น่าชื่นชม นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนาจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

อาจารย์ และนักศึกษา วิทยาลัยโปลิฯ จัดกิจกรรมจิตอาสา ลงพื้นที่ ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม ช่วยซ่อมรถจมน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าชาวบ้าน หลังจากเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าร่วมบ้านเรือน มาแบบไม่ได้ตั้งตัวข้าวของ ได้รับความเสียหาย

นักศึกษาสาขาไฟฟ้ากำลัง พร้อมด้วยอาจารย์ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เดินเท้าลงพื้นที่ นำเครื่องมือซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับยายอำไพ ผลดี วัย 73 ปี ชาวบ้านท้องฝาย ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม ที่บ้าน หลังยายอำพ ได้ปั่นจักรยาน คู่ชีพมาที่ศาลาอเนกประสงค์ภายใสนหมู่บ้าน ที่ถูกจัดให้เป็น ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อขอให้อาจารย์และนักศึกษาช่วยซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านหลังบ้านของยายถูกน้ำท่วมจนทำให้เครื่องซักผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆแช่น้ำจนเสียไม่สามารถใช้งานได้หลังเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลริมเหนือ อ.แม่ริม เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งยายไม่สามารถขนย้ายเครื่องซักผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าไปซ่อมที่ศาลาเอนกประสงค์ของหมู่บ้านได้ ก่อนที่ทีมนักศึกษาและอาจารย์ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา จะช่วยกันรื้อเครื่องซักผ้าและไล่ความชื่นออกจากระบบไฟฟ้าเครื่องซักผ้าจนสามารถเดินเครื่องและใช้งานได้ในที่สุด

ยายอำไพ ผลดี เปิดเผยว่า ตนอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวกับลูกชายเพียงสองคน วันที่เกิดเหตุน้ำท่วมตนกับลูกชายขนข้าวของขึ้นที่สูงบางส่วนที่มีน้ำหนักมากก็จะยกขึ้นที่สูงไม่ได้ทำให้เครื่องซักผ้าที่อยูข้างบ้านแช่น้ำ พอหลังน้ำลดไม่กล้าใช้เครื่องซักผ้าเนื่องจากกลัวไฟฟ้าซ็อต หลังจากนั้นทราบข่าวจากเพื่อนบ้านว่ามีกลุ่มนักศึกษาเข้ามาช่วยเหลือซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมตนจึงปั่นจักรยานไปขอความช่วยเหลือขอให้นักศึกษาและอาจารย์มาซ่อมเครื่องซักผ้าให้ที่บ้านเนื่องจากวันนี้ตนอยู่บ้านคนเดียวลำพังไม่สามารถขนเครื่องซักผ้าไปซ่อมที่ศาลเอนกประสงค์ได้ ซึ่งวันนี้ตนรูสึกดีใจมากที่ลุกๆหลานๆ นักศึกษาและอาจารย์มาช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องซักผ้าให้จนใช้งานได้ตามปรกติซึ่งหลังจากนี้ตนก็จะได้ซักผ้าแล้วหลังจากที่ไม่ได้ซักผ้าหลายวันเนื่องจากช่วงก่อนฝนตกติดต่อกันหลายวัน

ด้านอาจารย์ประสิทธิ์ ชูดวง รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เปิดเผยว่า ได้อาจารย์และนักศึกษาระดับชั้นปวช. และปวส. สาขางานยนต์ และสาขาช่างไฟฟ้ากำลัง รวมกว่า 50 คน ได้เข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซม เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ให้กับชาวบ้าน 4 หมู่บ้านพื้นที่ ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม ที่ถูกน้ำท่วมโดยได้มีการตั้งจุดบริการประชาชน ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ศาลาอเนกประสงค์ บ้านท้องฝาย ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่มีชาวบ้านรวม 400 รายได้นำเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่จะสามารถยกออกจากบ้านเรือนมาให้อาจารย์และนักศึกษา ช่วยซ่อมบำรุงให้ฟรี เช่นเดียวกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ถูกน้ำป่าไหลหลาก ได้เข้ามาเอ่อท่วมและจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานานจนได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้อาจารย์ และนักศึกษา บางส่วนได้ออกตระเวนไปตามบ้านเรือนของชาวบ้านเพื่อซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ไม่สามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ เครื่องสูบน้ำ ปั๊มน้ำ มายังศูนย์ช่วยเหลือได้ นอกจากนี้ยังให้อาจารย์และนักศึกษาลงพื้นที่ซ่อมแซมระบบไฟฟ้า ปลั๊กไฟ สวิชท์ไฟ ในบ้านเรือนของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม อาจจะส่งผลให้ปลั๊กไฟ สายไฟอาจทำให้เกิดชำรุดเสียหาย หากนำกลับมาใช้อาจจะเกิดไฟช็อต เกิดการลัดวงจรมีความเสียหายเกิดขึ้นได้ภายหลัง นอกจากนี้ทางวิทยาลัยฯ ยังได้มอบเงินช่วยเหลือ พร้อมนำของใช้ อาหารแห้งไปมอบให้ผู้ป่วยติดเตียงที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมและยังได้จัดซื้อที่นอน เครื่องใช้ส่วนตัว ข้าวสารอาหารแห้ง มอบให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมได้รับความเสียหายทั้งหลัง อยู่ติดกับลำน้ำแม่ริม อีกด้วย

รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมออกหน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วมครั้งนี้นอกจากทางวิทยาลัยฯเล็งเห็นความสำคัญ ในเรื่องของวิชาการ ความรู้ในสถานศึกษาแล้ว ซึ่งวันนี้เป็นการให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์จริงกับประเภทงานที่ต้องแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังความคิดจิตสาธารณะให้กับนักศึกษาในการให้บริการชุมชนและสังคมต่อไปในอนาคต

ขณะที่นายอภินันท์ สมจันทร์ฉาย นักศึกษาสาขาไฟฟ้ากำลัง กล่าวว่าตนอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯกับอาจารย์และเพื่อนๆ เนื่องจากเห็นว่าเมื่อมีโอกาสควรให้ความช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังได้รับความเดือดร้อนตามกำลังที่มี เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเข้าค่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ทางวิทยาลัยฯจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จึงได้นำประสบการณ์ครั้งนั้นมาต่อยอด ทำงานให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนนอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ฝึกประสบการณ์จริงและได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านอีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นอีกประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจให้ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ที่บ้านถูกน้ำท่วมทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น พัดลม เครื่องซักผ้า ตู้เย็น พัดลมไอน้ำ ปั๊มน้ำ เป็นต้น

