ตะลึงยาบ้า “สีม่วง”ของเครือข่ายนรก” ป๋อลี”นำจำหน่ายครั้งแรก ผบช.ภ.5 สั่งกวาดล้างให้สิ้นซาก

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 19 ม.ค.นี้ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 พร้อมทั้งเจ้เาหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครองและ ป.ป.ส.ภาค5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจยึดจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวนประมาณ 8,616,000 เม็ด ที่จับกุมได้ในพื้นที่ 3 จังหวัดแพร่ เชียงรายและลำปาง


พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้เผยว่าการกวาดล้างจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด มีการร่วมมือฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครองและ ป.ป.ส.ภาค 5 เป็นเครือข่ายยาเสพติดของ” ป๋อลี” หรือ“นายบุญชัย แซ่มัว” เป็นเครือข่ายใหญ่ตามแนวชายแดน โดยรายแรกจับกุม เมื่อวันที่่ 14 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 18.30 น.ที่ด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ อ.เด่นชัย จว.แพร่ พร้อมของกลางเมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า) จำนวน 12 กล่องโฟม จำนวนประมาณ 2,300,000 เม็ด โดยทางตำรวจได้รับแจ้งจาก ผู้ขับรถบรรทุกผักคันเกิดเหตุ ยี่ห้อ อีซูซุ ทะเบียน ผต 6448 เชียงราย ว่าเมื่อ เวลา 13.00 น. ได้รับจ้างจาก ผู้มีชื่อว่าเอกสำโรง 2 ให้ขึ้นไปบรรทุกของที่ บ้านแคหวาย ซอย 1 สนามกีฬากลาง จว.เชียงราย ได้ค่าจ้าง 6,000 บาท ให้ไปส่งปลายทาง ที่ อ.สำโรงเหนือ จว.สมุทรปราการ มีผู้มายกสิ่งของขึ้นรถ 4 คนเป็น ชาย 2 คนผู้หญิง 2 คน โดย บรรจุใส่กล่องโฟม จำนวน 30 กล่อง โดยมีผักอำพรางไว้ด้านบน ซึ่งได้ขับรถตามเส้นทาง บายพาสเก่าออกแยกถนนหลัก ผ่าน จว.แพร่ ถึงด่านตรวจ x-ray (ห้วยไร่) เจ้าของรถ สงสัยสิ่งของที่รับจ้างบรรทุกมา จึงขอเอารถเข้า x -ray และพบของกลางยาบ้าจำนวน 12 กล่องโฟม จำนวนประมาณ 2,300,000 เม็ด โดยซุกซ่อนมากับกล่องสับปะรดทำเครื่องหมายไว้ หน้ากล่อง 5+6 เป็นกล่องยาเสพติด ขณะนี้ อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องในการลักลอบ ลำเลียงขนส่งยาเสพติดในครั้งนี้


ส่วนรายที่ 2ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดฯ บก.สส.ภ.5,ฉก.31 กกล.ผาเมือง ได้สืบทราบว่าในวันที่ 14 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 20.30 น.จะมีการลำเลียงยาเสพติดเครือข่าย ป๋อลี ผ่านพื้นที่ชายแดนเชียงรายไปยังส่วนกลางจึงทำการสกัดกั้นจับกุมที่บ้านหมู่ 3 ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล จว.เชียงราย และต่อเนื่องบนถนนสายขุนตาล-พญาพิภักดิ์ ทำการตรวจค้นรถยนต์2 คันมีรถยนต์ ยี่ห้อมิซูบิชิ รุ่นปาเจโร ทะเบียน 4 กส 2561 กทม. พบยาบ้า จำนวน 30 กระสอบ จำนวนประมาณ 6,030,000 เม็ด และรถยนต์ กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ทะเบียน บบ 2293 พะเยา เป็นรถนำทางจึงควบคุมตัวผู้ต้องหา3 คนมีนายต่ง แซ่โซ้ว อายุ 25 ปี ชาว ต.สบบง อ.ภูซาง จว.พะเยา นายพลทัต แซ่ลี อายุ 23 ปี ต.ปอ อ.เวียงแก่น จว.เชียงราย และนายฉัตรชัย นววรเศรษฐ์ อายุ 21 ปี ภูมิลำเนา ต.ตับเต่า อ.เทิง จว.เชียงรายสำหรับของกลาง ยาบ้าที่พบหีบกระดาษที่พบเป็นลักษณะภาาาอังกฤษตัว L คล้ายยี่ห้อรถยนต์ และยาบ้าจำนวนมากเป็นสีม่วงซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่เคยพบมาก่อน แต่เป็นเครือข่ายของนายบุญชัย แซ่มัว หรือ ป๋อลี นักค้ายาเสพติดเครือข่ายใหญ่


