สายลมโชยผ่าน ทุ่งสวรรค์งามดอยสวย ฟ้าใสที่่ บ้านโต้งหลวงชมช้างย่ำทำนา เหล่าไฮโซล้านนาเชียงใหม่ลุยโคลนปลูกข้าวเลี้ยงช้าง

สายลมโชยผ่าน ทุ่งสวรรค์งามดอยสวย ฟ้าใสที่่ บ้านโต้งหลวงชมช้างย่ำทำนา เหล่าไฮโซล้านนาเชียงใหม่ลุยโคลนปลูกข้าวเลี้ยงช้าง

บนผืนนากลางหุบเขาในพื้นที่ของบ้านโต้งหลวง ในพื้นที่ปางช้างแม่สา หมู่ 9 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ที่อากาศกำลังเย็นสบาย ดอยเขียวฤดูฝนดูขจีเย็นตา ท้องนาน้ำเจิ่งนอง เหล่าบรรดาช้างที่ปลดโซ่ไร้ตะขอ มายืนเรียงรายที่ใกล้ทุ่งนาเพื่อเตรียมตัวจะช่วยลงเหยียบผืนนา เพื่อร่วมดำนาปลูกข้าว เพื่อรับวันแม่ที่จะมาถึง และเหล่าบรรดาชนเผ่าปะหล่อง หรือดาราอั้ง ที่แต่งกายในชุดชนเผ่าที่เตรียมจะลงปลูกนา ยืนเรียงรายบนคันนา

และวันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อบรรดานักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมปลูกนา ในครั้งนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว แต่ละท่านสุภาพสตรีเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่ในทุกวงการ หรือจะเรียกว่ากลุ่มไฮโซล้านนาก็สามารถเรียกได้เต็มปาก ทุกท่านมาในชุดชาวนา เสื้อม่อฮ่อม กางเกงสะดอสีน้ำเงิน นำโดยคุณกนกพร พรรณเทวี ภริยาท่านรองวิรุฬ พรรณเทวี รอง ผวจ.เชียงใหม่ทุกท่านดูมุ่งมั่นโดยเฉพาะทราบว่าการลงนาปลูกข้าวในครั้งนี้ ทำในวันแม่ และยังปลูกเพื่อนำข้าวไปเลี้ยงช้างจำนวน ถึง 78 เชือกของปางช้างแม่สา ในช่วงกระแสไวรัสโควิด 19 รายได้ของปางช้างแม่สาเป็นศูนย์


โดยการปลูกข้าวเลี้ยงช้างในวันนี้มีช้างมาร่วมในการปลูกนาโดยเดินในนาเพื่อให้ดินผู้มาปลูกข้าวได้ร่วมกันปลูกท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม มา เมื่อช้างลงย่ำนาแล้ว ทางคุณอัญชลี กัลป์มาพิจิตร กรรมการผู้จัดการปางช้างแม่สา ได้นำภาพของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สา ผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไปแล้ว มาตั้งไว้บนเนินดินที่จัดเตรียมแถลงข่าวให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการดำนาปลูกข้าว โดยได้เล่าถึงผลกระทบของช้างคลาญช้างและพนักงานในปางช้างแม่สา ที่ได้รับ ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวจากวิกฤตโรคระบาดโควิด 19 ที่ทำให้ต้องหยุดให้บริการนานเกือบ 4 เดือน

แม้วันนี้จะกลับมาเปิดการท่องเที่ยวได้อีกครั้ง แต่รูปแบบก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามวิถีใหม่ ทุกวันนี้ปางช้างมีนักท่องเที่ยวในวันจันทร์ถึงศุกร์วันละประมาณ 100 คน ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์หรือหยุดยาวจะมีเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 300-400 คน แต่ก็ถือว่าลดลงไปมากหากเทียบกับช่วงเวลาปกติ รายได้ที่ลดลงทำให้ปางช้างต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบหลายอย่าง


สำหรับบริเวณพื้นที่บ้านโต้งหลวง ด้านหลังปางช้างแม่สา ที่ก่อนหน้านี้เปิดให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตชนเผ่า แต่วันนี้ต้องเปลี่ยนรูปแบบ ให้พี่น้องชนเผ่ามาช่วยกันปลูกข้าว ปลูกผัก และ ทำปศุสัตว์เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ สร้างคลังอาหารเลี้ยงตัวเอง โดยจะให้พนักงานของปางช้างมาช่วยในวันจันทร์ถึงศุกร์ที่มีนักท่องเที่ยวน้อย


ขณะที่อาหารสำหรับเลี้ยงช้างที่มีอยู่ประมาณ 80 เชือก จะเลี้ยงด้วยหญ้าวันละ 15 ตัน เสริมด้วยกล้วย ออ้อย และ ข้าวเหนียวนึ่งผสมเกลือปั้นเป็นก้อนให้ช้างกิน โดยแต่ละวันจะใช้ข้าวเหนียววันละ 1 กระสอบ คาดว่าข้าวที่ปลูกเอง จะได้ข้าวเปลือก 300 กระสอบ เมื่อสีแล้วจะได้ข้าวสาร 100 กระสอบ สามารถเลี้ยงช้างได้ประมาณ 100 วัน หรือประมาณ 3 เดือน จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ประมาณ 1.1 แสนบาท

คุณอัญชลี บอกว่า สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้ปางช้างต้องปรับทิศทาง ต้องหันมาทำอย่างอื่นด้วย อย่างเช่นทำเกษตรเลี้ยงช้าง ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเลี้ยงตัวเองและหารายได้เสริม คิดว่าตอนนี้มาถูกทางแล้ว เราต้องยอมรับความจริง เพราะหากจะหวังแต่รายได้จากการท่องเที่ยวคงไม่ได้อีกต่อไป