ด้าน อ.พิภพ ปัญญาฟู ผู้ช่วย รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ รับผิดชอบประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการที่ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลชาวบ้านทราบว่าขณะเกิดเหตุน้ำท่วม ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถขนย้ายข้าวของได้ทันทำให้รถจักรยานยนต์และเครื่องมือทางการเกษตรถูกน้ำท่วมและแช่ขังเป็นเวลานานจึงแนะนำชาวบ้านที่รถที่ถูกน้ำท่วม น้ำจะเข้าที่ท่อเสีย หากมีการสตาร์ทเครื่องก็จะทำให้น้ำเข้าระบบเผาไหม้ ทำให้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์เสียหายได้ ซึ่งตนได้แนะนำนักศึกษาว่าหากชาวบ้านนำรถที่ถูกน้ำท่วมมาซ่อมให้ถอดท่อไอเสีย ถอดหัวเทียน ถอดหม้อกรองอากาศ และไล่น้ำออกก่อน หากมีน้ำเข้าไปในห้องเครื่องให้ล้างระบบในห้องเครื่องให้สะอาดก่อนเนื่องจากรถทุกคันที่ถูกน้ำห้องท่วมเครื่องจะเต็มไปด้วยดินโคลน

เปิดแล้ว ..มหกรรมหนังสือนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในล้านนาInternational Book Sale Featuring Big Bad Wolf

เปิดแล้ววันนี้ มหกรรมหนังสือนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในล้านนาInternational Book Sale Featuring Big Bad Wolf ตั้งแต่วันนี้ 30 ส.ค. – 8 ก.ย. 67ที่ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

30 ส.ค. 67 – จ.เชียงใหม่ : บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสือและสื่อส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กและครอบครัว ร่วมด้วย Big Bad Wolf ผู้จัดงานมหกรรมหนังสือนานาชาติ ที่เคยจัดใน 34 เมือง 13 ประเทศ และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชวนทุกท่านมารักการอ่าน กับงานมหกรรมหนังสือนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในล้านนา “International Book Sale Featuring Big Bad Wolf” จัดตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม ถึง 8 กันยายน นี้ พร้อมยกขบวนหนังสือกว่า 1 ล้านเล่ม มาให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงได้เลือกช้อป เลือกอ่าน ในราคาลดสูงสุดกว่า 80%

ทั้งนี้ได้จัดให้มีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 เวลา 10.30 น. ได้รับเกียรติจาก คุณตรัสวิน จิตติเดชารักษ์ ผู้อำนวยการ สำนักพิมพ์ซิลค์เวอร์ม, คุณแจคเคอลีน อึ้ง ผู้จัดงานมหกรรมหนังสือนานาชาติ “Big Bad Wolf”, คุณริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด, คุณศิระ สันติตรานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ

งานเดียวที่รวบรวมหนังสือภาษาอังกฤษจากต่างประเทศและภาษาไทย จากสำนักพิมพ์ไทยชั้นนำที่ใหญ๋ที่สุด ที่ พร้อมสื่อการเรียนการสอน สื่อการเรียนรู้ สำหรับลูกน้อยทุกขวบวัย ที่เสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกน้อย สวรรค์สำหรับคนรักการอ่าน ที่รวบรวมหนังสือสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย อาทิ หนังสือพัฒนาการเด็ก & จิตวิทยา, นิทานเด็ก, หนังสือภาพ, หนังสือเสียง, ประวัติ, ชีวประวัติ, บันเทิง, กีฬา, สารคดี, ท่องเที่ยว, วรรณกรรม, เรื่องสั้น, นิยาย, ของตกแต่งบ้าน, สถาปัตยกรรม, งานอดิเรก, ตําราอาหาร, หนังสืออ้างอิง รวมถึงหนังสือเอ็ดดิชั่นพิเศษสำหรับการสะสม

พิเศษสำหรับครั้งนี้ Big Bad Wolf ชวนน้องๆ จากโรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความสามารถพิเศษไม่ว่าจะเป็น การเล่นดนตรี การเต้น หรือจะเป็นการแสดงอื่นๆ มาร่วมสนุกได้ในงาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ FB: International Book Sale

งานที่รวมหนังสือกว่า 1 ล้านเล่ม ลดราคากว่า 80% ในงานมหกรรมหนังสือนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในล้านนา International Book Sale Featuring Big Bad Wolf ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม ถึง 8 กันยายน 2567 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

หมู่บ้านสุดหรูบรรยากาศเยี่ยม “เกรซแลนด์ หางดง เปิดเฟส 2 กับแบบบ้าน 3 สไตล์ โมเดิร์น อเมริกัน บาร์น เฮ้าส์”

โครงการเกรซเเลนด์ ถ.หางดง – เชียงใหม่ ภายใต้การบริหารงานของโครงการเกรซแลนด์ แฟมิลี่ เรสซิเดนซ์ ในเครือ น้ำทองกรุ๊ป บริษัทที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี พร้อมเปิดให้ชมครั้งแรกกับเฟสใหม่ล่าสุด แบบบ้าน 3 สไตล์ แนวโมเดิร์น อเมริกัน บาร์น เฮ้าส์ ราคาเริ่มต้นที่ 4.95 ล้านบาท รับข้อเสนอสุดพิเศษ ลดจริง แจกจริง เพียง 3 วันเท่านั้น วันที่ 23 – 25 สิงหาคม 2567 นี้

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ได้มีการจัดงาน Grand Opening Graceland Phase 2 โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวอัญชลี ล้อบุณยารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกรซ เฮ้าส์ แอนด์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด, นายจักราวุธ กันมะโณ นายกเทศมนตรีตำบลหารแก้ว, นายชลิต ทิพย์คำ นายอำเภอหางดง, Mr. Zen Tan Co-Managing Director, นางอรสา จันทเสน ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ

พร้อมเปิดหน้าประวัติศาสตร์ไปด้วยกัน กับโครงการเกรซเเลนด์ ถ.หางดง เพื่อการลงทุนที่คุ้มค่า และยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัวของคุณให้ดีขึ้น อย่างมีสไตล์ เริ่มต้นสร้างอนาคตที่มั่นคง และอบอุ่นได้แล้ววันนี้ กับเฟส 2 ที่พร้อมเปิดตัววันนี้วันแรก สำหรับที่อยู่อาศัยสไตล์ “Modern American Barn House” ที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งการออกแบบที่สะท้อนการใช้ชีวิตสมัยใหม่ และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติเชียงใหม่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.95 ล้านบาท มาพร้อมส่วนลดกว่า 300,000 บาท หรือเลือกรับข้อเสนอสุดพิเศษ และของแถมอีกมากมาย พร้อมพาทุกท่านสัมผัสกับบ้าน 3 แบบ กับดีไซน์ที่ลงตัว สวยงามในทุกรายละเอียด


• Type M “ACACIA” 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 205 ตารางเมตร บนที่ดิน 53 ตารางวา
• Type L “PONDEROSA” 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก พื้นที่ใช้สอย 264 ตารางเมตร บนที่ดิน 62 ตารางวา
• Type X “SEQUOIA” 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ห้องแม่บ้าน พื้นที่ใช้สอย 336 ตารางเมตร บนที่ดิน 70 ตารางวา

กับทำเลทองสุดพรีเมี่ยมของเมืองเชียงใหม่บนถนน.หางดง ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ โรงเรียนนานาชาติเกรซ เชียงใหม่, สปอร์ตเซ็นเตอร์ (GSC), บิ๊กซี หางดง 2, กาดฝรั่งวิลเลจ, อุทยานหลวงราชพฤกษ์, แม็คโคร หางดง และสนามบินเชียงใหม่