ส่วนรายที่3 ทางเจ้าหน้าที่ตำรว สภ.แม่พริก อ.แม่พริก จว.ลำปางทำการสกัดกั้นจับกุมที่ที่บริเวณด่านเมื่อวันที่ 15 ม.ค.เวลา 19.30 น.ได้ผู้ต้องหา3คนมีนายทศพร บำรุงชาติ อายุ 33 ปีชาว ต.ปากแรด อ.บ้านโป่ง จว.ราชบุรี นายประสิทธิ์ แสงสว่าง อายุ 42 ปี ชาว ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี และนายวีรชาติ กัปโก อายุ 20 ปี ชาว ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี พร้อมยาบ้าจำนวนประมาณ 286,000 เม็ดพร้อมรถยนต์ลากจูง(รถสไลด์) ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว รุ่นรีโว่ หมายเลขทะเบียน 3ฒง 9396 กทมและรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา รุ่นโคโลร่า หมายเลขทะเบียน 8กย 9742 กทม โดยบาบ้าซุกอยู่ท้ายรถเก๋งโตโยต้า จำนวน 143 มัด รวมจำนวนประมาณ 286,000 เม็ด รับสารภาพลำเลียงจากชายแดน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่นำเข้าตอนกลางของประเทศ


พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เผยว่ายาบ้าที่ 3 รายเป็นการรวมมือกันสกัดกั้นและกวาดล้างจับกุม สำหรับยาบ้าสีม่วง ถือว่าเป็นการพบเป็นครั้งแรก ซึ่งในขณะนี้ได้ส่งตัวยาเข้าไปตรวจพิสูจน์ว่ามีส่วนผสมอะไร แต่เท่าที่ตรวจสอบในเบื้องต้นกลิ่นสีจะไม่เหมือนยาบ้าทั่วไปกลิ่นจะคล้ายกลิ่นวนิลา ซึ่งก็เป็นของเครือข่ายป๋อลี หรือนายบุญชัย แซ่มัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไล่ล่าตัว แต่ทราบกลบดานในฝั่งตรงข้ามของประเทศไทย

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้กล่าวว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน เพื่อร่วมกันสอดส่องดูแลบุตรหลาน บุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยสามารถแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วน ยาเสพติด 1599, สายด่วน 191, line@inthanon1(ผบช.ภ.5) และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชม. ในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ในความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยรวม//

โครงการตลาดนัดชุมชน ไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้ จังหวัดเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ จัดงานตลาดนัดชุมชน ไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้ จำหน่ายสินค้าราคาถูก เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายของประชาชน ระหว่างวันที่ 17-19 มกราคม 2565 นี้

เมื่อเย็นวันที่17 มกราคม. ที่ บริเวณลานตลาดประชารัฐ ด้านหน้าศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการตลาดนัดชุมชน ไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้ จังหวัดเชียงใหม่ ในการจัดงานจำหน่ายสินค้าราคาถูก ช่วยลดค่าครองชีพ และประหยัดค่าใช้จ่ายของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ตามแนวทางการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่


จากปัญหาค่าครองชีพครัวเรือนในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากการปรับราคาสินค้าอุปโภค บริโภคหลายรายการ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในทุกระดับ โดยเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 ได้นำสินค้าอุปโภค บริโภค หลายรายการ อาทิ ไข่ไก่ ซึ่งได้รัยการสนับสนุนโดย หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จัดไข่ไก่มาจำหน่ายในราคาเพียง ฟองละ 1 บาท จำนวน 5,000 ฟอง ให้สิทธิซื้อได้คนละ 10 ฟอง เพื่อกระจายผู้ซื้อได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีสินค้าราคาพิเศษอื่นๆ อีกหลายรายการ อาทิ อาหารโปรตีน จาก เนื้อไก่สด, ปลานิลสด, ปลาดุกสด พร้อมทั้ง อาหารแห้ง,ผลไม้สด และพืชผักสวนครัว จากเกษตรกร ผู้ผลิตในโครงการโคกหนองนา รวมทั้ง สินค้าอุปโภคบริโภค อื่น ๆ จากผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ มาจัดจำหน่ายจำนวนมาก ระหว่างวันที่ 17 – 19 มกราคม 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น.

นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงการจัดงานนี้ว่า จากแนวคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนด้านค่าใช้จ่ายครัวเรือน จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง พัฒนาชุมชนจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด เกษตรจังหวัด และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เปิดตลาดนัดชุมชน ไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้ เพื่อนำสินค้า มาจำหน่ายแก่ประชาชนในราคาถูก บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งประกอบด้วย สินค้าอุปโภคบริโภค ในราคาที่ยุติธรรม และประหยัด เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีโอกาสเลือกซื้อ ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ พร้อมมอบหมายให้กระจายการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าราคาถูก ที่รัฐจัดให้ในครั้งนี้ด้วย

เปิดงานการจัดแสดงนวัตกรรมและจำหน่ายสินค้า Lanna Expo 2021ภายใต้แนวคิด “กินดี อยู่ดี ชีวิตวิถีใหม่”

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 7 มกราคม 2565นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงานการจัดแสดงนวัตกรรมและจำหน่ายสินค้า Lanna Expo 2021 โดยความร่วมมือของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน) โดยการจัดงานเป็นไปเพื่อการส่งเสริมการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้สู่ชุมชน พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสการสร้างงาน และขยายฐานลูกค้าตลอดจนให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตนต่อไป ทั้งนี้ งาน Lanna Expo 2021 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-16 มกราคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่


นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเปิดงานว่าสืบเนื่องจากพื้นที่ภาคเหนือเรามีผลิตภัณฑ์มากมาย ที่ผ่านมาประกอบกันสถานการณ์โควิดซึ่งจากสถานการณ์นี้ทำให้การค้าขายชงักงันไป แต่ในวันนี้เรามีโอกาสที่จะสามารถเปิดกิจกรรมที่จะทำให้กลุ่มผู้ผลิตมาพบกับกลุ่มผู้บริโภคได้ ทางกลุ่มภาคเหนือตอนบนซึ่งประกอบด้วยเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูนจึงได้ร่วมกันทำการจัดงาน Lanna Expo 2021

ขึ้นซึ่งในกิจกรรมนี้ก็จะได้รวบรวมผู้ประกอบการในระดับรากหญ้าจนถึงระดับที่ได้มาตรฐานนำสินค้าผลิตภัณฑ์ในพื้นที่มาทำากรแลกเปลี่ยนจำหน่ายกันในงานนี้จะเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจให้คึกคักขึ้นมาเป็นการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ค้าผู้ขาย อย่างไรก็ตามในกิจกรรมครั้งนี้นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก็ยังได้มีการนำผุ้ประกอบการกลุ่มต่างๆมาพบกับลูกค้ามีการแลกเปลี่ยนธุรกิจกันซึ่งตรงนี้จะทำให้มีการค้าขายอย่างต่อเนื่องต่อไปเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มาเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพซึ่งในงานนี้มีผู้ประกอบการนับพันบูธมาร่วมงาน นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากกงสุลประเทศต่างๆนำสินค้ามาออกบูธจำหน่ายสินค้าด้วย และในช่วงนี้อากาศหนาวเย็นมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเชียงใหม่ก็สามารถมาจับจ่ายซื้อสินค้าได้ในงานนี้ด้วย

ซึ่งในการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ โดยเป็นงานจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าสำคัญงานแรกของปีเพื่อรับการเปิดเมือง และถือเป็นการเริ่มต้นวิถีชีวิตแบบปกติใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า จังหวัดยังคงมีกิจกรรมที่กระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง ตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงผู้ประกอบการรายสำคัญที่มีศักยภาพของภูมิภาค ภายใต้รูปแบบกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้เศรษฐกิจของจังหวัดได้ขับเคลื่อนอีกครั้งหลังจากวิกฤติโควิดหลายระลอกที่ผ่านมา

สำหรับงาน Lanna Expo 2021 ปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “กินดี อยู่ดี ชีวิตวิถีใหม่” โดยภายในงานแบ่งพื้นที่เป็นคูหาแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการสุดยอดผลิตภัณฑ์ จำนวน 4 กลุ่ม 4 โซนสินค้า ได้แก่กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่ง จะจัดแสดงและจำหน่าย ในโซนสินค้าเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่ง กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม สมุนไพร จะจัดแสดงและจำหน่าย ในโซนสินค้าสุขภาพและความงาม สมุนไพร กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นและสิ่งทอ ของฝากของที่ระลึก และอื่นๆ จะจัดแสดงและจำหน่าย ในโซนสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นและสิ่งทอ ของฝากของที่ระลึก และอื่นๆ และ กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เกษตรแปรรูป จะจัดแสดงและจำหน่าย ในโซนสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เกษตรแปรรูป

การจัดงานในครั้งนี้ถือว่ายังอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ทางคณะผู้จัดงานได้ตระหนักถึงความสำคัญของมาตรการในการดูแลสุขอนามัยแก่ผู้เข้าร่วมงาน โดยจะดำเนินการตามมาตรการและข้อกำหนดในการควบคุมโรคโควิด – 19 อย่างเคร่งครัดตั้งแต่การเข้าติดตั้งงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทุกคน

การดูแลเรื่องระยะห่างของบูธแสดงสินค้า มาตรการด้านสุขภาพและอนามัยต่างๆ ระหว่างการจัดงาน เช่น การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาในพื้นที่งานแสดงสินค้า การคัดกรองคนเข้างานด้วย การตรวจวัดอุณหภูมิ การติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่าง ๆ ทั่วบริเวณงาน การดูแลความสะอาดของพื้นผิวสัมผัสภายในบริเวณงาน รวมถึงการจัดการจำนวนผู้เข้าร่วมงานไม่ให้หนาแน่นเกินไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบต่างๆ ด้านสุขอนามัย และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานตลอดระยะเวลาการจัดงาน

ศิษยานุศิษย์รับพรปีใหม่2565จากครูบาน้อย เตชปัญโญ เกจิอาจารย์ดังล้านนา

ที่วัดศรีดอนมูล ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นักท่องเที่ยวและศิษยานุศิษย์ เข้าไปรับพรปีใหม่จากพระครูสิริศิลสังวร หรือครูบาน้อย เตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล เกจิอาจารย์ดัง โดยมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยเว้นระยะห่างและใส่หน้ากากอนามัย โดยเฉพาะที่นั่งของครูบาน้อยมีแผ่นพลาสติกกั้นไว้ แต่ช่วงส่งท้ายปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ ผู้คนผลัดเปลี่ยนกันหมุนเวียนเพื่อรับพรจากครุบาน้อย