หลังจากที่ได้เล่าถึงความเป็นมาจนมาถึงงานวันนี้งานดำนาปลูกข้าวในวันแม่ และจะไปเกี่ยวในวันพ่อ จึงเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันในหลายๆฝ่าย ตั้งแต่กลุ่มนักท่องเที่ยว กลุ่มผู้มีชื่อเสียงในทุกอาชีพของเชียงใหม่รวมทั้งพนักงาน ควาญช้างและชนเผ่าดาราอั้ง หรือชนเผ่าปะหล่อง ได้มาร่วมกันในการดำนาปลูกข้าวเพื่อช่วยเลี้ยงช้างและให้ผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน


เมื่อทราบถึงวัตถุประสงค์การจัดงานดำนาปลูกข้าว แล้วการปลูกข้าวท่ามการบรรยากาศที่สุดงดงาม ท่ามกลางดอบสวย ฟ้างามและนาแบบขั้นบันไดที่มีเหล่าช้างน้อยใหญ่มาร่วม และเหล่าบรรดาไฮโซล้านนาทที่พร้อมใจเดินลุยโคลนดำนาปลูกข้าวได้ทั้งความรู้ของวิถีชีวิตชาวนา ได้ทั้งความสนุกสนาน ได้ลิ้มรสกับความงดงามทางธรรมชาติ ที่หาชมได้ยากยิ่ง สมกับคำว่า ทุ่งท้องนาเป็นแดนสวรรค์ มองทางไหนก็มีแต่น้ำใจของทุกคนที่มาร่วมกันในวันนี้ ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง และรู้คุณค่าที่ว่า” ข้าวเม็ดเดียวมีค่าเท่ากับชีวิต” เป็นวิถีชีวิตที่ลืมไม่ลงที่บ้านโต้งหลวง แห่งนี้

อร่อยข้ามภพ..เมี่ยงคำโบราณครัวคุณแอ๊ว”สดทุกที่ อร่อยทุกวัน เคี้ยวมันๆวันต่อวัน”

อร่อยข้ามภพ..เมี่ยงคำโบราณครัวคุณแอ๊ว”สดทุกที่ อร่อยทุกวัน เคี้ยวมันๆวันต่อวัน”

วันนี้มีโอกาสได้ชิมเมี่ยงคำโบราณ โดย พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทราพิพัฒน์ หรือ “ผู้การฯเสริฐ”ที่เคารพนับถือ ได้ส่งเมี่ยงคำโบราณครัวคุณแอ๊ว”ที่ได้ชื่อว่า”สดทุกที่ อร่อยทุกวัน เคี้ยวมันๆวันต่อวัน”มาให้ลิ้มลองรส โดยทำเป็นกล่องแยกส่วนประกอบเครื่องเคียงออกจากกันเป็นสัดส่วน

แค่เห็นกล่องบรรจุมองทะลุเห็นข้างใน แล้วมันสดจริงๆและน่ากินที่สุด เมื่อทำการเปิดดูและนำเครื่องเคียงมาวางตามร่องที่บรรจุอย่างลงตัว เห็นใบชะพลูที่สดใหม่และเป็นใบชะพลูช่วงฤดูฝนความสมบูรณ์ของใบอ่อนละใบแก่เขียวสดจริงๆ ตามด้วยกุ้งแห้งตัวโตๆ มะพร้าวคั่ว ถั่วลิงสง หอมแดงที่หั่นเป็นชิ้น ขิง มะหนาวและพริกขี้หนูที่เขียวสดงามตายิ่ง ทุกอย่างที่เห็นล้วนเป็นสมันไพรไทยที่มีคุณค่าทางยา และที่เป็นดาวเด่นก็คือน้ำจิ้มสูตรพิเศษที่แยกใส่พาชนะรองรับพร้อมช้อนเล็กไว้พร้อม

คงไม่รอช้ากับสิ่งที่เห็นต่อหน้ารีบนำใบชะพลูมาวาง ตามด้วยเครื่องเคียงทั้งหมดใส่พอประมาณคำ และราดด้วยน้ำจิ้ม จนพอดีคำต่อการนำใส่ปาก สัมผัสแรกจากปลายลิ้นและฟันที่กระทบรสชาด ที่เขาการันตีไว้ว่า”สดทุกที่ อร่อยทุกวัน เคี้ยวมันๆวันต่อวัน”ทำให้ต้องรีบลองลิ้มรส คำแรกมันได้รสชาดของความสดและกลิ่นพร้อมการผสมผสานของเครื่องเคียงที่ลงตัวยิ่งมันอร่อยอย่างประหลาดและสดชื่น ต้องรีบทำอีกชิ้นทันทีคำต่อคำ จนอยากหยุดเวลาความอร่อยถูกใจไว้ และขอเคี้ยวให้คงรสชาดในปากไว้อย่างต่อเนื่องคำต่อคำ


ขอบอกเลยว่านอกจากความอร่อยแล้ว ยังมีโชประโยชน์ทางอาหารอย่างยิ่ง เมี่ยงคำถือว่าเป็นอาหารโบราณชนิดข้ามภพมีมีคุณค่าทางสมุนไพรทุกอย่างที่เป็นองค์ประกอบของเมี่่ยงคำ ที่มีส่วนในการบำรุงร่างกาย บำรุงธาตุ การบำรุงโลหิต ยังมีประโยชน์สำคัญต่อร่างกายหลายอย่าง เป็นมิตรต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง


สำหรับระบบการผลิตและลงบรรจุภัณฑ์ได้ ผ่านการรับรองจาก อย. หน่วยอาหาร สธ. เป็นการการันตี ยืนยันว่า เมี่ยงคำสูตรโบราณ จากฝีมือครัวคุณแอ๊ว มีรสชาด อร่อยสะอาด ถูกหลักอนามัย ปรุงด้วย สมุนไพรไทย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นการปรับธาตุ ในร่างกายให้เกิดสมดุลย์ เป็นผลดีต่อร่างกายซึ่ง


