เชียงใหม่ ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสกับเสน่ห์เมืองหลวงแห่งไม้ดอก ในงานเทศกาล Chiang Mai Blooms 2024

จังหวัดเชียงใหม่เชียงใหม่ เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสกับเสน่ห์เมืองหลวงแห่งไม้ดอก ในงานเทศกาลเชียงใหม่บลูมส์ ปีที่ 7 Chiang Mai Blooms 2024 ภายใต้แนวคิด “Secrets of Flowers” พร้อมเผยความลับแห่งชีวิตสุนทรีย์ ตามรอยดอกไม้ทั่วเมืองเชียงใหม่ ตลอดกุมภาพันธ์นี้

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 67 ที่ โรงแรมรติ ล้านนา ริเวอร์ไซส์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ , นายสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ และ นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมการค้าวิศิษฏ์ล้านนา เพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดเทศกาลเชียงใหม่บลูมส์ ปีที่ 7 (Chiang Mai Blooms 2024) ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ สมาคมการค้าวิศิษฎ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว และภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วเมืองเชียงใหม่ได้ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567

โดยในปีนี้กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Secrets of Flowers : เผยความลับหอมหวนแห่งชีวิตสุนทรีย์ ตามรอยดอกไม้ทั่วเมืองเชียงใหม่ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้” โดยเชิญชวนพี่น้องชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสกับเสน่ห์ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งดอกไม้

โดยไฮไลท์สำคัญของงานในปีนี้มีอยู่หลายงาน ซึ่งได้นำเอาดอกไม้มาเป็นสื่อกลางในการจัดงาน และพร้อมที่จะนำทุกท่านออกไปท่องโลกดอกไม้ที่อบอวนไปด้วยความสุข และความสนุก อาทิ งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 47 ระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด “บุปผชาติล้านนา ภูษาเวียงพิงค์” , กิจกรรม Chiang Mai Blooms Chef’s Table : Secret Recipes เชฟเทเบิลในสไตล์ Chiang Mai Blooms ที่แฟนประจำรอคอยทุกปี ซึ่งในปีนี้จะได้ให้นักท่องเที่ยวมาร่วมสนุกกับสามเชฟทำอาหารชื่อดัง สามร้าน สามรสมือ ที่พร้อมเปิดเผยความลับของการรังสรรค์ดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสมผสานกับวัตถุดิบทำอาหารของเมืองเชียงใหม่ มาไว้บนจานอาหารให้ได้ชิมกระตุ้นต่อมรับรส ประกอบด้วย ร้านเลเลฟอง ร้าน Blanc Chiang Mai และ หลังบ้านเชฟ , กิจกรรม Flowers on the table : Secret Garden

ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ที่ชวนนักท่องเที่ยวมาสนุกสนานเบิกบานในค่ำคืนพิเศษ กับงานนิทรรศกาลผ้าไหม งานศิลป์ อาหารอร่อยจากเชฟชื่อดัง และการขับกล่อมบทเพลงจากศิลปินนักร้อง , กิจกรรม Chiang Mai Blooms Secret Heavens กิจกรรมสำหรับสายสุขภาพ ที่ชวนมาบอกรักตัวเองด้วยความลับของดอกไม้ที่เปิดเผยโดยสปาชั้นนำของเชียงใหม่ และ กิจกรรม Chiang Mai Blooms Journey ซึ่งได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาฟินกับแพ็กเก็จท่องเที่ยวพิเศษ พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์เส้นทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้ โดยได้รวบรวมดีลโรงแรม มื้ออาหารพิเศษ เครื่องดื่มเมนูดอกไม้ และไนท์ไลฟ์มาไว้ในแพ็กเก็จเดียว ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดหาที่อื่นไม่ได้ของ Chiang Mai Blooms

สำหรับผู้ที่สนในร่วมกิจกรรมต่างๆ สามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลของเทศกาลได้ที่ เพจ Facebook : Chiang Mai Blooms , อินสตราแกรม : cmblooms หรือที่เว็บไซต์ www.visitlannaassociation.com

ภายใต้แบรนด์ Dr. Woo Shik Choi’s Nose Lips Surgery จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมาดูแลความงามของชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ภาคเหนื

ภายใต้แบรนด์ Dr. Woo Shik Choi’s Nose Lips Surgery จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมาดูแลความงามของชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ภาคเหนืออย่างใกล้ชิด

ครั้งแรกในภาคเหนือ กับการเปิดตัวตัวแทนภาคเหนือ ประเทศไทย โดยการนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จาก Nose Lips Plastic Surgery Center ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์มากกว่า 25 ปี Dr. Woo Shik Choi จับมือกับพาร์ทเนอร์นักธุรกิจชื่อดังจังหวัดเชียงใหม่ โดยการนำของ พลตรีหญิง กชกร ไชยบุตร และ ดร. จารุปรานต์ ภากุลเดช ภายใต้แบรนด์ Dr. Woo Shik Choi’s Nose Lips Surgery จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมาดูแลความงามของชาวเชียงใหม่อย่างใกล้ชิด

ในวันที่ 29 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ณ สถานความงาม เมอเดเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงาน Soft Opening สุด Exclusive ให้กับเหล่าบรรดาเซเล็บเชียงใหม่ โดยภายในงานได้เรียนเชิญคุณหมอชื่อดังจากเกาหลี Dr. Woo และ คุณหมอชาวไทยชื่อดังด้าน การใช้ศาสตร์ดูโหงวเฮ้งใบหน้า ให้กับผู้ที่เข้าร่วมในงาน ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่น ซึ่งตลอดทั้งวัน มีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง

พี่น้องชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ภาคเหนือ ประเทศไทย สามารถปรึกษาการทำสวย อุ่นใจภายใต้ประสบการณ์ยาวนานถึง 25 ปีของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้การดูแลของDr. Woo Shik Choi’s Nose Lips Surgery

งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 หรือ CHIANG MAI FLOWER FESTIVAL 2024

งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 หรือ CHIANG MAI FLOWER FESTIVAL 2024 เริ่มขึ้นแล้วอย่างยิ่งใหญ่ โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ได้เนรมิตพื้นที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด ให้เต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาพันธุ์อย่างสวยงาม ภายใต้แนวคิด Miracle of Precious Flora หรือ “มหัศจรรย์แห่งพฤกษา ความงามเลอค่า นครเชียงใหม่”

นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดสวนสาธารณะหนองบวกหาด ในงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 หรือ CHIANG MAI FLOWER FESTIVAL 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Miracle of Precious Flora” หรือ “มหัศจรรย์แห่งพฤกษา ความงามเลอค่า นครเชียงใหม่” ที่จัดกิจกรรมต่อเนื่องกันถึง 5 วัน ระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2567 เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-22.00 น.