ในปีนี้ทางพระครูสิริศิลสังวร หรือครูบาน้อย เตชปัญโญ ได้ให้พรปีใหม่ ขอให้ทุกคนมีสติ ขอสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย เสนียดจัญไรรวมทั้งโรคร้ายนานาต่างๆโรคร้ายทั้งสายพันธุ์เก่าสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นหนักให้เป็นเบาร้อนให้เป็นเย็น ขอให้คลี่คลายไปในทางที่ดีในปี 2565 นี้ขอพี่น้องศรัทธาทุกท่านต้องมีสติเป็นที่ตั้ง เห็นอไะรผิดหูผิดตาให้พิจารณาเสียก่อน ตนของเราเป็นที่พึ่งของตน ขอให้ทำดีเพื่อเป็นที่ตั้ง ทำดีเพื่อดี ทำดีสู่ดี ของจริงทำจริงสู่จริง ขอดีทำดีสู่ดี เพื่อให้เกิดคุณธรรมความดีสู่ตัว ขอให้มีความสามัคคีกัน ขอให้พี่น้องศรัทธาทุกท่านมีความสุขตลอดปี 2565 นี้ขอให้โชคชัยมีโชคขอให้รวยๆมหารวยเกิดขึ้นทั้่งทรัพย์ภายในและทรัพย์ภายนอกโชคดีมีโชคทุกๆคน

สัตวแพทย์ลุ้นช่วยชีวิตพังยายน้อย วัย 60 ปี ยืนหลับ3 สัปดาห์ พอล้มนอนแล้วไม่ลุก

เช้าวันที่22ธันวาคม 2564 นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา และศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้นำสัตวแพทย์ปางช้างแม่สา และศูนย์อนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม เข้าไปช่วยชีวิตของช้างชราพังยายน้อย วัย 60 ปี ที่ล้มลงนอนแล้วลุกไม่ขึ้นมาแล้วสองครั้ง

โดยก่อนหน้านี้พังยายน้อยแต่เลือกที่จะยืนหลับแทนมายาวนานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว โดย เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมาพังยายน้อยมีอาการวูบจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ สัตวแพทย์ได้รักษาด้วยการเติมน้ำเกลือและยาบำรุง พังน้อยซึ่งมีอาการเจ็บขาหลังด้านซ้ายมายาวนาน ทำให้ยืนได้ไม่ดี ทีมควาญช้างจึงได้ย้ายช้างเข้าซองรักษาที่มีขนาดพอดีกับตัวช้าง ช้างสามารถพิงตัวอยู่ในซองได้ นอกจากนี้สัตวแพทย์ยังตรวจพบอาการผิดปกติในช่องปากเพิ่มเติม

ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากฟันผุ ทำให้พังยายน้อยมีน้ำลายไหลย้อยตลอดเวลา และมีอาการเจ็บลิ้นร่วมด้วย ทางด้านการรักษาจึงต้องล้วงเอาเศษอาหารที่อุดตามซอกฟันออกและล้างด้วยน้ำ งดการให้กินหญ้า และเริ่มทำการผสมกล้วยสุกปั่นกับน้ำ ผสมเข้ากับอาหารเม็ดให้ช้างกินแทน นับเป็นครั้งแรกที่ทางปางช้างต้องปรับการรักษาที่ยากขึ้น เพราะช้างหนึ่งเชือกต้องกินอาหารมากถึง 10% ของน้ำหนักตัว ช้างพังมีน้ำหนักมากกว่า 2,000 กิโลกรัม การบดกล้วยต้องทำวันละ 200 กิโลกรัม ซึ่ง

ทีมสัตวแพทย์ประจำปางช้าง น.สพ.รณชิต รุ่งศรี และ สพ.ญ.พิชามญชุ์ เอื้องไพบูลย์ จะต้องให้น้ำเกลือและยาบำรุงร่วมด้วยเป็นระยะๆ เพื่อรักษาชีวิตช้างเอาไว้ และเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ธ.ค.พังยายน้อยได้ลงนอนตะแคงโดยทางทีมสัตวแพทย์ต้องใช้รถเครนทำการยกพังยายน้อยเพื่อให้เปลี่ยนท่านอนทุก 4 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้เกิดแผลกดทับ


น.สพ.รณชิต รุ่งศรี สัตวแพทย์ประจำปางช้างแม่สา ได้เผยว่าอาการของพังยายน้อยยังน่าเป็นห่วงมากๆเพราะพังยายน้อยไม่ตอบสนองเราพยายามที่จะพลับด้านแต่ช้างกลับแสดงอาการไม่สบายตัวจำเป็นต้องให้นอนท่าเดิมแต่เรามีฟางกับกองดิน และทีมงานได้พยายามเจาะเกล็ดเลือดและให้น้ำเกลือเพือประคองอาการและให้ยากระตุ้น

