ชมรมคนพร้าวรักษ์ป่าไอเดียเก๋ จัดกิจกรรมบวชป่าเนื่องในโอกาสครบรอบ 7 ปีแทนการถวายเทียนพรรษา

ชมรมคนพร้าวรักษ์ป่าไอเดียเก๋ จัดกิจกรรมบวชป่าเนื่องในโอกาสครบรอบ 7 ปีชมรมคนพร้าวรักษ์ป่า แทนการถวายเทียนพรรษา ก่อนเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อเป็นการทำบุญและเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำให้อุดมสมบูรณ์ ชมรมคนพร้าวรักษ์ป่า พระภิกษุสงฆ์สามเณร ร่วมกับอุทยานแห่งชาติศรีลานนาฝ่ายปกครองอำเภอพร้าวและนักศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกันทำบุญก่อนเข้าพรรษา แทนการถวายเทียน

โดยการปลูกป่าในพื้นที่บ้านแม่บอน หมู่ 4 ตำบล โหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ บนพื้นที่ป่า กว่า 10 ไร่ ที่ทางอุทยานแห่งชาติศรีลานนาได้ทวงคืนผืนป่าจากชาวบ้านเมื่อปี 2555 โดยได้มีการนำต้นไม้ 2,000 ต้น 5 ชนิด ทั้งมะขามป้อม มะค่าโมง เสี้ยวดอกขาว และหว้า มาปลูก

พระครูวรวรรณวิวัฒน์ ดร. เจ้าคณะตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าวและเจ้าอาวาสวัดดอยเวียงชัยมงคล เปิดเผยว่า สำหรับการปลูกป่าครั้งนี้เนื่องจากเป็นการครบรอบ 7 ปีกับคนพร้าวรักษ์ป่า ต้นแบบเครือข่ายชุมชนกับการบูรณาการดูแลป่าต้นน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่สมัยนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชนั้นเป็น ผอ.สบอ.ที่ 16 ซึ่งครั้งนั้นเกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อทำกินและล่าสัตว์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยามทุกวิถีทางในการแก้ปัญหาโดยการใช้กฏหมายและใช้กำลังเจ้าหน้าที่จนเกิดการกระทบกระทั่งกันทั้งสองฝ่ายจนเกิดการปะทะกันขึ้นบ่อยครั้ง จนอดีต ผอ.สบอ. 16 ในขณะนั้นต้องลงพื้นที่มาดูแล และมาพูดคุยกับชาวบ้านและผู้นำในชุมชมร่วมทั้งพระสงฆ์ จนเริ่มมีความเข้าใจและเกิดชมรมคนพร้าวรักษ์ป่า และดำเนินกิจกรรมการมีส่วนร่วมในการดูแลผืนป่า

ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนเช่น โครงการธรรมชาติปลอดภัย เครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลนิธิอิออน ประเทศไทยจำกัด ชมรมผู้ประกอบการแพ จำกัด บริษัทสุภิราชการเกษตรพร้าว จำกัด และบริษัทเวิล์ดซีส จำกัด เป็นต้น ทำให้ปัจจุบันสามารถรักษาผืนป่า 8 แสน 7 หมื่นไร่ และสามารถขอคืนผืนป่าและปลูกป่าไปแล้ว 1 หมื่นกว่าไร่ ตลอดจนทำให้ชาวบ้านในอำเภอพร้าว เกิดความตระหนักและรักษ์ป่าโดยการนำศาสตร์พระราชามาใช้ จนกลายเป็นต้นแบบของศรีลานนาโมเดลซึ่งบางจังหวัดที่เกิดปัญหาคนอยู่กับป่าต้องเข้าดูงานและนำไปปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ของตัวเอง

ด้าน ร.ต.ท.นคร ปัญญาทิพย์ ที่ปรึกษาชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอพร้าว เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่อำเภอพร้าว ก่อนหน้านี้ประสบปัญหาภูเขาหัวโล้นมีการบุกรุกพื้นที่ทำกิน บางพื้นที่มีการปลูกฝิ่นและปลูกพืชเชิงเดี่ยวและทำขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ เนื่องพื้นที่ทำกินซ้อนทับกับพื้นที่อุทยานฯ บ่อยครั้งจึงเกิดปัญหาระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา นายธัญญา เนติธรรมกุล ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผอ.สบ. 16 ได้ลงพื้นที่รับทราบปัญหา ได้ให้แนวคิดกับเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการว่าทำอย่างไรให้ผู้ที่บุกรกป่า กลับมาเป็นผู้รักษาป่าดูแลป่าโดยที่ไม่กระทบกับที่ทำกินและผืนป่ายังคงสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำให้ประชาชนในพื้นที่มีแหล่งน้ำในการเกษตร ไม่ต้องมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่ม