เปิดให้เข้าชมบ้านตัวอย่างได้แล้ววันนี้ที่ โครงการเกรซเเลนด์ ถ.หางดง – เชียงใหม่ ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 – 17.00 น. หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 099-5035-999, 097-4261-474, 061-1639-282 FB: https://www.facebook.com/GracelandCNX


เกี่ยวกับโครงการเกรซแลนด์ แฟมิลี่ เรสซิเดนซ์

โครงการเกรซแลนด์ แฟมิลี่ เรสซิเดนซ์ คือ ผลงานชิ้นเอกในเครือ น้ำทองกรุ๊ป นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประสบการณ์มากกว่า 30 ปี เริ่มก่อตั้งขึ้นที่จังหวัดแพร่ โดยการสร้างโครงการน้ำทองซิตี้ ซึ่งเป็นโครงการอาคารพาณิชย์จำนวน 200 ยูนิต หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมืองแพร่ ในปี 2538 ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก ต่างแสวงหาบ้านที่มีมาตรฐานความปลอดภัย ความสะดวกสบาย เราได้คำนึงถึงความต้องการด้านต่าง ๆ จึงนำสถานที่ ที่มีความสำคัญในการดำรงชีวิต เข้ามารวมในพื้นที่ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต, ตลาด, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล โรงเรียน และ หน่วยงานราชการต่าง ๆ เพื่อทำให้ทุกอย่างอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทั้งยังได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องมาเป็น 3,000 ยูนิต และสร้างชื่อเสียงให้กับน้ำทองกรุ๊ปในฐานะผู้พัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดแพร่ จนถึงทุกวันนี้

โครงการเกรซแลนด์ แฟมิลี่ เรสซิเดนซ์ เป็นโครงการในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้แนวคิดเดียวกัน ด้วยวิสัยทัศน์ของนักพัฒนาที่ต้องการสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย หลีกหนีความวุ่นวาย ปัญหารถติด และความรีบเร่งจากสังคมเมือง สู่โครงการที่อยู่อาศัยที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ใกล้โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ เกรซ แคมปัสใหม่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โครงการพัฒนาแบบบูรณาการของเกรซแลนด์ ประกอบด้วย 3 โซน เราใช้วิธีการแบบองค์รวม เพื่อให้ครอบครัวอยู่ในชุมชนที่มีพร้อมด้วยกิจกรรมทางธุรกิจ การค้า การศึกษา สังคม นันทนาการ และศูนย์กลางเทคโนโลยี ฟาร์มและอาหาร องค์ประกอบชุมชนเกรซแลนด์ ประกอบด้วย 3 โซนดังนี้

1. Graceland Family Residences โครงการบ้านจัดสรร เกรซแลนด์ แฟมิลี่ เรสซิเดนซ์ ประกอบด้วยเนื้อที่โครงการ กว่า 74 ไร่ แบ่งเป็น 5 เฟส จำนวน 235 หลังคาเรือน สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ ประกอบด้วย พื้นที่สีเขียว 4,100 ตรม. พร้อมกับสนามเด็กเล่น และลู่วิ่งรอบสวนออกกำลังกายยาว 300 ม. พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้องวงจรปิด ทั้งโครงการ

2. Graceland Community Village ครอบคลุมพื้นที่เชิงพาณิชย์ จำนวน 20 ไร่ คาเฟ่ Co-working space สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 25 เมตร, สระเด็ก, Gym พื้นที่ค้าปลีก รวมไปถึงห้องอเนกประสงค์เพื่อใช้ประชุม Playground BBQ Area สนามออกกำลังกาย หรือจัดกิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งโซนค้าขาย ร้านค้าชั้นนำ ไลฟ์สไตล์และบริการมากมาย ถูกจัดให้บริการในโซนนี้ (ส่วน GSC Sport Center ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของส่วนกลางของโครงการเกรซแลนด์)

3. Graceland Farm & Food Tech Hub ศูนย์กลางเทคโนโลยี ฟาร์มและอาหาร ด้วยความร่วมมือจาก บริษัท NETATECH จากประเทศสิงคโปร์ มาตั้งศูนย์กลางเทคโนโลยีการเกษตรและอาหารระดับโลก มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเครือข่ายที่สำคัญเพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้ประกอบการ, องค์กร, เกษตรกร, สถาบันการศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิจัย และพัฒนาการเกษตรและอาหาร

คณะมนุษยศาสตร์ มช. เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี คณะมนุษยศาสตร์ “Bridge to Livable Future”31สิงหาคม.นี้

เมื่อ​วันที่​ 20 ส.ค.67 เวลา 13.00 ​น. ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์ ดร.หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย อาคาร HB7 ชั้น 8 คณะมนุษยศาสตร์ ​มหา​วิทยาลัย​เชียงใหม่โดยมี​ ผู้ช่วยศาสตราจารย์​ระพี แสงสาคร รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์​ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พศุตม์ ลาศุขะ รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์​ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรวรรณ พรหมแย้ม ผู้ช่วยคณบดีคณะมนุษยศาสตร์​และ เจ้าสุรีย์ ณ เชียงใหม่ ศิษย์เก่าดีเด่นของคณะมนุษย์ศาสตร์ รุ่นแรกๆของคณะมนุษย์ศาสตร์ พ.ศ. 2010 ร่วมแถลงข่าวการจัดงานในครั้งนี้​

คณะมนุษยศาสตร์ เป็นหนึ่งในสามคณะที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นในระยะเริ่มแรกของการก่อตั้ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้แก่ คณะวิทยาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์ ทั้งสามคณะนี้ ได้เปิดสอนวิชาขั้นพื้นฐานทั้ง 3 หมวด คือ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ทั้งนี้เพราะ นักการศึกษาสมัยนั้นเชื่อว่าบัณฑิตที่สมบูรณ์แบบควรจะมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับ สังคมของมนุษย์ เกี่ยวกับจิตใจและคุณสมบัติต่าง ๆ ของมนุษย์เอง ในปีแรกของการจัดตั้งคณะเมื่อปี พ.ศ.2507 นั้น


คณะมนุษยศาสตร์ เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นพร้อมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อจัดการศึกษา ส่งเสริมด้านวิชาการ วิชาชีพ ผลิตบัณฑิตและงานวิจัยที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ รวมถึงบริการวิชาการสู่สังคม ทำนุบำรุงและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม เนื่องในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปี แห่งการก่อตั้ง คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงกำหนดจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 เป็นโอกาสสำคัญในวาระครบรอบ 60 ปี คณะมนุษยศาสตร์ได้จัดพิธีทำบุญวันคล้ายวันสถาปนา และพิธีทำบุญครบรอบ 115 ปี ชาตกาลศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย และบุรพชน และงานเฉลิมฉลอง เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย HB7804