ในตอนนี้ช้างยังมีลมหายใจ ยังมีอาการที่แสดงให้เห็นว่ามีชีพจรสีเหยื่อเหมือกค่อนข้างปกติ เพราะฉนั้นเรายังต้องสู้เพิ่อช้างเชือกนี้ต่อไป หากถามว่าอาการของยายพังน้อยจะกลับมาปกติหรือไม่ เราบอกไม่ได้แต่พวกเราจะพยายามต่อสู้เพื่อยื้อชีวิตพังยายน้อยให้ได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการล้มของช้างพังยายน้อย มีการไลฟ์สดไปทั่วกับการช่วยเหลือชีวิตพังยายน้อยให้รอด ทำให้ผู้ที่รักช้าง ส่งกำลังใจมากให้มากมายขอให้พังยายน้อยลุกขึ้นมาได้ หากท่านใดต้องการช่วยเหลือช้างที่ปางช้างแม่สา โปรดติดต่อคุณรัตนา ศรีหมอก ผู้จัดการปางช้างแม่สา เบอร์โทร 081-882-3738 หรือ 089 838-4242

สำหรับปางช้างแม่สา ยังมีช้างชราอายุ 60-85 ปีจำนวนถึง 16 เชือก จากจำนวนช้างที่มีทั้งหมด 71 เชือก และช้างชรา หลายเชือกต้องผจญกับอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ล่มป่วยกันมาก ถึงแม้จะมีการห่มผ้ากันหนาวและก่อไฟให้แล้วก็ตาม//

ทีเส็บพร้อมสนับสนุนเพิ่มให้คนเชียงใหม่จัดกิจกรรมไมซ์รับเปิดเมืองปลอดภัย กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น คาดเงินสะพัด กว่า 33 ล้านบาท

ภาคเหนือประชุมเมืองไทยคึกคัก เงินสะพัด กว่า 33 ล้านบาททีเส็บพร้อมสนับสนุนเพิ่มให้คนเชียงใหม่จัดกิจกรรมไมซ์รับเปิดเมืองปลอดภัย
กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 จ.เชียงใหม่: ทีเส็บเผยตัวเลขขอรับสนับสนุนโครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า หลังผู้ประกอบการไมซ์ทั่วไทยให้ความสนใจขอรับการสนับสนุนเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 งาน พร้อมชวนคนเชียงใหม่จัดกิจกรรมไมซ์กระตุ้นเมืองรับการเปิดประเทศ ให้รายละเอียดการสนับสนุนจัดกิจกรรมไมซ์ในทุกมิติ ภายใต้มาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจัดงานปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นไมซ์ซิตี้ที่มีการพัฒนาในระดับสูง สะท้อนให้เห็นจากการผ่านการประเมินมาตรฐานเมืองไมซ์ซิตี้ 8 ด้านครั้งล่าสุด โดยเชียงใหม่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการลงทุน ตลอดจนมีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านการเดินทางธุรกิจและท่องเที่ยว หรือ Bleisure Destination ทั้งหมดนี้มาจากการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการพัฒนาเมืองอย่างมียุทธศาสตร์ร่วมกันมาโดยตลอด

“การที่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ จัดงาน “ฟังเสียงเชียงใหม่ แทคทีม! คน ไมซ์ เมือง” และกิจกรรมสร้างการรับรู้โครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า ขึ้นในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่น่ายินดี ที่ได้มาฟังเสียงคนเชียงใหม่ในหลายภาคส่วนร่วมกันคิด ค้นหาแนวทางความร่วมมือ และผลักดันให้กิจกรรมไมซ์ในจังหวัดเชียงใหม่บรรลุเป้าหมายเมืองร่วมกัน ขณะนี้ เชียงใหม่ ในฐานะเมืองนำร่อง 17 จังหวัดที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลให้เปิดพื้นที่รับระบบ test&go ในระยะแรก จังหวัดเชียงใหม่ได้ใช้แคมเปญ Charming Chiang Mai ในการกระตุ้นการเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และได้มีมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อย พร้อมรองรับการจัดงานประชุม สัมมนา แสดงสินค้าแบบ new normal แน่นอน”


นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บมีแนวทางในการผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อให้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นตามนโยบายรัฐบาล โดยโครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ โดยเฉพาะธุรกิจการจัดประชุมสัมมนา และการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้

“ในปีนี้ทีเส็บได้จัดสรรงบประมาณเพื่อให้การสนับสนุนจำนวน 20 ล้านบาท ให้การสนับสนุนงบประมาณ 15,000 บาทสำหรับการจัดกิจกรรม 1 วัน ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และ 30,000 บาทสำหรับการจัดกิจกรรม 2 วัน 1 คืน ได้แก่ การประชุม การสัมมนา การอบรม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล กิจกรรมเพื่อสังคม กิจกรรมศึกษาดูงาน หรือกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งในชุมชน และได้พัฒนาระบบการขอรับการสนับสนุนให้เป็นรูปแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบผ่านแพลตฟอร์ม ThaiMICEConnect.com ซึ่งเป็น e-MICE Marketplace ที่สมัครเข้าใช้บริการได้ง่าย ช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ทำให้มีผู้ประกอบการไมซ์ให้ความสนใจขอรับการสนับสนุนเข้ามาเป็นจำนวนมาก