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานจึงได้เข้ามาพูดคุยกับชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านขอความร่วมมือสร้างกฏกติการ่วมกันจนทำให้ทุกวันนี้อำเภอพร้าว จึงไม่มีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเนื่องจากทุกหมู่บ้านทุกชุมชน ต้องมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าทำให้ผืนป่าในอุทยานแห่งชาติศรีลานนาที่คลอบคลุม 3 อำเภอทั้งอำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว และอำเภอพร้าว กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

พิธีมอบประกาศนียบัตรมาตรฐานสุขอนามัยที่ดีสำหรับร้านอาหารเคลื่อนที่ (Food Truck) พร้อมเปิดตัวเครือข่ายฟู้ดทรัคภาคเหนือ’ ภายในงาน Lanna Expo2019

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม นี้ ลานจัดกิจกรรมกลางแจ้ง โซน Food Truck ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานลานนาเอกซ์โป 2019ในศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ โดยโครงการ Northern Thailand Food Valley และหน่วยงานพันธมิตรประกอบด้วย นางศิริพร ตันติพงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ นายสมิต ทวีเลิศนิธิ ผู้จัดการโครงการ Northern Thailand Food Valley นางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่1 นายสุเชษฐ์ คำฟู ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเขตเชียงใหม่2 และนายอิศรพงษ์ พงษ์ศิริกุล รองผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันเปิดงาน ‘พิธีมอบประกาศนียบัตรมาตรฐานสุขอนามัยที่ดีสำหรับร้านอาหารเคลื่อนที่ (Food Truck) พร้อมเปิดตัวเครือข่ายฟู้ดทรัคภาคเหนือ’ ภายในงาน Lanna Expo2019

ในส่วนของโซน Food Truckนี้ ได้รวบรวมตัวแทนร้านอาหารเคลื่อนที่ชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ที่ เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรมฟู้ดทรัค(ภาคเหนือ) ของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่1 และผ่านการอบรมหลักสูตรการสุขาภิบาลอาหารสำหรับผู้สัมผัสอาหาร จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พร้อมผ่านการตรวจ คน ครัว รถ ตามมาตรฐานสุขอนามัยที่ดี

สำหรับร้านจำหน่ายอาหารเคลื่อนที่ มาจำหน่ายอาหารทั้งคาว หวาน เครื่องดื่ม อาทิ เฉาก๊วยโบราณและพรีเมี่ยม จากร้าน ‘เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง’เมนูส้มตำ ยำ และของย่างรสเด็ดถูกใจลูกค้าสายนัว จากร้าน ‘ส้มตำ ยำ ย่าง By PunPun’

นอกจากนี้ยังมีร้าน ‘Baby Chicks By Phung Noi’ ที่นำไก่กรอบ และของทานเล่นสูตรเมืองนอก เกรดส่งออก ,น้ำมะพร้าวทั้งสด และปั่น จากร้าน ‘เปาป๊าวปั่น’ , นกกระทาหัน เมนูหาทานยาก Rare Item จากวิสาหกิจชุมชนนกกระทาหันเวียงเหนือ ,ไอติมกระทิ เครื่องจัดเต็ม รสละมุน บนรถมิร่าเก๋ๆ จากร้าน ‘เจ๊น้องไอศครีมมิร่า’ ,ข้าวโพดหวานสีแดงราชินีทับทิมสยาม ทานสดได้ จากสวนพลอยมณี , ไอศกรีมซอฟต์เสริฟเนื้อเนียนนุ่ม จากร้าน ‘พาฝันหวาน’ , นมสดและชานมไข่มุก จากร้าน ‘ถังนม’

 

ตลอดจนบริการรถ Mobile เคลื่อนที่ จากธนาคารออมสินเขตเชียงใหม่2 ไว้คอยให้บริการด้านการเงินและสินเชื่อ Street Foodแก่ผู้ชม ชิม ช็อป และผู้ที่ต้องการริเริ่มธุรกิจ Food Truck ตลอดการจัดงานและได้คุณภาพและมาตรฐานตามหลักของกระทรวงสาธารณสุขกว่า 10 ร้าน จากที่มีกว่า 21 ร้าน มาร่วมกิจกรรมออกร้านจำหน่ายอาหารละเครื่องดื่มให้กับผู้มาเที่ยวงาน Lanna Expo2019

นายสุเชษฐ์ คำฟู ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเขตเชียงใหม่2 กล่าวว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมฟู้ดทรัค ปัจจุบันพบว่ามีฟู้ดทรัคกว่า 1,500 คันทั่วประเทศ จากสถิติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวปีละประมาณ 100% และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิมไปเป็น 3,500 คันทั่วประเทศภายใน 5 ปี โดยเฉพาะการเติบโตในต่างจังหวัด คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 3,500 ล้านบาท และคิดเป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้ากว่า 8,500 ล้านบาท