ทางห้างริมปิง สาขานิ่มซิตี้ ได้เปิดโอกาสให้ อาหารว่าง “เมี่ยงคำ สูตรโบราณ ครัวคุณแอ๊ว”ได้ ไปเปิดบูท เสนอขาย เมี่ยงคำสูตรโบราณ ในราคากล่องละ 129 บาทเท่านั้น หรือจะสั่งโดยตรงที่เมี่ยงคำโบราณ ครัวคุณแอ๊ว โทร.081-5311369 หรือไลน์ wowpalmm_ y โดยหากซื้อ 3 กล่อง 300 บาทส่งฟรี ภายใน 2 ชั่วโมงถึงบ้าน ของอร่อยมีคุณค่าทางอาหาร สั่งเร็วได้เร็ว ต้องลิ้มรส”สดทุกที่ อร่อยทุกวัน เคี้ยวมันๆวันต่อวัน”เมี่ยงคำโบราณ ครัวคุณแอ๊ว

ขนส่งเชียงใหม่เปิดประมูลหมายเลขทะเบียนรถ ครั้งที่ 26 ของจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 301 หมายเลขหมวดอักษร งข “เงินทองไหลมา ขุมทรัพย์มั่งมี”

ขนส่งเชียงใหม่เปิดประมูลหมายเลขทะเบียนรถ ครั้งที่ 26 ของจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 301 หมายเลขหมวดอักษร งข “เงินทองไหลมา ขุมทรัพย์มั่งมี”

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 8 สิงหาคม 2563 ที่ห้องประชุมใหญ่ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวยจังหวัดเชียงใหม่ หมวดอักษร งข “เงินทองไหลมา ขุมทรัพย์มั่งมี” ครั้งที่ 26 ของจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 301 หมายเลข โดยมีนายธานี สืบฤกษ์รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานในพิธีเปิดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวยของจังหวัดเชียงใหม่​ ครั้งที่​ 26​ หมวดอักษร​ งข​ “เงินทองไหลมา ขุมทรัพย์มั่งมี”

มี นางวราภรณ์ วรพงศธร. ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับประธานในพิธีฯ โดยมีนายคมสัน สุวรรณอัมพา รอง ผวจ.เชียงใหม่ นายสมหวัง ทองขาวผู้ตรวจราชการกรม , หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่, หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่ และขนส่งจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนผู้ประกอบการ บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมพิธีเปิดและร่วมประมูลเป็นจำนวนมากซึ่งจัดการประมูลทั้ง 2 ช่องทาง คือ ทางวาจา และทาง internet ระหว่างวันที่ 8-9 สิงหาคม 2563

นายธานี สืบฤกษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้เผยว่าตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19ทางกรมการขนส่งทางบกและ“กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน” (กปถ.) ก็หยุดการประมูลตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2563 ดังนั้นการมาประมูลที่เชียงใหม่ถือเป็นครั้งแรกในส่วนภูมิภาค ถือเป็นการกลับมาประมูลใหม่ในยุควิถีชีวิตใหม่ โดยได้ตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่มาร่วมการประมูล โดยจะมีมาตรการพิเศษ ในการป้องกันการติดเชื้อ

 

โดยผู้ที่จะเข้ามาประมูลต้องผ่านการคัดกรอง การตรวจไว้อุณภูมิ ต้องใช้หน้ากากอนามัยทุกคนและใช้นั่นในระยะห่างกัน เราป้องกันอย่างเต็มที่ โดยรายได้จากการประมูลทะเบียนรถเลขสวยทุกบาททุกสตางค์ จะนำเข้า “กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน” (กปถ.) เพื่อนำไปสนับสนุนและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และให้ความช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนเป็นเงินค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการฯ

ดังนั้น ผู้ที่ประมูลทะเบียนรถเลขสวย นอกจากจะมีโอกาสได้ครอบครองหมายเลขทะเบียนรถที่ตนเองชื่นชอบแล้ว ยังได้มีโอกาสร่วมทำบุญกุศล และสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวมอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับบรรยากาศของการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง โดยการจัดระบบเข้มงวดในเรื่องการเว้นระยะห่างและตรวจวัดอุณหภูมิและบริการเจลล้างมือ ในช่วงการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 อย่างเข้มข้น ซึ่งหมายเลขที่ได้รับความสนใจยังเป็นเลข 4 ตัว ตั้งแต่ 1111 จนถึง 9999

ซึ่งปรากฎว่ามีเศรษฐีหน้าใหม่ เข้ามาประมูลป้ายที่โดดเด่นที่สุดก็คือ งข 8888 เชียงใหม่และ งข 9999 เชียงใหม่โดย ทะเบียน งข 9999 เชียงใหม่มีการประมูลสูงสุดในราคา 500,000 บาท ถือว่าราคาประมูลถูกที่สุดเท่าที่มีการประมูลมาในเชียงใหม่เพราะป้ายทะเบียนเลขสวยนี้ส่วนมากจะเกิน 1 ล้านบาทขึ้่นไปทุกครั้ง

โดยในครั้งนี้ผู้ประมูลได้ก็คือนายกันต์พจน์ จงชัยสิทธิกุล อายุ28 ปีผู้บริหารบริษัทจงชัยไลท์ติ้ง จำหน่ายอุการณ์ไฟฟ้ารายใหญ่จัดส่งทั่วประเทศอยู่ที่ จ.เชียงราย โดยได้ประมูลได้ 3 ป้ายมี 6666,8888,และ9999 สร้างความฮือฮาในการประมูลในครั้งนี้มาก//