 

ปัจจุบันมีผู้ขอรับการสนับสนุนและอนุมัติแล้วรวม 813 งาน (ข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564) และแสดงความจำนงมากกว่า 1,000 งาน มีผู้เข้าร่วมงาน 43,530 คน มีมูลค่าการจัดงาน 63 ล้านบาท โดยมีจำนวนงานที่ได้รับการอนุมัติ 637 งาน กระตุ้นให้มีการจัดกิจกรรม 2,187 กิจกรรม เกิดมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 119 ล้านบาท และเกิดการจ้างงาน 966 คน (ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน – 30 กันยายน 2564) โดยในภาคเหนือมียอดการยื่นขอกว่า 200 งาน ก่อให้เกิดรายได้ในพื้นที่ 18.69 ล้านบาท สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาคเหนือกว่า 33.41 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าการประชุมสัมมนาในประเทศยังถือเป็นเครื่องมือสำคัญหลักในการกระตุ้นการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ”

ทั้งนี้ ภายในงาน “ฟังเสียงเชียงใหม่ แทคทีม! คน ไมซ์ เมือง” และกิจกรรมสร้างการรับรู้โครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทีเส็บยังได้แนะนำแคมเปญสนับสนุนการจัดกิจกรรมไมซ์ในรูปแบบต่างๆ ครบทุกมิติของอุตสาหกรรมไมซ์ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การจัดประชุมสัมมนา แต่ยังรวมไปถึงการประชุมนานาชาติ งานแสดงสินค้านานาชาติ งานเฟสติวัล และงานเมกะอีเวนต์เพื่อกระตุ้นกิจกรรมไมซ์ของจังหวัดเชียงใหม่ให้เติบโต ควบคู่ไปกับการพัฒนาต่อยอดให้มีความยั่งยืน ลดการพึ่งพารายได้จากต่างประเทศ และแม้ว่าขณะนี้หลายพื้นที่ผ่อนคลายเรื่องการจัดกิจกรรมรับนโยบายเปิดประเทศ แต่ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร หรือ COVID Free Setting ไม่ว่าจะเป็นการจัดประชุม สัมมนา เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 22.00 น. การจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมไม่เกิน 500 คน ให้ผู้เข้าร่วมสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา จัดให้มีช่วงเวลาพักเพื่อการระบายอากาศของห้องประชุม จัดเตรียมอาหารแบบแยกเป็นชุด และเว้นระยะห่างไม่ให้แออัด พร้อมทั้งดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติการจัดงานไมซ์อย่างเคร่งครัดสามารถติดตามรายละเอียดโครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่าในเฟสต่อไป ได้ทาง www.thaimiceconnect.com, Facebook : Thai MICE Connect หรือ Line : @thaimiceconnect และสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร 0 2793 3456 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.30 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดให้บริการโซนเดินชมสัตว์ ชวนสัมผัสธรรมชาติในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปี พร้อมมอบส่วนลด 50% ตลอดเดือนตุลาคม

วันที่ 21 ตุลาคม 2564 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปี ส่งท้ายฤดูฝนต้อนรับลมหนาวกับเส้นทางเดินชมสัตว์ในโซนจากัวร์เทรล ที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมมอบส่วนลด 50% แก่นักท่องเที่ยว ตลอดเดือนตุลาคม 2564


นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า หลังจากที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ปิดปรับปรุงโซนจากัวร์เทรล ซึ่งเป็นเส้นทางเดินชมสัตว์ธรรมชาติ ในระยะทางกว่า 1.2 กิโลเมตร เพื่อปรับปรุงพื้นที่และส่วนแสดงต่างๆ ให้มีความปลอดภัยกับนักท่องเทีี่ยว รวมทั้งเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติในโซนนี้ด้วย และขณะนี้พร้อมเปิดให้บริการแล้ว ซึ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวที่เส้นทางเดินชมสัตว์จะมีความสวยงามที่สุดจากความเขียวขจี และสภาพอากาศที่เริ่มเย็นลง สร้างความรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นตลอดเส้นทาง

โดยในเส้นทางเดินชมสัตว์นี้จะได้พบกับสมาชิกสัตว์กว่า 57 ชนิด จากทั่วโลก รวมทั้งเสือทั้ง 8 สายพันธุ์ที่หายาก ประกอบด้วย คาราเคิล, เสือจากัวร์, เซอวอล, แมวดาว, เสือดำ, เสือปลา, เสือไฟ และเสือลายเมฆ ให้นักท่องเที่ยวได้ทำความรู้จักกับเหล่าเสือเล็กและแมวใหญ่เหล่านี้อย่างใกล้ชิดด้วย


นอกจากนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้เปิดให้บริการพิเศษเฉพาะวันหยุดยาวในวันที่ 21 – 24 ตุลาคม 2564 โดยเพิ่มรอบให้บริการ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตร เวลา 21.00 น.) จากปกติ เวลา 13.00 – 21.00 น. เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งยังได้มอบส่วนลด 50% สำหรับบัตรเข้าชม ตลอดเดือนตุลาคมนี้