ซึ่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพยายามผลักดันผู้ประกอบการทั้ง 21 กิจการ ให้เข้าสู่กระบวนการขับคลื่อนมาตรฐานการพัฒนาฟู้ดทรัค 5 มาตรการอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมที่จะเชื่อมโยงเข้าสู่ตลาดฟู้ดทรัคทั้งในและต่างประเทศ งานครั้งนี้นอกจากประชาชนจะได้สนุกสนานเพลิดเพลินกับอาหารเครื่องดื่มรสอร่อยในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองแล้ว คาดว่าฟู้ดทรัคภาคเหนือทั้ง 21 กิจการ จะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้า ธุรกิจร้านค้า ศูนย์การค้า และตลาดนัด จนเกิดเป็นความสำเร็จในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจฟู้ดทรัค สู่การสร้างเครือข่ายในกระบวนการทางอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ เป็นอัตลักษณ์ที่สามารถช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของพื้นที่ได้อย่างแท้จริงต่อไป

การประกวดนางสาวไทย 2562โซนภาคเหนือ“Iconic Beauty นางสาวไทย งามสง่า สู่สากล”

การประกวดนางสาวไทย 2562 ในรูปแบบธีม “Iconic Beauty นางสาวไทย งามสง่า สู่สากล” เพื่อหาสาวไทยที่สวย ฉลาด มีความสามารถ สู่สากล เปิดรับสมัครสาวงามแข่งขันเพื่อหาที่หนึ่งของแต่ละจังหวัด เพื่อเข้าสู่การแข่งขันระดับภูมิภาค แบ่งเป็น 4 ภูมิภาค ได้แก่ อีสาน, เหนือ, ใต้และตะวันออก, กลาง และตะวันตก จากนั้นจะคัดเลือกที่สุดของสาวงามภูมิภาคละ 10 คน รวมเป็นจำนวน 40 คน มาเข้าสู่การประกวดนางสาวไทย โดยผู้ชนะจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019 ที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับปฏิบัติหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม ทูตการท่องเที่ยว ทูตพาณิชย์ ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ

โดยการประกวดนางสาวไทย ในรอบภาคเหนือ ทางบริษัท TW Pageant จำกัด ผู้ได้รับสิทธิในการจัดการประกวดนางสาวไทย 2562 จากทางสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แต่งตั้งให้ คุณระย้า อิสริยยศวดี เจ้าของธุรกิจ รายา อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้แทนในการจัดการประกวดนางสาวไทย ประจำภูมิภาค ภาคเหนือประจำปี 2562 โดยใช้ชื่อว่า “นางงามภาคเหนือ” โดยการประกวดนางสาวไทย รอบนางงามภาคเหนือ จะมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 2 สิงหาคม 2562 ที่ ศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำ จังหวัดเชียงใหม่

โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐ และเอกชนในหลายภาคส่วน ภายใต้แนวความคิดหลัก “Iconic Beauty นางสาวไทย งามสง่า สู่สากล” ผสมผสานกับกลิ่นไอของความเป็นล้านนา เพื่อแสดงออกถึงความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของสาวชาวเหนือ ผ่านการโชว์ตัวในรอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอบชุดพื้นเมืองประจำจังหวัด ที่จะแสดงออกถึงความงามอันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างของแต่ละจังหวัด รอบชุด Cocktail Dress ผ้าไทยร่วมสมัย และรอบชุดราตรียาว

โดยการประกวดรอบนางงามภาคเหนือนี้จะทำการคัดเลือกนางงาม 10 ท่านเพื่อเป็นตัวแทนภาคเหนือ ไปประกวดต่อในเวทีนางสาวไทย อีกทั้งยังมีกิจกรรมเก็บตัวผู้เข้าประกวดที่สอดคล้องกับการเป็น ทูตวัฒนธรรม ทูตการท่องเที่ยว ทูตพาณิชย์ ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ

สำหรับกำหนดการต่างๆ โดยในวันที่ 22 ก.ค. 2562 จะมีการรายงานตัวและการโชว์ตัวของสาวงามประจำจังหวัดภาคเหนือ ทั้ง 18 คน พร้อมทั้งถ่ายภาพ Portrait และ VTR แนะนำตัวผู้เข้าประกวด และมีการทำกิจกรรมเก็บตัวนางงามไปตามสถานที่ต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ ดังนี้

วันที่ 30 ก.ค. 2562 กิจกรรมเสริมบุคลิกภาพและถ่ายทอดประสบการณ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการประกวดโดย คุณโบว์ลิ่ง ปริศนา กัมพูสิริ นางสาวไทยประจำปี 2555 และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เที่ยวชมแหล่งขยายพันธ์และเรียนรู้วิถีชีวิตช้างแบบธรรมชาติ

วันที่ 31 ก.ค. 2562 กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต
สาวงามจะได้ไปเที่ยวชมมนต์เสน่ห์แห่งสถาปัตยกรรมล้านนา และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดและสถานที่สำคัญต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งสัมผัสวิถีชีวิต และเรียนรู้สาธิตการทำหัตถกรรมล้านนา

