ชีวิตต้องสู้ ของแม่เลี้ยง”วรรณี ลิทองกุล”นักธุรกิจหญิง มือทอง สมองเพชร

ชีวิตต้องสู้ ของแม่เลี้ยง”วรรณี ลิทองกุล”นักธุรกิจหญิง มือทอง สมองเพชร เก่งสวยรวยแบบอย่างหญิงแกร่ง

วันนี้พามารู้จักกับนักธุกิจหญิงผู้ประสบความสำเร็จในการต่อสู้ชีวิตมีทั้งขวากหนามขวางกั้นชีวิต ทั้งหนี้สิน อุปสรรคปัญหานานาชนิด แต่ก็ใช้ความเป็นหญิงแกร่งนักต่อสู้ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ จนปัญหาต่างๆที่ฝ่าฟันผจญอยู่ต้องพ่ายแพ้ แก่หญิงแกร่ง ที่ข้ามพ้นสิ่งต่างๆอย่างทรนงองอาจ ประกาศตัวว่า ชาตินี้จะไม่ขอจนอีกต่อไป ด้วยความมุ่งมั่นต่อสู้ชีวิตหนักเอาเบาสู้ พาชีวิตก้าวพาขึ้นมาสู่ผู้หญิงเก่งแถวหน้าของประเทศคนหนึ่ง “แม่เลี้ยง วรรณี ลิทองกุล “นักธุรกิจหญิงวัย 65 ปีที่มีการความเพรียบพร้อมในทุกด้านแล้ววันนี้ทั้งเก่งทั้งสวยสง่าและรวยพันล้าน

แต่ชีวิตการทำงานที่ผ่านมาจนประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ไม่ใช่ได้มาง่าย โดยก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล ก็ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านเรื่องราวทั้งร้ายและดี ผ่านอุปสรรคการต่อสู้แข่งขันในชั้นเชิงธุรกิจ ที่พบทั้งคนจริงใจและไม่จริงใจ แต่ด้วยเป็นคนมีแต่ความจริง ชนิดใจถึง พึ่งได้ เข้าไปในดำเนินการทางธุรกิจใหญ่ๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนพบผลสำเร็จทุกแห่งที่ก้าวเข้าไปทำ

มารู้จักชีวิตที่ต้องใช้ความสามารถและความเข้มแข็ง แรกเริ่มดำเนินธุรกิจ ห้างหุ้นส่วน วีพีเอ็น จำกัด การส่งออกผลิตภัณฑ์ดอกไม้ประดิษฐ์จากกระดาษสา มีแรงงานที่มีความสามารถด้านหัตถกรรมพื้นบ้านจำนวน 15 คน และด้วยความอุตสาหะของแม่เลี้ยงวรรณ พร้อมทีมงาน ทำให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด วีพีเอ็น พัฒนาการผลิตจากอุตสาหกรรมขนาดเล็กเติบโตจนกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีแรงงานเพิ่มขึ้นถึงกว่า 2,000 คน ในปี 2529 และเพิ่มกำลังการผลิตจนสามารถทำการส่งออกผลิตภัณฑ์ดอกไม้ประดิษฐ์จากกระดาษสาส่งออกไปขายยัง ร้านค้าปลอดภาษีประจำสถานทูตสหรัฐอเมริกา ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก

โดยความช่วยเหลือของ สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ภายใต้โครงการป้องกันปัญหาการตกเขียวเยาวชน และสตรีในเขตพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยแรงงานส่วนใหญ่เป็น สตรีที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกตกเขียว และด้วยความสามารถในการบริหาร รวมถึงความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือสังคมทำให้ แม่เลี้ยง วรรณี ลิทองกุล ได้รับรางวัลเกียรติยศมากมาย ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ

ในปี พ.ศ. 2530 ได้รับรางวัลจาก “สหพันธ์ยูเซส ประเทศแคนาดา” ในฐานะผู้ส่งเสริมความเป็นอยู่ของสตรีในชุมชน
ในปี พ.ศ. 2530 ได้รับรางวัล “ผู้บริหารสตรีดีเด่น” จาก นายกรัฐมนตรี ฯพณฯท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ปี พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทานเหรียญเชิดชูเกียรติ “สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคม” จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
ปี พ.ศ. 2547 ได้รับประทานโล่ประกาศเกียรติคุณ “เป็นผู้ที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ เสียสละสนับสนุนสมทบทุน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และช่วยเหลือนักกีฬาคนพิการให้เปลี่ยนจากภาระ เป็นพลังของชาติ” จาก พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
ปี พ.ศ. 2551 รับพระราชทานของที่ระลึกในงานวัน “มูลนิธิสิรินทร” จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี

ในปี 2531 ห้างหุ้นส่วนจำกัด วีพีเอ็น ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นมูลค่า 5 ล้านบาท และเปลี่ยนจากห้างหุ้นส่วนจำกัด วีพีเอ็น เป็น บริษัท วีพีเอ็น คอลเลคชั่นส์ จำกัด พร้อมกับการขยายงานประกอบกิจการในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยโครงการแรกเป็นโครงการจัดสรรที่ดินเกษตรชุมชนแบบครบวงจร บนเนื้อที่กว่า 200 ไร่ ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