ทั้งนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่ ผู้จัดงาน ได้เนรมิตพื้นที่ 12 ไร่ บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาด ให้เต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาพันธุ์ สีสันสดใส และส่งกลิ่นหอม พร้อมประดับตกแต่งประติมากรรมดอกไม้ ประติมากรรมแสงไฟ ไว้อย่างสวยงามตระการตา นำดอกไม้เมืองหนาวทั้งของเมืองไทยและจากต่างประเทศ อย่างดอกทิวลิป ดอกกุหลาบสเปรย์ ดอกลิลลี่ ดอกไฮเดรนเยีย รวมไปถึงกล้วยไม้หายาก มาจัดมุมถ่ายรูปสวยๆ ในลักษณะของทุ่งดอกไม้ สวนดอกไม้ ซุ้มดอกไม้ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 โซนด้วยกัน

เริ่มที่โซน Dimension Gate นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับ Animation 3D สุดน่ารักตั้งแต่ด้านหน้า ก่อนเดินผ่านซุ้มประตูดอกไม้เข้าสู่งาน ที่เปรียบเสมือนกับการเปิดประตูมิติ เข้าไปอีกโลก คือโลกแห่งแมกไม้ ดอกไม้ ท่ามกลางประติมากรรมน้อยใหญ่อันงดงามอลังการ ผสมผสานนวัตกรรมร่วมสมัย ในแบบฉบับที่เหนือจินตนาการ โดดเด่นไม่เหมือนใคร, โซน Miracle of Precious Flora ประติมากรรมและทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์อันงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไฮเดรนเยีย สวนดอกกุหลาบสเปรย์ สวนดอกลิลลี่ ซุ้มโค้งทรงโดม ซุ้มอุโมงค์ไม้ไผ่ประดับดอกไม้และไฟ บ้านต้นไม้ ดั่งดินแดนแห่งเทพนิยาย, โซน Tulip Dream Land สัมผัสประติมากรรมดินแดนในฝันของทุ่งดอกทิวลิปหลากสีสัน ที่อัดแน่นด้วยดอกทิวลิปนับพันดอก,

โซน Orchid Garden สัมผัสความงดงามของดอกกล้วยไม้ที่หาชมได้ยาก อย่าง กล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสใหญ่ยักษ์ กล้วยไม้แวนดาสีสันสวยงาม ท่ามกลางละอองหมอกฟุ้งกระจาย ราวกับหลุดเข้าไปในดินแดนแห่งความฝัน, โซน Field Lights ทุ่งหญ้าแห่งแสงไฟหลากหลายสีสันสุดตระการตา มีประติมากรรมแสงไฟ รูปดาว รูปผีเสื้อ และรูปปั้นต่างๆ ที่ตกแต่งไว้กระจายทั่วพื้นที่ คล้ายกับอยู่ในดินแดนสุดมหัศจรรย์ เป็นมุมถ่ายรูปอย่างจุใจ, โซน Happy Funny Glow สัมผัสประสบการณ์ความสุข กับอุโมงค์เรืองแสงในสวนดอกไม้ ที่สามารถเพนท์ร่างกายได้แบบตามใจฉัน ก่อนเดินผ่านสู่อุโมงค์เรืองแสงความยาว 40 เมตร สร้างความสนุกเพลิดเพลินสไตล์ใหม่ๆ, โซน Funny Baby Bear ชมการแสดง Mapping Baby Bear ที่ใช้แสงและสี ฉายลงบนประติมากรรมรูปหมีน้อยแสนน่ารัก สร้างมิติให้น่าสนใจ สนุกสนาน มีชีวิตชีวา มอบรอยยิ้มแห่งความสุข ส่วนในโซนสุดท้าย การแสดงน้ำพุดนตรี Musical Fountain ภายในคูเมือง ด้านหน้าสวนสาธารณะหนองบวกหาด ที่นำระบบแสง สี เสียง ที่ตื่นตาตื่นใจ มามอบให้เป็นของขวัญให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ปีนี้เป็นปีแรก

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงาน นอกจากจะได้ชื่นชมและถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ แล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายเช่นเดียวกับทุกปี อาทิ บูธนิทรรศการและการประกวดไม้ดอกไม้ประดับ บูทจำหน่ายต้นไม้ ดอกไม้ การออกร้านจำหน่าย สินค้า OTOP ของดีแต่ละอำเภอ ร้านขายอาหารเครื่องดื่มนานาชาติ รวมไปถึงการแสดงของเครือข่ายเด็กและเยาวชน จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานอื่นๆ ตลอด 5 วันเต็ม

ทั้งนี้จะมีการแสดงดนตรีในสวนดอกไม้ ในเวลา 16.00 – 17.00 น. และ 20.00 – 21.00 น., การแสดง Mapping Baby Bear ในช่วงเวลา 19.00 – 22.00 น., กิจกรรมอุโมงค์เรืองแสงในช่วงเวลา 18.00 – 22.00 น. ส่วนการแสดงน้ำพุดนตรีภายในคูเมืองด้านหน้าสวนสาธารณะหนองบวกหาด จะมีวันละ 3 รอบ รอบละ 15 นาที ในเวลา 19.00 น., 20.00 น. และ 21.00 น. ระหว่างวันที่ 1 – 4 กุมภาพันธ์