และในวันเดียวกันตั้งแต่เวลา 17.00 น. งานเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี คณะมนุษยศาสตร์ “Bridge to Livable Future” คืนสู่เหย้าชาวมนุษยศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาเก่า กับนักศึกษาปัจจุบัน ในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยภายในงานจะมีพิธีมอบรางวัลนักศึกษาเก่าดีเด่น กิจกรรมเล่นเกมชิงรางวัลพิเศษจากคณะมนุษยศาสตร์ กิจกรรมแจกรางวัลพิเศษ ทองคำ จำนวน 6 รางวัล การจัดคอนเสิร์ตการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี (Home Coming Day) จากวงดนตรี ได้แก่ 1) CMU Alumni Brand 2) Mary James และ3) SL MUSIC ซึ่งบรรยากาศของเทศกาลเฉลิมฉลอง ท่านจะได้สัมผัสความอบอุ่น ความสนุกสนาน และความประทับใจ ที่สำคัญคณะมนุษยศาสตร์ได้จัดเตรียมบูธอาหารที่ขึ้นชื่อในจังหวัดเชียงใหม่ อย่างหลากหลายไว้คอยต้อนรับทุกพี่ๆ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรม

ขอเชิญทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่จะเกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน “Bridge to Livable Future” กดซื้อบัตรง่ายๆ คลิกเลย https://cmu.to/human-60year-register กำหนดวันจัดกิจกรรม วันที่​31 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

พระสงฆ์นักพัฒนาผู้ที่มีเมตตาธรรมค้ำจูนโลก “พระครูวิสุทธิกิจจานนท์”ในโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงวัดล่ามช้าง

วันนี้ขอพาเข้าไปในวงการพระพุทธศานา พาไปกราบไหว้ให้รู้จักพระสงฆ์ธรรมดารูปหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ แต่ในความเป็นพระธรรมดาของวัดเล็กๆใจกลางเมืองเชียงใหม่ แต่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในคนชุมชนรอบวัดท่านไม่ได้เล็กเลย ความเป็นพระพัฒนา นักคิด นักไฝ่รู้ ทำให้ท่านไม่ใช่พระสงฆ์ธรรมดา ภาระกิจที่ท่านสร้างยิ่งใหญ่มาก สมกับคำว่า”ผู้มีเมตตาธรรมค้ำจูนโลก”วันนี้จึงขอพามารู้จักกับพระครูวิสุทธิกิจจานนท์ หรือ อดีตพระปลัดอานนท์ วิสุทโท หรือ ตุ๊นนท์ เจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จ้าคณะตำบลศรีภูมิเขต4 ผู้ที่ร่วมก่อตั้งโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงวัดล่ามช้าง โดยร่วมกับ คุณ พรฤดี พุทธิศรี สท.เทศบาลนครเชียงใหม่ และเพื่อร่วมงานที่รวบรวมผู้ใจบุญมาช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ นอกจากพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนวัดล่ามช้าง จนเป็นชุมชนแบบอย่างของชุมชนเมืองเชียงใหม่ ที่มีหลายชุมชนมาดูงานกัน


ก่อนที่จะพาไปชมผลงานต่างๆของ พระครูวิสุทธิกิจจานนท์ หรือตุ๊นนท์ ของหมู่เฮา ก็จะพากันรู้จักกับประวัติความเป็นมาของพระสงฆ์ ท่านนี้ว่าเป็นใครมาจากไหน เท่าที่ได้ค้นหาประวัติท่านทราบว่าพระอานนท์เกิดที่อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ในวัย 12 ปี ท่านตัดสินใจจากบ้านเกิดเมืองนอนมาที่เชียงใหม่ใน พ.ศ. 2532 บวชเป็นสามเณรที่วัดล่ามช้าง เพื่อจะได้มีโอกาสได้เรียนต่อ โดยมี ครูบาสิงห์คำ กญจโน เจ้าอาวาสวัดล่ามช้างเวลานั้นเป็นผู้ประกอบพิธีบรรพชาอุปสมบทให้โดยในช่วงที่บวชเป็นสามเณรก็ใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้เรียนที่โรงเรียนธรรมราชศึกษา วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จนจบ ม.6และท่านก็มุมานะ เรียนต่อ ที่มหาวิทยาลัยปทุทธานี้จนจบระดับปริญญาตรีนิติศาสตร์

และในขณะนี้กำลังศึกษาต่อปริญญาโทโดยในช่วงเรียนก็ยังจำพรรษาอยู่ที่วัดล่ามช้างศึกษาด้านพระธรรมจากครูบาสิงห์คำ กญจโน เจ้าอาวาสวัดล่ามช้างเวลานั้น ต่อมาท่านอาจารย์มรณะภาพลง ก็ยังรักษาการเจ้าอาวาสจนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสมาจนถึงปัจจุบันโดยในช่วงที่ดูแลวัดก็ได้ประสานกับทางชุมชนร่วมกันพัฒนาวัดและคุณภาพชีวิตโดยเริ่มจากการช่วยเหลือผู้คนในชุมชนรอบวัด และขยายไปยังจุดอื่น จนกระทั่งมีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงวัดล่ามช้าง โดยร่วมกันศิษยานุศิษย์ผุ้ใจบุญ ทำหน้าช่วยเหลือชาวบ้านและขยายการช่วยเหลือออกไป


โดยในปัจจุบันโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงวัดล่ามช้าง ไดรับมอบเตียงผู้ป่วย ถังอ๊อกซิเจน และของใช้สำหรับผู้ป่วยติดเตียง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลน มากกว่า 300 รายรวมไปถึงศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่ห่างไกลที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการศึกษาด้วย โดยทางญาติผู้ป่วยที่มาขอรับเตียงและถังอ๊อกซิเจน จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาใช้บริการของทางวัด รวมทั้งการบริจาคโลงศพให้ผุ้ยากไร้อีกจำนวนมาก และการขยายการช่วยเหลือออกไปไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ห่างไกล ผุ้ป่วยยากไร้ติดเตียงร่วมทั้พระชราตามพื้นที่ชนบทเช่นใน อำเภออมก๋อย สะเมิง พร้าว และไกลสุดที่มาขอความช่วยเหลือจาก จ.ยะลา ซึ่งในหลายพื้นที่ห่างไกลที่ทางพระครูวิสุทธิกิจจานนท์ ต้องเดินทางไปเองพร้อมกับกลุ่มศิษยานุศิษย์ผู้ใจบุญ


อย่างไรก็ตามทางวัดและโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงวัดล่ามช้าง ยังต้องการรับบริจาคอุปกรณ์ต่างๆที่เป็นของจำเป็นในการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง รวมทั้งอุปรณ์ทางการศึกษาของเด็กๆผู้ใจบุญสามารถนำมาติดต่อบริจาคได้ที่วัดล่ามช้าง อ.เมืองเชียงใหม่


จากผลงานการเป็นพระนักพัฒนาที่ทุ่มเทให้กับวงการพุทธศานา และสาธารณกุศลอย่างไม่หยุด และจะทำต่อไปของพระครูวิสุทธิกิจจานนท์ ทำให้ท่านได้รับรางวัลล่าสุด”บุคคลต้นแบบคนดีศรีแผ่นดิน ประจำปี 2567 จากโครงการคนดีศรีเชียงใหม่”ของ สมาพันธ์กวีวรรณกรรม ล้านนาภาคเหนือ