 

โครงการถัดมาเป็นโครงการสวนเกษตรบนเนื้อที่กว่า 700 ไร่ ริมถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำพูน ในนาม “สวนริมลำพูน” และโครงการจุฑารินทร์แอนด์รีสอร์ท บนพื้นที่ 50 ไร่ ในเขตอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ถึงแม้ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังตกต่ำ แต่ด้วยความสามารถในด้านการบริหาร ผู้บริหารของบริษัท ฯ ได้ดำเนินกิจการและนำพาบริษัท ฯ ประสบความสำเร็จผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ด้วยดี และด้วยสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม ในปี 2540 บริษัทฯ ได้เป็นที่ปรึกษาในการแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและการบุกรุกพื้นที่สาธารณของชาวชุมชนแออัด ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ด้วยการสนับสนุนของการเคหะแห่งชาติ ทางบริษัท ฯได้ดำเนินการโครงการจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับชุมชนแออัดทั้งสิ้นประมาณ 4,500 ครัวเรือน และประสบความสำเร็จด้วยดี

นอกจากความสนใจที่จะช่วยด้านชีวิตความเป็นอยู่ และรายได้ของชุมชนแล้ว แม่เลี้ยงวรรณี พร้อมทีมงานบริหารบริษัทฯ ยังมองเห็นถึงความสำคัญที่จะ ปกป้อง และบำรุงรักษาสภาพแวดล้อม เนื่องด้วยในปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมนับเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข บริษัทฯ เริ่มศึกษางานด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีในการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัย และโครงการแรกที่ทางบริษัท ฯ ได้มีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมของชุมชนคือ โครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรของเทศบาลเมืองลำพูน โดยระบบการกำจัดขยะดังกล่าวประกอบด้วย การคัดแยกขยะเพื่อนำวัสดุเวียนกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง การทำปุ๋ยหมักจากขยะอินทรีย์ การเผาขยะมูลฝอยด้วยเตาเผาปลอดมลพิษ และการฝังกลบขยะมูลฝอย พร้อมทั้งจัดภูมิทัศน์ในพื้นที่โครงการให้สวยงาม เพื่อลดการต่อต้านจากชุมชนโดยรอบพื้นที่โครงการ โดยเริ่มก่อสร้างโครงการในปี 2541 และรับดำเนินการบริหารจัดการ การกำจัดขยะมูลฝอยทั้งระบบจนกระทั่งถึงปี 2545

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริเรื่องแนวทางเกษตรพอเพียง สถานีเกษตรโครงการหลวงดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 จึงร่วมกันทำการศึกษาวิจัย โครงการระบบการจัดการขยะมูลฝอยแบบครบวงจร รวมทั้งสูตรการหมักขยะอินทรีย์ให้เป็นปุ๋ยชีวภาพ ทำให้บริษัทฯ ได้มีโอกาส และแนวทางในการศึกษา และได้รับการสนับสนุนข้อมูล จากสถานีเกษตรโครงการหลวงดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ติดตั้งเครื่องจักรระบบการหมักขยะอินทรีย์ให้เป็นปุ๋ยชีวภาพบนสถานีเกษตรโครงการหลวงดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2544 ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จและปัจจุบันทางโครงการหลวงฯ ได้ผลิตปุ๋ยชีวภาพ เพื่อใช้ในโครงการได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

ในปัจจุบันด้วยความพร้อมทางด้านบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความสามารถ ทางบริษัทฯได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาท ในปี 2544 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 100 ล้านบาท ในปี 2552 เพื่อรองรับการขยายงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมให้กว้างขวางขึ้น มีนโยบายให้บริการในด้าน การออกแบบและก่อสร้าง ระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน ระบบการจัดการขยะแบบครบวงจรรูปแบบใหม่ อันประกอบด้วย การคัดแยกและนำขยะมูลฝอยที่มีประโยชน์เวียนกลับมาใช้ใหม่ การหมักปุ๋ยชีวภาพจากขยะอินทรีย์ การลดปริมาตรขยะมูลฝอย ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

จนมีผลงานที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานทั้งทางภาครัฐและเอกชนนับเป็นรางวัลที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถ และความสำเร็จของแม่เลี้ยงวรรณี และทีมผู้บริหาร และห้างหุ้นส่วนจำกัด วีพีเอ็น

ซึ่งสมควรอย่างยิ่งแก่การยกย่อง เป็นนักธุรกิจหญิงมือทอง สมองเพชร”แม่เลี้ยง วรรณี ลิทองกุล”แห่งบ้านสวนริมลำพูน แต่ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ โครงการใหญ่ทั้งในและต่างประเทศที่แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล ยังดำเนินการอยู่จะปรากฎผลงานให้เห็นอีกในหลายโครงการ คอยติดตามชีวิตยอดนักสู้ของผู้หญิงเก่งนามว่า”แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล”นักธุรกิจมือทอง สมองเพชร ต่อไป

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมรับลมหนาว เสริมมาตรการดูแลสุขภาพให้ความอบอุ่นแก่สัตว์

