๆ เช่น ชาเขียว ชาดำ ชากุหลาบ ชาตะไคร้ ชาอูหลง และ ชามะลิ เป็นต้น
 การพัฒนา Refill Station ร่วมกับร้าน Good Health เพื่อลดการใช้ packaging โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ จาก ส้ม มะลิ ตะไคร้หอม และ โรสแมรี่
 การพัฒนา Hemp Protein Bar จากเมล็ดกัญชง (hemp heart) ร่วมกับ แบรนด์ Hmong Hemp Valley ของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวม้ง จากอำเภอกัลยานิวัฒนา
 เส้นพาสต้าจากผล butternut squash ที่เป็น Gluten Free ร่วมกับผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Young Smart Farmer เชียงใหม่


o ระดับสร้างยอดขาย: เน้นการสร้างยอดขายสินค้าเกษตรแปรรูป โดยการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ปลายน้ำ (ผู้จำหน่ายสินค้า), กลางน้ำ (ผู้แปรรูป), และต้นน้ำ (ผู้ปลูก) เช่น
 ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว (personal care) สำหรับตลาดสีเขียว (green market) ในประเทศ จาก ผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น Nail Serum ใช้ข้าวหอมมะลิออแกนิค จากอำเภอพร้าว, Shower Gel ใช้ มิ้นท์จากอำเภอเมืองเชียงใหม่, Hemp Oil โดยใช้ กัญชง จากอำเภอกัลยานิวัฒนา โดยคาดว่าจะมียอดขายรวม 1 ล้านบาท
 ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากดอกไม้ สำหรับตลาดเวียดนาม โดยใช้ ดอกอัญชันอบแห้ง จากจังหวัดลำพูน โดยมียอดสั่งซื้อแล้ว 3 ล้านบาท
 ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมเพื่อสุขภาพ สำหรับตลาดสิงคโปร์ โดยใช้ ชามะลิออแกนิคจากจังหวัดเชียงราย โดยใช้ กล้วยและมะม่วงอบพลังงานแสงอาทิตย์จากจังหวัดพิษณุโลก โดยมียอดสั่งซื้อแล้ว 1.5 ล้านบาท


• กิจกรรมที่ 5 : การพัฒนาช่องทางการตลาดของสินค้าเกษตรมูลค่าสูง โครงการได้เชื่อมโยงแพลตฟอร์มการตลาดในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคชาวมุสลิมและกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน ที่ชื่นชมสินค้าสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สปาของไทย
o จัดตั้ง Pop Up Store ที่ One Nimman จังหวัดเชียงใหม่ และการขายสินค้าจากธรรมชาติ ได้แก่ ห้างริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้าน Good Health เพื่อทดสอบตลาดของสินค้านวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างให้เกิดยอดขายจริงในโครงการ รวมถึงการประชาสัมพันธ์โครงการและผลลัพธ์ของโครงการในงานหอการค้าแฟร์ ร่วมกับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย
o ในช่วงโครงการได้สร้างยอดขายมูลค่ากว่า 5.5 ล้านบาท จากในประเทศ และต่างประเทศ
o คาดว่า 1 ปีหลังจากเสร็จสิ้นโครงการจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 12 ล้านบาท


ทั้งนี้ทางผู้จัดโครงการ “การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือน โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบยั่งยืน ในภาคเหนือ” นี้ต้องการยกระดับเกษตรกรไทย และสินค้าเกษตรของไทยให้มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% และพัฒนาเกษตรกรมากกว่า 1,200 คนตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยจะมีการจัดตั้งหน่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรฮาลาลอัจฉริยะอีก 5 แห่ง ให้ทั่วประเทศในอนาคต รวมไปถึงการมีต้นแบบผลิตภัณฑ์เกษตรที่มีมูลค่า จำนวน 52 ชิ้น จาก 22 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะ 5 ปี ได้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ในอนาคต

สำหรับเกษตรกร และประชาชนทั่วไป ที่ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ “การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบยั่งยืน ภาคเหนือตอนบน 1” สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
– https://sites.google.com/view/halal-smart-farm
– https://www.facebook.com/HSC.CU.CM?mibextid=ZbWKwL
– https://www.facebook.com/HalalSmartFarm?mibextid=LQQJ4d
#HalalSmartFarm #HSCCM

 

“ฟาร์มอัจฉริยะ” นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาพัฒนาสินค้าเกษตรไทยให้เข้าสู่มาตรฐานฮาลาล พร้อมยกระดับสมุนไพรไทยสู่สากล

ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) สำนักงานเชียงใหม่ จัดทำโครงการ “การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือน โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบยั่งยืน ภาคเหนือตอนบน 1” เน้นการอบรมเชิงปฏิบัติการจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายด้านให้กับเกษตรกร พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่กลุ่มเกษตรกรภาคเหนือตอนบน 1 เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, แม่ฮ่องสอน และพัฒนาเกษตกรไทยให้เข้าสู่มาตรฐานฮาลาล เพื่อพัฒนาสมุนไพรไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้น และโปรโมทให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้รู้จัก