ทาโก้ เบลล์ เปิดสาขาแรกในจังหวัดเชียงใหม่ จัดโปรพิเศษดึงนักท่องเที่ยว ลองเมนูยอดนิยมจากอเมริกา

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 : บริษัท สยาม ทาโก้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารแฟรนไชส์ ทาโก้ เบลล์ (Taco Bell) ร้านอาหารสไตล์กึ่งเม็กซิกันที่มีชื่อเสียงจากสหรัฐอเมริกา ได้ฤกษ์เปิดสาขาแรกในภาคเหนือที่ ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ พร้อมจัดโปรโมชันพิเศษสุด เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้ลิ้มลองเมนูทาโก้ต้นตำรับจากอเมริกา ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงลูกค้าสมัครสมาชิก ผ่าน Line Official Account : @Tacobellthai รับฟรี Crunchy Taco (จำกัด 100 สิทธิ์ / วัน) ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2567 และเมื่อสั่งอาหารครบ 350 บาทขึ้้นไป พร้อมกับเช็คอินที่ Facebook Taco Bell Thailand รับฟรี Loaded Nacho เริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 สิงหาคม 2567

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA และกรรมการ บริษัท สยาม ทาโก้ จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายสาขาทาโก้ เบลล์ ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย และนับว่าโชคดีมากที่ได้มาเปิดสาขาแห่งแรกในภาคเหนือที่ ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดเช็คอินสำคัญของบรรดานักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยร้านทาโก้ เบลล์ สาขาประตูท่าแพ นอกจากจะได้รับการออกแบบให้เป็น Inline Model แบ่งเป็นพื้นที่ Indoor และ Outdoor ลูกค้าสามารถนั่งรับประทานที่ร้านหรือสั่งกลับบ้านได้ บริษัทฯ มั่นใจว่า ทาโก้ เบลล์ ยังคงยืนหนึ่งเรื่องอาหารกึ่งเม็กซิกันสไตล์ที่มีเอกลักษณ์รสชาติจัดจ้าน และทาโก้ เบลล์ สาขาประตูท่าแพ จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ด้วยสัดส่วนลูกค้าไทยประมาณร้อยละ 60 และเป็นลูกค้าต่างชาติอีกร้อยละ 40”

เมนูยอดนิยมระดับโลกของทาโก้ เบลล์ อาทิ ครั้นชี่ ทาโก้ ซูพรีม (Crunchy Taco Supreme™) ครั้นช์แรป ซูพรีม (Crunchwrap Supreme™) ชิกเก้น เคซาดิญ่า (Chicken Quesadilla™) กริลด์สตัฟท์ เบอร์ริโต้ (Grilled Stuft Burrito™) โล้ดเด้ดนาโช่ (Loaded Nachos™) นอกจากนี้ยังมีเมนูของทานเล่นและของหวานที่น่าสนใจ อาทิ ชีสซี่ ชิปส์ (Cheesy Chips™) ชีสซี่ ฟรายส์ (Cheesy Fries™) ชีส เคซาดิย่า (Cheese Quesadilla™) ชินนาม่อน ทวิสต์ (Cinnamon Twist™) และ ช็อกโกดิย่า (Chocodilla™) ที่จะทำให้ลูกค้าไทยหรือสายอินเตอร์ได้ลิ้มรสชาติความอร่อยได้ฟินแบบไม่รู้จบ

ทาโก้ เบลล์ สาขาประตูท่าแพ เชียงใหม่ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. ลูกค้าสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม ข่าวสาร และโปรโมชันของ Taco Bell ได้ที่ Facebook: facebook.com/TacoBellTH, IG: @TacoBellTH, @XTacoBellTH, LINE: @TacoBellthai และ TikTok: @Tacobellthailand.

เกี่ยวกับ ทาโก้ เบลล์ ทาโก้ เบลล์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ยัม! แบรนด์ส อิงค์ เป็นผู้บริหารเชนร้านอาหารฟาสต์ ฟู้ด สไตล์เม็กซิกัน ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกซึ่งให้บริการอาหารประเภททาโก้ เบอร์ริโต และอื่นๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเรื่องความอร่อย ความจัดจ้านของรสชาติ และการเลือกใช้วัตถุดิบ ที่มีคุณภาพเกินราคา รวมไปถึงการบริการอันน่าประทับใจที่มอบให้แก่ลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 42 ล้านคนต่อสัปดาห์ ปัจจุบันทาโก้ เบลล์ มีสาขากว่า 7,000 สาขา ทั่วโลก และยังคงมุ่งมั่นขยายสาขาไปยังนานาประเทศ

ค้นหาสาขาทาโก้ เบลล์ ใกล้ท่านได้ที่ www.tacobell.co.th สำหรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากทาโก้ เบลล์ สามารถติดตามได้ผ่านทาง Facebook และ Instagram

อบจ.เชียงใหม่ เชิญเที่ยวงาน Fun Fair Freeเทศกาลงานอาหารญี่ปุ่นกลางเมืองเชียงใหม่

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เปิดสวน อบจ.เชียงใหม่จัดงานเทศกาลงานอาหารญี่ปุ่นสูตรดั้งเดิมที่ยกกองทัพร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังมาเพียบพร้อมจัดแต่งบรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในสวนสนุกของประเทศญี่ปุ่น


อิ่มอร่อยไปกับอาหารและเครื่องดื่มจากร้านค้ากว่า 250 ร้านค้า ร่วมการประกวดและกิจกรรมสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การประกวด Tik Tok , การประกวด Cosplay การประกวดคู่รักสัตว์เลี้ยง , การประกวดนกบินอิสระ , โชว์สุนัขและสัตว์แสนรู้ ช่วงค่ำพบกับ “ไข่มุก” The Voice

เตรียมตัวให้พร้อม อิ่มท้อง และอย่าลืมเตรียมชุดสวยๆมาถ่ายบรรยากาศในงานกันนะ
.