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมรับลมหนาว เสริมมาตรการดูแลสุขภาพและให้ความอบอุ่นแก่สัตว์

นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยถึงมาตรการดูแลสุขภาพสัตว์ในช่วงอากาศหนาวเย็นนี้ว่า ที่ผ่านมามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ทางเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจึงได้เพิ่มมาตรการในการดูแลให้ความอบอุ่นแก่สัตว์อย่างเข้มงวด ด้วยการติดตั้งหลอดไฟสปอตไลท์ เพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่สัตว์ ขณะที่ในส่วนจัดแสดงบางจุดที่แสงแดดส่องไม่ทั่วถึง จะมีการเปิดไฟช่วยสร้างความอบอุ่นให้ตลอดวัน มีการติดตั้งอุปกรณ์ผ้าใบกันลม และเพิ่มกองฟาง ใบไม้แห้ง และกระสอบป่านในส่วนที่เป็นที่นอนของสัตว์

ทั้งในส่วนจัดแสดงและในคอกกัก เพื่อป้องกันผลกระทบจากอากาศหนาวเย็นที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสุขภาพของสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่มีถิ่นตามธรรมชาติจากโซนอากาศเขตร้อนอย่างแอฟริกา และอเมริกาใต้ รวมทั้งฝั่งเอเชีย

นอกจากนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังได้มีการเพิ่มอาหารเสริมและวิตามินที่ให้พลังงานสูง เพื่อจะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับสัตว์และป้องกันสัตว์ล้มป่วย โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มสัตว์แก่, สัตว์ป่วย, สัตว์ขนาดเล็ก และลูกสัตว์ ที่มีการกำชับให้เพิ่มการดูแลเป็นพิเศษ พร้อมทั้งเพิ่มมาตราการควบคุมป้องกันโรคระบาดระบบชีวอนามัยในกลุ่มสัตว์และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวให้ล้างมือทุกครั้งหลังจับสัมผัสสัตว์เพื่อลดปัจจัยความเสี่ยง ซึ่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีมาตรการดูแลให้ความอบอุ่นแก่สัตว์ทุกตัวอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าจะสิ้นฤดูหนาว

“พระนาย”ชงคม ราชวังเมืองเยาวชนดีเด่นจังหวัดเชียงใหม่ ในวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2562

“พระนาย”ชงคม ราชวังเมือง เยาวชนคนเก่ง ต้นแบบวัยรุ่นที่จะก้าวเดินสู่อนาคตที่งดงาม

เยาวชนในโลกโซเชียลที่กำลังแรงพุ่งไปข้างหน้าอย่างฉุดไม่อยู่ในโลกปัจจุบันนี้ มีสิ่งยั่วยุล่อแหลมในหลายเส้นทางที่อาจจะทำให้ก้าวเดินผิดพลาดได้ง่าย แต่สำหรับวัยรุ่นคนนี้ เดินอยู่ในกรอบแห่งความสง่างาม ที่จะสามารถเป็นแบบอย่างในกลุ่มวัยรุ่น ที่มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่เส้นทางฝันที่วางไว้อย่างมีขั้นตอนและรูปแบบที่น่าสนใจยิ่ง บนพื้นทีฐานความภาคภูมิใจของพ่อแม่ และครูบาอาจารย์รวมทั้งเพื่อนๆที่ร่วมเรียนร่วมเล่นกันมา น่าสนใจมากสำหรับชีวิตที่ก้าวเดินของวัยรุ่นที่มีจุดมุ่งมั่นมุ่งหมายของชีวิต

“พระนาย”ชงคม ราชวังเมือง ในวัย18 ปี เกิด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2544 เป็นนักแสดงและนายแบบเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคม และปัจจุบันเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 6 โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นนักเรียนดีเด่นทุกปี

 

เก่ง-ด้านการเรียนดี-ด้านกิจกรรม-ด้านพฤติกรรม 10 ปีต่อเนื่อง
-ปัจจุบันเป็นคณะกรรมการนักเรียนมงฟอร์ต-เคยได้รับรางวัล Top Model Thailand ประจำภาคเหนือ-พูดได้ 3 ภาษ(ไทย/อักฤษ/ญี่ปุ่น)

-เป็นนายแบบสังกัด Catwalk-เป็นนักแสดงเยาวชนดีเด่น

-เป็นฑูตทำความดีวัดป่าธาราภิรมย์-เป็นลูกกัตตญู สมเด็จพระราชินี-และแม่ได้รับคัดเลือกเป็นแม่ดีเด่นปี 2559 และ 2561 ด้วยพฤติกรรมดี

-เป็นนักร้องประสานเสียงเหรียญเงินนานาชาติ


-เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ กทม.ด้านกีฬา : ขี่ม้า/ยิงปืน/ยิงธนู/โปโลน้ำ/ฮ๊อคกี้/สเก็ตน้ำแข็ง/โรเลอร์เบท/โบว์ลิ่ง/ เบสบอล/ปีนผาและกีฬาพื้นฐานทุกชนิด มีรางวัลการันตี

เคยได้เข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติบุคคลต้นแบบ คนดีศรีเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2561 และได้รับตำแหน่ง

