Lanna Expo 2022 ภายใต้แนวคิด “The Change of Life เปลี่ยน…เพื่อชีวิตและธุรกิจที่ยั่งยืน”

นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดงานแสดงนวัตกรรมและจำหน่ายสินค้า Lanna Expo 2022 ภายใต้แนวคิด “The Change of Life เปลี่ยน…เพื่อชีวิตและธุรกิจที่ยั่งยืน” โดยมีผู้แทนจาก 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน พร้อมทั้งส่วนราชการ และภาคเอกชนร่วมในพิธีเปิด

 

สำหรับการจัดงาน Lanna Expo 2022 ในปีนี้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมบูรณาการจัดที่พร้อมกับงานสภาอุตสาหกรรมเอ็กซ์โปร (FTI Expo 2022) ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2565

โดยภายในงานมีการแสดงและจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) กว่า 200 บูธ ทั้งหมด 4 กลุ่มสินค้า ได้แก่ 1)กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่ง 2)กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม สมุนไพร 3) กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นและสิ่งทอ ของฝากของที่ระลึก และ 4)กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เกษตรแปรรูป ตลอดจนกิจกรรมการเจรจาธุรกิจเชื่อมโยง เพื่อเปิดโอกาสการขยายธุรกิจ เพิ่มช่องทางการค้าการลงทุนให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่

บสย. จัดกิจกรรม ”TCG Stakeholders Day 2022” ชู Digital Technology ขับเคลื่อนองค์กร

บสย. จัดกิจกรรม “TCG Stakeholders Day 2022 : ความเห็นของท่านสำคัญกับ บสย.” ถ่ายทอด ยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ แผนธุรกิจ และผลดำเนินงาน “ค้ำประกันสินเชื่อ” พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และมุมมองต่อ บสย.เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบแผนแม่บทองค์กร โดยปีนี้ กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 9 กลุ่ม ยกให้ บสย. เป็นองค์กรที่ทรงคุณค่าและมีความสำคัญต่อการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ภายใต้ยุทธศาสตร์ Transformation ก้าวไปข้างหน้า ขับเคลื่อนองค์กรด้วย Digital Technology ภายใต้แนวคิด TCG Fast & First รวดเร็ว รอบคอบ เป็นที่หนึ่งในใจ SMEs


นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวเปิดกิจกรรม “TCG Stakeholders Day 2022 : ความเห็นของท่านสำคัญกับ บสย. โดยได้รับเกียรติจากกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน 9 กลุ่ม ได้แก่ 1.ลูกค้าและผู้ประกอบการ 2.คู่ค้า/สถาบันการเงิน 3.ผู้กำหนดนโยบายและงบประมาณ 4.ผู้ถือหุ้น 5.พันธมิตรและคู่ความร่วมมือ 6.ผู้ส่งมอบ 7.สื่อมวลชน 8.ชุมชน/สังคม 9.บุคลากร บสย. เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 200 คน ผ่านการประชุมระบบ Live Streaming พร้อมการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงาน ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและแผนระยะยาว ของ บสย. รวมถึงการออกแบบกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายด้านผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตอบโจทย์ร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างสมดุลและยั่งยืน


ประเด็นการนำเสนอและถ่ายทอด ประกอบด้วย การแถลงวิสัยทัศน์ ทิศทาง ผลดำเนินงาน บสย. ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน การบริหารจัดการนวัตกรรม และการมุ่งเน้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของ บสย. แสดงถึงผลดำเนินงาน บสย. ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ บสย. ครบรอบ 30 ปี แห่งความภาคภูมิใจ ที่จะส่งต่อและสร้างความมั่นใจ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรและขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน โดยตลอดระยะเวลที่ผ่านมา บสย. มียอดค้ำประกันสะสมกว่า 1.31 ล้านล้านบาท ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 1.75 ล้านล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้ 7.4 แสนราย เกิดการจ้างงานใหม่และรักษาการจ้างงานรวมกว่า 11.35 ล้านตำแหน่ง ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ 5.68 ล้านล้านบาท และในปี 2565 บสย. ได้มีการปรับโฉมองค์กรใน 3 มิติ (3N) เพื่อรองรับสู่การ Transform ประกอบด้วย 1.New Culture ก้าวสู่วัฒนธรรมองค์กรใหม่ TCG Fast & First ที่หนึ่งในใจ SMEs รวดเร็วเหมือน Fintech Company และรอบคอบเหมือนสถาบันการเงิน 2.New Engine พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อเจาะเฉพาะกลุ่ม 3.New Business Model ด้วย Digital Platform พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้าน Digital Gateway เชื่อมโยงระบบต่าง ๆ กับสถาบันการเงิน

บสย. ยังประกาศเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานตามแผนปี 2565 – 2569 โดยความร่วมมือจากพันธมิตรทุกภาคส่วนผ่านการขับเคลื่อนด้วย Digital Technology เพื่อให้การทำงานและช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้รวดเร็วขึ้น โดยทำงานร่วมกับสถาบันการเงิน พัฒนาแพลตฟอร์ม Digital lending และ TCG Digital Credit Guarantee
กิจกรรม “TCG Stakeholders Day 2022 : ความเห็นของท่านสำคัญกับ บสย. ในปีนี้ ประสบความสำเร็จเกินคาด กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นพ้องต้องกันและเป็นที่ประจักษ์ว่า บสย. เป็นองค์กรที่ทรงคุณค่าและมีความสำคัญต่อการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกค้า และผู้ประกอบการต้องการให้ บสย. ยืนเคียงข้างผู้ประกอบการ SMEs เพื่อสามารถเดินหน้าธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืน

นายกฯ เปิดฉากงาน FTI Expo 2022 เตรียมรีสตาร์ทประเทศไทยให้พร้อมขับเคลื่อนต่อ ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG พร้อมดัน Soft Power เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์

29 มิถุนายน 2565 ห้องประชุมลีลาวดี ภายในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพรเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน FTI Expo 2022 ภายใต้แนวคิด “Shaping Future Industries for Stronger Thailand” งานยิ่งใหญ่ระดับประเทศที่ภาคธุรกิจจากหลากหลายสาขามาร่วมแสดงสินค้าและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมกำหนดฉากทัศน์ใหม่ของอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต ซึ่งจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศในมิติต่างๆ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ผ่าน 4 สาขา คือ สาขาเกษตรและอาหาร สาขาสุขภาพและการแพทย์ สาขาพลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และสาขาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมผลักดัน Soft Power ของไทยทั้ง 5Fs (Food, Film, Fashion, Fighting และ Festival) เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์นำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