สวนสนุก เครื่องเล่นต่างๆ บริการ ฟรี Fun Fair Free ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2567ตั้งแต่เวลา 10:30 – 23:00 น. สวน อบจ.เชียงใหม่
จัดโดย…องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม#สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หรือติดตามรายละเอียดของงานได้ที่
www.chiangmaipao.go.th www.tiktok.com/@cmpao888

ททท. จัดเต็ม “Amazing Food Festival 2024 @CHIANGMAI” ปักหมุดจังหวัดเชียงใหม่ ชูเสน่ห์อาหารไทย ปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร

ททท. จัดเต็ม “Amazing Food Festival 2024 @CHIANGMAI” ปักหมุดจังหวัดเชียงใหม่ชูเสน่ห์อาหารไทย ปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร

เมื่อวันที่20 กรกฎาคม 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ จังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน“Amazing Food Festival 2024 @CHIANGMAI” โดยมี พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Amazing Food Festival 2024 @CHIANGMAI” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ โดยมีหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เกียรติเข้าร่วมงาน เสิร์ฟเทศกาลอาหารสุดยิ่งใหญ่ ชูเสน่ห์อาหารไทย ยกระดับเทศกาลอาหารสู่ระดับสากล ให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การจัดงาน Amazing Food Festival 2024 ที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ 2 ของการจัดงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และถือเป็นกิจกรรมโครงการตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะช่วยสร้างการรับรู้พื้นที่อัตลักษณ์ด้านอาหารไทยได้อย่างชัดเจน แล้วยังมีการผสมผสานวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ก่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวรูปแบบเชิงอาหาร ถือว่าเป็นการสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้เกิดการขยายเวลาการท่องเที่ยว เป็นการสร้างและขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร เป็นต้น ที่สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนต่อระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคและภาพรวมของประเทศได้ นอกจากนี้การจัดงาน Amazing Food Festival 2024 ได้ชูนโยบาย Ignite Thailand’s Tourism ของรัฐบาล พร้อมจัดเต็มกับกิจกรรมอีเวนต์และงานเทศกาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศตลอด 365 วัน สำหรับงาน Amazing Food Festival 2024 เป็นการดึงเสน่ห์ของอาหารไทยทั่วทุกภูมิภาค ชูจุดเด่นและช่วยผลักดันวัตถุดิบของอาหารไทยในการเปิดมุมมองท่องเที่ยวไทยสู่สายตาโลก

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท. ขานรับนโยบาย Ignite Thailand’s Tourism ของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยอีเวนต์และงานเทศกาลต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว จึงเป็นที่มาของการจัดงานเทศกาลอาหาร Amazing Food Festival 2024 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งนี้ ด้วยการดึงเสน่ห์ของอาหารไทยทั่วทุกภูมิภาค ชูจุดเด่นสู่จุดขายและช่วยผลักดันวัตถุดิบของอาหารไทยผ่านกลยุทธ์ 5 Must Do in Thailand ในมิติของ Must Taste เพื่อเปิดประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสลิ้มลองอาหารไทยที่หลากหลายเพื่อเชื่อมโยงต่อยอดสู่การเดินทางท่องเที่ยว โดยนำเสนอด้วยแนวคิด “Good Food Good Vibes” และเลือกพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งถือเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดความนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และที่สำคัญมีร้านอาหารชื่อดังมากมายที่จะช่วยเติมเต็มความสุขให้กับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Food Lover) พร้อมกันนี้ ททท. ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Sustainable) ด้วยการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมภายในงานอีกด้วย ทั้งนี้ หวังว่าการ จัดงานฯ ครั้งนี้จะสามารถสร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้แก่นักท่องเที่ยวในการออกเดินทางท่องเที่ยวตามหาร้านอร่อยในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ภายในงาน “Amazing Food Festival 2024 @CHIANGMAI” รวบรวมความพิเศษเอาใจนักท่องเที่ยวสายชิม สายกิน และสายโซเชียลให้มาอัปเดตลิ้มลองความอร่อย เปิดประสบการณ์ลิ้มรสวัตถุดิบอันเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น ของภูมิภาคต่าง ๆ จากทั่วประเทศไทยแบบอร่อยจุใจ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารระดับ MICHELIN GUIDE ร้านอาหารชื่อดัง ที่กำลังได้รับความนิยม ร้านอาหารร่วมสมัย ร้านสตรีทฟู้ดท้องถิ่นที่เป็นที่นิยม ร้านอาหารดังของภูมิภาคต่าง ๆ และการออกบูทจำหน่ายสินค้า Art and Craft และบูทจากผู้ประกอบการรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการสาธิตการสอนทำอาหาร โดยเชฟมีชื่อเสียง เชฟภูมิ-จักรภูมิ บุณยาคม Owner chef จากร้านวิเศทวิโส เชฟรุ่นใหม่ เชฟนมโค-อภิสิทธิ์ จิตรประสงค์ Executive chef @ NUGA FOODS และเชฟชุมชนท้องถิ่น จากชุมชนออนใต้-ชุมชนไร่พัฒนา พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานเข้าร่วมกิจกรรม One Day Trip ที่วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ออนใต้ เพื่อทำกิจกรรมในชุมชนและเรียนรู้ต้นกำเนิดแห่งวัตถุดิบด้านอาหารของจังหวัดเชียงใหม่ สามารถลงทะเบียนได้ที่ Facebook Page : Amazing Food Festival 2024 ก่อนจะเพิ่มบรรยากาศแห่งความสนุกสนานไปกับการแสดงดนตรี จากศิลปินชื่อดัง BELL WARISARA โจอี้ ภูวศิษฐ์ วง Yes’sir Days ป๊อบ ปองกูล วง Playground วง PARADOX ตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน

ททท. คาดว่าการจัดงาน “Amazing Food Festival 2024” จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้จะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ชื่นชอบอาหารมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้เกิดการขยายวันพักและเพิ่มค่าใช้จ่ายทางการท่องเที่ยว อันก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจฐานรากต่อไป ซึ่งการจัดงานฯ ในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่การจัดงานไม่น้อยกว่า 15,000 คน และสร้างรายได้หมุนเวียนไม่น้อยกว่า 35 ล้านบาท

ทั้งนี้ การจัดงาน “Amazing Food Festival 2024” ยังมีการจัดงานในอีก 1 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 10-12 สิงหาคม 2567 ณ หัวหิน ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page : Amazing Food Festival 2024

-TAT is hosting “Amazing Food Festival 2024” in Chiang Mai
Elevating Soft Power to Boost Food Tourism
The Ministry of Tourism and Sports, through the Tourism Authority of Thailand (TAT) is preparing spectacular events with the “Amazing Food Festival 2024” to uphold the international food festival that will make Thailand one of the food tourism destinations. Presenting many top restaurants which are carefully selected in one festival, proposing the concept of “Good Food Good Vibes” to promote out of season tourism with food tourism. The festival will take place in Phuket from July 20-22, 2024, at Central Chiangmai. This will give the full experience and fill the happiness to tourists who love food tourism and are food lovers for both Thais and foreigners. This will promote the image of creating a perception of Thailand as a city that is rich and diverse with the food culture by drawing the charms of Thai food throughout all the region, highlighting and helping to promote Thai food ingredients by introducing Thai tourism to the world level, connecting to the trend of tourism in the main cities by organizing events in three provinces, including Chiang Mai.