จังหวัดเชียงใหม่ มอบเกียรติบัตรให้เป็นเยาวชนดีเด่นจังหวัดเชียงใหม่ ในวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2562


เยาวชนดีเด่นจังหวัดเชียงใหม่62The Elemant Young STAR Thailand 2019 คนแรกในปีนี้

สมาคมรามคำแหงเชียงใหม่เตรียมจัดงานครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหง

สมาคมรามคำแหงเชียงใหม่เตรียมจัดงานครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหงพร้อมมอบ รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นแก่ผู้ทำคุณประโยชน์
แผ่นดิน 5 คน

นางโสภิส อินทสโร นายกสมาคม รามคําแหงเชียงใหม่เปิดเผยว่า วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ทางสมาคมฯ จะจัดกิจกรรมวันครบรอบวัน
สถาปนามหาวิทยาลัยรามคําแหง ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ในการนี้คณะกรรมการสมาคมรามคําแหง เชียงใหม่ ได้มีมติคัดเลือก เพื่อมอบโล่รางวัลศิษย์เก่าผู้ทำคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน จำนวน 5 คน ได้แก่

นายกีรติ เชียงปวน อธิบดีผู้พิพากษา ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5

นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

พล.ต.ท พงษ์สักก์ เชื้อสมบูรณ์ อดีต รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีตสมาชิก วุฒิสภา

และนายการัญ ศรีสกุลชวาลา นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ
ขอเชิญศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ร่วมงานเพื่อพบปะสังสรรค์ และร่วมแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัล เชิดชูเกียรติในครั้งนี้ด้วย ภายใต้ธีม
ราตรีน้ำเงิน-ทอง เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง

เด็กอมก๋อย ชมทะเลบนดอย และสโนว์โดม- 7 องศาฯตื่ตาตื่นใจในสวนสัตว์เชียงใหม่


จากกรณีที่ได้มีสื่อโชเชียลการนำเสนอ เด็กนักเรียนหญิงอายุ 4 ขวบกว่า ชื่อ ดญ. ปิยะพร หลวงแก้ว นักเรียนชั้นอนุบาล 2 ของโรงเรียนบ้านขุนตื่น ต.สบโขง อ.อมก๋อย เชียงใหม่ ที่เกิดมาแม่เสียชีวิต พ่อก็ทิ้งไปมีเมียใหม่และไม่เคยกลับมาดูแลน้องเลย ซ้ำร้ายตอนอายุ 10 เดือน ก็ถูกไฟไหม้ที่มือจนพิการมาจนทุกวันนี้ ต่อมาทางครูของโรงเรียนได้โพสต์ภาพน้อง ปิยะพร ที่มีชีวิตอาภัพ และต้องทนอยู่ในสภาพที่ยากจนอยู่กับยาย

หลังจากมีข่าวออกไปก็มีหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งทหาร,ตำรวจ ข้าราชการ ประชาชน ต่างได้พากันร่วมบริจาคเงิน สิ่งของไปช่วยเหลือน้องปิยะพร กันอย่างมากมาย และมีการเปิดบัญชีให้กับัน้องเขา ที่ ธนาคารออมสิน และได้มีนักธรุกิจชื่อดังของเชียงใหม่ ได้ให้ทุนการศึกษากับน้องปิยะพร ไปตลอดชีวิต เดือนละ 3,000 บาท แบบใครคนใดคนหนึ่ง ต้องตายไปข้างเลยทีเดียว จนเป็นข่าวโด่งดังมาแล้ว

 

ข่าวคืบหน้า เมื่อเวลา 09.50 น วันที่ 25 พย 62 ทางคณะครูของโรงเรียนบ้านขุนตื่น อ.อมก๋อย ที่น้องปิยะพร หลวงแก้ว เด็กวัย 4 ขวบเรียนอยู่ ได้นำนักเรียนของโรงเรียนจำนวน 32 คน และครูอีกจำนวน 9 คน โดยมีน้องปิยะพร ด้วย มีนายประทีป ทิพย์เนตร ผอ.โรงเรียนนำคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนมาเที่ยวชม สวนสัตว์เชียงใหม่ และเชียงใหม่ซูอควาเรียม ตามคำเชิญของ นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ และ นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการบริหารเชียงใหม่ซูอควาเรียม ในสวนสัตว์เชียงใหม่

โดยคณะนักเรียนเมื่อมาถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ มีเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์และพนักงานของเชียงใหม่ซูอคอเรียม ได้นำน้อง ๆ และครูเข้าเยี่ยมชมสัตว์นานาชนิดในสวนสัตว์ ชมหมีแพนด้า และเข้าโดมหิมะที่มีอุณภูมิ-7 องศาเซลเซียส ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่เด็กเป็นอย่างยิ่ง และมาชมสัตว์น้ำในอุโมง ที่เชียงใหม่ซูอคอเรียม หรือทะเลบนดอย