Chiang Mai Food Festivalเทศกาลอาหารนานาชาติเชียงใหม่“เพราะรักแห่งอาหารคือรักที่ไร้พรมแดน”ที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่

วันที่ 27 มกราคม 2567 ที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานเทศกาลอาหารนานาชาติเชียงใหม่ Chiang Mai Food Festival ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เชียงใหม่กรีนคิทเช่น โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) สภาอาหารจังหวัดเชียงใหม่ เขียวสวยหอม โอล์ดเชียงใหม่ (ศูนย์วัฒนธรรม) ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 มกราคม 2567

เทศกาลอาหารนานาชาติเชียงใหม่ Chiang Mai Food Festival จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอาหาร และเส้นทางท่องเที่ยวอาหารเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้ทั้งคนเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวได้ทำความรู้จักและเข้าใจในอาหารท้องถิ่น และความเป็นพหุวัฒนธรรมของเชียงใหม่ ทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมกลุ่มผู้ผลิตอาหาร ผู้แปรรูปอาหาร และกลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่มรายย่อยให้มีพื้นที่ในการแสดงสินค้า อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าให้กับอาหารท้องถิ่น สู่การกระจายรายได้สู่ชุมชน

ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและผลัดดันนโยบายของ Soft Power 5F (F : Food) ให้ “อาหาร” เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวChiang Mai Food Festival จัดขึ้น ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ในวันที่ 27-28 มกราคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-22.00 น.

ภายในงานจะได้พบกับบูธอาหารไทย อาหารเมือง อาหารนานาชาติ อาหารจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ อาหารนวัตกรรม กลุ่มร้านอาหาร Green Kitchen และ Green Farm เครื่องดื่มจาก Brewer ท้องถิ่น ร้านจำหน่ายสินค้าทำมือรักษ์โลก การสาธิตการทำอาหาร กิจกรรมเสวนาเรื่องอาหาร พูดคุยกับเจ้าของร้านอาหาร ผู้รู้ ผู้ประกอบการด้านอาหาร ผู้ผลิตคราฟต์ดริ้ง การแสดงทางวัฒนธรรมและการแสดงดนตรีจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และกิจกรรมเวิร์กชอปมากมาย ตลอดทั้ง 2 วัน

นอกจากนี้ Chiang Mai Food Festival ยังได้ร่วมกับ LOMO (Local Mobility) จัด City Gastro Tour ภายใต้กิจกรรม “กองกีดทัวร์” พาเที่ยวตามตรอกเล็กซอยน้อยด้วยรถไฟฟ้า ไปรู้จักอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทในตัวเมืองเชียงใหม่ อาทิ ชุมชนวัดพันแหวน ชุมชนล่ามช้าง ชุมชนศรีสุพรรณ ชิมอาหารบ้านตึก ฟิวชั่นอาหาร 5 เชียง ที่ร้านเอื้องคำสาย

นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า อาหาร ถือเป็น Soft Power ในการดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยว รู้จักและสัมผัสกับความหลากหลายทางอาหารของภาคเหนือของไทย ซึ่งมีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น เป็นการเพิ่มมูลค่าที่ยั่งยืน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ชุมชน ร้าน และผู้ประกอบการ รวมทั้งวัฒนธรรมทางด้านอาหารนานาชาติที่ผสมผสานกันเกิดเป็นรสชาติที่น่าสนใจ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว เรามีทั้งอากาศ อาหาร ที่พัก รอยยิ้มและน้ำใจของผู้คน เกิดเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านเฉพาะในงานนี้ เพราะมีการต่อยอดและสร้างเครือข่ายอาหารปลอดภัยให้เกิดขึ้น เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของประชาชนและนักท่องเที่ยว เป็นความยั่งยืนในระยะยาว

จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองที่สมบูรณ์ด้วยอาหารการกินจากหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง และกลุ่มคนไทในพื้นที่ราบ ถึง 12 ชาติพันธุ์ และยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ ทั้งชาวญี่ปุ่น เกาหลี จีน อเมริกัน เยอรมัน อังกฤษ และอีกมากมาย พวกเขาต่างนำวัฒนธรรมอาหารของตนเองมาด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความหลากหลายของผู้ผลิตอาหารในหลายสัญชาติ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายเล็กๆ กลายเป็นเสน่ห์ของเชียงใหม่ที่สามารถทำให้ได้ลิ้มลองอาหารหลากหลายสัญชาติจากการมาเชียงใหม่เพียงที่เดียว


การท่องเที่ยวเชิงอาหารจึงเป็นการท่องเที่ยวที่สามารถเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม สังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ อีกทั้งเทศกาลอาหารยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถทำความรู้ความเข้าใจเรื่อง
อาหารท้องถิ่น และความเป็นพหุวัฒนธรรมของเชียงใหม่ได้อย่างรวดเร็ว … มาร่วมงาน Chiang Mai Food Festival เพียงงานเดียว เหมือนได้เดินทางไปชิมอาหารทั่วเชียงใหม่

บริษัทจาร์ทิซานน์จำกัด ผู้ผลิตชีสสัญชาติไทย100% ขยายโรงงานผลิตที่ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ดีไซน์มาเพื่อการผลิตชีสที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อเย็นวันที่ 23 มกราคม.นี้ที่ บริษัทจาร์ทิซานน์จำกัด เลขที่ 242 หมู่ 3ตำบล สันผักหวานอำเภอหางดงจังหวัดเชียงใหม่เส – จารุทัศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา พร้อมทั้งแอน- ชุติพันธุ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้ทำพิธีเปิดขยายโรงงานที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ดีไซน์มาเพื่อการผลิตชีสที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด โดยมีหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคล เป็นองค์ประธานเปิดงานมี พล.อ.อ.อนุพันธ์- ผศ.วรลักษณ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา หม่อมหลวงปรียพรรณ ศรีธวัช พร้อมทั้งผู้บริหารจากองค์กรและบริษัทต่างๆ แลพแขกผู้ทรงเกียรติมาร่วมงานคับคั่ง