เวลา 11.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นประธานในการเปิดงาน FTI Expo 2022 โดยมีรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงกลาโหม, รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, เอกอัครราชทูตจากประเทศกัวเตมาลา อินโดนีเซียและบังกลาเทศ ผู้แทนท่านทูตจากประเทศจีน อินเดีย สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก เปรู แคนาดา กัมพูชา ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมในพิธีเปิดงาน จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงาน FTI Expo 2022 จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่า “งาน FTI Expo 2022 ภายใต้แนวคิด ‘Shaping Future Industries for Stronger Thailand’ ถือเป็นงานระดับประเทศที่ภาคธุรกิจจากหลากหลายสาขาได้มาร่วมแสดงสินค้าและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ และเป็นโอกาสดีที่จะได้กำหนดฉากทัศน์ใหม่ของอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตเพื่อประเทศไทยที่แข็งแกร่งกว่าเดิม


แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดี ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่ส่งผลให้การพัฒนานวัตกรรมมีความจำเป็นมากขึ้น ตลอดจนแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังถูกหยิบยกเป็นวาระสำคัญของหลายประเทศทั่วโลก ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายดังกล่าว เพื่อปรับตัวให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ภายใต้บริบทของโลกใหม่ใบเดิมนี้ วันนี้ประเทศไทยเปรียบเสมือนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนเดินต่อไปข้างหน้าบนเวทีโลก หลังจากจอดมาเป็นเวลา 2 ปี โดยกำหนดแนวทางในแต่ละช่วงเวลาเพื่อให้รถยนต์คันนี้สามารถพลิกโฉมตัวเองไปสู่การเปลี่ยนแปลง ในช่วงแรกจึงต้องรีสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อรีสตาร์ทประเทศไทยให้ฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด
เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้ว สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือ การเร่งเครื่องยนต์ โดยการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศทั้งในมิติด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม


พลเอกประยุทธ์ กล่าวเสริมต่อว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นการจับมือกันระหว่างองค์กรชั้นนำ ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจในการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีบทบาทสำคัญในการที่จะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รถยนต์ประเทศไทยคันนี้ จะกลายเป็นยานยนต์แห่งอนาคตที่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างเต็มกำลัง จากความสามัคคีของคนไทยด้วยกัน และผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า เราทำได้อย่างแน่อน หากเราทุกคนจับมือแล้วก้าวไปพร้อมกัน
“ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในครั้งนี้จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยสู่อนาคตที่แข็งแกร่งกว่าเดิม”
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า “ในนามของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้สนับสนุนงาน FTI Expo 2022 รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน FTI Expo 2022”
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมากมาย ส.อ.ท. จึงมุ่งขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้นโยบายการหลอมรวมทุกภาคส่วนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน (ONE FTI) โดยทุกภาคส่วนจะร่วมกันทำงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทยเพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม (Strengthen Thai Industries for Stronger Thailand) โดยอาศัยยุทธศาสตร์ 4 ข้อ ประกอบด้วย


1) Industry Collaboration ผนึกกำลังอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ในลักษณะ 1 อุตสาหกรรม 1 จังหวัด 2) First 2 Next-Gen Industry ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต ภายใต้อุตสาหกรรมเดิมและอุตสาหกรรมใหม่ซึ่งประกอบด้วย 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curves) ตามนโยบายรัฐ อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนนโยบาย BCG หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ 3) Smart SMEs ยกระดับ SMEs สู่สากล โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMEs ในด้าน 1) Go Digital การนำดิจิทัลมาช่วยยกระดับศักยภาพทางธุรกิจ 2) Go Innovation การส่งเสริมให้ SMEs เข้าถึงนวัตกรรมและงานวิจัยมากขึ้น 3) Go Global การสร้างและขยายโอกาสในตลาดต่างประเทศผ่านสภาธุรกิจต่าง ๆ และ 4) Smart Service Platform การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยยกระดับการให้บริการ
​นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า “งาน FTI Expo 2022 นับเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของภาคอุตสาหกรรมไทยและองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคการศึกษา ทั้งด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม การค้าและการท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน มีผู้สนใจมาร่วมออกบูธนิทรรศการแสดงผลงานกว่า 340 บูธ เพื่อแสดงศักยภาพ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปกติใหม่ (New Normal) รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลกเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภาคธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในระดับประเทศภายใต้แนวคิด BCG Economy Model ซึ่งจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต รวมทั้งเพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ไทย การค้าการลงทุนให้เชื่อมโยงสู่ระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนของประเทศให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้แบบ Next Normal โดยคาดว่าจะสร้างโอกาสทางการค้าและเกิดเงินทุนหมุนเวียนภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท”


​สำหรับไฮไลท์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่ของการจัดงาน FTI EXPO 2022 กว่า 30,000 ตารางเมตร จะมีการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้า สินค้าและบริการที่ทันสมัยของบริษัทชั้นนำระดับประเทศ รวมทั้งเป็นเวทีเปิดกว้างในการแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมไทยที่หลากหลายครบวงจร โดยประกอบด้วย 6 กิจกรรมหลักๆ ได้แก่ FTI FUTURE FORUM เวทีที่รวมสุดยอดซีอีโอชั้นนำของประเทศทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายการขับเคลื่อนไทยสู่อนาคตในหัวข้อต่างๆ อาทิ ก้าวใหม่อุตสาหกรรมไทย ในยุค New Normal โดยคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, ความท้าทาย COP26 กับบริบทการใช้พลังงานของประเทศไทย โดยคุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, Shaping Energy Industry and Beyond for Sustainable Future โดยคุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), Shaping 5G Industry Transition Towards Digital and Green Energy โดย ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น, EXHIBITION & RETAIL อัพเดทเทรนด์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจและอุตสาหกรรม มากมายด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าของเหล่าพันธมิตรและสินค้าอุตสาหกรรมไทย, BUSINESS MATCHING & NETWORKING พบปะคู่ค้าคนสำคัญเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกัน, INNOVATION & TECHNOLOGY SHOWCASE ตื่นตากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมล้ำสมัยที่เข้ามาช่วยให้ธุรกิจไปไกลกว่าเดิม, BCG ECONOMY MODEL SHOWCASE นำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมจากภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวคิดตอบโจทย์การพัฒนาเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรที่จะเป็นหนึ่งพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ยั่งยืนขึ้น, พบ NORTHERN FOOD VALLEY นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตจากผู้ประกอบการภาคเหนือ และสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย

 

โดยได้รับการรับรอง MADE IN THAILAND จากสภาอุตสาหกรรมฯ
​ทั้งนี้ เรายังคงมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการจัดงานให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบ New Normal เพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้เข้าชมงาน และสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในทุกด้าน ทั้งด้านสถานที่ มาตรการป้องกันโควิด-19 ระบบโลจิกติกส์ การบริการรถรับ-ส่งภายในงาน การปฐมพยาบาล การรักษาความปลอดภัย การบริการต้อนรับ ร้านค้า ร้านอาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการดูแลต้อนรับและอำนวยความสะดวกผู้เข้าชมงาน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและผ่านการตรวจ ATK ก่อนเข้าปฏิบัติงานทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นงาน FTI Expo 2022 ยังได้รับมาตรฐาน Safe Travel ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยด้านสุขภาพระดับโลก, มาตรฐาน SHA ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยสำหรับกิจการด้านการท่องเที่ยว และเป็นการจัดงานที่มีการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เพื่อเป็นการส่งเสริมนโยบายของประเทศในการมุ่งสู่การเป็น Carbon Neutrality และ Net Zero นอกจากนั้นภายในงาน ได้นำแนวคิด PackBack มาใช้ในการนำบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วที่เกิดขึ้นภายในงาน กลับไปเป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนอย่างยั่งยืน

ตำรวจภาค 5 รวบ สองผัวเสียขนยาบ้า 1 ล้าน 5 แสนเม็ดเครือข่าย ป๋อลี

เมื่อ เวลา 13.00 น. วันที่ 8 พ.ค.นี้ที่กองบังคับหารสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ , พ.อ.อัศวิน ดุสิตรัตนกุล รอง ผอ.รมน.ภาค3 สย.2, นายอุดม นามเมือง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ ปปส.ภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 ราย ยาบ้า1.5 ล้านเม็ด ,ผู้ต้องหา 2 คนมีนายชัชวาลย์ พากเพียร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 4 ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว จ.เชียงราย กับนางธรรมวงส์ โปทอง อายุ 34 ปีชาวลาว ,รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ผธ3229 เชียงราย,โดยจับกุมได้ที่ ด่านตรวจ X-ray ยาเสพติดห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่


พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้เผยการจับกุมแก็งค้าบ้ารายใหญ่ เป็นเครือข่ายของป๋อลี เครือข่ายยาเสพติดชายแดนด้าน จ.เชียงราย โดยเมื่อ เวลา 20.30 น. วันที่ 6 พ.ค.ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 ได้สืบทราบว่ามีการเคลื่อนไหวของขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มชนเผ่าอาข่าในเขตอิทธพบป๋อลี จึงได้ติดตามจนบรรทุกสิ่งของคลุมผ้าใบมิดชิด ขับขี่มาตามถนนพหลโยธิน ขาล่อง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.แพร่ มุ่งหน้าไปทาง อ.เด่นชัย จ.แพร่

จึงประสานด่านตรวจ X-RAY ยาเสพติดห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ให้สกัดกั้นรถคันดังกล่าวได้เด่านตรวจพบว่าด้านหลังบรรทุกสัปรดมาเต็มคัน จึงได้นำรถยนต์เข้าเครื่อง X-RAY และพบว่ามียาบ้าของกลางรวม 1.5 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกล่องโฟมปะปนกับกล่องโฟมที่บรรจุสัปปะรดบรรทุกอยู่กระบะหลังรถ จึงได้จับกุม นายชัชวาลย์ และนางธรรมวงศ์ หญิงชาวลาวภรรยาของนายชัชวาลย์ แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)โดยการมีไว้เพื่อการค้า

จากนั้นจึงควบคุมตัวเพื่อขยายผลการจับกุมคาดว่าจะมีการออกหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดในเครือข่ายนี้ประมาณ 2-3 คน และติดตามยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดเพื่อเป็นการตัดรากถอนโคนเครือข่ายยาเสพติดให้เด็ดขาด//

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ระหว่างคณะสงฆ์ภาคเหนือกับจังหวัดเชียงใหม่

 

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2565 ที่วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ประกอบพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ระหว่างคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ กับจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพระราชวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ – ลำพูน – แม่ฮ่องสอน (ธ) เจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ (พระอารามหลวง) พร้อมทางพระเทพปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอต่างๆในเชียงใหม่หรือตัวแทนทั้ง 25 อำเภอ ร่วมลงนามในครั้งนี้

ทางจังหวัดเชียงใม่นำโดย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมนางดวงจิตต์ ปรัชญ์สกุล ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงใหม่ นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางอัญชลี บุญณราช รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงใหม่ นายประสงค์ หล้าอ่อน ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นางรีรัตน์ ใจแข็ง ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญ สีวาโย พัฒนาการจังหวัดเขียงใหม่ นางจิราพร เชาวน์ประยูร ยามาโมโต้ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีลงนาม

นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัด และชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืนระหว่างคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ กับ จังหวัดเชียงใหม่ รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจน ของประชาชนเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกช่วงวัย นายกรัฐมนตรีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 347/2563 เรื่องจัดตั้งศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2563

โดยให้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เรียกโดยย่อว่า “ศจพ.” เพื่อเป็นกลไกเชิงนโยบายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างหลักประกันทางสังคมช่วยเหลือและพัฒนากลุ่มเปราะบาง คนยากจนและผู้ด้อยโอกาสให้มีความพร้อมและสามารถรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน โดยการใช้พลังของภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม วัด ชุมชนท้องถิ่นมาร่วมขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาและการพัฒนาอย่างบูรณาการเป็นรูปธรรมและยั่งยืนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

กระทรวงมหาดไทยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเกี่ยวกับบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน กับฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมกันสร้างพื้นที่ต้นแบบและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง” พร้อมทั้งขับเคลื่อนและช่วยเหลือสังคมให้เกิดความสุขอย่างยั่งยืนจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการขับเคลื่อนขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีครัวเรือนยากจนเป้าหมาย ในระบบ TPMAP จำนวน 30,052 ครัวเรือน มีครัวเรือนที่มีปัญหาด้านความเป็นอยู่ 5746 ครัวเรือน ทุกสภาพปัญหา มอบหมายให้ คจพ.อ. ดำเนินการบูรณาการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนเป้าหมาย ด้วยการชี้ป้าให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นภายใน วันที่ 30 กันยายน 2565