ซึ่งถือว่าเป็นอุโมงใต้น้ำที่ยาวที่สุดในเอเซียและเป็นการนำสัตว์ทะเล เช่นฉลาม มาอยู่บนดอยเลยก็ว่าได้โดยน้อง ๆ ได้ชมสัตว์น้ำใต้ทะเลอย่างมีความสุข และได้มีการให้นมกับปลาคราฟฟ์ ได้ดูดนม เด็ก ๆ มีความสุขโดยเฉพาะน้องปิยะพร นั้นถือว่ามีความสุขอย่างมากที่ได้ให้อาหารปลาคราฟ ถึงกับปล่อยยิ้มออกมา จากนั้นทางเชียงใหม่ซูอคอเรียมได้แจกของที่ระลึกและพาเด็ก ๆ และคณะครูรรับประทานอาหารกลางวัน และชมสัตว์ในสวนสัตว์เชียงใหม่


นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ได้เปิดเผยว่า ตนเห็นเด็กนักเรียนจากถิ่นทุรกันดารได้มาชมสัตว์มาชมสัตว์น้ำในอคอเรียม ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กับเด็กได้พบได้เห็นได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่ได้เจอ ซึ่งนักเรียนจากถิ่่นแดนไกลทุรกันดาร นั้นโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นสิ่งแบบนี้ ตนจึงได้เปิดโอกาสและเชิญไปยังโรงเรียนถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ มาเข้าชมเชียงใหม่ซูอควาเรียม ได้ฟรี หากโรงเรียนไหนมีจุดประสงค์จะพานักเรียนมาทัศนะศึกษาที่เชียงใหม่ซูอควาเรียม ก็ยินดี

สำหรับน้องปิยะพร เด็กกำพร้า และพิการ คนนี้ ตนได้มอบทุนการศึกษาให้กับน้องเขา ตลอดชีวิตเลย เดือนละ 3,000 บาท โดยการมอบนั้น กำหนดจนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง เอาอย่างนี้เลย ตนสงสารน้องเขามาก พ่อก็มาทิ้ง แม่ก็เสียชีวิต และต้องมาพิการอีก และจากการสอบถามครู ก็ทราบว่ามีประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต่างพากันยื่นมือเข้าช่วยเหลือน้องปิยะพร คนนี้ และได้เปิดเลขบัญชีให้คนได้ร่วมบริจาคเงินเข้า ธนาคารออมสิน ตอนนี้ทราบจากครูว่า ยอดเงินบริจาคให้กับน้องปิยะพร จำนวนถึง 800,000 กว่าบาทแล้ว //

พรรคประชาชาติขึ้นเหนือจัดเวทีสัมนา “เรื่องการเมืองระบอบประชาธิปไตยกับสังคมพหุวัฒนธรรม” ที่จังหวัดเชียงใหม่

พรรคประชาชาติขึ้นเหนือจัดเวทีสัมนา “เรื่องการเมืองระบอบประชาธิปไตยกับสังคมพหุวัฒนธรรม” ที่จังหวัดเชียงใหม่โดยมีประชาชนและกลุ่มชาติพันธ์ กว่า 300 คนเข้าร่วมงาน

เมื่อเวลา 08.30ป น.ถึง 12.00 น.วันที่ 23 พ.ย.นี้ ประชาชนชาวชียงใหม่ลำพูน และกลุ่มชนชาติพันธุ์ ประมาณ 300 คนเข้าร่วมสัมนา”เรื่องการเมืองระบอบประชาธิปไตยกับสังคมพหุวัฒนธรรม ขึ้นที่โรงแรมวินทรีซิตตี้ ตำบลช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ซึ่งเป็นเวทีระดับภาคเหนือโดยมีวิทยากรฝีปากกล้าหลายคนเข้าร่วมเสวนาและให้ความรู้กับประชาชนทีเข้ามาร่วมงาน โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ดร. ยุทธพล อิสระชัย สาขาภาควิชารัฐศาตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ นางสาวลักขณา ปันวิชัย (หรือคำผกา )และนักเขียนและพิธีกร และมีวิทยากรอีกหลายคนมาร่วมเวทีสัมมนาให้ความรู้กับสมาชิกพรรคและผู้มาร่วมงาน

ซึ่งการจัดงานครั้งนี้พรรคประชาชาติ จัดขึ้นเพื่อให้สมาชิกพรรคและประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้มีความรัก ความเข้าใจ ในมนุษยชาติและการอยู่ร่วมกัน พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการสร้างความสมานฉันท์พร้อมกับมีการแลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ ความคิดตลอดจนวัฒนธรรมให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสังคมและเพื่อให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและมีบทบาทมีสิทธิ์มีเสียงในเรื่องการเสนอความคิดแนวทางในการแก้ไขปัญหาการเมืองเพื่อให้เป็นระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากภาคเหนือนั้นมีประชากรหลากหลายชาติพันธุ์ หลากหลายค่านิยม ตลอดจนวัฒนธรรม ซึ่งมีประชากรชาติพันธุ์จำนวนไม่น้อยยังประสบปัญหาในการดำรงชีวิตในสังคมประชาธิปไตย โดยเฉพาะการเข้าไม่ถึงสิทธิ์ประโยชน์ในสวัสดิการสังคมด้านต่างๆ และการขาดการมีส่วนร่วมทางการเมืองเนื่องจากไม่มีสัญชาติไทยและปัญหาอื่นๆอีกมากมายจึงได้ทำให้พรรคประชาชาติเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้