โดยบริษัทจาร์ทิซานน์จำกัดผู้ผลิตชีสสัญชาติไทย100% เริ่มก่อตั้งเมื่อปี2563 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้นมในท้องถิ่นมาผลิตเป็นหลัก จุดเด่นของจาร์ทิซานน์คือการประยุกต์ภฺูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ชีสหลากหลายชนิดทางผู้ก่อตั้งเชื่อว่าประเทศไทยสามารถเป็นแหล่งผลิตชีสระดับโลกได้ ปัจจุบันเพื่อรองรับการผลิตที่ใช้ปริมาณนมโคถึง 2ตันต่อเดือน ทางจาร์ทิซานน์จึงได้ขยายโรงงานที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ดีไซน์มาเพื่อการผลิตชีสที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด


เส – จารุทัศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้กล่าวถึงการเปิดขยายโรงงานในครั้งนี้ว่า”กระผมขอขอบพระคุณทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาในวันนี้ เพื่อเป็นสักขีพยาน ในความสำเร็จ ที่จะสร้างความฝันที่ยากเย็นและยุ่งยาก ให้กลายเป็นความจริง เป็นความฝันที่เลือกที่จะท้าทายความสามารถของคนไทยและของตัวเอง ให้ทั้งคิดและทำออกนอกกรอบ โดยการสร้างมโนภาพ ใช้อิทธิบาท 4 เพียรพยายามและมุ่งมั่นที่จะทำให้มโนภาพนั้น เกิดขึ้นมาเป็นสิ่งจับต้องได้ อย่างที่ประเทศไทยเราไม่เคยเห็นมาก่อน

การทำชีสในเมืองไทย ก็ว่าเป็นเรื่องยากแล้ว เพราะไหนจะคนไทยไม่ได้คุ้นชินกับชี การสร้างโรงผลิตชีสที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างชาติ ด้วยน้ำมือและมันสมองของคนไทยเองที่จะรังสรรปั้นแต่งขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่ยาก ’มาก’ ไม่ได้แพ้กัน เพราะทั้งสองสิ่งนี้ ประเทศไทยเราขาดครูผู้สอน ขาดที่ปรึกษา หรือผู้มากประสบการณ์ ที่จะคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้อง แต่เป็นความพยายามของเราคนไทย ที่เลือก ที่จะต้องอดทนต่อความยากลำบากในการค่อยๆเรียนรู้ด้วยตนเอง จากการลองผิดลองถูก จากการช่างสังเกตุ จากการมองดูต้นแบบจากแดนไกลเพียงผ่านสื่อโดยไม่ได้ไปจับต้องของจริง แล้วมาถอดรหัส และจากการทำสมาธิเพื่อพวกเราให้ตกผลึก จนเราเกิดความเข้าใจในระบบที่กำลังจะเกิดขึ้น จนการออกแบบที่สามารถปะติดปะต่อการทำงานของระบบต่างๆ ให้เข้ากันได้นั่นเอง

ตอนที่คิดจะเริ่มสร้างโรงผลิตชีสแห่งนี้ในกลางปี 2564 ผมรู้ตัวในตอนนั้น ว่าผมคงต้องเป็นผู้ออกแบบ Layout ของอาคารเอง เพราะมันจะเป็นการออกแบบที่ยากมากให้ลงตัว เนื่องจากต้องเต็มไปด้วย Function ต่างๆ ที่จำเป็นตามกระบวนการผลิตชีสจากต้นจบ ที่มีเพียงเราเท่านั้นที่จะรู้ และก็ต้องให้ถูกต้องตามหลักมาตรฐานอาหาร และยังอาศัยหลักวิชาฮวงจุ้ยที่ทางซินแส ณภัทร ดุษฎีรักษ์ คอยให้คำแนะนำ แต่มีพื้นที่จำกัดเพียงประมาณเศษ 1 ส่วน 10 ของพื้นที่บ้าน และ บนคือ Footprint เพียงที่ถือว่าเล็กมาก แต่ต้อง ก่อนที่จะส่งแบบ 3 มิติต่อให้บริษัท Full Scale Studio บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมเจ้าประจำ ของคุณอรรถสิทธิ์ กองมงคล ไปช่วยจบแบบด้านรูปลักษณ์ภายนอกให้สวยสดงดงาม ตามมโนภาพของสถาปนึกคือเจ้าของ และสถาปนิกตัวจริง คือคุณอรรถ รวมๆกัน รวมถึงทำแบบก่อสร้างให้ออกมาให้สำเร็จด้วย อย่างไรก็ดี คุณอรรถสิทธิ์ก็ได้ทำใจไว้แล้ว ว่าสถาปนึก ก็จะมาดัดแปลงแบบออกไปอีก เปรียบดั่งนักดนตรี jazz ในวงเดียวกัน ที่แต่ละท่านก็จะมี ท่อน solo คนละท่อน เพื่อให้เพลงมีความลงตัวและหลากหลาย

ด้วยความที่เราไม่มั่นใจว่าเราจะหาผู้รับเหมาได้หรือไม่ เนื่องจากงานนี้ จะเป็นงานที่สลับซับซ้อน และมีระบบแปลกๆใหม่ๆ ที่จะเข้ามา ทางพวกเราจึงเลือกที่จะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเอง โดยปราศจาคผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องจัดคิวช่างก่อสร้างทุกประเภทเข้ามา ตามลำดับ แต่ต้องมีคู่หูรุ่นพี่ ผู้มากมายความสามารถ คือช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบและทำ คือคุณป๋วย อัครภาคย์ ผู้ที่เป็นทั้ง designer / วิศวะกร / สถาปนิก / model maker / visionary ในคนเดียวกัน เข้ามาช่วยเป็นแรงให้อีกท่าน เป็นบุคคลที่เข้าใจงานออกแบบ งานก่อสร้าง งานเขียนแบบทั้ง 2 มิติและ 3 มิติ ได้ตั้งแต่ระดับมหาภาค ยันระดับน็อตตัวเล็กๆ แถมยังมีความบ้าที่จะท้าทายอะไรแปลกๆใหม่ๆ ได้ไม่แพ้กัน จึงทำให้งานทั้งฝั่งระบบ ฝั่งเครื่องจักร ฝั่งอาคาร ช่วยกันสำเร็จได้อย่างที่ท่านจะได้เห็น เพราะคุณป๋วย มาเป็นผู้ช่วยกันค้ำโปรเจ็คของพวกเราให้เกิดขึ้น พวกเราสนุกกันมาก กับการได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ กันตลอดเวลา