วันที่ 1 ส.ค. 2562 กิจกรรมเพื่อสังคมโดยการไปเลี้ยงอาหารกลางวัน บริจาคสิ่งของและร่วมทำกิจกรรมกับ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เด็กกำพร้า เด็กยากจน เด็กด้อยโอกาส ที่วัดดอนจั่น จังหวัดเชียงใหม่

ประเพณี เดิน – วิ่งการกุศล แม่โจ้-สันทราย ชาวบ้านร่วมต้อนรับน้องใหม่แม่โจ้ รุ่น 84 ตลอดเส้นทาง

วันที่ 28 มิถุนายน 2562 ดร.อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน เดิน – วิ่งการกุศล แม่โจ้-สันทราย ณ จุดปล่อยตัวประตูบางเขน (ข้างปั๊ม ปตท. ถนนสันทรายสายเก่า)มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าสู่เส้นชัย ณ ที่ว่าการอำเภอสันทราย

เพื่อให้นักศึกษาใหม่เข้าคารวะ นายอดุลย์ ฮวกนิล นายอำเภอสันทราย และหัวหน้าส่วนราชการในอำเภอสันทราย พร้อมทั้งได้ฝากตัวกับประชาชนชาวอำเภอสันทราย ซึ่งมีประชาชนชาวอำเภอสันทราย และศิษย์เก่าแม่โจ้ นำอาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้ต่าง ๆ มาคอยต้อนรับและให้กำลังใจตลอดเส้นทาง 10.5 กิโลเมตร ตั้งแต่มหาวิทยาลัย แม่โจ้ จนถึง หน้าที่ว่าการอำเภอสันทราย เป็นบรรยากาศที่อบอุ่น น่ารัก น่าประทับใจ

ประเพณี เดิน – วิ่ง การกุศล แม่โจ้ – สันทราย ได้เริ่มมีมาเมื่อปี พ.ศ. 2505 ซึ่งเป็นการสอบรับนักเรียนรุ่น 27 โดยมีศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบัน) เพื่อทดสอบสมรรถภาพความอดทน ของผู้ที่สมัครเข้าเรียนแม่โจ้สมัยนั้น แรกเริ่มเดิมที เป็นการทดสอบวิ่งทน ของนักเรียนที่จะมาเรียนแม่โจ้ โดยวิ่งจากในเมืองมายังแม่โจ้ ถือเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มจากการสอบสัมภาษณ์ เพราะผู้ที่จะทำการเกษตรต้องมีร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ และเป็นการฝึกความอดทน ตามคติพจน์ของ ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย ที่ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าคน” จนทำให้กิจกรรมการ เดิน – วิ่ง การกุศล แม่โจ้ – สันทราย เกิดเป็นประเพณีขึ้นจวบจนปัจจุบัน

ในปีการศึกษา 2562 มีนักศึกษาใหม่ ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก จาก(เชียงใหม่, แพร่ฯ,ชุมพร) เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนกว่า 3,000 คน นอกจากนั้น มูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย,มูลนิธิพระช่วงเกษตรศิลปการและศิษย์เก่าแม่โจ้ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดกิจกรรม ยังได้จัดให้มีการแข่งขัน เดิน – วิ่งการกุศล แม่โจ้ – สันทราย โดยแบ่งการแข่งขันเป็น 3 ประเภท คือประเภทบุคคลทั่วไป ประเภทนักศึกษาใหม่ และประเภทศิษย์เก่าแม่โจ้ ชิงถ้วยรางวัลถ้วยรางวัลเกียรติยศ ผลการแข่งขันมีดังนี้
ประเภทประชาชนทั่วไป (ชาย)

ชนะเลิศ ได้แก่ คุณดิเรก พิณชัย สถิติ 29.40 นาที
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ คุณพูลสวัสดิ์อริยา นนท์สถิติ 29.45 นาที
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ คุณวเสกสรร เจิมจันทร์ สถิติ 30.03 นาที

ประเภทประชาชนทั่วไป (หญิง)
ชนะเลิศ. ได้แก่ คุณฐิติพร ถิตย์ประเสริฐ สถิติ 39.35 นาที
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ คุณกรณิศ นำเทียนสถิติ 40.18 นาที
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ คุณวรวรรณ เบรตี้ สถิติ 42.13 นาที

 

ประเภทนักศึกษา (ชาย)
ชนะเลิศ ได้แก่ นายธัชพบ. มโนชมพู พิสถิติ 46.56 นาที
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายฉัตรมงคล. พิมพ์พา. สถิติ 48.01 นาที
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นายทัพพสาร ปริญาภัสรสกุล สถิติ 48.02 นาที

ประเภทนักศึกษา (หญิง)
ชนะเลิศ ได้แก่ นางสาวพิยดา. ศรีหานาม. สถิติ 57.26 นาที
รองชนะเลิศ. อันดับ 1 ได้แก่. นางสาวกชกร. ละชี. สถิติ 59.57 นาที
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางสาวสุพัตรา. ลือทอง. สถิติ 60 นาที