อย่างไรก็ตามสำหรับวัตถุประสงค์ของการลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้เพื่อให้คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการบูรณาการร่วมกันบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ และขับเคลื่อนงานด้านสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหนุนเสริมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายดังนี้ ร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมีอระหว่างคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงใหม่ ในการดำเนินการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงร่วมกัน “บำบัดทุกข์บำรุงสุข” ให้กับประชาชนคนเชียงใหม่ โดยการช่อม สร้างบ้าน ให้กับครัวเรือนยากจนเป้าหมาย จำนวน 45 หลัง โดยจะดำเนินการให้ แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2565

ร่วมกันสร้างโอกาสให้แก่ผู้ยากไร้ ช่วยเหลือและขจัดความยากจน ยกระดับคุณภาพชีวิต ครัวเรือนยากจนเป้าหมาย ในระบบ TPMAP ปี 2565 ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่สำคัญเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 และร่วมกันสร้างความสุขให้กับประชาชน โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างวัด ราชการ เอกชน และประชาสังคม เพื่อให้ชาวเชียงใหม่มีความสุขอย่างยั่งยืน.

ครูบาน้อย เตชปญฺโญ มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ รพ.สารภีบวรพัฒนา (ครูบาน้อยอุปถัมภ์) เครื่องรักษาอาการปวดด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า


ครูบาน้อย เตชปญฺโญ มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ รพ.สารภีบวรพัฒนา (ครูบาน้อยอุปถัมภ์) เครื่องรักษาอาการปวดด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ในอนาคตเป็นโรงพยาบาลพื้นฟูที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ

ที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา (ครูบาน้อยอุปถัมภ์) ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พระครูสิริศีลสังวรหรือครูบาน้อย เตชปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล ต.ชมภู อ.สารภี ได้เป็นประธานในพิธีมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์รักษาผู้ป่วยฟื้นฟู ประกอบด้วย เครื่องให้การรักษาอาการปวดด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ( Magmetic Field Therapy ) จำนวน 1 เครื่อง จากที่ได้รับเงินสนับสนุนจากคุณปรีชา คุณนิรมล ตันบู๊ บริษัทเจซี มารีน เซอร์วิส จำกัด รับเป็นเจ้าภาพถวายเงินเข้ามูลนิธิครูบาน้อย เตชปญฺโญ จำนวน 1,000,000 บาท แล้วจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ดังกล่าวและจัดซื้อเพิ่มเติม มีเครื่องรักษาด้วยคลื่นเหนือเสียงร่วมกับกระแสไฟฟ้า, จักรยานเอนปั่น จำนวน 2 เครื่อง, ชุดสเก็ตบอร์ดบริหารมือ, ท่อโค้งสองระดับ, ท่อโค้งหนึ่งระดับ, ดินน้ำมันสังเคราะห์ รวมเป็นเงินทั้งหมด 1,062,210 ล้านบาท

อุปกรณ์การแพทย์ดังกล่าว เภสัชกร มโนรมภ์ สินธพอาชากุล พร้อม เภสัชกรหญิง ดวงธิดา กษิษฐสวัสดิ์ ทั้งสองท่านเป็นเภสัชกรชำนาญการ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะตัวแทนเจ้าภาพที่จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าวมอบหมายให้เป็นผู้นำมาถวายให้กับครูบาน้อย เตชปญฺโญ ได้รับมอบแล้วให้ศิลให้พรและประพรหมน้ำมนต์ให้ผู้มาร่วมในพิธีรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าว ต่อมาท่านครูบาน้อง ส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมดให้กับนพ.สมิต ศมพันธุ์พงศ์ ผอ.โรงพยาบาลสารถี และ โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา พร้อม นางสาวนันทวรรณ ไชยคำวัง หัวหน้าแผนกเวชกรรมฟื้นฟู รับมอบเพื่อนำไปรักษาคนไข้ต่อไป

ยังมีคุณไพบูลย์ คุณกัลยา ตั้งตรงศักดิ์ ร่วมบริจาคเงินจำนวน 100,000 บาท มาเป็นระยะๆ และคุณสุนทร อรรถกิจโกศล คุณช่อทิพย์ ตันติสุข ร่วมบริจาคเงินจำนวน 10,000 บาท มาเป็นระยะๆ และคณะศิษยานุศิษย์ทุกท่านที่ร่วมทำบุญมายังกองทุนโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนาเพื่อผู้ป่วยและคนยากไร้ร่วมกับครูบาน้อย ที่ได้จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา(ครูบาน้อยอุปถัมภ์) ก็ขอให้ได้ผลบุญร่วมด้วยเนื่องจากไม่ได้เดินทางมาร่วมในพิธีในวันนี้ครูบาน้อย ยังได้มอบเงินจำนวน 5,000 บาท สมทบทุนสร้างห้องน้ำให้กับโรงเรียนวัดพญาชมภู โดยมี นายณัฐวัฒน์ บุญทวี ผอ.โรงเรียนพญาชมภู พร้อมคุณครูเดินทางมารับมอบเงินเพื่อนำไปสร้างห้องน้ำให้เด็กอนุบาลต่อไป

วันเดียวกันนี้ เภสัชกรหญิง ดวงธิดา กษิษฐสวัสดิ์ พร้อมครอบครัวและญาติมิตร จัดสร้างพระพุทธรูป พระพุทธโพชฌงคศาสดา ถวายให้โรงพยาบาลจำนวน 1 องค์ พร้อมปัจจัยจากครอบครัวนายมานะ นางอำไพ ปันตา, ครอบครัวเภสัชกร มโนรมภ์ สินธพอาชากุล, ครอบครัวนางดาวทิพย์ จิรนิวาตานนท์, ครอบครัวนางทิวาพร เขาสุเมรุ, ครอบครัวนางนลินาถ จ่าภา, ครอบครัวนายประกาศิต มหาวงศ์, ครอบครัวนายพิรุณ อินตา, ครอบครัวอุบล ธาราวรรณ รวบรวมปัจจัยได้ยอดเงิน 6,100 บาท ถวายแด่ครูบาน้อย เตชปัญฺ ในการทำบุญครั้งนี้ด้วย

 

ส่วน มูลนิธิครูบาน้อย เตชปญฺโญ ได้สมทบทุนติดแอร์จำนวน 2 เครื่องให้กับบ้าน Smart Home จำนวน 28,000 บาท และทาสีอาคาร จำนวน 35,000 บาท รวม 63,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา (ครูบาน้อยอุปถัมภ์) เพื่อพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นโรงพญาบาลฟื้นฟูที่มีความพร้อมทุกๆด้าน

ปัจจุบันโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ได้รับคนไข้มารักษาต่อจากโรงพยาบาลของรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง และคนไข้จำนวนมากได้หายป่วยจากการฟื้นฟูแล้วกลับบ้านไปแล้ว ซึ่งคนไข้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รักษาได้ดี น่าประทับใจในด้านการให้บริการที่ดี พร้อมมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่รักษาฟื้นฟูได้ดีที่สุดในเชียงใหม่และภาคเหนือ ถึงแม้ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์อยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง จากคำกล่าวของท่านครูบาน้อย เตชปญฺโญ ว่า “ได้ว่าก็ให้ไป” จึงเชื่อมั่นว่า โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา (ครูบาน้อยอุปถัมภ์) จะเป็นโรงพญาบาลฟื้นฟูที่มีคุณภาพดีที่สุด และใหญ่ที่สุดภาคเหนือและในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้.