ชีสของจาร์ติซานที่จำหน่ายประจำมีอยู่สิบชนิด เรียงจากเนื้อชีสนุ่ม ไปจนถึงแข็ง มีทั้งรมควัน ปนผลไม้แห้งหอมหวาน หรือบลูที่เป็นมิตร San Paquanburie สันผักหวานบุรีSoft, bloomy-rind,Snow Goat สโนว์ แพะSoft, bloomy-rind,Hidden Agenda ซ่อนกลิ่น
Soft, washed-rind,Ricotta Affumicata รีคอตตา อัฟฟูมิกาตาSemi-soft, smoked,Ricotta Alla Fruitta รีคอตตา อัลลา ฟรุตตา
Semi-soft smoked, flavoured,Syam Is Blue สยาม อิซ บลูSemi-hard, blue,,Saltara Ferari ซอลธารา เฟราริSemi-soft, washed-rind
Saltara Machima ซอลธารา มาชิมะSemi-hard, mountain, washed-rind,Saltara Thera ซอลธารา เถระHard, mountain, washed-rind
Palazzo Di Palma ปาลาซโซ ดิ ปาลมาHard Italian – Grana type,

“เราจะทำชีสได้ ต้องเริ่มด้วยนม จะเป็นนมวัว นมควาย หรือนมแพะก็ได้ จากนั้นต้องมีเชื้อจุลินทรีย์เพื่อให้เกิดกรดแลคติก ซึ่งภาวะกรดจะทำให้เกิดการตกตะกอนโปรตีนในน้ำนม จากนั้นก็จะใส่สารที่เรียกว่าเรนเน็ต ทำให้โปรตีนที่แยกออกมานั้นจับตัวเป็นก้อน ของเหลวที่แยกออกมาคือเวย์โปรตีน จากนั้นคนทำชีสจะเอาก้อนโปรตีนหรือที่เรียกว่าเคิร์ด มาอัดกดเพื่อไล่น้ำออก จากนั้นก็เข้าห้องบ่ม ออกมาเป็นชีส” เส – จารุทัศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กล่าวทิ้งท้าย

สายการบินสตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงเชียงใหม่-ไทเป

สายการบินสตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงเชียงใหม่-ไทเป เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางจากทั่วโลก

ครั้งแรกของสายการบิน “Starlux Airline” สายการบินพรีเมี่ยมสัญชาติไต้หวัน พร้อมเปิดให้บริการแบบ Full Service บินตรงเชียงใหม่ – ไทเป รองรับนักเดินทางที่ต้องการต่อเครื่องไปยัง ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อกระตุ้นการเดินทางระหว่างภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มเม็ดเงินให้หมุนเวียนภายในจังหวัดเชียงใหม่ ตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ที่คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางภายในปี 2567 ประมาณ 6 – 15 ล้านคน และสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 3 – 7 พันล้านบาท

18 มกราคม 2567 – จ.เชียงใหม่: สายการบิน สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ – Starlux Airline บริหารงานโดย “K.W. Chang ผู้ก่อตั้งและประธานสายการบิน STARLUX” สายการบินพรีเมี่ยมสัญชาติไต้หวัน เปิดสำนักงานใหม่ล่าสุด ณ สนามบินเชียงใหม่ เป็นแห่งที่ 2 ต่อจาก กรุงเทพฯ เอาใจตลาดนักท่องเที่ยวเมืองไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด พร้อมบินด้วยเครื่องรุ่นใหม่ทุกเที่ยวบิน อาทิ A330neo, A321neo, A350XWM เสริมทัพด้วยการบริการเหนือระดับพร้อมนำทุกท่านสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย

สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ มาพร้อมจุดเด่นเน้นการให้บริการแก่ผู้โดยสาร โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก และการออกแบบที่เน้นการบริการเรื่องประสาทสัมผัสทั้ง 5 รูป, รส, กลิ่น, เสียง, สัมผัส อาทิ
– รูป และสัมผัส: ห้องโดยสาร ได้รับการออกแบบโดย BMW Designworks ที่สร้างขึ้นจากแนวคิด “สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน” และตกแต่งด้วยโทนสีที่เน้นความหรูหรา สง่างาม
– รส: อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่อง ได้รับการคัดสรรวัตถุดิบ และรังสรรคเมนูจากร้านอาหารชื่อดัง และร้านที่ได้รางวัล Michelin Guide จากประเทศไต้หวัน
– กลิ่น: ห้องโดยสารในแต่ละชั้นโดยสาร จะได้กลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ภายใต้แนวคิด “Home in the Air”
– เสียง: มีเพลงบรรเลงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แต่งโดยศิลปินระดับโลก Peter White

ด้านการบริการ สายการบิน สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ เน้นการบริการแบบ Full Service สามารถโหลดสัมภาระได้ 23 กก. (1 ชิ้น/1 ท่าน) มีการเสิร์ฟอาหาร และเครื่องดื่ม Meal and Beverage on Bord, มีจอส่วนตัว ที่สามารถดูหนัง-ฟังเพลง-เล่นเกมส์-Inflight Entertainment พร้อม Free Wifi ตลอดไฟล์บินอีกด้วย