โดยในการจัดทำโครงการฯ ในครั้งนี้ ได้ความร่วมมือจากภาคการศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยแม่โจ้, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยพะเยา ที่ช่วยในการฝึกอบรม และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือน ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยแก้ไขปัญหา และลดความเสี่ยงด้านการจัดการปลูกพืชสมุนไพรในโรงเรือน ผลิตผลทางการเกษตรจากฟาร์ม จัดเป็นพืชปลอดภัยตามมาตรฐาน HAL-GAP ที่บูรณาการมาตรฐานเกษตรปลอดภัย และมาตรฐาน Halal ตามหลักศาสนบัญญัติอิสลาม

“ฟาร์มอัจฉริยะ” เป็นการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการปลูกพืชสมุนไพรในรูปแบบเกษตรอัจฉริยะ เป็นการนำเอาระบบเฝ้าระวัง (monitoring) และระบบควบคุม (control) ปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น การใช้น้ำ, อุณหภูมิ และความชื้น เป็นการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ loT (Internet of Things) โดยการติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ (sensor) และอุปกรณ์ควบคุม (controller) ภายในโรงเรือน และส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ โดยเกษตรกรหรือผู้ใช้งานสามารถสั่งการ และเรียกดูการรายงานผลในรูปแบบข้อมูล และกราฟผ่านหน้าเว็ปไซต์ ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิต ในกระบวนการเพาะปลูก และเพิ่มผลผลิตให้สามารถส่งออกไปสู่ตลาดได้เพียงพอ ต่อความต้องการของตลาดที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามชุมชน

ทั้งนี้โครงการ “การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือน โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบยั่งยืน ภาคเหนือตอนบน 1” ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับพืชสมุนไพรในท้องถิ่นกว่า 22 ชนิด แบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านการสร้าง Innovation, ด้านการสร้าง Product Prototype และ การส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้าน Commercial โดยมีรายละเอียดแต่ละผลิตภัณฑ์ดังนี้

ด้าน Innovation Product Development ทั้งหมด 7 ผลิตภัณฑ์ อาทิ

1. Plant Cosmetics Color (การสกัดสีจากพืชเพื่อการทำสกินแคร์และเครื่องสำอาง)
– การสกัดสีจากพืช 5 อย่าง ได้แก่ ฝาง, ใบมะม่วง, อัญชัน, หมากแดง, ฮ่อม ด้วยนวัตกรรมการสกัดด้วยน้ำจนได้ผลสีที่มีคุณภาพสูง ไม่มีสารเจือปนตั้งแต่กระบวนการผลิต มีคุณสมบัติตามที่ต้องการของตลาดเครื่องสำอาง สามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิตจากการเกษตร และเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเครื่องสำอาง

2. Plant Probiotic (การทำโปรไบโอติกส์จากพืช)
– การหมักจุลินทรีย์จากธรรมชาติกับผลไม้ และพืชพื้นถิ่น (ข้าว, ลิ้นจี่, สัปปะรด) ให้ได้โปรไบโอติกส์ จากธรรมชาติที่มีประโยชน์อย่างมาก ตอบโจทย์โลกอุตสาหกรรมความงาม อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเครื่องสำอาง และความต้องการของผู้บริโภค สามารถนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง ฮาลาล (Halal Probiotic Skincare) ได้ และสามารถใช้เป็นส่วนผสมในการบำรุงผิวได้ หรือที่เรียกว่า “Probiotics Skincare” ช่วยในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตจากการเกษตรในท้องถิ่น

3. Plant encapsulation (การเอ็นแคปซูเลชั่นสารสกัดจากพืช)
– ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ รวมถึงส่วนผสมจากพืชหลายชนิด อาทิ โพลีฟีนอล, น้ำมัน, น้ำมันระเหยง่าย, วิตามิน และสารสกัดจากสมุนไพรต่างๆ ถูกนำมาใช้ในเครื่องสำอางสมุนไพร ด้วยเทคโนโลยี encapsulation ได้เพิ่มความเสถียรทางเคมี ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ การซึมผ่านของผิวหนัง และประสิทธิภาพของเครื่องสำอางสู่ชั้นผิวหนังเมื่อนำไปใช้เฉพาะที่ โดยผู้พัฒนานำสารสกัดจาก ขิง และโรสแมรี่ มา coating ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลหนังศรีษะ และเส้นผม ได้อย่างตรงจุดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