นายวันมูหะมัดนอร์มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า โดยวันนี้เป็นกิจกรรมของพรรคประชาชาติโดยการสนับสนุนกับคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อมาให้มาพบปะกับสมาชิกพรรคการเมืองเพื่อความรู้เกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจให้กับประชาชนและสมาชิกเพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มากโดยเนื่องจากได้ทำทุกภาคแล้วซึ่งพรรคได้มารายงานให้กับสมาชิกและประชาชนทราบว่าตั้งแต่ได้ตั้งพรรคและรับเลือกไปแล้วได้ทำอะไรไปบ้างรวมไปถึงรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนว่าต้องการให้ทางพรรคประชาชาติช่วยยเหลืออะไรบ้าง

นอกจากนี้แล้วหัวหน้าพรรคประชาชาติยังได้กล่าวปฐากถาพูดคุยกับพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคประชาชาติขณะที่อยู่บนเวทีอีกว่าเขาในนามหัวหน้าพรรคถึงแม้จะเป็นพรรคฝ่ายค้านพรรคเล็กมีสมาชิกเพียง 7 คน แต่เมื่อเสนอปัญหาต่างๆขึ้นไปในสภาหลายฝ่ายก็ยังให้การตอบรับและฟังเสียงซึ่งตั้งแต่พรรคได้รับเลือกและเข้าไปบริหารประเทศจนถึงทุกวันนี้ก็พบว่ามีปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยประสบคือปัญหาประชาธิปไตยและปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

ด้านพ.ต.อ.เอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า กิจกรรมครั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกนำประชาธิปไตยกลับมาสู่บ้านเมืองรวมทั้งมาส่งเสริมประชาธิปไตย ให้กับกลุ่ม 70 ชาติพันธุ์ให้ทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกันทุกวัฒนธรรมต้องมีโอกาสเข้าถึงประชาธิปไตยได้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย ไม่ใช่ง่อยเปลียเสียขา เพื่อให้ประชาชนตระหนัก ในระบอบประชาธิปไตยโดยคาดหวังเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้วประชาชนจะอยู่ดีกินดีขึ้น ในส่วน เป็น 1 ใน 7 พรรคการเมือง ฝ่ายค้านหลังนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกศาลไม่ให้ไปอยู่ในสภาไม่ได้เป็นก็ไม่มีผลต่อการเป็นการพรรคฝ่ายค้านเนื่องจากทางฝ่ายค้านก็มียุทธศาสตร์ร่วมอยู่แล้วอาจจะเข้มแข็งกว่าเดิม เพราะคุณธนาธร เนื่องจาก 6 ล้านคนเลือกคุณธนาธรแต่มาถูกออกมาจาก คน 5 คน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเราก็จะทำให้กระแสในการที่จะทำให้บ้านเมืองมาสู่ประชาธิปไตยมีความเด่นชัดขึ้นและการทำงานของ 7 พรรคฝ่ายค้านก็ยังเป็นเอกภาพเช่นเดิม

ผู้สื่อข่าวได้ถาม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พันสภาพการเป็น ส.ส.จะส่งผลกระทบกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างไร พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า 7 พรรคฝ่ายค้านเรามีอุดมการณ์ร่วมกันว่าเราจะทำเพื่อประชาชน เราจะะเอาสังคมไปสู่ประชาธิปไตย นายธนาธร เป็นนักต่อสู่เพื่อประชาชน การที่นายธนาธรได้โดนศาลไม่ให้เข้าไปอยู่ในสภาครั้งนี้ก็ไม่มีผลต่อทางพรรคฝ่ายค้านเพราะเรามียุทธศาสตร์ร่วมกันอาจจะทำให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น นายธนาธรก็เป็นตัวแทนคน 6 ล้านคนที่เลือกนายธนาธรเข้ามา การมาถูกตัดสินโดยคน 5 คนที่ไม่ได้มาจากประชาชน อันนี้จะเป็นเสียงสะท้อนไปสู่คนที่ต่อสู้โดยสันติวิธีด้วยประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์นายธนาธร เหมือนกับเป็นการเตือนบางอย่างให้กับฝ่ายค้าน พ.ต.อ.ทวี ให้ความเห็นว่าตนเห็นมาโดยตลอดเห็นว่าคนที่ต้องการสืบทอดอำนาจ แม้จะมีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังต้องมีการแก้ไข เรื่องที่เกิดขึ้นกับนายธนาธร เราต้องให้กำลังใจนายธนาธร ที่สำคัญนายธนาธรเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายธนาธรจะมีคนแบบคุณธนาธร เกิดขึ้นในประเทศไม่ใช่ธนาธรเดียว แต่ในขณะนี้มี 6 ล้านคนที่เลือกนายธนาธร แล้ว ต่อไปก็คงเป็น 60 ล้านคนที่จะเลือก อันนี้ก็เป็นสิ่งเร่งให้พรรคฝ่ายค้านนำมาเป็นบทเรียนว่าการที่จะไปสู่ประชาธิปไตยนั้น พรรคฝ่ายค้านต้องบเดินหาประชาชน หาเราไปเดินหาองค์อิสระ หรือรัฐราชการที่ถูกสถาปนาโดย คสช. อย่างน้อยเขาก็ไปรับใช้ผู้ที่จัดตั้งเขามา เป็นบทเรียนที่ดีที่เราจะนำมาปรับยุทธศาสตร์กัน

