สืบเนื่องเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ให้โอนศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งเป็นของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (สพค.) และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ในส่วนของศูนย์ประชุมฯ ไปเป็นของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง (กค.) และให้เจ้าหน้าที่ของ สพค. ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับศูนย์ประชุมฯ ตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครกำหนด พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของ สพค. เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง และได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561พร้อมกันนี้ให้โอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีซึ่งเป็นของ สพค. และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ของ สพค.
ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้เจ้าหน้าที่ของ สพค. ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของ สพค. เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง และได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้ สพค. มีอำนาจบริหารจัดการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและกิจการที่ต่อเนื่องจนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จและ การคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานของ สพค. เพื่อไปปฏิบัติงานเป็นบุคลากรของกรมธนารักษ์ กค. หรือองค์การสวนสัตว์ ทส. ให้กรมธนารักษ์ กค. หรือองค์การสวนสัตว์ ทส. ทำความตกลงกับ สพค. เกี่ยวกับเงินเดือนหรือค่าจ้าง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของบุคลลากรนั้น และอาจตกลงกันให้นับเวลาการทำงานต่อเนื่องจากการปฏิบัติงานใน สพค. ได้
* เกี่ยวกับการยุบหน่วยงานทั้งสองหน่วยโดยเฉพาะเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ถือเป็นหน่วยงานที่ยังทำรายได้ให้กับสำนักพัฒนาพิงคนคร เป็นอย่างดี มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมรองจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ โดยในช่วงที่ นายศราวุฒิ ศรีศกุน เป็นผู้บริหารสามารถทำกำไรได้มากถึง 110 เปอร์เซ็นมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปจำนวนมากในแต่ละวัน แต่เมื่อนำไปสู่องค์การสวนสัตว์ ที่มีการบริหารสวนสัตว์เน้นบริการเพื่อการศึกษาไม่หวังผลกำไร เป็นเป็นการยากที่จะบริหารเชียงใหม่ไนท์ให้เลี้ยงตัวเองได้ ในส่วนศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ ได้มอบกับกรมธนารักษ์ให้ดำเนนการ ซึ่งยังไม่ทันจะมอบก็มีข่าวออกมาว่าจะนำพื้นที่แห่งนี้ไปให้เอกชนเกี่ยวกับธุรกิจน้ำเมาเช่าพื้นที่บริหาร มีการปล่อยข่าวออกมาให้คนเชียงใหม่ สับสนแล้ว
**อย่างไรก็ตามเมื่อเช้าวันที 3 ม.ค.ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปติดตามสังเกตุการณ์ในเรื่องนี้ทั้งที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และทีศูนย์ประชุมนานาชาติ พบว่าทางเจ้าหน้าที่บริหารและพนักงานยังคงทำงานอย่างปกติ เมื่อสอบถามหลายคนยังบอกว่าเป็นข่าวมานานแล้ว แต่ในผลกระทบก็ยังไม่เกิดขึ้น ผู้บริหารได้สั่งให้ทำงานกันตามปกติ ยังมีเวลาอีกนานจึงจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ในส่วนพนักงานจำนวนมากยังมีความกังวลใจกับข่าวที่เกิดขึ้นกัน แต่ในเมื่อผู้บริหารยังให้ทำงานกันตามปกติก็ทำกันไปก่อน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยถึง แนวทางการดำเนินงานขององค์กร ภายหลังจากมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 ซึ่งได้ให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 และการดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวหลังจากนั้น ยังต้องรอกำหนดวันเวลาที่แน่นอนจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ยังคงมีอำนาจในการบริหารจัดการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และกิจการต่อเนื่องจนกว่าภารกิจตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
“สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ให้คำมั่นว่าจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรต่อไปอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวมและประเทศชาติ รวมทั้งจะบริหารจัดการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากนานาประเทศทั่วโลก ให้ได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด”นายอนุชากล่าวทิ้งท้าย