4. Essential oil by Microwave Extraction (การสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยคลื่นไมโครเวฟ)
– สมุนไพรพื้นบ้านของไทย อาทิ ขิง, ข่า, ตะไคร้หอม, มะกรูด, โหระพา และ กะเพรา มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ หาได้ง่ายตามท้องตลาด ราคาถูก โดยสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ด้วยคลื่นไมโครเวฟ (Microwave Extraction) ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิในการสกัดได้ เหมาะกับสมุนไพรแต่ละชนิด ทำให้สารสำคัญของสมุนไพรไม่สูญเสีย ช่วยลดระยะเวลาในการหมัก ลดปริมาณการใช้ตัวทำละลาย แถมยังเพิ่มปริมาณสารได้มากขึ้นอีกด้วย

5. Plant food Color (การสกัดสีจากพืชเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา)
– การสกัดสีจากพืช 4 ชนิด อาทิ ดอกอัญชัน (สีน้ำเงิน), ฟักทอง (สีเหลือง), บีทรูท (สีแดง), ใบเตย (สีเขียว) โดยใช้เทคนิค “Encapsulation of colorants by natural polymers” ด้วยเครื่อง Spray Dryer เพื่อให้ได้สีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมยา ซึ่งสารสีนี้มีคุณค่าทางอาหารที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพืชท้องถิ่น

6. Quranic Energy Bar (ขนมอบกรอบให้พลังงาน ผลไม้ผสมธัญพืช)
– ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อกลุ่มคนที่รักสุขภาพ เพื่อชดเชยความต้องการของโปรตีน และสารอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งประกอบด้วยผลไม้ที่มีการกล่าวถึงในอัลกุรอาน คือ อินทผลัม, ผลมะเดื่อ, องุ่น, เทียนดำ (ฮับบะตุเซาดะห์), กล้วย, น้ำผึ้ง, ซีเรียล และพืชตระกูลถั่ว ซึ่งส่วนผสมทั้งหมดมีศักยภาพสูงมากในการทำหน้าที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมอาหารว่างฮาลาลได้

7. Refill Station
– ธุรกิจในรูปแบบ Refill Station เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม และช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยส่งเสริมให้ผู้บริโภคนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ และนำมาใช้ซ้ำ ผ่านรูปแบบการใช้บริการ รีฟิว – Refill คือ การซื้อแบบเติมขวดเก่าแทนซื้อใหม่ ซึ่งสินค้าที่เริ่มเข้าสู่ระบบร้าน Refill ได้แก่ เจลอาบน้ำจากน้ำมันหอมระเหยมะลิ, เจลอาบน้ำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้หอม, เจลอาบน้ำน้ำมันหอมระเหยมิ้น และแชมพูน้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่

ด้าน Prototype Development ทั้งหมด 5 ผลิตภัณฑ์ อาทิ

1. BUTTERNUT SQUASH FLOUR (เส้นพาสต้าจากแป้งบัตเตอร์นัทสควอช)
– ผลิตจากผลบัตเตอร์นัทสควอช โดยแปรรูปให้เป็นแป้งสควอช และเพิ่มมูลค่าโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นเส้นพาสต้าสควอช ซึ่งเป็นแหล่งโภชนาการที่ดีและมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพ และเป็นแป้งที่อุดมด้วยแร่ธาตุ ช่วยเพิ่มสุขภาพดวงตา ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และรักษาระดับความดันโลหิต ซึ่งแป้งสควอชยังเต็มไปด้วยวิตามิน A และ C สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย และวิตามินซีในแป้งสควอชยังช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจน และทำให้ผิวของคุณไม่แห้ง ด้วยประโยชน์มากมายเราลองเปลี่ยนแป้งอเนกประสงค์ที่ผ่านกระบวนการขัดเงาเป็นแป้งสควอชที่อุดมด้วยสารอาหารเป็นแหล่งอาหารที่ยอดเยี่ยมของแร่ธาตุ เช่น ทองแดง, แคลเซียม, โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพของหัวใจ และการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

2. Hydrosol Drinking Water (น้ำกลั่นจากพืชใช้สำหรับบริโภค)
– น้ำกลั่นจากพืชทั้ง 7 ชนิด (สเปียร์มิ้นต์, เปเปอร์มิ้นต์, แบลคมิ้นต์, เจเเปนนิสมิ้นต์, ข้าว, ตะไคร้หอม, โรสแมรี่) สามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในการบริโภค โดยเรียกชื่อน้ำกลั่นนี้ว่า ไฮโดรโซล Hydrosol หรือ น้ำสกัดน้ำมันหอมระเหย ที่สกัดด้วยไอน้ำจะผลิตออกมาได้ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ไม่ละลายน้ำ (น้ำมันหอมระเหย) นิยมนำไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, โทนเนอร์, เครื่องสำอาง, น้ำหอม, สมุนไพร, ครีมรักษาแผล และ ส่วนที่ละลายน้ำ ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าน้ำมันหอมระเหย มีรสชาตินุ่มนวล ไม่เกิดความระคายเคือง และไม่อุดตันรูขุมขน ซึ่งสามารถนำไปใช้กิน ดม และทา เข้าสู่ผิวหนัง โดยนำมาผสมกับน้ำตาล หรือน้ำผึ้ง เป็นเครื่องดื่ม (Functional Drink) ในหลายประเภทอีกด้วย

 

3. Extra Booster Lotion (เอ็กซ์ตรา บูสเตอร์ โลชั่น)
– ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทโลชั่นบำรุงผิว หรือสกินแคร์บำรุงผิวกาย มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับชาวตะวันออกกลาง ผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องเข้าไปช่วยดูแลให้ผิวพรรณขาว สว่าง กระจ่างใสขึ้น ลดการหมองคล้ำ ซึ่งแน่นอนว่า วิตามินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินบี3 วิตามินซี วิตามินรวมต่าง ๆ รวมไปถึงคอลลาเจน สิ่งเหล่านี้มีความสําคัญเป็นพิเศษที่นำมาเป็นส่วนผสมออกฤทธิ์ ในผลิตภัณฑ์โลชั่นบำรุงผิว หรือ สกินแคร์บำรุงผิวกายสำหรับชาวอาหรับ เนื่องจากผู้หญิงในตะวันออกกลางพื้นฐานชอบดูดีไร้ที่ติ การสร้างผิวที่ไร้ที่ติและสีผิวสม่ำเสมอ ช่วยสร้างความมั่นใจได้เป็นอย่างมาก

4. Suwirun Hand Cream (โลชั่นทามือพัฒนาจากสารสกัดชาจากไร่ สุวิรุณห์)
– สุวิรุฬห์ ชาไทย หนึ่งในไร่ชาคุณภาพของจ.เชียงราย เชี่ยวชาญด้านชาไทยมากว่า 40 ปี เน้นหลัก วิถีเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมีภายใต้คอนเซปต์ Thailand Premium Organic Tea ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ทั้งในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และยุโรป ให้เป็นไร่ชาออร์แกนิก 100% ที่ไร่มีการปลูกชา 2 สายพันธุ์ คือ ชาอัสสัม และ ชาอู่หลง โดยพัฒนาตามยุคสมัย ทั้งนำสมุนไพรไทยมาเป็นส่วนผสม และมีการแปรรูปมาเป็น สุวิรุฬห์ แฮนด์ครีม ซึ่งเป็นการนำชาจากไร่เข้ากระบวนการคัดกรอง การสกัด คิดค้นสูตร การเลือก Essential Oil ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีหลากหลายสูตร ทั้ง ชาอู่หลง, ชาดำ, ชาเขียว รวมไปถึง ชากุหลาบ, ชาตะไคร้, ชามะลิ

5. Hemp Protein Bar
– ของว่างระหว่างวัน ที่มีแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ถูกต้องตามมาตรฐานอาหาร สะอาด รสชาติถูกปาก และเนื้อสัมผัสดี มีส่วนผสมหลักๆ เช่น เมล็ดกัญชง เมล็ดอัลมอนด์ และช็อกโกแลตชิป ช่วยเพิ่มพลังก่อน หรือหลังออกกำลังกาย มีโปรตีนจากกัญชงสามารถย่อยได้ดี เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่แพ้อาหารง่าย

ด้าน Commercial Development ทั้งหมด 10 ผลิตภัณฑ์ อาทิ1. Flower snack (ดอกอัญชัญอบกรอบปรุงรส)
– ผลิตภัณฑ์ดอกไม้อบกรอบปรุงรส มาจากแนวคิดที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตดอกอัญชัน แปรรูปโดยการอบแห้ง และปรุงรส ให้เป็นอาหารทานเล่นที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อัญชันอบกรอบปรุงรสมี 3 รสชาติ อาทิ ต้มยำ, บาร์บีคิว และรสธรรมชาติ และในดอกอัญชันมีสารสำคัญ คือ แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ, มะเร็ง, เบาหวาน

2. Wagyu Beef Tallow Thai Basil (น้ำมันวากิวผสมกะเพรา)- การผสมผสานระหว่างไขมันจากเนื้อวากิว กับใบกะเพราไทยสด ทำให้เกิดน้ำมันวัวผสมกะเพรา ที่สามารถนำไป ทอด, เจียว, ผัด ที่ทำให้รสชาติอาหารอร่อยมากยิ่งขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใส่สารกันบูด, ไม่เติมสีสังเคราะห์, ไม่เติมผงชูรส, ผงปรุงรส, ปราศจากแลคโตส และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อุดมไปด้วย วิตามินดี กรดไขมันที่จำเป็นทั้ง โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 อีกทั้งยังช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และช่วยในการลดไขมันในร่างกาย