เชียงใหม่จัดงานยิ่งใหญ่Lanna Expo 2019กินดี อยู่ดี วิถีล้านนา นำคุณค่าสู่อาเซียน

Lanna Expo 2019 งานประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 นำของดีของเด่นสินค้า OTOP จากทั้ง 4 จังหวัด มาจัดแสดงและจำหน่าย ภายใต้แนวคิด กินดี อยู่ดี วิถีล้านนา นำคุณค่าสู่อาเซียนจัดที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อเวลา16.00 น.วันที่  28 มิ.ย.62ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน “ Lanna Expo 2019” โดยมี นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหัวหน้าส่วนราชการร่วมต้อนรับจำนวนมาก


งาน Lanna Expo จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 โดยกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และจังหวัดลำพูน รวมถึงภาคเอกชน และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสการสร้างงานและกระจายรายได้สู่ชุมชน ตลอดจนเพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงความต้องการของตลาด เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตนเอง รวมถึงการขยายฐานลูกค้าในระดับนานาชาติ โดยเน้นการจัดแสดงสินค้า การเจรจาธุรกิจ เพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มภูมิภาค และกลุ่มประเทศอาเซียน ให้สินค้าเป็นที่รู้จักและรับรู้ถึงศักยภาพที่โดดเด่น ให้เป็นที่ประจักษ์ในสายตาคนทั่วโลก

 


ภายในงาน Lanna Expo 2019 แบ่งพื้นที่ออกเป็น 10 โซนกิจกรรม อาทิ โซน Northern Thailand Food Valley จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลผลิตทางการเกษตร เกษตรแปรรูป และอาหารที่มีศักยภาพของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของภูมิภาค อย่าง กาแฟ โซน Lanna Handicraft Festival จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถกรรม หัตถอุตสาหกรรม ศิลปหัตถกรรม หัตถศิลป์ร่วมสมัย โซน International การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมจากประเทศต่างๆ โซน Health Fair นำเสนอนิทรรศการเกี่ยวกับสุขภาพ การบริการตรวจสุขภาพโดยแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย และโซนมหกรรมของดี OTOP & SMEs การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ของดี 4 จังหวัด

ซึ่งจังหวัดลำพูนได้นำผ้าไหมยกดอกลำพูน ราคากว่า 9 แสนบาท มาจัดแสดง และนำสิ่งที่ดีที่สุดของจังหวัดลำพูนมานำเสนอ มีการแสดงของพญ๋าล้านนา จำลองพระธาตุสำคัญของ 4 จังหวัด นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์จากผ้า ที่เป็นความสุดยอดของจังหวัดลำพูนมาจัดแสดงและจำหน่าย ส่วน จังหวัดแม่ฮ่องสอน นำของดีวิถีแม่ฮ่องสอน จาก 7 อำเภอมาจัดแสดง เป็นวิถีชาติพันธ์ สินค้าปลอดสารพิษ เกษตรอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และยกหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถีมาจัดแสดง มีหมู่บ้านเครื่องเงิน ผ้าปักม้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจและมีความโดดเด่นอย่างมาก ทางด้านจังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นเมืองหัตถอุตสาหกรรม จัดสินค้ามาแสดงและจำหน่าย 15 บูธ ซึ่งทุกบูธจะเป็นสุดยอดของดีของจังหวัดลำปาง โดยเฉพาะเครื่องเซรามิกที่มีชื่อเสียง และคัดผลิตภัณฑ์ใหม่ทำเป็นลูกประคบ ซึ่งจะพบได้ในงานนี้ นอกจากนี้ยังมีงานไม้ งานแกะสลักไม้ เครื่องเงิน เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าพื้นเมืองที่เป็นของดีของลำปาง


ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการนำศิลาดล ชุดกาแฟ แจกันที่ออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และยังมีกระเป๋าไข่นกกระจอกเทศ ผ้าตีนจกแม่แจ่ม รวมไปถึงเครื่องเงิน ที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท มาจัดแสดงและจำหน่าย

จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมกันช้อป ชิม และเที่ยวในงาน Lanna Expo 2019 ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ จัดงานวันผู้บริจาคโลหิตโลก World Blood Donor Day 2019

วันที่ 15มิถุนายน ที่ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 10 จังหวัดเชียงใหม่ นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานวันผู้บริจาคโลหิตโลก 2562 (World Blood Donor Day 2019)

โดยมี นางปัทมา เอี่ยมสุวรรณ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงานถึงการจัดงานวันผู้บริจาคโลหิตโลก ว่า เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 10 จังหวัดเชียงใหม่ สภากาชาดไทย จัดงานนี้ขึ้น ภายใต้สโลแกน Safe blood for all. โลหิตปลอดภัย ทั้งผู้ให้และผู้รับ