รองรับนักเดินทางทั้งต้องการบินตรงจาก เชียงใหม่ สู่ ไทเป ประเทศไต้หวัน รวมไปถึงนักเดินทางที่ต่อเครื่องไปยัง ประเทศญี่ปุ่น และประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้ง Los Angeles, San Francisco โดยมีตาราง และราคาแต่ละเที่ยวบินดังนี้
• เส้นทางบิน (Route)
บินตรง (Direct Flight) : เชียงใหม่ – ไต้หวัน (CNX-TPE)
ต่อเครื่อง (Transit) : เชียงใหม่ – ไต้หวัน – อเมริกา ได้แก่ Los Angeles (LAX) / San Francisco (SFO)

• ตารางเที่ยวบิน
1. CNX-TPE-CNX
JX 752 CNXTPE 17.15 – 22.10
JX 751 TPECNX 12.55 – 16.15
2. TPE-LAX-TPE (ให้บริการเที่ยวบินทุกวัน)
JX 002 TPE-LAX 23.40 – 20.30
JX 002 LAX-TPE 00.50 – 0540 +1
3. TPE-SFO-TPE TPE (ให้บริการเที่ยวบินทุกวัน)
JX 012 TPE-SFO 23.50 – 20.05
JX 011 SFO – TPE 0110 – 0535 +1

• เครื่องบิน (Aircraft)
>> บินตรง (Direct Flight) เชียงใหม่ – ไต้หวัน (CNX-TPE)
= A321 Neo ทั้งหมด 188 ที่นั่ง
มี 2 ชั้นโดยสาร
1. ชั้นธุรกิจ (Business) 8 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 2-2
2. ชั้นประหยัด (Economy) 180 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 3-3
>> ต่อเครื่อง (Transit) TPE – USA (LAX/SFO)
= A350-900 ทั้งหมด306 ที่นั่ง
มี 4 ชั้นโดยสาร
1. ชั้นหนึ่ง (First) 4 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 1-1-1
2. ชั้นธุรกิจ (Business) 26 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 1-2-1
3. ชั้นประหยัดพรีเมี่ยม (Premium Economy) 36 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 2-4-2
4. ชั้นประหยัด (Economy) 240 ที่นั่ง รูปแบบที่นั่ง 3-3-3

• ราคา (Price)
CNX-TPE-CNX เที่ยวบินไป-กลับ รวมทุกอย่าง (ราคาเริ่มต้น)
– ชั้นประหยัด >> 8,115 บาท
– ชั้นธุรกิจ >> 29,115 บาท
CNX-TPE-USA(LAX/SFO) เที่ยวบินไป-กลับ รวมทุกอย่าง (ราคาเริ่มต้น)
– ชั้นประหยัด >> 28,310 บาท
– ชั้นธุรกิจ >> 121,140 บาท

ดูรายละเอียดอื่นๆ ของสายการบิน สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ – Starlux Airline ได้ที่ https://www.starlux-airline.com

“บ้านม่อนฝ้าย “เฮือนล้านนาโบราณพร้อมเปิดบ้านให้เยี่ยมชม หลังจากการปรับปรุงช่วง COVIC 19 ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ณ บ้านม่อนฝ้าย โดยอาจารย์รำพัด โกฎแก้ว และทีมงาน ได้เชิญแขกผู้มีเกียรติ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ บริษัททัวร์ บริษัทนำเที่ยว ตัวแทนสายการบิน ตัวแทนด้านการท่องเที่ยวประเทศอินเดีย และสื่อมวลชน เข้าเยี่ยมชม บ้านม่อนฝ้าย และร่วมรับประทานอาหาร กาดมั่ว และขันโตก พร้อมชมการแสดงแบบลานนา

บ้านม่อนฝ้าย เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมล้านนา ตั้งอยู่ที่ ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษา สืบสาน และเผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมล้านนา มากว่า ๓๐ ปี โดยมีอาจารย์รำพัด โกฎแก้ว นักอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนา เป็นผู้ก่อตั้ง

จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อธุรกิจท่องเที่ยว บ้านม่อนฝ้ายจึงตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของประเทศไทย จึงได้ริเริ่มโครงการ “Cultural Heritage at Monfai” ซึ่งจะมีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการสืบสานวัฒนธรรมล้านนา

โดยโครงการจะประกอบด้วยการเปิดให้บริการ ขันโตกวัฒนธรรม (Cultural Night) กิจกรรมเรียนรู้งานหัตถศิลป์วิถีชีวิตท้องถิ่น และพิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีชาวล้านนา (Lanna Life Museum) เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวสนใจเดินทางท่องเที่ยวมายังประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ สร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอนาคต

“อาจารย์วารินทร์”นำคณะทำบุญวันกองทัพไทย และปฐมฤกษ์เปิดสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองล้านนา

“อาจารย์วารินทร์”นำคณะทำบุญวันกองทัพไทย และปฐมฤกษ์เปิดสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองล้านนา พร้อมส่งมอบรูปปั้นเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยไปเผยแผ่ที่พม่าเป็นประเทศแรก ชี้ภายในปีนี้จะมีการเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ และนำพาประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ขณะที่ภัยสงครามและภัยพิบัติจะส่งผลกระทบต่อนานาชาติ

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ที่ ข่วงพระเจ้าล้านนา มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ร่วมกับมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา จัดพิธีทำบุญวันกองทัพไทยและปฐมฤกษ์เปิดสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองล้านนา และส่งมอบรูปปั้นเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยให้ตัวแทนคณะแรกคือนายอัครเดช ตาสะหลี ประธานบริษัท แม่สอด ฟรีโซน จำกัด เพื่อนำไปประดิษฐานที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นประเทศแรก เพื่อประกาศเกียรติคุณ ครูบาเจ้าศรีวิชัย ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกต่อไป รวมถึงมอบให้กับพระธรรมทูตเพื่อนำไปเผยแพร่ด้วย

อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ประธานมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันกองทัพไทยทางมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนาได้จัดพิธีทำบุญทางพระศาสนา เจริญพระพุทธมนต์ ถวายผ้าป่า เพื่อเป็นอานิสงส์ให้กับบรรพบุรุษ ที่ดูแลรักษาชาติบ้านเมือง ตั้งแต่พระมหากษัตริย์บูรพราชเจ้า ตลอดจนทหารหาญ เพราะถือเป็นวันสำคัญที่สมเด็จพระนเรศวรปราบอริราศศัตรูและนำอิสรภาพมาให้ประเทศไทย และสำนึกถึงบูรพกษัตริย์ที่ปกครองและนำความสงบสุขให้กับชาติ บ้านเมืองของเรา

“วันนี้เป็นวันกองทัพไทย เราสำนึกพระมหากรุณาธิคุญบูรพกษัตริย์และทหารหาญ ซึ่งตนและมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนาจึงได้เปิดข่วงพระเจ้าล้านนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ศิลปะวัฒนธรรมพื้นเมืองล้านนา โดยรวบรวมกับคณาจารย์ทั่วประเทศที่นำเอาศิลปวัฒนธรรม องค์ความรู้ต่างๆ ไปเผยแพร่ ซึ่งขณะนี้มีธรรมฑูตที่จะนำเรื่องของครูบาเจ้าศรีวิชัยไปเผยแพร่ทั่วโลก วันนี้เป็นวันปฐมฤกษ์ที่จะนำรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยไปยังประเทศพม่าเป็นคนแรกและตัวแทนคนเดียวเพื่อนำไปเผยแผ่ที่ประเทศพม่า ซึ่งได้นิมนต์พระสังฆราชพม่าไว้แล้วด้วย”อาจารย์วารินทร์ กล่าว

ขณะที่นายอัครเดช ตาสะหลี ประธานบ.แม่สอด ฟรีโซนซึ่งเป็นธรรมทูตที่จะนำพระพุทธรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยไปประเทศพม่า กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ฯที่จะนำพระพุทธรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยซึ่งจะอัญเชิญผ่านไปทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในวันที่ 21 มกราคมนี้ เวลาสิบโมงเช้าซึ่งเป็นฤกษ์ที่อาจารย์ดูไว้แล้วเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการอัญเชิญ เพื่อไปเผยแผ่คุณูปการของครูบาเจ้าวิชัยโดยมีขบวนธรรมยาตราร่วมด้วย

อาจารย์วารินทร์ ยังกล่าวด้วยว่า เนื่องจากพม่าและไทยมีการนับถือพระพุทธศาสนาใกล้ชิดกับไทย หลังจากนี้ก็จะเผยแผ่ไปยังประเทศลาว กัมพูชา อินเดีย ศรีลังกา เนปาล จีน และประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาด้วย ซึ่งทั้งหมดได้มีการประสานงานไว้เป็นที่เรียบร้อย

หลังเสร็จพิธีการต่างๆ อาจารย์วารินทร์ ยังได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า ยังยืนยันสิ่งที่ได้เคยพูดไปเมื่อปลายปีแล้วว่า หลังปีใหม่เป็นต้นไปจะมีผู้ที่มาหน้าที่ให้บ้านเมือง แม้ว่ารัฐบาลปัจจุบันจะทำหน้าที่ของรัฐบาลได้ดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่แท้จริง อีกระยะหนึ่งจะมีผู้มีหน้าที่แท้จริงเข้ามา และจะเป็นยุคศิวิไลซ์ที่แท้จริง

อาจารย์วารินทร์ บอกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสถานการณ์โลก สงคราม ภัยสงครามโลกและภัย ที่จะรุนแรงและมีผลกระทบมาถึงประเทศไทยด้วยแม้จะไม่มาก แต่ก็จะทำให้ไม่ปกติ แต่โชคดีที่ไทยยังสามารถประคับประคองไปได้อยู่ ผู้นำคนต่อไปจะรู้ซึ้งถึงความเป็นไทยและความเข้มแข็งของชาติไทย หลักของชาติ ศาสน์กษัตริย์จะดำรงอยู่ และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจะมาตามกาลเวลาไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย คนที่เคยทำร้ายประเทศไทยก็จะหมดยุคด้วย ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นภายในปีนี้อย่างแน่นอน


“ส่วนภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นอีกและน่าเป็นห่วงคือภาคใต้ จะเกิดน้ำท่วม แผ่นดินไหว ซึ่งทั่วโลกได้รับผลกระทบหมด แต่สงครามจะเกิดทางตะวันออกกลางและยุโรปและลามเข้ามา แต่ผู้นำที่จะเข้ามาทำหน้าที่จะนำสันติภาพและความมั่นคงให้กับประเทศไทย จะทำให้เศรษฐกิจดี เกิดความมั่งคั่ง ความวุ่นวายของบ้านเมืองจบไปแล้ว ทุกคนได้รู้ถึงสัจจธรรม ทุกอย่างที่เป็นจริงได้กลับมา หลังจากรู้ว่าความวุ่ยวายในบ้านเมืองเกิดจากคนที่มาอาศัยประเทศไทยและยืมมือต่างชาติมาก่อความวุ่นวาย ทางข่วงพระเจ้าล้านนาจึงได้ร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อช่วยกันวางรากฐานการศึกษา ยึดถือชาติ ศาสน์กษัตริย์และหน้าที่ จริยธรรม คุณธรรมที่ปู่ ย่า ตา ยายได้สอนกันมาก็จะมาถ่ายทอดให้เห็นที่นี่”อาจารย์วารินทร์ กล่าวและว่า

มั่นใจว่ากองทัพไทยมั่นคง แข็งแรง เพราะผู้นำทุกคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งไทยติด 1 ใน 16 ของประเทศที่กองทัพเข้มแข็ง เราสามารถประคับประคองแม้กระทั่งคนของเรา นักวิทยาศาสตร์ของไทยก็สามารถคิดค้นประดิษฐ์เครื่องที่จะรักษาปกป้องปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ และเป็นขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนและก็กองทัพไทย ในวันนี้เราก็ได้ทำบุญแผ่อานิสงน์ผลบุญนี้ให้กับบรรพบุรุษที่สละชีพเพื่อชาติของเราให้ได้รับกุศลและก็เป็นพลังบุญให้กับกองทัพไทยของเราให้มีความเข้มแข็งช่วยดูแลชาติ ศาสน์กษัตริย์ของเราสืบไป.