ทหารอากาศเอาจริงปิดสนามกอล์ฟ พิมานทิพย์เช่าพื้นที่ทหาร ให้ยุติกิจการ และให้ออกจากพื้นที่

กรณีกองบิน 41 ในนามของกองทัพอากาศ เจ้าของพื้นที่สนามกอล์ฟพิมานทิพย์ (สตาร์โดม) อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ทำการขอยึดพื้นที่ให้เอกชนเช่าทำสนามกอล์ฟด้วยสัญญาเช่า 30 ปี และจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน แต่ปรากฎว่าเมื่อผู้เช่าดำเนินการมาได้13 ปี มีปัญหาในการปรับสัญญาเช่าโดยมีการของขึ้นค่าเช่าแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ทางกองทัพอากาศจึงได้สั่งให้ยุติการใช้สนามไว้ก่อน โดยให้ออกพื้นที่ภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 1 สิงหาคม.นี้ ที่ทางเข้าสนามกอล์ฟพิมานทิพย์ (สตาร์โดม) อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทางทหารอากาศของกองบิน 41 ได้ทำการปิดประตูทางเข้าสนามกอล์ฟโดยได้นำรั้วลวดหนามมาปิดไว้อีกชั้นห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปเด็ดขาด โดยมีป้ายตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุญาตให้ “บริษัท เดอะ สตาร์โดมจำกัด” ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของกองบิน 41 และสัญญาอนุญาตได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ 30 เมษายน 2563 นั้น บัดนี้ ได้สิ้นสุดระยะเวลาตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุโลมในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว กองบิน 41 ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า การให้บริการสนามฝึกช้อมกอล์ฟในนาม “เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกซ้อมกอล์ฟพิมานทิพย์” จะสิ้นสุดลงอย่างป็นทางการใน 31 กรกฎาคม 2563 นี้ และกองบิน 41 จะปิดพื้นที่อย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไปกองบิน 41 สงวนสิทธิ์ไม่มีความกี่ยวข้องกับการดำเนินการหรือสิทธิประโยชน์ใดๆ ระหว่างผู้ประกอบการพนักงาน ลูกจ้างหรือลูกค้าที่มีต่อ”เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกข้อมกอล์ฟพิมานทิพย์” ทั้งสิ้น จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน

ซึ่งทางพนักงานสนามกอล์ฟและผู้ที่จะมาใช้สนานได้ทยอยกันมา แต่เมื่อเห็นมีการปิดประตูและมีรั้วลวดนาม มีทหารอากาศนอกเครื่องแบบยืนคุมอยู่และได้ชี้แจงให้กับพนักงานและผู้มาใช้สนามให้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยในเรื่องนี้ทางกองทัพอากาศจะเป็นผู้ออกแถลงชี้แจงเอง และเจ้าหน้าที่ทหารที่มาดูแลยังฝากบอกไปถึงพนักงานของสนามกอล์ฟ และเจ้าของร้านค้าภายในสนามกอล์ฟว่าไม่ได้ถูกลอยแพตามที่เป็นข่าว แต่ขอให้เวลาทางฝ่ายทหารเจ้าของสถานที่ซึ่งอยู่ในช่วงเจรจากัน โดยฝ่ายทหารอาจจะดำเนินการบริหารจัดการเองและจะขอปรับปรุงภายใน 3 เดือนและจะเปิดอีกครั้งสำหรับพนักงานสนามกอล์ฟและผู้ประกอบการค้าภายในก็ยังคงสามารถกลับมาทำงานเหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนการบริหารกันใหม่ต้องรอผลการเจรจากันหรือจะฟ้องร้องทางกฎหมายก็ว่ากันไป

นายนภดล สิทธิตัน กรรมการผู้จัดการทั่วไปของสนามกอล์ฟสตาร์โดม พร้อมด้วยพนักงานทั้งเจ้าหน้าที่และแคดดี้อีกหลายคน มารอออเต็มหน้าทางเข้าด้วยความกังวล เนื่องจากคงจะทราบชะตากรรมว่าต้องตกงานกันหลายคน ทำให้บางคนถึงกับอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวพากันร้องไห้เสียใจ ซึ่งนายนภดล ก็ได้กล่าวให้กำลังใจกับทางพนักงานรวมทั้งแคดดี้ว่าไม่ต้องห่วงเพราะจะต้องดำเนินการกันต่อไป พนักงานทุกคนจะต้องได้ทำงานต่อขอไม่ให้ทุกคนกังวลใจ ซึ่งเรื่องนี้ทราบว่าทางผู้บริหารอยู่ระหว่างดำเนินการตามสิทธิอันชอบธรรมที่อันพึงจะได้รับสิทธินั้นอยู่ ขอให้ทุกคนอย่าได้กังวลใจ รอฟังข่าวความคืบหน้าต่อไป

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเข้าชมอุทยานอีกครั้งได้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 30 ก.ค.นี้ ที่ด่านตรวจจุดที่ 1 ทางขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 นายกริชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และนายสุทิน จันทร์งาม นายอำเภอจอมทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เปิดกิจกรรมทดสอบระบบเตรียมความพร้อมก่อนเปิดการท่องเที่ยว ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

ให้มีความพร้อมให้บริการในรูปแบบ New Normalหลังจากปิดการท่องเที่ยว เนื่องจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิท-19 ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา รวมระยะเวลากว่า 4 เดือน และจะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเข้าชมอุทยานอีกครั้งได้ในวันที่ 1 สิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยกิจกรรมในวันนี้ เป็นการทดสอบความพร้อมของระบบการตรวจคัดกรอง และการป้องกันการแพร่เชื้อโควิท-19 ในด้านต่างๆ ทั้งความพร้อมของสถานที่ อุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนข้อปฏิบัติของนักท่องเที่ยว ซึ่งในการทดสอบนี้หากมีอุปสรรคปัญหาใดๆ จะได้แก้ไขข้อบกพร่องได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้เกิดความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์ที่สุดและปลอดภัยที่สุด

ทั้งนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กำหนดให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคของของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัดคือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและนักท่องเที่ยว ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ขณะปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา, ต้องมีการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวก่อนเข้าภายในอุทยาน, ต้องควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว จัดพื้นที่รอคิว และต้องมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลตามมาตรการ Social Distancing, นักท่องเที่ยว ต้องลงทะเบียนเข้า – ออก พื้นที่โดยใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ

นอกจากนี้ยังต้องจัดให้มีการคัดแยกขยะ และการกำจัดขยะติดเชื้ออย่างเหมาะสมด้วย โดยมีข้อแนะนำสำหรับการเตรียมความพร้อมของนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้น ควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม และขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตลอดจนการตรวจสอบสภาพยานพาหนะให้มีความพร้อม ปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อให้การท่องเที่ยวของทุกท่าน มีความสะดวก ปลอดภัย และมีความสุขตามแบบฉบับ เที่ยวอุทยานแห่งชาติวิถีใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม


ล่าสุดในวันที่ 1 สิงหาคม มีนักท่องเที่ยวจองเข้ามาอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์แล้ว 649 คน ซึ่งมีการกำหนดว่าในช่วงเวลาเดียวกัน มีนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ได้ไม่เกิน1,310 คน และคาดว่าในวันแรกจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปไม่ต่ำกว่า 2,000 คน


สำหรับอุทยานแห่งชาติตอยอินทนนท์ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีป่าไม้ป่าที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ผืนป่าแแห่งนี้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ของประชาชนในอำเภอจอมทองได้ใช้ประโยชน์ ทั้งการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากกว่า 900,000 คน โดยขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน ผืนป่าของดอยอินทนนท์มีความเขียวขจี มีทะเลหมอกที่สวยงาม ประกอบกับป็นช่วงเวลาที่นาขั้นบันไดในบ้านแม่กลางหลวง และบ้านป่าบงเปียงมีความสวยงามโดดเด่น พร้อมรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เชื่อได้ว่าการเดินทางมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะเป็นการกระจายรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนชาวอำเภอจอมทอง ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษกิจในระดับจังหวัดและระดับภูมิภาคได้เป็นอย่างดี


นายสุทิน จันทร์งาม นายอำเภอจอมทอง กล่าวว่า การทดสอบเปิดอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของ จ.เชียงใหม่ ดอยอิทนนท์เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ ทำให้ผืนป่าแห่งนี้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ประชาชนใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร ดอยอินทนนท์ยังมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวจำนวน 900,000 คนต่อปีอีกด้วย ก่อให้เกิดการกระจายรายได้แก่ราษฏรในระดับท้องถิ่นและระดับอำเภอ ร่วมทั้งระดับจังหวัดด้วย

การปิดการบริการท่องเที่ยวเนื่องจากโรคโควิด-19 ระบาดมารวม 4 เดือนแล้วนั้น และจะเปิดในวันที่ 1 ส.ค.2563 นี้จะส่งผลดีต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจของ อ.จอมทองและประเทศไทยด้วย ตนขอฝากถึงการเปิดทดสอบการท่องเที่ยวยอดดอยอินทนนท์แล้วนั้นก็ขอให้การท่องเที่ยววิถีใหม่ ร่วมกันป้องกันโรคโควิด-19 ให้มีมาตราการต่างๆซึ่งเป็นไปตามมาตราฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกปราการด้วย

ด้านนายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กล่าวว่า การเปิดกิจกรรมทดสอบการเตรียมพร้อมก่อนการเปิดการท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ครั้งนี้ ดอยอินทนนท์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของกรมอุทยานแห่งชาติ 1 ในจำนวน 155 แห่งทั่วประเทศไทย และได้ปิดการให้บริการการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และในวันที่ 1 ส.ค.2563 นี้จะเปิดทดสอบการเตรียมพร้อมก่อนการเปิดการท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความพร้อมทุกๆด้านทั้งอุปกรณ์และผู้ปฏิบัติงาน และในช่วงทดสอบนี้หากมีอุปสรรคปัญหาใดๆจะได้นำไปแก้ไขข้อบกพร้องต่างๆเพื่อมห้เกิดความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์ที่สุด และทางเจ้าหน้าที่อุทยานเองได้เตรียมรถกู้ชีพกู้ภัยเตรียมความพร้อมไว้แล้วด้วย

“ที่ทำสัญต้องปฏิบัติตามมาตราการการป้องกันโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด คือให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและนักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยขณะปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา ต้องมีการคัดกรองนักท่องเที่ยวก่อนเข้าใช้บริการ ควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวจัดพื้นที่รอคิวและต้องเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล นักท่องเที่ยวลงทะเบียนเข่า-ออกพื้นที่โดยใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ และขอให้จัดเก็บคัดแยกขยะและกำจัดขยะติดเชื้อที่เหมาะสมรวมทั้งขอให้นักท่องเที่ยวนำขยะคืนถิ่นด้วย”

“ส่วนนักท่องเที่ยวเอง ก็ต้องเตรียมความพร้อมด้านยานพาหนะ ให้ปฏิบัติตามกฏจราจร และที่สำคัญให้เตรียมความพร้อมของร่างกาย เพราะบนยอดดอยอินทนนท์จะหนาวเย็นตลอดทั้งวัน และขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวดอยอินทนนท์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2563 เป็นต้นไปในรูปแบบเที่ยวอุทยานแห่งชาติวิถีใหม่ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กล่าว

นายกรชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กล่าวเชิญชวนเที่ยวดอยอินทนน์ กล่าวว่า มาถึง อ.จอมทองเข้าวัดไหว้พระที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ส่วนจุดเช็คอินที่ดอยอินทนนท์รับลมหนาวมีสถานที่สำคัญคือ ขึ้นไปกราบพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เดินทางไปเที่ยวบ้านแม่กลางหลวงชมนาขั้นบันใด และนาขั้นบันใดที่ป่าปงเปียง อ.แม่แจ่ม เที่ยวศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ขุนแปะ น้ำตกแม่ยะ น้ำตกวชิรธาร ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมได้ทุกวัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กล่าว

ณกรณ์ กรณ์หิรัญผู้ร่วมก่อตั้ง “วุฒิศักดิ์คลีนิค” ประสานคลีนิค พันธมิตร เพื่อช่วยเยียวยา ลูกค้าวุฒิศักดิ์คลีนิค

ผู้ก่อตั้ง “วุฒิศักดิ์คลีนิค” ประสานคลีนิค พันธมิตร เพื่อช่วยเยียวยา ลูกค้าวุฒิศักดิ์คลีนิค ที่ซื้อคอสไว้ กับวุฒิศักดิ์ สามารถมาทำต่อได้ ที่คลินิค ที่ใกล้บ้าน โดยนาย ณกรณ์ กรณ์หิรัญ ยอมควักเงินส่วนตัว 6 ล้านกว่า เยี่ยวยาลูกค้า วุฒิศักดิ์ ที่ซื้อคอส ไว้ ฯ สาเหตุเพราะเคยเป็นผู้ก่อตั้ง จึงเข้าช่วยลูกค้า โดยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ วุฒิศักดิ์คลีนิค

เมื่อเวลา 09.00 น วันที่ 22 กค 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ ปัจจุบันได้หันมาประกอบธุรกิจโรงแรมที่จังหวัดเชียงใหม่ และบริษัทขายยา เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ และอีกหลายอย่าง ได้ออกมาเปิดเผยกับผุ้สื่อข่าวถึงกรณีที่เข้ามาเยียวยาลูกค้าเดิมของ วุฒิศักดิ์คลีนิค” ที่เคยซื้อคอร์ด หรือทำหน้าต่อเนื่องไว้กับวุฒิศักดิ์ ทั้งที่ปัจจุบันไม่ได้เข้ามาบริหาร หรือเกียวข้องอะไรกับ วุฒิศักดิ์คลีนิค เพียงแต่ถือหุ้นบางส่วนเพียงเล็กน้อยเท่่านั้น

โดยนายณกรณ์ กรณ์หิรัญ นักธุรกิจชื่อดัง อดีต 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งวุฒิศักดิ์คลีนิค ได้เปิดเผยว่า จริง ๆ แล้วหากถามตนนั้น วุฒิศักดิ์คลีนิค ผมเองไม่ได้บริหารมานานแล้ว แต่เรารู้สึกเพราะเราเป็นผุ้ก่อตั้ง เหมือนแบนชื่อนี้เราได้ก่อตั้งมากับเพื่อนของเรา 2-3 คน สิ่งหนึ่งที่เราอยากช่วยได้ คือขอให้อะไรก็ตามที่ทำให้ลูกค้าเบาบางความเสียใจ คือลงคอสไว้แล้วไม่ได้รับบริการไม่ได้เงินคืน ก็เข้าใจลูกค้า ซึ่งหากผมเป็นลูกค้าผมก็รับไม่ได้ จะทำอย่างไรดี ในขณะที่ผม เป็นแค่ 1 ในผู้ก่อตั้ง ซึ่งทุกคนก็จะมองว่า วุฒิศักดิ์ฯ เป็นของ ผม ซึ่งก็อยากจะชี้แจงว่า ไม่ใช่ เพียงแต่ว่าปัจจุบันเราทำบริษัทยา เราทำบริษัทเครื่องมือความงาม เราทำบริษัทเกี่ยวกับความงาม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวุฒิศักดิ์คลีนิค ซึ่งเราทำธุรกิจของเราเราก็ไม่ได้ออกสื่อออกอะไรมากมาย ใช่ ที่ตนเคยออกสื่อในตอนนั้นว่าเราคือ 1 ในผู้ก่อตั้งวุฒิศักดิ์ คราวนั้น เพราะว่า เพื่อให้ทุกคนได้มองเป็นไอดอล และก็มองว่าจริง ๆ คนเราจากคนธรรมดา หากตั้งใจจริงทุ่มเทงานก็โตได้เหมือนกัน

เรื่องวุฒิศักดิ์คลีนิคล้มละลาย และมีการฟื้นฟูกิจการ และลูกค้าที่มีคอร์สซื้อคอร์สไว้ จะทำอย่างไร จะแก้อย่างไร พยายามคิดจนได้มีการพูดคุยกับคลีนิคเสริมความงาม ที่ซื้ฮยาจากบริษัทของตน ยาที่ได้้มาตราฐาน ยาที่ดี ยาที่ไม่ใช่ของปลอม ทุกคลีนิค ได้บอกว่า ไม่เป็นไร หากบริษัทยาของตนให้ยามาทางคลีนิคต่าง ๆ ก็ยินดีที่จะเยียวยาลูกค้าวุฒิศักดิ์ฯ ฟรี ไม่เก็บมูลค่า โดยผมได้คำนวนแล้วต่อหัวคงไม่เกินหัวละ 6,000 บาท ก็จะมีคลีนิคฯ กว่าร้อยคลีนิคทั่วประเทศ ที่ซื้อยาจากบริษัทของตน ให้บริการกับลูกค้าวุฒิศักดิ์ฯ ซึ่งทางตนก็จะจัดส่งยาฯ ไปให้ โดยไม่เก็บเงินอะไรทั้งสื้น ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้นในการเยียวยาลูกค้าวุฒิศักดิ์ฯ