In “Amazing Food Festival 2024”; foodies, food lovers and social media tourists could update the taste of the deliciousness and varieties of many restaurants that have been carefully selected for this event. This will allow the experience of unique and outstanding food ingredients of various regions from all over Thailand. In each province, there is a highlight of different outstanding restaurants; such as MICHELIN GUIDE restaurants, famous restaurants with current popularity, contemporary restaurants, street food shops, popular local food shops, and famous shops from different regions. This also includes the decoration of the event area and photo area which brings the culture and famous ingredients of each province and each region to be famous landmarks. Apart from that, there will be demonstration of cooking activities by famous chefs, such as Chef Poom-Chakkrapoom Boonyakom, Owner Chef of Wisetwiso Restaurant, young chef Nomkho-Apisit Jitprasong, Executive Chef at NUGA FOODS. Local community chefs from the Ontai and Rai Pattana communities will also share their culinary expertise. There are also booths for Art & Craft and TTA (Thailand Tourism Awards) with the activities of inviting tourists to register via Facebook: Amazing Food Festival 2024, to experience One Day Trip in Ontai community that is the origin of Chiang Mai’s food ingredients. With the increasement of fun through music performance for the people attending and enjoying 3 days concerts from various famous artists such as Bell Warisara, Joey Phuwasit, Yes’sir Days, Pop Pongkool, Playground, and PARADOX. Additionally, attendees can experience the “Vijitr @ Chiang Mai” exhibition at Sankampaeng Hot Springs, Mae On District, as part of the Royal Project of Chiang Mai. For more details and registration, visit the Facebook Page: Amazing Food Festival 2024.


This event focuses on the importance of being environmentally friendly and sustainability. We would like to invite all the tourists to take part and be responsible for garbage in the society by separating the garbage correctly and throwing the garbage in the designated area. There will be staff giving out knowledge of how to correctly separate garbage. This aim is for the tourists to understand and see the benefits of sorting garbage with the cooperation of alliances involved in garbage separation.

Tourism Authority of Thailand (TAT) expects that by hosting “Amazing Food Festival 2024” in Phuket, this will attract tourists, encouraging them to extend their stay and increase spending, thereby boosting local economic circulation. The event is expected to draw more than 15,000 visitors and generate a revenue of at least 35 million baht.

ททท. จัดเต็ม “Amazing Food Festival 2024” จังหวัดเชียงใหม่ ยกทัพร้านอาหารดัง ปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร จังหวัดเชียงใหม่ ยกระดับ Soft Power

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มอบความพิเศษจัดเต็มครั้งยิ่งใหญ่กับงานเทศกาลอาหาร “Amazing Food Festival 2024” ยกระดับเทศกาลอาหารสู่ระดับสากลที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ด้วยแนวคิด “Good Food Good Vibes” นำเสนอสุดยอดร้านดังที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีมากมายไว้ภายในงานเดียว เพื่อให้อาหารเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงต่อยอดสู่การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่าง วันที่ 20-22 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกฤดูกาลด้วยการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ชูจุดเด่นและช่วยผลักดันวัตถุดิบของอาหารไทยในการเปิดมุมมองท่องเที่ยวไทยสู่สายตาโลก เปิดประสบการณ์เติมเต็มความสุขให้กับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Food Lover) ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมนำเสนอเสน่ห์อาหารไทยสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์และหลากหลายทางวัฒนธรรมอาหาร

ภายในงาน “Amazing Food Festival 2024 @CHIANGMAI” รวบรวมความพิเศษเอาใจนักท่องเที่ยวสายชิม สายกิน และสายโซเชียลให้มาอัพเดตลิ้มลองความอร่อย เปิดประสบการณ์ลิ้มรสวัตถุดิบอันเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นของภูมิภาคต่างๆ จากทั่วประเทศไทยแบบอร่อยจุใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารระดับ MICHELIN GUIDE ร้านอาหารชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยม ร้านอาหารร่วมสมัย ร้านสตรีทฟู้ดท้องถิ่นที่เป็นที่นิยม ร้านอาหารดังของภูมิภาคต่างๆ และการออกบูทจำหน่ายสินค้า Art and Craft และบูทจากผู้ประกอบการรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards)

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการสาธิตการสอนทำอาหาร โดยเชฟมีชื่อเสียง เชฟภูมิ-จักรภูมิ บุณยาคม Owner chef จากร้านวิเศทวิโส, เชฟรุ่นใหม่ เชฟนมโค-อภิสิทธิ์ จิตรประสงค์ Executive chef @ NUGA FOODS และเชฟชุมชนท้องถิ่น จากชุมชนออนใต้-ชุมชนชุมชนไร่พัฒนา พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงาน เข้าร่วมกิจกรรม One Day Trip ที่วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ออนใต้ เพื่อทำกิจกรรมในชุมชนและเรียนรู้ต้นกำเนิดแห่งวัตถุดิบด้านอาหารของจังหวัดเชียงใหม่ และชมงาน วิจิตร@เชียงใหม่ ที่น้ำพุร้อนสันกำแพง อำเภอแม่ออน ตามพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ Facebook Page : Amazing Food Festival 2024 ก่อนจะเพิ่มบรรยากาศแห่งความสนุกสนานไปกับการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง BELL WARISARA, โจอี้ ภูวศิษฐ์, วง Yes’sir Days, ป๊อบ ปองกูล, วง Playground, วง PARADOX

มอบให้ชาวจังหวัดเชียงใหม่แบบ จัดเต็มตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน และภายในเรายังได้ใช้ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนึกถึงความยั่งยืน พร้อมเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบขยะต่อสังคม ด้วยการคัดแยกขยะตามจุดทิ้งแยกขยะ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้ความความรู้เกี่ยวกับการแยกขยะอย่างถูกต้อง ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page : Amazing Food Festival 2024

TAT is hosting “Amazing Food Festival 2024” in Chiang Mai
Elevating Soft Power to Boost Food Tourism
The Ministry of Tourism and Sports, through the Tourism Authority of Thailand (TAT) is preparing spectacular events with the “Amazing Food Festival 2024” to uphold the international food festival that will make Thailand one of the food tourism destinations. Presenting many top restaurants which are carefully selected in one festival, proposing the concept of “Good Food Good Vibes” to promote out of season tourism with food tourism. The festival will take place in Phuket from July 20-22, 2024, at Central Chiangmai. This will give the full experience and fill the happiness to tourists who love food tourism and are food lovers for both Thais and foreigners. This will promote the image of creating a perception of Thailand as a city that is rich and diverse with the food culture by drawing the charms of Thai food throughout all the region, highlighting and helping to promote Thai food ingredients by introducing Thai tourism to the world level, connecting to the trend of tourism in the main cities by organizing events in three provinces, including Chiang Mai.


In “Amazing Food Festival 2024”; foodies, food lovers and social media tourists could update the taste of the deliciousness and varieties of many restaurants that have been carefully selected for this event. This will allow the experience of unique and outstanding food ingredients of various regions from all over Thailand. In each province, there is a highlight of different outstanding restaurants; such as MICHELIN GUIDE restaurants, famous restaurants with current popularity, contemporary restaurants, street food shops, popular local food shops, and famous shops from different regions. This also includes the decoration of the event area and photo area which brings the culture and famous ingredients of each province and each region to be famous landmarks. Apart from that, there will be demonstration of cooking activities by famous chefs, such as Chef Poom-Chakkrapoom Boonyakom, Owner Chef of Wisetwiso Restaurant, young chef Nomkho-Apisit Jitprasong, Executive Chef at NUGA FOODS. Local community chefs from the Ontai and Rai Pattana communities will also share their culinary expertise. There are also booths for Art & Craft and TTA (Thailand Tourism Awards) with the activities of inviting tourists to register via Facebook: Amazing Food Festival 2024, to experience One Day Trip in Ontai community that is the origin of Chiang Mai’s food ingredients. With the increasement of fun through music performance for the people attending and enjoying 3 days concerts from various famous artists such as Bell Warisara, Joey Phuwasit, Yes’sir Days, Pop Pongkool, Playground, and PARADOX. Additionally, attendees can experience the “Vijitr @ Chiang Mai” exhibition at Sankampaeng Hot Springs, Mae On District, as part of the Royal Project of Chiang Mai. For more details and registration, visit the Facebook Page: Amazing Food Festival 2024.