MALADA Grand Coulee” เปิดตัวบ้านซีรี่ส์ใหมล่าสดุ Modern J”

3 พฤษภาคา 2565 –  บริษัท มาลาดา จำกัด เปิดตัวแบบบ้านซีรีส์ใหม่ Modern J ของโครงการ “MALADA Grand Coulee” กิโลเมตรที่ 8 บนถ.เชียงใหม่-สันกําแพงสายใหม่ ต.บวกค้าง อ.สันกําแพง จ.เชียงใหม่ พื้นที่รวมกว่า 53 ไร่ รวมทั้งหมด 283 ยูนิต มูลค่า โครงการกว่า 1,400 ล้านบาท

คุณศรีมาลา พรรณเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาลาดา จํากัด กล่าวว่า “สําหรับมาลาดา โครงการนี้เป็นโครงการที่ 6 ซึ่งทุกโครงการของเรารับการตอบรับเป็นอย่างดี จากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่พักอาศัยเน้นการใช้งานที่ครบทุกตารางเมตร และเน้นการ ออกแบบที่ไม่ซ้ำกันทุกโครงการ สำหรับโครงการนี้เน้นกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่, คนวัยทํางาน, ผู้ที่เริ่มต้นครอบครัวใหม่ ในพื้นที่ที่สามารถจัดสรรให้ลงตัวได้สำหรับทุกคนในครอบครัว

โดยในวันนี้จะเป็นการเปิดตัวบ้านสไตล์ModernJapaneseโซนCouleeเรียบง่ายแตค่รบครันทุกฟังกชั่นน์ให้ทุกพื้นที่ตอบโจทย์ การใช้ชีวิต บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 128 ตารางเมตร / 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ํา / 2 ที่จอดรถ พื้นด้านหน้าทางเข้าลดระดับแบบบา้านสไตล์ญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า GENKAN เพื่อดักฝุ่นก่อนเข้าตัวบ้าน พร้อมมุมเก็บรองเท้า โถง Double Volume 5.6 เมตร เชื่อมต่อชั้น 1 และ 2 กระจกบานใหญ่มองเห็นพื้นที่สวน Courtyard หลังบ้าน มาพร้อม Living Area ชั้น 2 ที่เชื่อมต่อกับ Terrace ขนาดใหญ่ และห้อง Master Bedroom ชั้น 2 Floor to Ceiling 3.85 เมตร ระแนงไม้เทียมด้านหน้าช่วยกรองแสง เพิ่มความเป็นส่วนตัว โครงสร้างมาตรฐานการผลิตจากเยอรมัน ควบคุมคณุ ภาพโดย SCG แข็งแรง ไม่ร้าว ไมรั่ว กันเสียงได้ดีเยี่ยม สามารถปรับเปลี่ยน ฟังก์ชั่นได้สูงสุดถึง 4 ห้องนอน ราคาพิเศษจองวันนี้ เพียง 2.99 ล้านบาท (จากราคาปกติ 3.29 ล้านบาท) พร้อมส่วนลดและของ แถม มูลค่ารวม 150,000 บาท

ซึ่งเป็นบ้านซีรีส์ใหมเ่พิ่มเติมจากเดิมที่มี 3 รูปแบบ ได้แก่
– M TYPE บ้านขนาดตารางเมตร / 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ํา / 2 ที่จอดรถ พื้นที่ดินเริ่มต้น 30 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยกว่า 151 ตารางวา ที่มาพร้อมหลังคาโรงจอดรถ APVC ครบครันทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน กันความร้อนไดเ้ป็นอย่างดี แสงสามารถผ่านได้ 47% พิเศษด้วย Shading Device ระแนงไม้บานเลื่อนที่สามารถเลื่อนปรับเปลี่ยนหน้าตาของบ้านทั้งยังให้ความเป็นส่วนตัวในบ้านและ ช่วยบังแดดไม่ให้เข้าสู่อาคารโดยตรง


– D TYPE บ้านที่มีฟังก์ชั่นครบครันเหมาะสําหรับครอบครัวสมัยใหม่ พื้นที่ดินเริ่มต้น 38 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยกว่า 194 ตาราง เมตร / 3 ห้องนอน / 3 ห้องนํา้ / 2 ที่จอดรถ หลังคาโรงจอดรถ APVC ไม่ซ้ำใครด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน และ ภายนอกที่เลือกได้ถึง 2 รูปแบบ พร้อมกับ Shading Device ระแนงไม้บังแดดไม่ให้เข้าสู่อาคารโดยตรง คุ้มค่ากับห้อง Bonus Room สามารถปรับฟังก์ชั่นได้หลากรูปแบบตอบโจทย์สไตล์ที่เป็นคุณ

– L TYPE บ้านเดี่ยวเล่นระดับ ระหว่างพื้นที่ส่วนห้องรับแขก และห้องครัวเพื่อเชื่อมต่อกิจกรรมภายในครอบครัว พื้นที่ดินเริ่มต้น 54 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยกว่า 194 ตารางเมตร / 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ํา และที่จอดรถขนาดใหญ่ที่ยาวถึง 8.2 เมตร สวยเด่นด้วย ระแนงไม้ บานเลื่อนด้านหน้าเอาใจคู่รักกับ Master Bedroom ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อห้องน้ําด้วย Walk- in Closet