คณะแพทยศาสตร์ มช. จัดงานวัน “รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาต้านแบคทีเรีย”

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะทำงานด้านควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จัดงาน “รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาต้านแบคทีเรีย เรื่องยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล” เนื่องในสัปดาห์สร้างความตระหนักในการใช้ยาปฏิชีวนะโลก

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 21 พ.ย.62ที่อาคารเฉลิมพระบารมี โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ชัยวัฒน์ บำรุงกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาต้านแบคทีเรีย เนื่องในสัปดาห์ให้ความรู้เรื่องยาปฏิชีวนะโลก โดยมีหัวหน้าแผนก บุคลากรโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และประชาชนทั่วไปเข้าร่วม

รศ.พญ.รมณีย์ ชัยวาฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยวิชาโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรับผิดชอบ เป็นการรักษาและป้องกันโรค หรือภาวะที่มีหลักฐานว่ายาปฏิชีวนะไม่มีความจำเป็นในผู้ป่วยส่วนมาก แต่ยังมีการใช้ยาปฏิชีวนะอยู่มาก โดยมีโรคและภาวะเป้าหมาย คือ การใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยนอก ในโรคติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน และหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน และบาดแผลสดจากอุบัติเหตุ เพื่อให้เกิดการใช้ยาปฏิชีวนะใน 3 โรคดังกล่าวอย่างสมเหตุผล หน่วยโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะทำงานด้านควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จึงได้จัดงานนิทรรศการและเสวนาเรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล เนื่องในสัปดาห์ให้ความรู้เรื่อง ยาปฏิชีวนะโลก (World Antibiotic Awareness Week 2019)

 

กิจกรรมภายในงาน มีการเสวนาหัวข้อ “การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล” โดยรศ.พญ.รมณีย์ ชัยวาฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยวิชาโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ผศ.ดร.ภก.วสันต์ กาตี๊บ อาจารย์จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมชมนิทรรศการ ระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายนนี้ ณ ห้องโถงชั้น 1 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

“โครงการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินและการรับส่งผู้ป่วยเพื่อประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร ตำบลแม่กิ๊ จังหวัดแม่ฮ่องสอน”

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินและการรับส่งผู้ป่วยเพื่อประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร

พิธีส่งมอบรถกู้ภัยขับเคลื่อนสี่ล้อภายใต้ “โครงการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินและการรับส่งผู้ป่วยเพื่อประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร ตำบลแม่กิ๊ จังหวัดแม่ฮ่องสอน” ซึ่งสนับสนุนโดยรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (หรือโครงการคุซะโนะเนะ) ได้ถูกจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 โดยมี นายฮิโรชิ มัทสึโมะโตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ เป็นผู้มอบ และนายอุดม ก่อนแสงวิจิตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊ เป็นผู้รับมอบตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง อยู่ในเขตชายแดนที่ติดต่อกับประเทศพม่าซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงามในพื้นที่ป่าอนุรักษ์

แต่ขณะเดียวกันพื้นที่ร้อยละ 95 เป็นภูเขาสูงชัน ทุรกันดาร และขาดแคลนระบบทางการแพทย์ อีกทั้งยังอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลระดับอำเภอ และไม่มีรถกู้ภัยฉุกเฉินประจำตำบลแม่กิ๊ ประชาชนจึงประสบความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรืออาการป่วยที่ทวีความรุนแรง เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงการรักษาขั้นพื้นฐานในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ด้วยเหตุนี้ รถกู้ภัยที่มีความพร้อมในการเข้าถึงพื้นที่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนอย่างมาก

จากสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ให้การสนับสนุนโครงการจัดซื้อรถกู้ภัยขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ 1 คันให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊เป็นมูลค่า 1,508,000 บาท เพื่อพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน รัฐบาลญี่ปุ่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนในครั้งนี้จะสามารถพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่สูงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสามารถให้การรักษาเบื้องต้น ณ จุดเกิดเหตุ และส่งตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลระดับอำเภอได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการจัดการกับความมั่นคงของมนุษย์โดยผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (คุซะโนะเนะ) ต่อไป

ชาร์ป ไทย เดินหน้ามอบเครื่องฟอกอากาศ 8 โรงเรียน 2 สถานสงเคราะห์ในเชียงใหม่

เพราะลมหายใจของเด็ก คือลมหายใจของสังคมชาร์ป ไทย เดินหน้ามอบเครื่องฟอกอากาศ 8 โรงเรียน 2 สถานสงเคราะห์ในเชียงใหม่

บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อส่งมอบเครื่องฟอกอากาศให้แก่ 8 โรงเรียน 2 สถานสงเคราะห์เด็ก ภายใต้โครงการ “Write to Breathe” ที่ได้มอบพื้นที่ให้เด็กเชียงใหม่ ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับปัญหาฝุ่นมลพิษ PM 2.5 อยู่บ่อยครั้ง เป็นตัวแทนเด็กไทยได้เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหามลภาวะ ภายใต้หัวข้อ “I have right to breathe” มุ่งหวังได้เป็นอีกหนึ่งแรงที่จะส่งให้เสียงของเด็กดังถึงผู้ใหญ่ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของอากาศบริสุทธิ์ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กและเยาวชนไทยควรได้รับ