3. Nail Serum (เนลเซรั่ม) – ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ โดยมีข้าวหอมมะลิ, น้ำมันงาขี้ม้อน, น้ำมันเมล็ดชา เป็นส่วนประกอบ สารสกัดจากข้าวหอมมะลิ (Jasmine Rice Extract) ประกอบด้วยสารสำคัญหลายชนิด อาทิ แกมมา-ออไรซานอล, กรดไฟติก, กรดเฟอรูลิค, โทโคเฟอรอล, โทโคไตรอีนอล และกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยดูแลบำรุงเล็บให้แข็งแรง, หน้าเล็บเงางาม, ดูแลผิวพรรณสว่างสดใส, ฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส, ช่วยบำรุงผิว, เพิ่มความชุ่มชื่น, ถนอมผิวไม่ให้แห้งกร้าน ทำหน้าที่ Anti-Oxidant ได้เป็นอย่างดี

4. Rice Mist- สเปร์ยน้ำแร่ที่อุดมด้วยสารสกัดมาจากข้าวหอมมะลิ 100% จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์ในจ.เชียงใหม่ “พร้าว กรีน วัลเล่ย์ ฟาร์มสเตย์ – Phrao Green Valley Farmstay) ที่ปลูกข้าวตามหลักมาตรฐาน GMP ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าในเวลากลางคืน และเพื่อช่วยให้ผิวรู้สึกผ่อนคลายระหว่างวัน Rice Mist for Face ที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิว พร้อมเผยผิวใหม่ที่โกลว์สวยเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยกระชับรูขุมขน ลดความมัน และลดเลือนริ้วรอย ด้วยคุณค่าจากข้าวหอมมะลิผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และอนุมูลอิสระต่างๆ อุดมด้วยสาร Anti-Oxidant, Vitamins C และ E เพื่อเติมน้ำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น

5. Shower Gel Mint- บ้านบัวบาน (Baan Bua Bahn) นำเอาพืชสมุนไพรจำพวก มิ้นต์ ที่ปลูกภายในสวนที่บ้านมาแปรรูปด้วยการทำเป็น Mint Shower Gel มาสกัดเพื่อให้ได้ ไฮโดรโซล (Hydrosol) หรือน้ำมันหอมระเหย ที่สกัดด้วยไอน้ำและนำไปผสมกับน้ำหอมแต่งกลิ่น จนทำให้เกิดเป็น Organic Freshly Squeezed Mint Shower Gel ภายใต้แบรนด์ Baan Bua Bahn Collection Sense of Nature โดยมิ้นต์จะช่วยให้หอมสดชื่น รู้สึกเย็นสบาย เพิ่มความตื่นตัว มีสมาธิ ช่วยลดอาการสิวอักเสบ ลดรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ทำให้ผิวเรียบใส ชุ่มชื่น ขาวขึ้น ลดริ้วรอยตื้นๆ และลดขนาดรูขุมขน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ลดอาการคัน และระคายเคืองของผิว ช่วยผลัดเซลล์เก่าออกอย่างอ่อนโยน ปรับสมดุลการผลิตน้ำมันบนผิว

6. Hemp Oil- น้ำมันกัญชง (CBD Oil, Hemp Oil) หรือ น้ำมันเมล็ดกัญชง (Hempseed Oil) เป็นน้ำมันพืชสกัดจากเมล็ดกัญชง โดยการสกัดเย็นที่ต้องผ่านการควบคุมและผ่านมาตรฐานตามที่กำหนด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และต้องมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol: THC) และสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol: CBD) ในจำนวนที่น้อยมาก ซึ่งน้ำมันเมล็ดกัญชงจะช่วยบรรเทาอาการโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ช่วยลดอาการปวดและอักเสบ ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ และช่วยบำรุงสมอง รวมไปถึงการช่วยบำรุงผิว บำรุงสุขภาพ ทั้งนี้ยังสามารถนำไปแตกเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีก อาทิ น้ำมันนวดกัญชง, ครีมบำรุงผิวหน้าจากกัญชง, น้ำหอมกัญชง, สบู่กัญชง และเซรั่มกัญชง

7. ชามะลิ (Jasmine Tea)- ชามะลิ คือ ชาที่มีรสชาติหวาน และกลิ่นหอมละมุนคล้ายกับน้ำหอมจากธรรมชาติ ซึ่งชามะลิมาจากการนำใบชาชนิดหนึ่งมาผสมกับดอกมะลิ โดยปกติจะเป็นชาเขียวแต่อาจเป็น ชาขาว ชาดำ หรือชาอู่หลงก็ได้ โดยชามะลินั้นช่วยในเรื่อง การผ่อนคลาย และลดความเครียดได้เป็นอย่างดี จึงได้พัฒนาชามะลิ ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านสี กลิ่น รส ให้เป็นสินค้าฮาลาลส่งออกสู่ตลาดฮาลาลสากล

8. Seven Day tea (ชา 7 สี 7 วัน) – ชาที่มีส่วนผสมทั้งหมดเป็นวัตถุดิบของไร่ชา สุวิรุฬห์ ออร์แกนิค 100% ซึ่งได้พัฒนา และรวบรวมชา รวมไปถึงวัตถุดิบจำพวกสมุนไพรอื่นๆ ที่ให้สีตามวันทั้ง 7 วันไว้ด้วยกันประกอบด้วย Ginger Tea, Lemongrass Tea, English Breakfast, Jasmine Tea, Peppermint Tea, Oolong Tea, Darjeeling Tea ใส่ลงในบรรจุภัณฑ์ที่ได้ออกแบบ และพัฒนาให้มีความน่าสนใจ จนสามารถส่งออกสู่ตลาดฮาลาลสากลได้