และโซน M-Town อาคารพาณิชย์รูปแบบใหม่รวม 2 สไตล์ในอาคารเดียวกัน พร้อมที่จอดรถส่วนตัว ขนาดพื้นที่ใช้สอยกว่า 185 ตารางเมตร / 3 ชั้น / 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำที่จอดรถในโซนอาคารพาณิชย์กว่า 100 คัน มีด้านหน้าอาคารถึง 2 ฝั่ง 2 Function ออกแบบสถาปัตยกรรมภายนอกเป็น Style Modern Europe โปร่งโล่งกับโถงชั้น 1 สูงถึง 4 เมตร (Floor to Floor) ด้านหน้า อาคารส่วนที่เป็น Shop ติดตั้งหลังคาผ้าใบ Style Modern Europe อาคารพาณิชย์ที่คมุ้ ค่าทุกการลงทุน ลงตัวทุกการดีไซน์
รวมไปถึง Malada Grand บ้านหรูพร้อมสระว่ายน้ําส่วนตัวที่เหมาะสําหรับครอบครัวขนาดใหญ่ และฟังก์ชั่นภายในบ้านที่คํานึงถึง การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ

Double Pool บ้านแนวคิดใหม่ พร้อมสระว่ายน้ําแบบ Exclusive เหนือจินตนาการกับ Shading Device ระแนงไม้บังแดดที่ ตกแต่งให้คุณได้เลือกแบบหน้าอาคารได้ตามใจ พื้นที่ดินเริ่มต้น 48 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยกว่า 257 ตารางเมตร / 4 ห้องนอน / 4 ห้องนํา้ / 2 ห้องครัว จอดรถได้ 3 คัน รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดใหญ่ และฟังก์ชั่นภายในบ้านที่คํานึงถึงการอยู่อาศัย ของผู้สูงอายุ โปร่งโล่งกับโถงรับแขกกลางที่มีความสูงถึง 6.8 เมตร (Floor to Floor) เป็นพื้นที่ Double Space เชื่อมต่อระหว่าง Living Room ชั้น 1 และห้องนั่งเล่นชั้น 2 เต็มอิ่มกับอ่างอาบน้ําขนาดใหญ่ในห้อง Grand Bedroom พร้อม Walk-in Closet ทุก ห้องนอน ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ได้อย่างลงตัว

Grand Pool บ้านเดี่ยวสุดหรู พรอ้ มสระว่ายน้ําส่วนตัว พื้นที่เริ่มต้น 69 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยกว่า 349 ตารางเมตร / 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ห้องครัว และที่ จอดรถถึง 4 คัน รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดใหญ่ และฟังก์ชั่นภายในที่ คํานึงถึงผู้สูงอายุ โออ่ากับโถงสูง Triple Loft 6.5 เมตร เชื่อมต่อสระว่ายน้ํา พื้นที่รับแขกในตัวบ้าน และพื้นที่ทุกชั้นเข้าด้วยกัน ระบายอากาศได้ดีด้วยระบบ Double Space Double Ventilation พื้นที่ชั้น 2 กับห้องนอน Grand Bedroom เพดาน 2.9 เมตร พิเศษสุดกับ Walk- in Closet แบบ His & Her แยกสองฝั่ง พร้อมอ่างอาบน้ํา พื้นที่อเนกประสงค์บนชั้น 3 แบบ Flexible Functionสามารถปรับเปลี่ยนพนื้ที่ได้หลากหลายตามใจคุณเหนือความคาดหมายกับบ้านที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าของการอยู่ อาศัย


จุดเด่นด้านสถานที่นั้นโครงการ MALADA Grand Coulee มีทําเลที่ตั้งง่ายและสะดวก ต่อการเดินทางเพียง 10 นาทีจาก ศูนย์การค้าพรอมเมนาดา เชียงใหม่ ติดถนนหลักเส้นสันกําแพงสายใหม่ (กม.8) ตั้งอยู่ในทําเลที่พักอาศัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัด เชียงใหม่ รายล้อมด้วยวิวภูเขา ใกล้สถานที่ชุมชน สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ย่านธรุกิจ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้าชั้นนํา และ สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ 2

ด้านคุณภาพ MALADA Grand Coulee ใช้วัสดุการก่อสร้างหลักเกรด A ผลิตภัณฑ์ในเครือ SCG โดยสรรหาช่างฝีมือดี ที่ใส่ใจใน ทุกรายละเอียดงานควบคมุคุณภาพอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอนแถมหลังคาโรงจอดรถAPVCอายุการใช้งานยาวนานหลอดไฟLED ประหยดั พลังงานปราศจากรังสี UV ถนนหลักโครงการกว้าง 12 และ 10 เมตร มีสวนสาธารณะมากถึง 17 จุดในโครงการ และมี พื้นที่สีเขียวมากกว่ากฎหมายกําหนด ถึง 240%

 

สําหรับด้านการออกแบบดีไซน์นั้น MALADA Grand Coulee บ้านเดี่ยวสไตล์ MODERN Craft แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ ลงตัว ทั้งความสวยงาม และฟังก์ชั่นการใช้งาน มาพร้อมกับ Concept บ้านประหยัดพลังงาน หรือ ECO Design กระจกเขียวตัดแสงใน บ้าน จัดวางตําแหน่ง ช่องบานเปิด-ปิด ให้เกิดการหมุนเวียนระบบอากาศ (Air Flow) มีการออกแบบบ้านเป็น 3 โซน เพื่อให้เข้ากับ ผู้อยู่อาศัยมากขึ้น

อีกทั้งลูกบ้านมาลาดายังสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นของบ้านได้หลากรูปแบบตามไลฟส์ไตล์ของแต่ละคนให้บ้านที่อยู่ตรงตามความต้องการของคุณอย่างแท้จริงโดยมาลาดามีทีมแบบและสถาปนิกมืออาชีพคอยให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้อย่าง ครบครัน

มาลาดามีบริการหลังการขายที่โดดเด่น ด้วย “MALADA Care” ดูแล 24 ชั่วโมง พร้อมดูแลให้บ้านน่าอยู่ขึ้นทั้งภายนอก และภายใน บริการที่ครอบคลุม ทั้งแจ้งซ่อม ทําความสะอาดท้ังตัวบ้านและสระว่ายน้ํา ตกแต่งสวน รดน้ําต้นไม้ ล้างแอร์ ล้างสระว่าย น้ํา และบริการอื่น ๆ หากเป็นเคสเร่งด่วนสามารถเข้าแก้ไขใหไ้ ด้ภายใน 24 ชั่วโมง

ภายในโครงการฯ ยังมี Club House รูปทรง Free Form ทันสมัยออกแบบผนังซีทรู เพื่อสร้างบรรยากาศด้านในให้ดูน่าสนใจ สําหรับคนภายนอก และยังคงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการ ภายในอาคาร ชั้น 1 แบ่งเป็นพื้นที่ Coffee Shop, Restaurant, Onsen, ห้องซาวน่า, สระว่ายน้ำสําหรับเด็กและผู้ใหญ่ ยาวประมาณ 40 เมตร และผาจําลองแบบ Rock Climbing ช้ัน 2 เป็น พื้นที่ ห้องออกกําลังกาย Co-Working Space, ห้องนั่งสมาธิ, ห้องประชุม และ MOVIE Theater พื้นท่ี ห้องออกกําลังกายขนาด ใหญ่บนชั้น3ที่สามารถมองเห็นววิสระว่ายน้ําสอบถามข้อมูลต่างๆ ของโครงการมาลาดา ได้ท่ี โทร. 089 432 0077 หรือ www.maladahome.com (ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น.)