และเพื่อเป็นการให้บริการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน SHA ยังคงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และจะต้องลงทะเบียนจองการเข้าชมล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น พร้อมทั้งมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการเข้าใช้บริการจากผู้ให้บริการที่ได้รับการฉีดวัคซีนจำนวนครบ 2 เข็มแล้ว และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดการเข้าเที่ยวชม


สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าเที่ยวชม เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี สามารถลงทะเบียนจองออนไลน์ ได้ที่ www.chiangmainightsafari.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 053 – 99900 หรือ Facebook : https://www.facebook.com/chiangmainightsafarifanclub, IG: https://bit.ly/3nhUqs0, LINE: https://lin.ee/h0yOnXF และ TIKTOK: https://vt.tiktok.com

“ซิกส์ฟลาวเวอร์”สวนดอกไม้สวยต้อนรับ รับชาร์มมิ่งเชียงใหม่ CHARMING Chiang Mai บนเส้นทางสายแม่ริม-สะเมิง

แม่ริมเตรียมเปิดสวนดอกไม้สวยงามบนเนื้อที่ 8 ไร่ รับชาร์มมิ่งเชียงใหม่ CHARMING Chiang Mai บนเส้นทางสายแม่ริม-สะเมิง ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยเนรมิตพื้นที่ที่มีวิวทางธรรมชาติที่งดงามเป็นต้นทุนอยู่แล้วมีดอยสวยต้นไม้งาม จัดทำเป็นสวนดอกไม้ที่งดงามและจะเป็นแลนด์มาร์คของเชียงใหม่ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาชมความสวยงามของมวลดอกไม้ที่จัดอย่างงดงามเป็นระเบียบสามารถเข้าไปสัมผัสและถ่ายภาพได้ทุกๆมุม

โดยสวนดอกไม้พื้นที่ 8 ไร่มีทุ่งดอกไม้ดอก celosia หรือ ดอกสร้อยไก่หลายหลากสี, ทุ่งดอกมากาเร็ต ,ดอกทานตะวัน ,ต้นบอนกระดาษยักษ์สูงร่วม 3 เมตรที่หาชมได้ยาก พร้อมต้นกระเเตไต่ ต้นไม้ตระกูลฟอกอากาศ โดยมีการจัดสวน มุมถ่ายภาพทั้งมุมสูงสามารถเห็นได้ทั้งสวนและช่องทางเดินกลางสวนดอกไม้ให้ถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด โดยจะมีเบื้องหลังสวนดอกไม้จะมองเห็นเป็นดอยสวยคล้ายภูเขาไฟฟูจิยาม่าของญี่ปุ่น สวยเขียวงามตายิ่งนัก


น้องหมี้”น.ส.อรุณนิสา ทิศเหนือ ผู้บริหารสวนดอกไม้ซิกส์ฟลาวเวอร์ ได้เผยว่าได้ใช้พื้นที่ 8 ไร่ในการเนรมิตสวนดอกไม้แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อรับโครงการเปิดการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ โดยได้นำพรรณไม้ดอก มาจัดแต่งอย่างงดงาม ท่ามกลางท่ามชาติของดอยที่มีลักษณะคล้ายภูเขาฟูจิยาม่า เป็นมุนถ่ายภาพ

โดยจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 22 ต.ค.นี้เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาชมภายใต้การคุมเข้มในเรื่องการป้องกันไวรัสโควิดตามกฎระเบียบกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยวที่มาเข้าชม ซึ่งสวนซิกส์ฟลาวเวอร์ เป็นพื้นที่กว้างและอากาศโปร่ง มีมุมถ่ายภาพจำนวนมาก

ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและคุมเข้มในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมสวนดอกไม้ที่งดงามและจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเชียงใหม่

บารมีช้าง สร้างปาฎิหาริย์มีจริง ผู้ใจบุญมอบเงิน 2.5 ล้านบาทให้ปางช้างแม่สาให้เงินเดือนควาญช้างเตรียมเปิดบริการต่อ

จากกรณีปางช้างแม่สา หรือศูนย์อนุรักช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของประเทศไทย ได้ปิดตัวลงเมื่อวันที่ 1 ต.ค.นี้ จากผลกระทบปัญหาโควิด-19 รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นศูนย์ และยังมีปัญหาในเรื่องการจัดการมรดกไม่ลงตัว ทำให้เงินที่จะนำมาบริหารปางช้างให้อยู่รอดหมดลง พนักงานควาญช้างไม่ได้รับเงินนานถึง 3 เดือนลาออก ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงช้างอย่างรุนแรง

หลังจากที่ปลดโซ่ช้างให้อยู่อย่างอิสระเป็นธรรมชาติมากที่สุดก็ต้องกลับมาใส่โซ่ดังเดิม และปางช้างที่เคยเปิดมานานร่วม 45 ปีต้องปิดตัวลงสร้างความตกใจแก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่้เคยสัมผัสบรรยากาศของปางช้างแม่สา มีการสอบถามและให้กำลังใจขอให้กลับมาเปิดได้อีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมาทางนางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้าง ได้นำพนักงานและควาญช้างที่ยังเหลืออยู่ทำพิธีขอขมาต่อนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สาขึ้นเมื่อปี 2519 และขอขมาช้างที่ล่วงไปและช้างที่จะต้องนำกลับมาใส่โซ่อีกครั้ง โดยทำพิธีขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะช้างเป็นสัตว์ที่มีบารมีสูงให้ช่วยผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้