9. กล้วยตากธรรมชาติ- กล้วยตาก หวานฉ่ำ ตากด้วยแดดธรรมชาติ อร่อยแบบสายคลีนเป็นของกินเล่นที่อร่อย และมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะกล้วยอุดมไปด้วยกากใยที่ช่วยในการขับถ่าย ลดอาการท้องผูก โดยกล้วยตากเป็นการถนอมอาหารแบบง่ายๆ ที่คนไทยสืบทอดต่อกันมา สามารถทานได้ในครัวเรือน และวางขายได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศอีกด้วย ผู้พัฒนาจึงได้พัฒนาออกแบบรรจุภัณฑ์ให้กับกล้วยตากธรรมชาติ ให้สามารถยืดอายุการเก็บรักษาให้นานขึ้น

10. กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์- เป็นการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบในท้องถิ่น ด้วยการพัฒนาให้เกษตรกรนำไปต่อยอด แปรรูป และลดต้นทุนการผลิต แถมยังสามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกร จากกล้วยราคาหวีละ 10-12 บาท เพิ่มเป็น 100 บาท ด้วยการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในต่างประเทศได้ และสร้างตลาดในต่างประเทศให้กับผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปให้มีมูลค่าสูงได้อีกด้วย

 

สำหรับเกษตรกร และประชาชนทั่วไปที่ต้องการข้อมูลผลิตภัณฑ์ และข้อมูลโครงการ “การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือน โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบยั่งยืน ภาคเหนือตอนบน 1” สามารถดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
– https://sites.google.com/view/halal-smart-farm
– https://www.facebook.com/HSC.CU.CM?mibextid=ZbWKwL
– https://www.facebook.com/HalalSmartFarm?mibextid=LQQJ4d
#HalalSmartFarm #HSCCM

เทศบาลเมืองแม่โจ้สุดเจ๋งโครงการ”ขยะจะไม่แขยง ถ้าเราร่วมแรงคัดแยกขยะ” จากเศษขยะกลายเป็นขยะทำเงิน

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมใหญ่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานเปิดโครงการแม่โจ้เมืองสีเขียว ที่ประสบความสำเร็จแก้ขยะมูลฝอยจากขยะไร้ค่าเป็นขยะทองคำทำเงินมีความสุขถ้วนหน้า นำโดยนายกฯคนเก่ง นายประหยัด ทรงคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ โดยมีการจัดโชว์ผลงานจากการนำเศษขยะมาทำปู๋ยหมักและวัสดุเหลือใช้มาประดิษสิ่งขอสามารถจำหน่ายทำงินแก่ชุมชนต่างๆของแม่โจ้


ความเป็นมาของโครงการ เนื่องจากเทศบาลเมืองแม่โจ้ประสบปัญหาเรื่องขยะมูลฝอย และสิ่งแวดล้อมมาโดยต่อเนื่อง เช่นเดียวกับปัญหาของเมืองใหญ่ทั่วไป เทศบาลเมืองแม่โจ้ต้องใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหาที่สูงมาก ปีละไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาท และก็พยายามแก้ไขปัญหา มาโดยต่อเนื่อง


เมื่อปี พ.ศ. 2564 นายประหยัด ทรงคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ ได้แถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลที่จะแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยได้ตระหนักถึงความสำคัญ และเห็นว่าเป็นปัญหาที่สำคัญเร่งด่วนปัญหาหนึ่งของเทศบาลเมืองแม่โจ้จึงได้เริ่มจัดทำโครงการแม่โจ้เมืองสีเขียวขึ้น ในปีงบประมาณ 2565 ภายใต้แนวคิด”ขยะจะไม่แขยง ถ้าเราร่วมแรงคัดแยกขยะ” เป็นการอบรมให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ ระดมความคิดเห็นในลักษณะของห้องปฏิบัติการทางสังคม Social Lab จึงได้ข้อสรุปว่า ขยะเกิดจากตัวเรา ใครก็แก้ไม่ได้ ถ้าเราไม่ช่วยกัน และได้มีมติร่วมกันว่า การจัดการแก้ไขปัญหาขยะที่ดีที่สุด คือ การจัดการขยะต้นทางในปีงบประมาณ 2565 ได้ตั้งงบประมาณต่อยอดโครงการ โดยการอบรมภายใต้โครงการเงินอุดหนุน โครงการพัฒนาระบบสุขาภิบาลในชุมชน ในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีให้กับชุมชน 19 ชุมชน ประกอบด้วย กิจกรรมอบรมให้ความรู้ การจัดทำถังขยะเปียก การคัดแยกขยะ การซื้อขายขยะ การจัดตั้งธนาคารขยะ