ไหว้พระ3 วัดดังเชียงใหม่ พ่วงแอ่วชมปางช้างแม่สา ทำบุญพร้อมชมความน่ารักของช้างน้อยใหญ่

“กำนันโหน่ง “วีระชัย ไชยมงคล กำนันตำบลป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พาผู่นำชาวบ้านที่จะทำหน้าที่เป็นไกด์พาสายมูไหว้พระ3 วัด ดัง

วัดป่าแดด ไหว้พระเจ้าตาหวานพระประธานบนพระวิหาร ไหว้บูชาองค์พิฆเนศ โอบเสาไม้สักใหญ่ขอพระขอโชค มาที่,วัดดอนชัย ไหว้พระนอนดอนชัยที่ศักดิ์สิทธิ์ ไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณ หน้าพระวิหาร พร้อมบูชาเทียนรูปองค์ท้าวเวสสุวรรณ ที่มีหนึ่งเดียวในล้านนาเพื่อนำไปจุดบูชาและวัดท่าใหม่อิ ไหว้หลวงพ่อโชคดี ไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณ องค์พิฆเนศ และชมบรรยากาศของวัดที่ได้ที่ว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่

จากนั้นไปพาเยี่ยมชมปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ แหล่งท่องเที่ยวที่ติดอันดับของประเทศ เปิดมาแล้วกว่า 45 ปีโดยที่ปางช้างแม่สา ผู้ที่มาเที่ยวชมกับทริปนี้ได้นำอาหารผลไม้กล้วยอ้อย แตงโม มามอบให้กับช้างน้อยใหญ่ร่วม 70 เชือก พร้อมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์พิฆเนศ และท้าวมหาพรหม ศาลโซช้างและรูปหล่อของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สาที่ปกป้องคุ้มครองช้างพร้อมเยี่ยมชมช้างตามโซนต่างๆ พร้อมเลี้ยงอาหารช้างน้อยและช้างชรา


โดยทางคุณอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา ได้นำเยี่ยมชมส่วนต่างๆของปางช้าง โดยนำทำเค้กผลไม้เลี้ยงช้างน้อยพร้อมร้องเพลงท่ามความน่ารักของช้าง จากนั้นก็นำคณะไปทำอาหารเสริมสมุนไพรเลี้ยงช้างชรา และนำชมการทำกระดาษทำจากมูลช้างและทำปุ๋ยมูลช้างสำหรับปลูกพืชผักท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานแลความน่ารักของช้าง สร้างความประทับใจแก่คณะผู้ร่วมชมงาน โดยโครงการนำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมปางช้างและไหว้พระและสิ่งศักดิ์ 3 วัดดังของเชียงใหม่ ได้เริ่มดำเนินการในเร็ววันนี้//

ครูบาน้อย เตชปัญโญ เกจิอาจารย์ล้านนา ทำบุญครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา(ครูบาน้อย อุปถัมภ์)

ครบรอบ 7 ปีโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา (ครูบาน้อย อุปถัมภ์) ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยเมื่อวันที่5 เม.ย. ทางพระครูสิริศิลสังวร หรือ ครูบาน้อย เตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล พร้อมด้วย นายแพทย์ สมิต สมพันธ์พงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา และบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนศรัทธาสาธุชน วัดศรีดอนมูล ได้ทำบุญครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยทางเลือก ขึ้นเป็นโรงพยาบาลสารภีแห่งที่ 2 โดยได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูปมาประกอบพิธี พร้อมกันนี้ครูน้อยได้ตรวจเยี่ยมผู้ป่วยส่วนมากเป็นผู้สูงวัยที่นอนรักษาตัวภายในโรงพยาบาล


พระครูสิริศิลสังวร หรือ ครูบาน้อย เตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล ได้เมตตากล่าวว่าได้ทำบุญประจำปีเป็นปีที่ 7แห่งการพัฒนาหรือสร้างโรงพยาบาลสารภี2ในโอกาสนี้จึงพร้อมด้วยนายแพทย์ สมิต ศมพันธ์พงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสารภี มีกุศลจิตช่วยในการพัฒนาโรงพยาบาลแห่งนี้ให้เกิดความเจริญเพื่อเป็นที่รองรับของไพร่ฟ้าประชาชนที่เป็นโรงคร้ายหนักให้เป็นเบาร้อนให้เป็นเย็น มืดให้สว่างขุ่นมัวก้ได้ส่วงโอกาสต่อไปก็คลี่คลายลงไปในทางที่ดี


**นายแพทย์สมิต ศมพันธ์พงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสารภี ได้เผยว่าโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนาถือว่าเป็นโรงพยาบาลสารภีแห่งที่2 ที่ครูบาน้อยได้อุปถัมภ์และทำต่อเนื่องกันมาโรงพยาบาลแห่งนี้ดูแลผู้ป่วยระยะกลาง ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุหรือป่วยทางสมองหรือระบบประสาท เราก็ต้องรับมาบำบัดฟื้นฟูเพื่อลดอาการแทรกซ้อนให้ฟื้นฟูสภาพที่ดีขึ้นเป็นระยะเวลา 6 เดือนถือว่าเป็นการดูแลผู้ป่วยในระยะกลาง ในอนาคตก็จะมีเพิ่มเติมการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง เช่นผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเราก็จะดูแลแบบประคับประคองให้สุขภาพกายสุภาพจิตใจดีขึ้นด้วยการเอาใจใส่ของทีมแพทย์และพระสงฆ์ ในอนาคตหากได้รับความร่วมไม้ร่วมมือต่อไปก็จะขยายเป็นโรงพยาบาลทที่ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรต่อไป ต้องอาศัยบุญบารมีของครูบาน้อยเตชปัญโญที่ให้ความอุปถัมภ์และชาวอำเภอสารภีที่มาร่วมสร้างบุญในครั้งนี้ซึ่งโรงพยาบาลแห่งจะจะมีประโยชน์มากต่อคนเชียงใหม่และคนภาคเหนือรวมทั้งคนในประเทศด้วย