หลังจากทำพิธีขอขมาเสร็จสิ้น ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 10 ต.ค.นี้ ได้มีผู้ใจบุญไม่ขอออกนาม ที่เคยสัมผัสบรรยากาศของปางช้างแม่สา ทุกครั้งที่มาเที่ยว ปางช้างแม่สาแห่งนี้ได้ส่งตัวแทนเข้ามาพบ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา โดยแจ้งความประสงค์ว่าทางผู้ใจบุญไม่ขอออกนาม มีความผูกพันกับปางช้างแห่งนี้มาทุกครั้งที่มาเที่ยวชม ต้องการเห็นช้างมีความสุข จึงขอมอบเงินจำนวน 2,500,000 บาทช่วยเหลือมูลนิธิอนุรักช้างไทยปางช้างแม่สา เพื่อให้กลับมาเปิดอีกครั้ง โดยได้มอบผ่านตัวแทนให้ ซึ่งทางนางอัญชลี แทบจะช็อกว่าจะมีผู้ใจบุญนำเงินมามอบให้ ดีใจมากได้นำช้างพร้อมควาญช้างและพนักงานที่ยังเหลืออยู่มารับมอบเงินและได้แจกจ่ายเงินเดือนที่ค้างควาญช้างไว้จำนวน 3 เดือนให้กับควาญช้างสร้างความยืนดีให้กับควาญช้างเป็นอย่างมาก


โดยบรรยากาศการมอบเงินเดือนที่ได้รับจากผู้ใจบุญ ทราบว่าเป็นบริษัทใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ที่ทางเจ้าของมีความรักและผูกพันกับช้างมาก ซึ่งบรรกาศรับเงินเดือนควาญช้างเข้าแถวรอรับอย่างดีใจ และควาญช้างบางคนได้นำช้างน้อยมารับมอบด้วย ซึ่งทางนางอัญชลี ได้กล่าวว่าดีใจที่สุดเหมือนได้ยกปัญหาที่หนักอกออกไปได้ระดับหนึ่ง พร้อมกราบขอบพระคุณผู้ใจบุญที่ช่วยเหลือในครั้ง และปางช้างแม่สา ก็คงสามารถเปิดตัวขึ้นอีกครั้งในวันที่ 1 พฤศจิกายน.นี้ซึ่งเชียงใหม่เปิดตัวโครงการเชียงใหม่ชาร์มมิ่งดพอดี


ซึ่งนางอัญชลี ได้มอบภาพวาดที่ช้างของปางช้างแม่สาเคยวาดไว้จำนวนหนึ่งให้กับตัวแทนผู้ใจบุญ พร้อมนำควาญช้างร่วมกันขอบคุณผู้ใจบุญที่มอบเงินจำนวน2,500,000 บาทช่วยเหลือในครั้งนี้

ตำรวจ เตือน แอปพลิเคชันลงหลอกทุนออนไลน์ ภัยร้ายบนโลกอินเตอร์เน็ต พวกหาสมาชิกระวังโดนดำเนินคดีด้วย

วันที่ 23 ก.ย.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อมิฉาชีพที่พยายามหลอกลวงประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ จึงมีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในป้องกันตนเองจากอาชญากรรม
โดยที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ และมีการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอยู่ ส่วนหนึ่งมาจากเทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบของขบวนการแชร์ลูกโซ่มีการพัฒนารูปแบบให้มีความทันสมัยและทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยมาในลักษณะของแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงประชาชน โดยมักจะหลอกชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่อ้างว่ามีผลกำไรหรือมีผลตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาสั้นๆ และยังอ้างว่าธุรกิจของตนมีการจดทะเบียนถูกต้องและได้รับการรับรองจากต่างประเทศ หรือ สถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และช่วงแรกมักจะให้ค่าตอบแทนที่สูงจริงๆ ตามที่อ้าง เพื่อมาล่อตาล่อใจ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็จะปิดตัวลง และไม่สามารถทำการติดต่อกับเว็บไซต์หรือผู้ให้บริการดังกล่าวได้ในที่สุด


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยหากต้องการลงทุน ให้ดูความเป็นไปได้ และ ความน่าเชื่อถือด้วยว่า จริงอย่างที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ และขอให้เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือได้รับการรับรองตามกฎหมายในประเทศไทย และควรให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งขอเตือนผู้ที่ทำการชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมลงทุน เพื่อรับค่าตอบแทนในการหาสมาชิก ท่านอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนใกล้ตัวของท่านตกเป็นเหยื่อจากการหลอกลงทุนดังกล่าว และอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้

โดยผู้ที่กระทำความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมกระทำผิดหรือสนับสนุนการกระทำผิด จะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายดังนี้
1.กระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นผู้โฆษณาชักชวนให้ปรากฏแก่บุคคล ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 ถึง 1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
2.กระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับทั้งนี้ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ในลักษณะดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง