ดร.วิทยา พัฒนเมธาดา ผอ.โรงเรียนดอยเต่าชี้การศึกษาลูก“พ่อแม่ดี” สำคัญที่สุด

ช่วงนี้ปิดเทอมภาคเรียนที่1 ปี 2562 ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนใส่ใจต่อการดูแลสั่งสอนลูกหลานอย่างใกล้ชิด เพราะมันส่งผลในเรื่องของการประสบความสำเร็จของลูกหลานในอนาคต แท้จริงแล้วระหว่างโรงเรียนดีมีชื่อเสียง กับการเลี้ยงดูลูกให้ดีนั้น มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา ทำการทดสอบกับเด็กวัยรุ่น 10,000 กว่าคนจากโรงเรียน 1,000 โรงเรียนทำการติดตามผลการเรียนของเด็กนักเรียนแต่ละคนในระยะยาว วัดคะแนนสอบจาก 4 วิชา คือ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ(การอ่าน) วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ พบว่า ปัจจัยจากโรงเรียนและปัจจัยจากพ่อแม่นั้น มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพในการเรียนของเด็กและเห็นได้ชัดว่า การมีส่วนร่วมของพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนนำไปสู่การประสบความสำเร็จในการเรียนได้มากกว่า


นักวิจัยยังพบว่า เด็กนักเรียนวัย 18 ปี ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนธรรมดา แต่พ่อแม่ผู้ปกครองให้ความเอาใจใส่ดูแลในด้านการเรียนของลูกหลาน ทำคะแนนสอบได้ดีกว่าเด็กนักเรียนที่เรียนโรงเรียนดี แต่พ่อแม่ไม่ได้ใส่ใจในด้านการเรียน โดยความใส่ใจของพ่อแม่ผู้ปกครองวัดจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ช่วยตรวจทานเวลาลูกทำการบ้าน มีการพูดคุยเรื่องกิจกรรมของลูกที่โรงเรียน และพ่อแม่เข้าไปร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียน
พ่อแม่ผู้ปกครองทำแค่นี้ ลูกหลานของท่านก็เก่งเป็นคนดีในสังคมแล้วยิ่งในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ และแหล่งเรียนรู้มี มากมายทั่วไป ท่านไม่ต้องพยายามหาโรงเรียนดีๆ ให้ลูกเข้าเรียน ยิ่งโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแล้ว ค่าเล่าเรียนยิ่งแพงมาก จ่ายแพงแล้วยังไม่รับประกันความสำเร็จของลูกหลานเราในอนาคตอีกด้วย
ในระดับประถมศึกษา การที่พ่อแม่ผู้ปกครองมีเวลา เอาใจใส่ พูดคุยเรื่องการเรียนกับลูก เป็นการสื่อสัญญาณให้ลูกรับรู้ว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา จากงานวิจัยทำให้เห็นว่า พ่อแม่ผู้ปกครองควรตระหนักให้ความสำคัญในเรื่องของความเอาใจใส่และให้เวลากับลูกๆมากขึ้น หมั่นตรวจ สอบ การบ้านของลูก การเข้าร่วมกิจกรรมกับโรงเรียน พูดคุยกับลูกเรื่องการเรียนอย่างสม่ำเสมอ การให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของพ่อแม่ ซึ่งมันดีกว่า การลงทุนสูงให้ลูกได้เข้าโรงเรียนดี มีชื่อเสียงซึ่งไม่ประกันความสำเร็จของลูกหลานในอนาคต

แอ่วดอยอินนทนน์ปลายฝนต้นหนาว สีสันเมฆเล่นแสงตะวันงามตระการตา

ปลายฝนต้นหนาว สายฝนกำลังจะอำลา ลงหนาวเริ่มพัดผ่านมา ความของนาขั้นบันไดที่เขียวขจี ดุจธรรมชาติแต้มสีสัน ช่างงดงามยิ่นนัก ไม่ว่าจะเป็นบนดอยอินนนนท์ หรือห้วยน้ำดัง ที่เป็นจุดเด่นที่ไปแล้วไม่ผิดหวัง

แต่หากจะให้ครบวงจรแห่งความสวยงามที่สุดก็ต้องยกให้กับดอยอินทนนท์ที่มีครบเครื่องแห่งความงดงาม ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกต่างๆเริ่มตั้งแต่น้ำตกแม่ยะ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร ผ่านผืนป่าเขียวขจี มีนาขั้นบันใดให้เห็นระหว่าง ตามด้วยอากาศที่บริสุทธิ์หายใจได้ลึกๆเต็มปอด

ก่อนจะไปไหว้พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ที่ศักดิ์สิทธิ์บนดอย ชมเมฆงามล้อเล่นกับแสงอาทิตย์ที่พ้นขอบฟ้าหลายหลากสีงามตายิ่งนักที่กิ่วแม่ปาน และได้สัมผัสอากาศหนาวสะท้าน 10 องศาเซลเซียส บนยอดสูงสุดของประเทศไทย


นายกริชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ได้เผยว่าในช่วงวันหยุดมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาร่วม 5,000 คน เพื่อชมความงดงามของปลายฝนต้นหนาวที่ดอยอินทนนท์ ต้องถือว่าเป็นสถานที่สุดยอดทั้งความงดงาม อากาศที่เย็น ดอกไม้หลายหลากชนิดที่แข่งกันเบ่งบานตัดกับท้องฟ้าสีครามยามนี้อินทนนท์น่าเที่ยวที่สุด

สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวและสภาพภูมิอากาศ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังโดยเฉพาะ จุดชมวิวดอยกิ่วลม ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ตอนเช้าท้องฟ้าปิดมีหมอกกระจาย ตอนสายท้องฟ้าเปิด มองเห็นทิวทัศน์สวยงาม ดวงอาทิตย์ขึ้น เวลา 06.20 น. อุณภูมิต่ำสุด 16 °C ปริมาณน้ำฝน 0 มม. สถิตินักท่องเที่ยว 12 ต.ค.62 จำนวน 462 คน พักแรม 87 คน

จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 89 รูป เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 13 ต.ค.นี้ ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 89 รูป เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

 

โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ทหาร ตำรวจ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมแสดงความจงรักภักดี และรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการจัดกิจกรรมบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยพร้อมเพรียงกัน

จากนั้น มีพิธีวางพวงมาลา ที่ห้องนิทรรศการ 1 ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่นำเหล่าข้าราชการ อัยการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมกันประกอบพิธีวางพวงมาลา และถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางสุดาภรณ์ สงวนสัตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ และ นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ ประชาชน และจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. กว่า 500 คน ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์ ทำความสะอาดลำน้ำ คูคลอง ที่บริเวณสะพานข้ามคลองแม่ข่า ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พร้อมกันนี้ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ว่า นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ปวงพสกนิกรใต้ร่มพระบารมีทั่วราชอาณาจักร ต่างประจักษ์ชัดแจ้งในพระเกียรติคุณ พระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระสติปัญญา คิดค้นโครงการในพระราชดำริหลายพันโครงการ อันเป็นประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ และจะน้อมนำแนวทางที่ได้พระราชทานไว้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติตนเพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนสืบไป

ที่บริเวณข่วงประตูท่าแพ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้านายฝ่ายเหนือ กงสุลต่างประเทศ ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และประชาชน กว่า 10,000 คน พร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสีเหลือง ร่วมพิธีจุดเทียน พร้อมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที และเปิดวีดิทัศน์เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้นำพสกนิกรชาวจังหวัดเชียงใหม่กล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งปวงพสกนิกรใต้ร่มพระบารมีทั่วราชอาณาจักร ต่างประจักษ์ชัดแจ้งในพระเกียรติคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระสติปัญญาคิดค้นโครงการในพระราชดำริหลายพันโครงการ อันเป็นประโยชน์อย่างอเนกอนันต์แก่ประเทศชาติ และในจำนวนนี้มีถึง 627 โครงการ ที่พระองค์ได้พระราชทานให้กับพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ อาทิ โครงการหลวง จำนวน 26 แห่ง ที่ทรงมุ่งมั่นให้พสกนิกรของพระองค์มีอาชีพที่สุจริตและมั่นคง โครงการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง 2 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา

นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานแนวทางหรือต้นแบบในการแก้ไขและฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เห็นได้จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยเน้นให้เป็นศูนย์ศึกษาพัฒนาปาไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ผสมผสานกับการส่งเสริมอาชีพทางด้านเกษตร ปศุสัตว์ ประมง ซึ่งทุกโครงการที่พระองค์ได้พระราชทาน หรือมีพระราชดำริ ล้วนเกิดประโยชน์แก่ราษฎรได้นำไปปฏิบัติ สร้างรายได้ และนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ซันสวีท “นำทัพข้าวโพดหวานไทย” ลุย มหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโลก ANUGA 2019

บมจ. ซันสวีท หรือ SUN ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่นๆ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ‘KC’ ร่วมแสดงมหกรรมสินค้าอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรระดับโลก “Anuga 2019” ระหว่างวันที่ 5-9 ตุลาคม 2562 ณ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานชั้นนำระดับโลก

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การที่ได้เข้าร่วมออกบูธแสดงสินค้าในงาน Anuga 2019 ช่วยให้ได้รับรู้การเปลี่ยนแปลงเทรนด์อาหารของโลก เพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงนวัตกรรมอาหารที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พัฒนาโอกาสทางการค้าสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ โดยเฉพาะโอกาสทางการค้ากับสหราชอาณาจักรซึ่งกำลังออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) เพื่อกระตุ้นยอดส่งออกผลิตภัณฑ์ของไทย

นอกจากซันสวีท จะนำผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปพร้อมรับประทาน ซึ่งเป็นสินค้าหลักไปแสดงในงานแล้ว ไฮไลท์สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือการนำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวภายใต้แบรนด์ “KC” ได้แก่ กะทิสำเร็จรูป (coconut milk) น้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม (coconut drink) เปิดตัวในงานครั้งแรก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มะพร้าวแปรรูป 100% ผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ส่งเสริมเกษตรกรไทยให้มีรายได้จากสินค้าการเกษตรของไทยสู่ตลาดโลก โดยจะมุ่งขยายฐานตลาดส่งออก 50-60 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ ซันสวีทยังคงมุ่งมันที่จะพัฒนา และปรับตัวให้ทันสถานการณ์โลกอยู่เสมอ พร้อมรุกตลาดผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานและสินค้าเกษตรแปรรูปเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

 

“ผู้ส่งออกไทยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และหาทางช่วยเหลือผู้ส่งออกไทย สินค้าทางการเกษตรแปรรูป นั่นหมายถึงกระทบเกษตรกรในประเทศไทยเรานั่นเอง” นายองอาจ กล่าวทิ้งท้าย

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดตัวสมาชิกใหม่ “ลูกยีราฟ” มอบเป็นของขวัญต้อนรับปิดเทอมนี้

สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดตัวสมาชิกใหม่ “ลูกยีราฟ” (GIRAFFA) เพศเมีย จำนวน 1 ตัว เพื่อมอบเป็นของขวัญต้อนรับปิดเทอมนี้

นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมของน้องๆ หนูๆ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจึงได้มอบของขวัญพิเศษให้เป็นของขวัญวันปิดเทอม เป็นลูกยีราฟ (GIRAFFA) เพศเมีย จำนวน 1 ตัว เกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 จาก “พ่อมอส” อายุ 17 ปี และ “แม่จอย” อายุ 16 ปี ขณะนี้ลูกยีราฟ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี และแม่จอยก็ได้เลี้ยงลูกเองตามธรรมชาติ แต่อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด โดยก่อนหน้านี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีสามารถเพาะพันธุ์ยีราฟ สายพันธุ์ RETICULATE มาแล้ว จำนวน 4 ตัว ซึ่งทุกตัวเกิดจากพ่อ “มอส” และแม่ “จอย” ปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมียีราฟทั้งสิ้น จำนวน 9 ตัว

ยีราฟ (GIRAFFA) สายพันธุ์ RETICULATE นี้ เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นจะมีลักษณะและพฤติกรรมเหมือนกับยีราฟสายพันธุ์ทั่วไป แต่มีความแตกต่างกันที่ลวดลายมีขนาดใหญ่ มีเส้นสีขาวตัดเส้นอยู่รอบๆ และบางลายจะปรากฏเป็นสีแดงเข้ม ปัจจุบันยีราฟสายพันธุ์ RETICULATE นับว่ามีคงเหลืออยู่ในโลกจำนวนน้อยมาก โดยระยะเวลาการตั้งท้องที่นานถึง 400 วัน และเกิดลูกเพียงครั้งละ 1 ตัวเท่านั้น

และในช่วงปิดเทอมนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีขอเชิญชวนคุณพ่อ คุณแม่ และน้องๆ หนูๆ มาสร้างเวลาแห่งความสุข สร้างประสบการณ์ดีๆ ร่วมกันได้ทั้งครอบครัว เพราะมาเที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีนอกจากจะเป็นการพักผ่อนจากการเรียนแล้ว เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังมีกิจกรรมอีกหลากหลายไว้ให้น้องๆ หนูๆ ได้มาเที่ยวเล่น แต่ก็ยังแอบแฝงไปด้วยการเรียนรู้ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน เช่น การให้อาหารสัตว์ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด ได้สัมผัสสัตว์เล็กที่ไม่สามารถสัมผัสได้เองจากสถานที่ทั่วไป ได้เห็นพฤติกรรมของสัตว์นักล่า การแสดงโชว์จากเสือเบงกอล รวมถึงกิจกรรมและการแสดงต่างๆ เป็นต้น

 

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจชมความน่ารักของสมาชิกใหม่ “ลูกยีราฟ” ตัวน้อย สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ณ บริเวณส่วนแสดง ร้านยีราฟ และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โทร. 053 – 999000, 053 – 999005

จังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพจัดอบรมครูโรงเรียนเอกชน 4 จังหวัด พัฒนาทักษะการเรียนรู้ปฐมวัยและการจัดการเรียนรู้วิชา Coding

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม.นี้ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการอบรมครูโรงเรียนเอกชน เรื่อง การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ปฐมวัย และการจัดการเรียนรู้วิชา Coding โดยมี นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ ที่โรงแรมคุ้มภูคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่


โครงการพัฒนาครูโรงเรียนเอกชน เพื่อส่งเสริมการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 จัดขึ้นเพื่อพัฒนาครูโรงเรียนเอกชนในเรื่องต่างๆ สร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน จัดการเรียนรู้แบบองค์รวม และส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

ซึ่งต้องมีทักษะจำเป็น คือ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะสารสนเทศสื่อและเทคโนโลยี และทักษะชีวิต ซึ่งการอบรมในวันนี้ เป็นการอบรมครูโรงเรียนเอกชน ในพื้นที่ของสำนักงานศึกษาธิการภาค 15 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพจัดอบรม

โดยมีครูโรงเรียนเอกชนจาก 4 จังหวัด แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ เข้าอบรม โดยมีผู้เข้าอบรมหลักสูตรการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ปฐมวัย 224 คน และหลักสูตรการจัดการเรียนรู้วิชา Coding 294 คน

สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัด Retreat ทบทวนนโยบายประจำปี 2562 “มหาวิทยาลัยแม่โจ้ : การก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง”

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2562 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำ จ.เชียงใหม่ ดร.อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัย แม่โจ้ จ.เชียงใหม่เป็นประธานเปิดโครงการ Retreat สภามหาวิทยาลัย “มหาวิทยาลัยแม่โจ้ : การก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง” โดยมี รศ.ดร.วีระพล ทองมา รักษาการแทนอธิการบดีพร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

ซึ่งสภามหาวิทยาลัยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเพราะโลกกำลังเข้าสู่ยุค “ดิจิทัล เปลี่ยนโลกการศึกษา” การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด สภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของการศึกษาระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะมีสิ่งท้าทายในการปรับตัวในการปรับตัวไปในทิศทางใด อย่างไร เพื่อให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงไปได้

 

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “นโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” โดย รศ.นพ. สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” , หัวข้อ “ธรรมาภิบาลในอุดมศึกษา ความชอบธรรมของการจัดการศึกษา” โดย ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร สมาชิกวุฒิสภา และยังจัดให้มีการเสวนา ในหัวข้อ “ความท้าทายของอุดมศึกษาไทย” โดยผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน

การจัดโครงการในครั้งนี้ จึงเป็นการทบทวนนโยบายในการกำกับดูแลมหาวิทยาลัย และเข้าใจในบริบทการเปลี่ยนแปลงการศึกษาและตามพระราชบัญญัติอุดมศึกษา พ.ศ.2562 ได้มีการระดมความคิดเห็นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติงานตามภารกิจของบุคลากร การจัดการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการวิชาการแก่สังคม รวมถึงได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน และสร้างบรรยากาศความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนแนวคิดและแนวทางการปฏิบัติงาน โดยนำผลสรุปจากการระดมความคิดเห็นไปเป็นแนวทางเพื่อปรับตัวให้ทันต่อการก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง

ซันสวีท จับมือ เทศบาลตำบลทุ่งสะโตก รวมพลังชุมชน จัดโครงการ “หมู่บ้านสีขาว โรงงานสีเขียว”

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ‘SUN’ นำโดย นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมกับ นายทองคำ ผัดตัน นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลทุ่งสะโตก  นายกิตติเชษฐ์ เป็งคำมูล ผู้ใหญ่บ้าน บ้านป่าจี้ และชาวบ้านป่าจี้ จัดกิจกรรม โครงการ “หมู่บ้านสีขาว โรงงานสีเขียว” เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และป้องกันยาเสพติดและอบายมุขในหมู่บ้าน ในวันที่ 3 ตุลาคม 2562 ณ วัดป่าชี่ ตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่

นายทองคำ ผัดตัน นายกเทศมนตรีตำบลทุ่งสะโตก ได้เป็นประธานกล่าว ถวายสัตย์ปฏิญาณตน โครงการ“หมู่บ้านสีขาว โรงงานสีเขียว” เป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ลด ละ เลิก อบายมุข อีกทั้งร่วมกันปลูกต้นไม้ในบริเวณวัดป่าชี่ และมอบกล้าไม้ชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมโครงการกว่า 100 ครัวเรือน เพื่อปลูกจิตสำนึกต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชน

นายองอาจ เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับชุมชน โดยได้ร่วมจัดงานบุญทอดกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถวัดป่าชี่ และซื้อครุภัณฑ์ทาการแพทย์มอบให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุ่งสะโตก

ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันการแพร่ระบาดของยาเสพติดได้กลับมาสู่สภาวะที่มีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็งเพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยมุ่งเน้นให้คนในชุมชนตระหนักถึงภัยของยาเสพติด เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข

โดยอาศัยความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ จากทุกฝ่ายในพื้นที่เข้าดูแลและให้การสนับสนุน นอกจากการสร้างชุมชนเข้มแข็งปลอดยาเสพติดแล้ว การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมก็มีความสำคัญอย่างมาก การส่งเสริมให้ชุมชนร่วมกันปลูกต้นไม้ จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชุมชนร่มรื่นและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น บริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลทุ่งสะโตก จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรม “หมู่บ้านสีขาว โรงงานสีเขียว” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เข้านมัสการพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง

 


นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางสุดาภรณ์ สงวนสัตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปนมัสการพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่

ประกอบด้วย พระธรรมเสนาบดี รองเจ้าคณะภาค 7 ณ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร พระเทพโกศล ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 ณ วัดศรีโสดา พระอารามหลวง พระเทพปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ณ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง และ พระราชวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธรรมยุต) ณ วัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

 

ทั้งนี้ การเข้านมัสการพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในครั้งนี้ เพื่อแสดงความเคารพ และเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องในโอกาสมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชจังหวัดเชียงใหม่ ในการนี้ยังได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณเจ้าทุกรูปในการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาของจังหวัดเชียงใหม่

เชียงใหม่เตรียมรับมือหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2562 – 2563

จังหวัดเชียงใหม่ เร่งทำแผนเผชิญเหตุรับมือหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2562 – 2563 หลังนายกฯสั่งการให้เป็นวาระแห่งชาติ ย้ำต้องให้ครอบคลุมทั้งช่วงก่อน-ระหว่าง-หลังเกิดเหตุ เพื่อแก้ไขปัญหาได้ในทุกพื้นที่

วันนี้ (4 ก.ย. 62) เวลา 09.30 น. นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมพิจารณาแผนเผชิญเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2563 ณ ห้องประชุมศูนย์ประสานงานการขับเคลื่อนและขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันระดมความคิดเห็นในการจัดทำแผนการจัดการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าให้ครอบคลุมและสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีข้อห่วงใยต่อสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) และได้มีข้อสั่งการในการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล ในการมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา กองอำนวยการป้องกันและบรรเสาธารณภัยจังหวัด จึงได้ดำเนินการให้สอดคล้องตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี และแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยได้จัดทำแผนเผชิญเหตุให้ครอบคลุมทั้งช่วงก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ โดยระบบบัญชาการเหตุการณ์ตามกลไกพระราชบัญญัติป้อกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ในการอำนวยการ สั่งการ ควบคุมและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ร่วมกับกฎหมาย และแผนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และให้กำหนดรายละเอียดการแบ่งพื้นที่ ผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน ตลอดจนการจัดชุดปฏิบัติการที่สามารถเข้าไปยังจุดที่มีการเผา หรือก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เพื่อทำการแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุมในทุกพื้นที่

สำหรับ จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดทำแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2562 – 2563 เป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1. ระยะเร่งด่วน/ก่อนเกิดเหตุ (ระหว่างเดือนตุลาคม 2562 – กุมภาพันธ์ 2563) เช่น การประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้ทราบถึงระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรการทางกฎหมาย เน้นการสร้างความเข้าใจให้เกิดความตระหนักรู้กับประชาชน เยาวชน กลุ่มเปราะบาง ผ่านทุกช่องทางและหลากหลายภาษา รวมทั้งจัดให้เครือข่าย อสม. ของกระทรวงสาธารณสุข ออกประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนรู้ถึงโทษของหมอกควันและไฟป่าแบบเคาะประตูบ้าน คำแนะนำด้านสุขภาพอนามัย การปฏิบัติตนในภาวะหมอกควัน และเตรียมความพร้อมในการจัดหาและแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ขณะเดียวกัน ยังได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมทั้งจัดตั้งอาสาสมัครหมู่บ้านดับไฟป่าหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน ตลอดจน ได้สั่งให้ทุกอำเภอจัดทำทะเบียนผู้มีอาชีพเข้าป่าหาของป่าเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเข้าป่าอีกด้วย 2. ระยะกลาง/ระหว่างเกิดเหตุ (ระหว่าง 1 กุมภาพันธ์ 2563 – 30 เมษายน 2563) เช่น การจัดชุดลาดตระเวนและควบคุมไฟป่า เพื่อป้องกันการลักลอบการเผาป่าโดยการลาดตระเวนอย่างบูรณาการประชารัฐ พร้อมกับการประยุกต์ใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศภาพถ่ายดาวเทียมในการเฝ้าระวังและรับมือสถานการณ์ โดยจะกำหนดให้มีช่วงเวลาห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดอย่างเด็ดขาด ระยะเวลา 61 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2563 (อาจพิจารณาขยายระยะเวลาเพิ่มเติมตามความเหมาะสม) รวมทั้งจะจัดพื้นที่ปลอดมลพิษ (Safety Zone) ในทุกตำบล เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพในภาวะหมอกควัน เป็นต้น และ 3. ระยะยาว/หลังเกิดเหตุ (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป) เช่น จัดทำฝายชะลอน้ำ ทำแนวกันไฟป่าเปียกทุกอำเภอ กิจกรรมบูรณาการแก้ไขและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่า รวมทั้งยังต้องส่งเสริมสร้างชุมชนปลอดการเผาในพื้นที่การเกษตรและแนวทางเกษตรยั่งยืนเพื่อเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหา ลดการเผา เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำเกษตรเชิงเดี่ยว และส่งเสริมอาชีพใหม่ที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน เป็นต้น