ที่สำคัญเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิ์ถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม การซื้อขาย ขยะของชุมชน และได้มอบนโยบายเรื่องแก้ไขปัญหาหมอกควันโดยขอให้ประชาชนงดเผาเศษกิ่งไม้และให้ใช้ใบไม้มาทำปุ๋ย


ต่อมา เทศบาลเมืองแม่โจ้ ได้จัดอบรมให้ความรู้ในการทำปุ๋ยหมักจากใบไม้ไม่พลิกกลับกอง โดยใช้สูตรวิศวกรรมแมโจ้ 1 และจัดให้มีการประกวดแข่งขัน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม กระตุ้น สร้างจิตสำนึก และเป็นขวัญกำลังใจกับผู้ร่วมโครงการ บัดนี้ กิจกรรมต่างๆ ที่เทศบาลเมืองแม่โจ้ได้ร่วมทำกับชุมชน 19 ชุมชน ผู้ร่วมกิจกรรมประมาณหนึ่งพันกว่าคนได้เสร็จสิ้นแล้ว สามารถทำให้เทศบาลเมืองแม่โจ้ แก้ไขปัญหาขยะได้ มีปริมาณขยะจากต้นทางลดลง ประชาชนมีการคัดแยกขยะเพิ่มขึ้น ชุมชนจัดทำถังขยะเปียกมากกว่า 90% มีการซื้อขายขยะในชุมชน ชุมชนมีรายได้

และที่สำคัญได้นำข้อดำริจาก ผวจ.เชียงใหม่​ดำเนินการทำปุ๋ยหมักจากใบไม้และทำสิ่งประดิษฐ์ต่างๆจากวัสดุเหลือใช้แทนที่จะนำไปทิ้งและนำกลับมาประดิษฐ์ สิ่งของเครื่องใช้ไม่ว่าจะทำโคมไฟ หมวก กระถาง และสิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวันจนเป็นสินค้าของชุมชนต่างๆของเทศบาลเมืองแม่โจ้จากรายได้ให้กับชุมชนต่างๆด้วย//
วันนี้ทั้ง 19 ชุมชน ได้นำมาจัดนิทรรศการและนำเสนอผลงานสามารถนำปุ๋ยใบไม้ที่ได้ไปใช้ในชุมชน และวางจำหน่ายแล้ว ผู้ร่วมโครงการอบรมในวันนี้ ประกอบด้วย คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชน ประชาชนในชุมชน จำนวน 300 คน การจัดโครงการแม่โจ้เมืองสีเขียว ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ วัด มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โรงเรียน ภาคเอกชน องค์กร ชุมชน

 

โดยทางนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวรผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานมอบรางวัลการประกวดปุ๋ยหมักไม่พลิกกลับกอง และการบริหารจัดการขยะ ระดับชุมชนและครัวเรือน สำหรับเงินรางวัลในการประกวด แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ระดับชุมชน และ ระดับครัวเรือน รางวัลชนะเลิศ ระดับชุมชนเงินรางวัล 10,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ระดับชุมชน เงินรางวัล 5,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ระดับชุมชน เงินรางวัล 4,000 บาท, รางวัลชนะเลิศระดับครัวเรือน เงินรางวัล 4,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ระดับครัวเรือน เงินรางวัล 3,000 บาท,รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ระดับครัวเรือน เงินรางวัล 2,000 บาท


ในขนะนี้เทศบาลเมืองแม่โจ้ ได้ผลิตปุ๋ยหมักสูตร วิศวกรรมแม่โจ้ 1 ได้ชุมชนละ 1,500 กิโลกรัม รวม 19 ชุมชน ได้จำนวน 28,500 กิโลกรัม บรรจุกระสอบละ 5 กิโลกรัม รวม 5,700 กระสอบ จำหน่วยกระสอบละ 35 บาท / 3 กระสอบ 100 บาทเป็นเงิน 199,500 บาท ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ นายนายธนวัฒน์ ปาขันธ์ โทร 081-0354559, นางเพลินจิตร์ ศรีทิ โทร 089-4320947, นางพรรณนิภา สายหยุด โทร 06-52381015 ได้.

อบจ.เชียงใหม่เตรียมจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ONEhd 31 3rd SEA V League  ระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม 2566 ครั้งที่ 1

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่  ได้มีการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ONE HD 31 3rd SEA V League ระหว่างวันที่ 11 – 13 สิงหาคม 2566 ครั้งที่ 1/2566  โดยมีนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่  นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย นายสงค์ศักย์ คำดีรุ่งริรัตน์ ผู้อำนวยการ การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่  และพล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมการประชุมพร้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้

โดยสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ณ สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีทีมจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 4 ประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า นอกจากการประชุมเตรียมการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงแล้วยังได้มีการเดินทางมาตรวจสนามแข่ง ณ สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย ทั้งเรื่องแสงไฟ เรื่องเครื่องปรับอากาศที่ใช้งบประมาณจำนวน 15 ล้านบาท แล้วยังมีการปรับปรุงในส่วนของห้องพักนักกีฬา ห้องกรรมการและห้องน้ำ เรียกได้ว่าปรับปรุงทุกส่วนเพื่อให้พร้อมแข่งขันได้

ซึ่งสนามแห่งนี้สามารถจุผู้เข้าชมได้ประมาณ 3,000 คน แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าคนเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงจะเดินทางมาเข้าชมจำนวนมากบัตรซึ่งจะจำหน่ายราคา100บาทและ 150 บาทเข้าชมอาจจะไม่เพียงพอโดยจะมีการเสริมจอแอลอีดี ให้ผู้เข้าชมที่ไม่สามารถจะเข้ามาดูในสนามแข่งได้ชมได้ คาดว่าอีกไม่เกิน 20 วันจะแล้วเสร็จ

ด้านนายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า วอลเลย์บอลหญิงไทยจะมีการผสมผสานชุดใหญ่กับชุดสำรองซึ่งในขณะนี้เก็บตัวอยู่ประมาณ 20 คน ในขณะเดียวกันต้องดูในสถานะของทีมเราที่เป็นเบอร์ 1 ในอาเซียน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเอาชุดที่ดีที่สุดลงแข่งจะไม่ให้เสียชื่อในฐานะที่เราเป็นแชมป์อาเซียนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามเราก็ต้องพิจารณาถึงอนาคตข้างหน้าด้วยว่ามีการแข่งขันหลายรายการทั้งชิงแชมป์เอเชีย ทั้งคัดเลือกโอลิมปิกและยังมีรายการเอเชียนเกมส์อีก เพราะฉะนั้นเรามีรายการหนักๆทั้งนั้นจึงต้องปรับเปลียนนักกีฬาไปตามสถานการณ์

พาณิชย์เชียงใหม่ ยกขบวนผู้ประกอบการล้านนา โชว์ศักยภาพผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์Lanna Soft Power เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างโอกาสพัฒนาต่อยอดทางการตลาด

กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ นำผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการจังหวัด ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor : NEC) เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และเชียงรายมาประชาสัมพันธ์และจัดแสดงผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ ภายในงาน Lanna Expo 2023 บริเวณโซน 3 ระหว่างวันที่ 3 – 9 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ กว่า 200 คูหา

​นางนัยนภัส สังขนุกิจ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์และจัดแสดงผลิตภัณฑ์ เชิงสร้างสรรค์ “Lanna Soft Power เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากด้วยเศรษฐกิจมูลค่าสูงภาคเหนือ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ว่าเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการต่อจากกิจกรรมการสร้างเครือข่ายและต่อยอด องค์ความรู้เชิงสร้างสรรค์ และกิจกรรมยกระดับผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์อารยธรรมล้านนาสู่สากล

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน สนับสนุนและสร้างโอกาสให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้าสร้างสรรค์/สินค้ามูลค่าสูง เข้าสู่ตลาดใหม่ และขยายช่องทางการตลาด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยการสร้างรายได้และกระตุ้นการใช้จ่าย ของประชาชน และเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าสร้างสรรค์ สินค้ามูลค่าสูง รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างความน่าสนใจให้กับผู้บริโภค

นายวันชัย วราวิทย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าการจัดงาน “Lanna Soft Power เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ตามกิจกรรมประชาสัมพันธ์และจัดแสดงผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ คาดหวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นการสร้างโอกาสทางการค้า อย่างยั่งยืนให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ สินค้าสร้างสรรค์มูลค่าสูง (เกษตรเพิ่มมูลค่า สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าไลฟสไตล์) ของจังหวัดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ Northern Economic Corridor : NEC ) เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และเชียงราย) โดยการส่งเสริมการตลาดสินค้าของท้องถิ่นให้สามารถแข่งขันในตลาดทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้การบริโภคภายในประเทศ และเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นตัวขับเคลื่อน

ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการประชาสัมพันธ์ความเป็นเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และแสดงผลงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการ นิทรรศการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ของตราสัญลักษณ์ เชียงใหม่แบรนด์ เชียงรายแบรนด์ ลำปางแบรนด์ และลำพูนแบรนด์ กิจกรรม Workshop ด้านงานศิลปหัตถกรรม การสร้างสรรค์งานคราฟท์ กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ กิจกรรมเสวนา “เชียงใหม่กับการสร้างสรรค์งานคราฟท์ และ ทิศทางการตลาด” การแสดงของศิลปินดารานักร้อง คุณเข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล และการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กิจกรรมช้อปสินค้านาทีทอง และกิจกรรมส่งเสริมการขายลุ้นรับของรางวัลมากมายภายในงาน