ซึ่งได้มุ่งเน้นให้ผู้คนทั่วโลกได้เริ่มต้นเป็นผู้บริจาคโลหิต และเป็นผู้บริจาคโลหิตประจำ เพื่อให้มีการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 10 จังหวัดเชียงใหม่ มีหน้าที่ในการจัดหาโลหิต เพื่อจ่ายให้กับโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลในอีก 5 จังหวัดภาคเหนือ และเพื่อสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นของโลหิตที่ปลอดภัย และเพื่อให้ผู้บริจาคโลหิตเข้าใจถึงกระบวนการ และความปลอดภัยทางด้านสุขภาพของผู้ให้และผู้รับ

ภายในงานมีพิธีมอบประกาศเกียรติคุณให้กับหน่วยงานที่มียอดผู้บริจาคโลหิตสูงสุด กิจกรรมการรับบริจาคโลหิต อวัยวะ และดวงตา นิทรรศการวันผู้บริจาคโลหิตโลก ฯลฯ และเพื่อเป็นการขอบคุณ ผู้บริจาคโลหิตจะได้รับเสื้อยืดวันผู้บริจาคโลหิตโลกเป็นที่ระลึก ซึ่งมีจำนวนจำกัดอีกด้วย

นางปัทมา เอี่ยมสุวรรณ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตและประชาชนที่มีสุขภาพดี อายุตั้งแต่ 17 ปีบริบูรณ์ เริ่มต้นเป็นผู้บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการโลหิต เป็นการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ ส่วนผู้ที่เคยบริจาคโลหิต ขอให้เพิ่มความถี่ในการบริจาคทุก 3 เดือน และสามารถบริจาคโลหิตได้จนถึงอายุ 70 ปี

ทั้งนี้ วันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันผู้บริจาคโลหิตโลก เพื่อระลึกถึง ดร.คาร์ล แลนด์สไตเนอร์ ผู้ค้นพบหมู่โลหิตระบบเอบีโอ เป็นครั้งแรก ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่องานบริการโลหิตของโลก จนได้รับรางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยา หรือแพทยศาสตร์ ในปี ค.ศ.1930 ซึ่งในประเทศไทยได้จัดกิจกรรมนี้ครั้งแรกในปี 2547 และได้จัดต่อเนื่องเป็นเวลา 16 ปีแล้ว

 

 

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พบชาวบ้าน เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่ออน

นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ที่ห้องประชุมโรงเรียนวัดห้วยทราย ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่

อำเภอแม่ออน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ประมาณ 300,000 ไร่ มีลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบและพื้นที่ภูเขา มีจำนวนประชากรกว่า 8,900 ครัวเรือน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการเกษตรและปศุสัตว์


ซึ่งในการประชุมดังกล่าว ได้มีประเด็นรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ คือ ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนนทางหลวงที่เชื่อมต่อจังหวัดกับอำเภอมีขนาดคับแคบ คดเคี้ยว ลาดชัน และลื่นขณะฝนตก ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง มีราคาสูง และปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภคและเพื่อการเกษตรในช่วงหน้าแล้ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับฟังปัญหาและมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลแก้ไข รวมถึงพิจารณาเร่งดำเนินการในการบรรเทาความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่ออนต่อไป

ซันสวีท หรือ SUN ร่วมโชว์ ในงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX World of Food Asia 2019 ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานชั้นนำระดับโลก

บมจ. ซันสวีท หรือ SUN ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่นๆ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ‘KC’ ร่วมโชว์ ในงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX World of Food Asia 2019 ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานชั้นนำระดับโลก

 

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวด้วยความมั่นใจว่า ด้วยความโดดเด่นด้าน กระบวนการผลิตอาหารที่ใส่ใจในคุณภาพทุกขั้นตอน ด้วยมาตรฐานสากล ตอกย้ำ ความเป็นผู้นำเทรนด์อุตสาหกรรมข้าวโพดหวาน รวมทั้งบริษัทยังมีทีมงานวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น รวมถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในการร่วมกันออกแบบ ผลิตภัณฑ์กับลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค

ประกอบกับปัจจุบันเนื่องด้วยภาวะทางสังคมมีความตระหนักถึงเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการในการเลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งข้าวโพดหวานถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารตัวเลือกของคนรักสุขภาพ เพราะข้าวโพดหวานเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อาทิ มีกากอาหาร วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีแผน รุกตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะนำสินค้ากลุ่มข้าวโพดหวานพร้อมรับประทาน (ready to eat) เข้าสู่ไลน์ธุรกิจฟู้ดรีเทล (food retail) หรือการขายปลีกให้มากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มข้าวโพดหวานให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในประเทศให้มากขึ้น( Food and Beverage)

และในงานนี้ SUN เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “มันหวานเผา” สายพันธุ์ญี่ปุ่น เอาใจหนุ่ม-สาวทุกเพศทุกวัยที่ต้องการดูแลสุขภาพ คัดสรรมาอย่างดีเพื่อตอบโจทย์เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคทุกช่วงวัย ภายใต้แบรนด์ KC เป็นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน

ร่วมสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของซันสวีทได้ในงาน THAIFEX – World of Food Asia 2019 บูธ SUN No.9- FF01 Impact Hall 9 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2562

เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ต้อนรับน้องใหม่ ปลาช่อนยักษ์อเมซอนยาวกว่า 2 เมตร

เชียงใหม่ ซู อควาเรียม “ทะเลบนดอย”ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ ร้บมอบปลาช่อนยักษ์อเมซอน จากสวนส้มอาจารย์หนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยเจ้าของสวนต้องการจะขุดลอกบ่อใหม่ จึงไม่สามารถเลี้ยงเจ้าช่อนยักษ์ตัวนี้ไว้ได้ และเนื่องจากเคยเดินทางมาเที่ยวชมเชียงใหม่ ซู อควาเรียม เห็นว่ามีปลาสายพันธุ์นี้จัดแสดงอยู่ จึงติดต่อมาเพื่อขอมอบปลาตัวนี้ไว้ให้กับทางเชียงใหม่ ซู อควาเรียมได้ดูแลต่อไป

ในโอกาสนี้ทางเชียงใหม่ ซู อควาเรียมได้ขอขอบคุณ นายศากร วิมล และนายฤทธิชัย ศิลา จากอ.แม่อายเป็นอย่างสูงที่ได้ส่งต่อปลาช่อนยักษ์อเมซอนตัวนี้มาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม ซึ่งตอนนี้เจ้าช่อนยักษ์ก็ได้ลงไปแหวกว่ายอยู่ในอุโมงค์น้ำจืดเรียบร้อยแล้ว การเดินทางมาไกลกว่า 100 กิโลเมตร ไม่ทำให้บาดเจ็บแต่อย่างใด พร้อมโชว์ตัวให้ทุกท่านได้ชมแล้วที่อุโมงค์น้ำจืด

อมราวตี กลายเป็นสถานที่รับพลังจากธรรมชาติ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ และอากาศ

อมราวตี ตั้งอยู่เลขที่ 100 หมู่​ 7 ถนนแม่ริม-สะเมิง​ (1096) ตำบลริมใต้​ อำเภอแม่ริม​ จังหวัดเชียงใหม่​ ห่างจากถนนโชตนา เชียงใหม่-ฝาง เข้าสามแยกทางไปอำเภอสะเมิง จากปากทางประมาณ 2 กิโลเมตร ในอดีตเป็นอาศรมของฤาษีพุทธจรัล พุทธจรัล มีจำนวนถึง 40 ห้องตั้งอยู่บนเนินเขาอากาศเย็นสบายและทิศทัศน์ที่สวยงาม ในปัจจุบันนี้ อมราวตี กลายเป็นสถานที่รับพลังจากธรรมชาติ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ และอากาศ ผู้มาเยือนทุกท่าน ได้รับความสุข รวมถึงสุขภาพทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ และสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากทางเรากลับไปสร้างความสุขให้เกิดขึ้นยังที่พำนักและชีวิตการทำงานของทุกท่านได้อย่างยั่งยืน โดยการบริหารงานของนายฤทธี คุรุสิงห์ ผู้จัดการทั่วไป โดยในอนาคตอันใกล้อมราวตี จะให้บริการเพิ่มในส่วนของ คลีนิคแพทย์แผนไทยและอายุรเวช และโรงเรียนแพทย์แผนไทยด้วย

เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมาทางนายฤทธี คุรุสิงห์ ผู้จัดการทั่วไป ได้ทำพิธีเปิด อมราวตี อย่างเรียบง่ายโดยได้เชิญ ท่านชิริช จัน กงสุลใหญ่อินเดีย ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโดยมีเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ และเจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือ พร้อมทั้งแขกชาวไทยและชาวอินเดียในเชียงใหม่มาร่วมในพิธี

นายฤทธี คุรุสิงห์ ได้อธิายถึงคำว่า อมราวตี หมายถึง Immortal (ชีวิตอมตะ) หรือ เมืองหลวงของกษัตริย์แห่งเทพ เราได้น้อมใช้คำนี้ เพื่อเป็นคำเรียกขานสถานที่ของเรา เพื่อให้สื่อถึงการให้บริการที่ทางเรามีให้กัvบผู้มาเยือน โดยปรารถนาให้เกิดความสุข ในแบบดุจเทพปีติ ซึ่งนั่นคือ ความสงบ (Peace) และความเรียบง่าย (Simplicity)