ด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เคยรั้งอันดับ 1 ของเมืองที่มีอากาศแย่ที่สุดในโลกจากการจัดอันดับบนเว็บไซต์ AirVisual ทั้งยังมีสภาพอากาศที่วิกฤตอยู่ในระดับ “มีผลกระทบต่อสุขภาพ” อยู่หลายครั้งจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด ผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า และเป็นเจ้าของเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ที่ติดตั้งในเครื่องฟอกอากาศและผลิตภัณฑ์ชาร์ปอื่นๆ ตระหนักถึงผลกระทบของปัญหาฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ที่มีต่อประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายยังไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะใช้ชีวิตท่ามกลางปัญหาฝุ่นมลพิษนี้ได้อย่างปกติ จึงได้ริเริ่มโครงการ “Write to Breathe” ซึ่งนอกจากการมอบเครื่องฟอกอากาศ ยังได้สร้างพื้นที่ให้เด็กได้ “Write” คือการเขียนในสิ่งที่เขาควรได้รับนั่นคือ “Right” ที่แปลว่าสิทธิ์ ซึ่งในที่นี้หมายถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กควรได้รับ มิใช่เพียงสิทธิในการเข้าถึงการศึกษา สิทธิในการได้รับการคุ้มครอง แต่อีกสิทธิ์ที่สำคัญและไม่สามารถละเลยได้ ก็คือสิทธิในการได้อยู่ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และได้หายใจอย่างเต็มปอด


คุณมณีนภา ดวงดารา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด ผู้รับผิดชอบโครงการ “Write to Breathe” กล่าวว่า “ด้วยแนวคิดที่ว่า “เด็กไทยทุกคนมีสิทธิ์ได้รับอากาศบริสุทธิ์” เพราะลมหายใจของเด็ก คือลมหายใจของประเทศ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด จึงตั้งมั่นที่จะมอบอากาศบริสุทธิ์ให้กับเด็กไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศชาติ โดยได้เลือกจังหวัดเชียงใหม่สำหรับการลงพื้นที่บริจาคในครั้งนี้ เนื่องจากเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตฝุ่น PM 2.5 อย่างร้ายแรง จนบางครั้งเด็ก ๆ ต้องหยุดเรียน หรือไม่สามารถทำกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างปกติ การร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่เด็ก ๆ สามารถหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในร่างกายได้อย่างปกติ จึงเป็นโครงการที่ ชาร์ป ไทย มีความภาคภูมิใจ และคาดหวังว่าเครื่องฟอกอากาศที่บริจาคในครั้งนี้ จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและเอื้อโอกาสให้เด็ก ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ให้สามารถนั่งเรียนในห้องเรียนได้อย่างมีความสุข หรือแม้แต่สามารถที่จะทำกิจกรรมที่เสริมพัฒนาการต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่”

คุณมณีนภา กล่าวเพิ่มเติมว่า “อย่างไรก็ตาม โครงการ “Write to Breathe” เป็นเพียง 1 ในวิธีเยียวยา เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถเรียนหรือทำกิจกรรมในพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์โดยการทำงานของเครื่องฟอกอากาศเท่านั้น การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่จังหวัดเชียงใหม่เผชิญอยู่มาเป็นระยะเวลานาน จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการรักษาอากาศให้บริสุทธิ์อย่างยั่งยืน เพื่อที่เด็ก ๆ ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศชาติจะสามารถเรียนรู้และเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงได้ รวมถึงชาร์ปเองก็มุ่งมั่นที่จะดำเนินงานในด้านพัฒนาคุณภาพอากาศอย่างไม่หยุดยั้งต่อยอดจากโครงการ “Write to Breathe” สู่โครงการที่ร่วมมือพัฒนาคุณภาพกรุงเทพที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้คนไทยต่อไป”

โดยในครั้งนี้ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด ได้มอบเครื่องฟอกอากาศทั้งสิ้น 40 เครื่อง มูลค่ากว่า 559,600 บาท ให้แก่ โรงเรียนสันกำแพง, โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่, โรงเรียนพุทธิโสภณ, โรงเรียนบ้านสันกำแพง, โรงเรียนบ้านเชิงดอย (ดอยสะเก็ดศึกษา), โรงเรียนคำเที่ยงอนุสรณ์, โรงเรียนวัดดอนจั่น, โรงเรียนวัดสวนดอก, สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าวัดดอนจั่น เชียงใหม่ และสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าบ้านเวียงพิงค์ พร้อมทั้งมีเวทีให้ความรู้เกี่ยวกับ“ผลกระทบจากมลพิษเชียงใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อเด็ก” โดยรศ.ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล หัวหน้าศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หน่วยวิจัยเพื่อการจัดการพลังงานและเศรษฐนิเวศ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ให้ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นอย่างดี