This event focuses on the importance of being environmentally friendly and sustainability. We would like to invite all the tourists to take part and be responsible for garbage in the society by separating the garbage correctly and throwing the garbage in the designated area. There will be staff giving out knowledge of how to correctly separate garbage. This aim is for the tourists to understand and see the benefits of sorting garbage with the cooperation of alliances involved in garbage separation.

Tourism Authority of Thailand (TAT) expects that by hosting “Amazing Food Festival 2024” in Phuket, this will attract tourists, encouraging them to extend their stay and increase spending, thereby boosting local economic circulation. The event is expected to draw more than 15,000 visitors and generate a revenue of at least 35 million baht.

ดีพร้อม เร่งยกระดับอุตสาหกรรมสีเขียวในพื้นที่ภาคเหนือดันโปรเจกต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่ออุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งเดินหน้า ขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมสีเขียวให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ผ่านกลไก 3 ด้าน คือ 1) Green Productivity 2) Green Marketing และ 3) Green Finance เพื่อผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมคำนึงถึงความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกันเปิดตัวงาน Moving Green Forward ”ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา” #LANNA มาปลุกพลัง ปลดล็อค ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ สู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ และการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมด้วยคุณท๊อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนและผู้ก่อตั้ง Platform ECOLIFE พูดถึง Moving Green Forward ก้าวต่อไป เพื่อสร้างโอกาสจุดประกายสู่อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ที่โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่

โดยโปรเจกต์กรีนต่าง ๆ ได้แก่ 1) เชียงใหม่เมืองคาร์บอนต่ำ 2) การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 3) Let’s plant meat 4) การนำกลับมาใช้ใหม่อย่างสร้างสรรค์ และ 5) กลุ่มถิ่นนิยม ผ่านการจัดกิจกรรม “Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา” มุ่งการใช้นวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์จากความหลากหลายทางชีวภาพ และการใช้ประโยชน์จากของเสียด้วยกระบวนการอัพไซเคิล โดยตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 450 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 273 ล้านบาท

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับกาเปลี่ยนแปลงในหลายมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความเสี่ยงและความผันผวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้เกิดปรากฏการณ์ภาวะโลกเดือด ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นจนเกินสมดุล ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญพร้อมทั้งมองเห็นโอกาสและความท้าทายต่าง ๆ ให้กับภาคอุตสาหกรรมที่จะสามารถเติบโตทางเศรษฐกิจและตอบโจทย์ตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การบริหารงานของนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกกรม จึงสั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งเดินหน้าผลักดันให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย ผ่านกลไก 3 ด้าน คือ 1) Green Productivity 2) Green Marketing และ 3) Green Finance ขานรับการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่ออุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

นายภาสกร กล่าวต่อว่า ทิศทางการขับเคลื่อนทั้ง 3 ด้าน สอดรับกับการดำเนินงานของดีพร้อมที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการทุกระดับให้สามารถปรับตัวได้เท่าทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ภายใต้นโยบาย “RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต” ผ่านกลยุทธ์การปรับตัวให้ก้าวทันอุตสาหกรรมยุคใหม่ (RESHAPE THE INDUSTRY) การสร้างการเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน โครงการยกระดับธุรกิจ SME ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่มุ่งส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการ การใช้ทรัพยากร และการหมุนเวียนวัสดุกลับมาใช้ใหม่ให้ได้มากที่สุด


สำหรับกิจกรรม “Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา” ในพื้นที่ภาคเหนือในวันนี้ เป็นกิจกรรมที่ช่วยเร่งสร้างการรับรู้ให้ภาคอุตสาหกรรมได้ตระหนักและให้ความสำคัญ ในการลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคเหนือเกิดความตระหนักเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนสามารถนำไปต่อยอดให้เกิดเป็น Moving Green Career สร้างโปรเจกต์กรีน ดีต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มรายได้ จากแนวคิดความสำเร็จของผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือผ่านโปรเจกต์กรีนต่าง ๆ ที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้ ได้แก่ 1) เชียงใหม่เมืองคาร์บอนต่ำ ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงพลังของทุกภาคีเครือข่ายสู่การทำงานร่วมกันเรียนรู้ร่วมกัน มองเห็นสาเหตุและเข้าใจภาพรวมของปัญหา PM2.5 จนเกิดเป็นกระบวนการแก้ปัญหาฝุ่นควันอย่างยั่งยืน 2) การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากฟางข้าว มาสร้างสรรค์สู่ผลิตภัณฑ์ตกแต่งผนังที่มีความสวยงาม มีคุณสมบัติพิเศษสามารถดูดซับเสียงและเป็นฉนวนกันความร้อน ซึ่งช่วยลดมลพิษจากการเผาฟางข้าวได้

3) Let’s plant meat โปรตีนทางเลือกโดยวัตถุดิบที่ทำจากพืช โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ช่วยสร้างความยั่งยืนในมุมมองของวัตถุดิบอาหาร 4) การนำกลับมาใช้ใหม่อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะจากซองกาแฟ ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงมีแนวคิดนำกลับมาใช้ใหม่โดยออกแบบเป็นกระเป๋าอัพไซเคิล กระเป๋าแฮนด์เมดจากซองกาแฟ และ 5) กลุ่มถิ่นนิยม ที่สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักและอยากพัฒนาชุมชนของตัวเองด้วยการพัฒนาให้ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์และกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับชุมชน พร้อมทั้งช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือ สร้างความยั่งยืนให้ระบบนิเวศอย่างสมดุล โดยตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 450 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 273 ล้านบาท และนำร่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศ มุ่งสู่เป้าหมาย 7.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีตามเป้าของกระทรวงอุตสาหกรรม

“ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 2 หลังจากเปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ โดยภายในงานวันนี้ จัดให้มีการเรียนรู้เทรนด์ธุรกิจ องค์ความรู้ต่าง ๆ และมุมมองการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ครบทุกมิติ ขณะเดียวกัน ยังมีการบรรยายและเสวนาจากองค์กรและบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงการบริหารจัดการด้านอุตสาหกรรมสีเขียว กิจกรรมคลินิกให้คำปรึกษาแนะนำจากหน่วยงานพันธมิตรที่มาจัดแสดงสินค้านวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การให้แนะนำสินเชื่อสำหรับธุรกิจรักษ์โลกจากสถาบันการเงินต่าง ๆ และกิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นอีก 2 ครั้ง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น และในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายในเดือนกรกฎาคมนี้” นายภาสกร กล่าวทิ้งท้าย