ตัวอาคารได้ก่อสร้างตามแนวคิดของคัมภีร์พระเวท ซึ่งเป็นศาสตร์ของอินเดียในยุคโบราณ โดยหนึ่งในศาสตร์ดังกล่าว คือ สถาปัตยกรรมและการออกแบบอาคาร ซึ่งหลักการดังกล่าวเรียกว่า วาสตู (VASTU) โดยหลักการนี้ เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาใช้ประโยชน์จากสถานที่สามารถได้รับพลังจากธรรมชาติ อันได้แก่ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ และอากาศ อย่างเต็มเปี่ยม
และด้วยแนวคิดตามคัมภีร์พระเวท ซึ่งถือความรู้ด้าน “โยคะ (Yoga)” เป็นส่วนหนึ่ง ด้วยศาสตร์ด้านโยคะ ไม่ใช่เพียงในเรื่องการยืดเยียดร่างกายเท่านั้น ยังรวมถึงอีกหลายด้าน ทั้งด้านการปฏิบัติตน กริยาท่าทาง และรวมถึง การรับประทานอาหาร ซึ่งในการรับประทานนั้น มีหลักการที่เรียกว่า “สัตตวิทช์ (Sattvic Ayurveda)” ซึ่งเน้นการรับประทานอาหารที่สดใหม่ และเป็นธรรมชาติเป็นหลัก รวมถึงการหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ด้วยเพราะว่าในหลักการของอายุรเวท เนื้อสัตว์ จะเป็นอาหารที่ย่อยยาก และมีโอกาสสร้างโทษให้กับร่างกายมากกว่าอาหารจากธรรมชาติชนิดอื่น ๆ

ดังนั้น ทางเราจึงให้บริการอาหารที่มาจากธรรมชาติเป็นหลักในสถานที่แห่งนี้อมราวตี มุ่งมั่นให้ผู้มาเยือนทุกท่าน ได้รับความสุข รวมถึงสุขภาพทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ และสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากทางเรากลับไปสร้างความสุขให้เกิดขึ้นยังที่พำนักและชีวิตการทำงานของทุกท่านได้อย่างยั่งยืน

โดยอมราวตี มีหลักปฏิบัติของอมราวตี1. หลักการเคารพ เราปรารถนาให้ผู้มาเยื่อนของเรา ให้ความเคารพในตนเอง (มุ่งสร้างประโยชน์ให้เกิดกับตน) ให้ความเคารพในผู้อื่น (ให้เกียรติและความยอมรับในผู้อื่น) เคารพในสถานที่ (ไม่ก่อให้เกิดเสียงดังโดยไม่จำเป็น รวมถึงเสียงเรียกของโทรศัพท์มือถือ และไม่ก่อให้เกิดขยะที่จะสร้างมลภาวะให้กับสถานที่และสภาพแวดล้อม)

2. หลักการสุขภาพ เราปรารถนาให้ผู้มาเยือนของเรามีสุขภาพที่ดี สามารถได้รับอากาศที่บริสุทธิ รวมถึงดื่มด่ำกับธรรมชาติและการพักผ่อนในสถานที่ของเราอย่างเต็มที่ ดังนั้น เราจึงขอความอนุเคราะห์จากทุกท่าน โปรดงดการสูบบุหรี่ทุกชนิด และการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาทุกรูปแบบ

บริการของอมราวตี
เราบริการอาหาร Sattvic Ayurveda ทั้งเช้า กลางวัน และเย็น รวมถึง เครื่องดื่มที่เป็นชาจากสมุนไพรพื้นบ้านต่าง ๆ และกาแฟในยามเช้า
เราบริการน้ำดื่มแก่ผู้เข้าพักท่านละหนึ่งขวด ทั้งนี้ น้ำดื่มจะบรรจุในขวดพลาสติก เพื่อเป็นการรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด เราจึงขอความอนุเคราะห์จากทุกท่านโปรดใช้ขวดน้ำดังกล่าว เติมน้ำดื่มสะอาดที่ทางเราจัดเตรียมไว้ให้ที่บริการที่นั่งรับประทานอาหารด้านหน้า ทั้งนี้ ทางเราพยายามลดการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติก รวมถึงหลอดดูดน้ำที่เป็นพลาสติกด้วย จึงต้องกราบขออภัยท่านผู้มาเยื่อนต่อความไม่สะดวกในเรื่องนี้ด้วย

เราบริการสระว่ายน้ำโดยไม่เสียค่าบริการ แขกผู้มาเยือนทุกท่านสามารถใช้บริการสระว่ายน้ำได้ระหว่างเวลา 7.00 น. ถึง 19.00 น. ทุกวัน โดยสระว่ายน้ำมีระดับความลึกที่ 1.70 เมตร และเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ
 เราให้บริการ Free WIFI ในพื้นที่ส่วนกลางในส่วนของอาคาร จำนวนสี่จุดรอบอาคาร โดยแต่ละจุดจะมีชื่อว่า Amaravati_1, Amaravati_2, Amaravati_3, และ Amaravati_4 ทุก ๆ จุดจะใช้รหัสผ่านเดียวกัน คือ “Amaravati”
ในอนาคตอันใกล้อมราวตี จะให้บริการเพิ่มในส่วนของ คลีนิคแพทย์แผนไทยและอายุรเวช และโรงเรียนแพทย์แผนไทยด้วย

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือไม่ได้รับความสะดวกโปรดแจ้งที่
นายฤทธี คุรุสิงห์ ผู้จัดการทั่วไป โทรศัพท์ 09-885-886-56
www.facebook.com/amaravatiwellness | Instragram : amaravatiwell | Twisster : amaravatiwellness