คนแห่ชมงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่เมืองดอกไม้งาม กว่า 3 ล้านคน ทางเชียงใหม่ต้องขยายเวลาให้ชมต่ออีก20 วัน

หลังจากเปิดตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 – 1 มกราคม 2567 มีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าชมแล้วกว่า 3 ล้าน 3 แสนคน อบจ.เชียงใหม่ จึงขยายเวลาเข้าชมงาน Charming Chiang Mai Flower Festival หรือ มนต์เสน่ห์เชียงใหม่เมืองดอกไม้งาม จากเดิมที่เปิดให้เข้าชมถึง 1 มกราคม เป็น 21 มกราคม 2567


นายพิชัย เลิศพงศ์อดิสร นายก อบจ.เชียงใหม่ ขยายเวลาเข้าชมงาน Charming Chiang Mai Flower Festival หรือ มนต์เสน่ห์เชียงใหม่เมืองดอกไม้งาม จากเดิมที่เปิดให้เข้าชมถึง 1 มกราคม เป็น 21 มกราคม 2567 สืบเนื่องจากประชาชนและนักท่องเที่ยว ชมความงามของดอกไม้นานาชนิด ภายในงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่เมืองดอกไม้งาม หรือ CHARMING Chiang Mai Flower Festival ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นภายในสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา บริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างความเชื่อมันให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 รวมถึงเป็นการให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสภาพลักษณ์ที่ดีงามในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมล้านนา สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมโยงและส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ประ ชาชน และชุมชนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่


ซึ่งภายในงานนอกจากมีดอกไม้นานาพันธุ์ให้ชมความงามแล้ว ยังมีทุ่งไฟประดับหลากสีสัน หรือ The Land of Festination และการแสดง Light of Glory พร้อมกับกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย โดยหลังจากกำหนดการเดิมที่เปิดให้เข้าชมช่วงวันที่ 15 ธ.ค.2566 – 1 ม.ค. 67 มีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าชมกว่า 3 ล้าน 3 แสนคน ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จึงขยายเวลาเข้าชมไปอีก 20 วัน

เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าชมกันอย่างทั่วถึง
สำหรับงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม หรือ CHARMING Chiang Mai Flower Festival จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Wonder Flora Land” เปิดให้เข้าชมฟรี ไปจนถึงวันที่ 21 มกราคม 2567 ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา หลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่..///

เหล่ากาชาดเชียงใหม่ เปิดร้านจำหน่ายสลากกาชาดการกุศล ในงานฤดูหนาวฯ เชียงใหม่ 2567ชิงรางวัลมากมายทั้งบ้านและที่ดิน

เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เปิดร้านจำหน่ายสลากกาชาดการกุศลของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ในงานฤดูหนาว นางสาวเชียงใหม่ และงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2567

เมื่อวันที่3 ม.ค. 67 ที่ เวทีร้านจำหน่ายสลากกาชาดการกุศล ภายในงานฤดูหนาว นางสาวเชียงใหม่ และงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2567 บริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันเปิดนิทรรศการกาชาดและร้านจำหน่ายสลากกาชาดการกุศลของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ตามพันธกิจที่ได้มีการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจัดหารายได้จากการจำหน่ายสลากกาชาดการกุศลนำไปช่วยเหลือกิจการการกุศล การบริจาคโลหิต สาธารณประโยชน์ และบรรเทาทุกข์สำหรับผู้ประสบภัยต่างๆ รวมถึงผู้ด้อยโอกาส โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร ตลอดทั้งในท้องที่ทั่วไปและในชุมชนตามความจำเป็น

โดยในปีนี้ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ได้ผลิตสลากกาชาดการกุศลฯ ออกมาจำหน่ายมากถึง 200,000 ฉบับ มากกว่าปีที่แล้วถึงสองเท่า เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่มากขึ้น ซึ่งก็พบว่ายังได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับของรางวัลก็ได้เพิ่มมากขึ้นเพื่อเอาใจประชาชนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะรางวัลใหญ่ในปีนี้จะเป็นบ้านถึง 2 หลัง คือ บ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินขนาด 57 ตารางวา จำนวน 1 รางวัล และ บ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาด 30 ตารางวา จำนวน 1 รางวัล

และยังมีรางวัลใหญ่เพิ่มขึ้นอีกเพียบรวมกว่า 380 รายการ เช่น รถโตโยต้า ไฮลัก รีโว่ พรีรันเนอร์ 1 รางวัล , รถจักรยานยนต์ 15 รางวัล , ทองคำแท่ง 10 รางวัล , โอโฟน 15 จำนวน 20 รางวัล , ลำโพงบลูทูธคาราโอเกะ , เครื่องฟอกอากาศ , ไมโครเวฟ และ นาฬิกาสมาร์ทวอช เป็นต้น โดยจะมีการออกรางวัลในวันสุดท้ายของการจัดงาน คือ วันที่ 17 มกราคม 2567

ซึ่งขณะนี้แม้ว่าสลากกาชาดแบบเลือกหมายเลขได้จะจำหน่ายหมดไปแล้ว แต่ทางเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ก็ยังมีสลากกาชาดแบบสุ่มหมายเลขมาให้เลือกซื้อได้ที่หน้างาน โดยผู้ที่สนใจซื้อสลากกาชาดเพื่อร่วมลุ้นชิงโชคของรางวัล สามารถมาซื้อได้ที่บริเวณหน้างาน 2 จุด คือ ที่บริเวณร้านจำหน่ายสลากกาชาดการกุศลของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ภายใน “งานฤดูหนาว นางสาวเชียงใหม่ และงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2567