นางสาวนันทวรรณ ไชยคำวัง หัวหน้าแผนกนักกายภาพบำบัด ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ป่วยที่เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา มีหลายกลุ่มด้วยกันแต่โรงพยาบาลของเราเน้นผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกลางโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรงครึ่งซีกครึ่งท่อนหรือได้รับอุบัติเหตุทางกระดูไขสันหลัง รวมทั้งประชาชนกลุ่มอื่นที่มีอาการปวดทางออฟพิสซินโดมก็สามารถเข้ามารักษาได้ สำหรับโรงพยาบาลแห่งนี้มีต้นแบบแห่งแรกในภาคเหนือที่สามารถดูแลผู้ป่วยสูงวัยตอนนี้เรามีศูนย์เทคโนโลยีชุมชนต้นแบบ ที่ใช้สำหรับดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งมีความพร้อมทุกด้าน ซึ่งผู้ป่วยสามารถที่จะดูแลตัวเองได้ เช่นสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำก็มีสัญญาณเตือนติดไว้เผื่อเกิดอุบัติเหตุไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ก็สามารถที่จะกดกริ่งเรียกเจ้าหน้าที่ได้ เช่นเดียวกันกับการดูแลผู้ป่วยที่เข้าห้องน้ำ นานเกินไปผิดปกติ ก็จะมีสัญญาณเตือน แล้วแต่การตั้งเวลา ซึ่งมีความพร้อมช่วยเหลือได้ตลอดเวลาเช่นกัน ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่มีหลายหน่วยงานเดินทางมาดูงานจำนวนมาก


สำหรับโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา (ครูบาน้อย อุปถัมภ์) ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นโรงพยาบาลที่ดูแลระยะหลังเฉียบพลัน(เน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด)ร่วมกับการแพทย์ทางเลือกแบบผสมผสานทั้งแผนไทยและแผนจีน โดยมีการบริการ ตรวจรักษาโรคทั่วไป ผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพ กายภาพบำบัด เลเซอร์ แพทยฺแผนไทยนวดประคบ อบสมุนไพร ย่ำขาง ตอกเส้น และแพทย์แผนจีนฝังเข็ม ครอบแก้ว โดยทางพระครูสิริศิลสังวร หรือ ครูบาน้อย เตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูลให้การอุปถัมภ์ สำหรับผู้ใจบุญสามารถร่วมบริจาคได้ทางโรงพยาบาลยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกหลายอย่างสามารถติดต่อผ่านโรงพยาบาลสารภี หรือโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนาได้//

ระดมทุนเนื่องในวาระครบรอบ 135 ปี หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณหารายได้สมทบทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณฺโณ

คณะแพทย์ มช. ขอเชิญร่วมทำบุญวัตถุมงคลรูปปั้นเหมือนและเหรียญหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณระดมทุนเนื่องในวาระครบรอบ 135 ปี หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
หารายได้สมทบทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณฺโณ

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโครงการ “ระดมทุนเนื่องในวาระครบรอบ 135 ปี หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ” เชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญวัตถุมงคลรูปปั้นเหมือนและเหรียญหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เพื่อหารายได้สมทบทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณฺโณ เป็นอาคารสูง 15 ชั้น และเป็นอาคารหลักของโรงพยาบาล มหาราชนครเชียงใหม่ ที่รองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยมากว่า 40 ปี ประกอบด้วยหอผู้ป่วย และศูนย์รังสีรักษา เพื่อรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสีบริเวณชั้นใต้ดิน มีผู้ป่วยใช้บริการในอาคารนี้ จำนวน 1,000,000 รายต่อปี

เป็นอาคารที่คณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” ร่วมกับประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ จัดสร้างให้เป็นอนุสรณ์สถาน ถวายเป็นที่ระลึกในมงคลสมัยที่หลวงปู่แหวน“สุจิณฺโณ”มีอายุครบ 90 ปี ในปี พ.ศ.2521 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับ พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2528

โดยปัจจุบันอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” มีสภาพทรุดโทรมตามกาลเวลา คณะแพทยศาสตร์ มช. จึงมีโครงการปรับปรุงอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” ให้มีความทันสมัยตามมาตรฐานการแพทย์ในปัจจุบัน ในการปรับปรุงมีความจำเป็นต้องมีงบประมาณในการดำเนินการ

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ)นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “คณะแพทยศาสตร์ มช. ได้รับมอบวัตถุมงคลหลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” จากคุณโสภี อินทรทัต และครอบครัว เพื่อให้คณะแพทยศาสตร์นำไปจัดหาทุนเพื่อใช้ในการร่วมบูรณะอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน“สุจิณฺโณ” คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้จัดโครงการ “ระดมทุนเนื่องในวาระครบรอบ 135 ปี หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เพื่อหารายได้สมทบทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณฺโณ”ขึ้น

 

โดยมีรายละเอียดวัตถุมงคลหลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” ดังนี้ 1.รูปปั้นเหมือนหลวงปู่แหวน หน้าตัก 2 นิ้ว จำนวน 100 องค์ สำหรับผู้บริจาคตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป2.เหรียญรุ่นระฆัง จำนวน 110 เหรียญ สำหรับผู้บริจาคตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป 3.เหรียญรูปไข่ ฉลองอายุ 96 ปี พ.ศ.2526 จำนวน 1,000 เหรียญ สำหรับผู้บริจาคตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป 4.พระผงหลวงปู่แหวน พ.ศ.2528 จำนวน 1,000 เหรียญ สำหรับผู้บริจาคตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการระดมทุนเนื่องในวาระครบรอบ 135 ปี หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เพื่อหารายได้สมทบทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณฺโณ จึงเป็นโครงการหนึ่งที่จะผนึกกำลังทุกภาคส่วน เพื่อหวังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้การปรับปรุงอาคารผู้ป่วยดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ และทำให้สถานที่ดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยดังกล่าวได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และ ประชาชนในเขตภาคเหนือได้มีโอกาสเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน ตลอดจนสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปีต่อไป ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคได้ที่ ห้องศาลาใต้ร่มพระบารมี ชั้น 1 อาคารสุจิณฺโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โทร.053-93600 และ053-938400 เวลา 08.30-16.30น. (ในวันและเวลาราชการ)”