วิธีการ คือ @akenakorn เข้ามาและส่งหลักฐานที่คุณเสีย และพื้นที่ที่คุณอยู่แถวนั้น เราก็จะดูคลีนิค ที่ได้มาตรฐาน คลีนิคที่ใช้ยาจริง และก็มียาที่มีคุณภาพส่งเข้าไปและก็มีหลายคลีนิคที่ช่วยเหลือ ผมเชื่อนะ หากคลีนิคที่มาร่วมโครงการเยียวยาลูกค้าวุฒิศักดิ์ฯ บริการลูกค้าดี ๆ ลูกค้าวุฒิศักดิ์ฯ นั้นเป็นลุกค้าที่ดี น่ารัก และเป็นลูกค้าที่รักเรามานาน ผมเชื่อว่า หากคุณบริการเขาดี ๆ เหมือนวุฒิศักดิ์ ผมเชื่อว่าลูกค้าเหล่านั้นก็จะมาใช้บริการของคุณต่อไป

ตอนเข้าไปบริหารวุฒิศักดิ์ นั้น มีคนรู้มีการออกสื่อ งบก็กำไรขึ้นมาเท่าตัวในตอนนั้น แต่ตอนที่ผมต้องออกมาจากวุฒิศักดิ์ ไม่ได้บริหารแล้ว ไม่มีใครรู้ ไม่ได้บริหารมาหลายปี มาเป็นบอร์ด ตอนหลังก็ไม่เป็นบอร์ดก็ลาออก ลาออกทุกตำแหน่ง เพราะวิธีคิดไม่เหมือนกัน การบริหารขัดแย้งกับเรามาก

” ตนในฐานะ 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งวุฒิศักดิ์ฯ รู้สึกติดในใจ ช่วยได้ก็จะช่วย ก็เหมือนกับสถานการณ์โควิด19 โรงแรมของตนที่เชียงใหม่ต้องปิด แต่ตนก็ยังจ่ายเงินให้พนักงาน และยังทำข้าวกล่องแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดือดร้อนทุกวัน วันละ 300-400 กล่อง แจกทุกวัน 40-50 วัน จริง ๆ แล้วผมทำธุรกิจเยอะแต่ไม่ได้บอกแฟนคลับ ไม่ได้บอกพี่ ๆ น้อง ๆ เท่าไหร่ ไม่ได้พีอาร์เท่าไหร่

ถามว่าเราเสียหายไหมเรื่องวุฒิศักดิ์ ก็ยอมรับว่าเราเสียหายไปหลายร้อยล้าน แต่ก็ทำใจไว้แล้วหลายปี เราก็เลยไม่ได้ตกใจอะไรมากขนาดนั้น เพราะเราไม่ได้บริหารเลย ไม่ได้ดูแลเลย เราได้แค่ดูสิ่งที่เขาทำมากกว่า ก็อยากจะบอกว่า “วุฒิศักดิ์ล้มละลายก็ไม่ได้เกี่ยวกับตัวผมสักเท่าไหร่” ก็อยากจะบอกว่า ตอนนี้ในยุคนี้ใครที่กำลังท้ออยู่ใครที่รู้สึกว่ากำลังแย่จังเลยในยุคโควิด19 ผมว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างให้ทำเยอะ ถ้าเราคิดแล้วลงมือ ทำไปก่อนผิดถูกพยายามทำปรับปรุงแก้ไข เดี๋ยวก็ดีขึ้น

“ผมคิดว่าผมจะช่วยลุกค้าวุฒิศักดิ์ สัก 1,000 คน ก็แอทไลน์ เข้ามานะครับ @akenakorn เข้ามาและส่งหลักฐานที่เรามีปัญหาอยู่ ซึงทางเราก็จะดูว่าคลีนิคไหนที่จะร่วมโครงการช่วยเหลือเยียวยาลุกค้าวุฒิศักดิ์์คลีนิค และทางเราส่งของส่งยาไปให้คลีนิคนั้น ๆ ผมอยากจะช่วยจริงๆ ขอบคุณที่รักกัน ขอบคุณทีสนับสนุนเรา เชื่อมั่นในตัวผม ขอบคุณครับ

พลังอำนาจพิเศษซ่อนในอัญมณีหรือองค์พญานาคที่ ดลบันดาลให้เสี่ยโรงน้ำดื่ม ถูกหวยติดต่อกันถึง 35 งวดขอบอกเป็นงวดสุดท้าย

พลังอำนาจพิเศษซ่อนในอัญมณีหรือองค์พญานาคที่ ดลบันดาลให้เสี่ยเจ้าของโรงน้ำดื่ม ถูกหวยติดต่อกันถึง 35 งวด

พลังบุญและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซ่อนเร้น ทำให้นายกฤษดา แซ่โกย วัย 46ปี เป็นเจ้าของโรงงานน้ำดื่มตรานาคราช เลขที่ 149 หมู่ 8 ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เป็นคนที่ได้ชื่อว่าถูกล็อตเตอรี่รัฐบาลติดต่อกันถึง 35งวดแล้ว โดย เจ้าตัวเชื่อว่าคุณงามความดีที่กตัญญูรู้คุณบิดามารดา รวมถึงจากพลังบุญพญานาคที่นับถือ พร้อมทั้งแร่หินอัญมณีแห่งโชคลาภที่มีอยู่นับพันชิ้น โดยเฉพาะดวงตาพญานาคสีแดง 1 คู่ที่พกพาติดตัวตลอด เป็นสิ่งที่นำโชคมาสู่


ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพบปะกับนายกฤษดา แซ่โกย ซึ่งแค่นามสกุลก็เป็นมงคลยิ่งแล้ว โดยนายกฤษดา อายุเพียง 46 ปี แต่ประกอบธุรกิจทางการแพทย์รวมทั้งเป็นเจ้าของน้ำดื่มตรานาคราชบนเนื้อที่ดินกว่า 17 ไร่ ซึ่งนายกฤษดา มีนิสัยเป็นคนชอบทำบุญสุนทานตามวัดต่างๆและเป็นคนชอบช่วยเหลือสังคมมาตลอด และสำคัญยิ่งที่สุดเป็นคนที่มีความกตัญญูต่อบิดามารดาเหนือสิ่งใดๆและที่สำคัญมีความเชื่อในพลังอานุภาพบารมีขององค์พญานาค

ซึ่งเคยได้ไปสัมผัสจนรู้ว่าองค์พญานาคมีตัวตนจริงที่คำชะโนด และเชื่อมั่นว่าที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็มาจากการช่วยเหลือขององค์พญานาค รวมแร่อัญมณีที่มีจำนวนมากมีความงดงามและมีพลังแฝงไว้ รวมทั้งอัญมณีสีแดงที่เรียกว่าดวงตาพญานาค ทำให้บันดาลโชคลาภมาตลอด จึงได้สร้างองค์พญานาคพ่นน้ำขึ้นที่หน้าโรงงานอย่างงดงามตระการตาและถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโรงงานเลยทีเดียว ทำให้ธุรกิจและชีวิตดีขึ้นตามลำดับ จนเป็นที่มาของโชคลาภที่มาจากการเสี่ยงโชคถูกสลากกินแบ่งของรัฐบาลมาถึง35 งวดแล้ว


ซึ่งการกำหนดเลขที่จะออกส่วนมากจะเป็นเลข 2 ตัวท้าย มาจากพลังอัญมณี พลังองค์พญานาค รวมทั้งกลุ่มต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ 5 ต้นข้างโรงงานที่ถือว่ามีองค์พระฤาษีนารอด อายุ 1,800 ปีสถิตอยู่บริเวณนั้น จึงไปตั้งศาลถวาย และเมื่อได้สัมผัสต้นไม้จะคล้ายเห็นตัวเลขปรากฎในนิมิตอย่างชัดเจน เมื่อนำมารวมกับตัวเลขที่ได้จากพลังอัญมณีชนิดต่างๆรวมทั้งองค์พญานาคและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ทั้งที่บ้านและโรงงาน ทำให้เกิดโชคลาภถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ถูกมาทั้งหมด 35 งวดติดต่อ ทำให้ได้เงินมากกว่า 10 ล้านบาท ส่วนมากจะนำไปทำบุญตามวัดหลายๆแห่งเพื่อเพิ่มบารมีให้กับตัวเองมาตลอด


จนมาถึงงวดของวันที่ 16 ก.ค.2563 นายกฤษดา ได้ประกาศจะบอกเลข ท้าย 2 ตัวเป็นครั้งสุดท้ายโดยบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลังบุญต่างๆรวมทั้งฤาษีนารอดที่นับถือจะเข้าจำศิลเป็นเวลานานถึง 18 เดือน จึงจะขอบอกงวดสุดท้ายทีเด็ดทีสุดทั้ง 2 ตัวล่างและเลขท้ายรางวัลที่ 1

 

โดยทางนายกฤษดา ได้โชว์แผ่นกระดาษสีขาว มีเลขที่จะออกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวมีเลข 20 อยู่ในดาวสีแดง เลขรองอยู่ในวงกลมเลข 19 และอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม เลข 21 ส่วนเลขหากเกิดความผิดพลาดจะออก 10 และ 39 และในครั้งนี้พิเศษสุดนายกฤษดายังบอกเลขหัวท้ายรางวัลที่ 1 มีเลข 389,489,589,689,789 ให้เป็นของแถม ซึ่งทางนายกฤษดา ได้ยืนยันว่าเลขท้าย 2 ตัวที่จะออก 1 ล้านเปอร์เซ็น ก็คือ 20 เพื่อเป็นการยืนยันนายกฤษดา ได้นำล็อตเตอรี่ปึกใหญ่ประมาณ 300 ใบมีเลขท้าย 20 ที่ได้กว้านซื้อมา และจะขอกูกเป็นงวดที่ 36 จากนั้นก็จะหยุดการให้เลขอย่างแน่นอน โดยบอกว่าเทพสิ่งศักดิ์ได้ไปจำศิลกันหมดแล้ว โดยในงวดนี้เป็นสิ่งศักดิ์จากทางภาคใต้ได้มาบอกให้


นายกฤษดา ได้ไปไหว้กลุ่มต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ข้างโรงงานน้ำดื่ม และได้ชี้ให้ดูภาพคล้ายฤาษีไหว้องค์พญานาค และได้บอกว่าฤาษีนารอดที่สถิตอยู่ที่แห่งนี้ท่านไปจำศิลแล้วเช่นกัน

จากนั้นมาที่รูปปั้นองค์พญานาคและใช้มือลูบหินดูทรัพย์และกราบไหว้ก่อนเสร็จพิธีงวดสุดท้าย ซึ่งทิ้งท้ายว่าใครจะถูกรางวัลมากน้อย ก็อยู่ที่บุญบารมีของคน และยังฝากเตือนว่าอย่าทุ่มเทให้ซื้อตามกำลังทรัพย์ ก็เป็นงวดสุดท้ายที่จะบอกมิตรสหายที่รู้จักกันและขอให้ทุกๆคนโชคดีและหากได้เงินก็มั่นทำบุญช่วยเหลือผู้อื่นและขอให้กตัญญูต่อบิดามารดาให้มากๆแล้วบุญกุศลทานบารมีจะทำให้ชีวิตเป็นสุข ขอให้โชคดีทุกคน

กองกำลังผาเมืองคุมเข้มชายแดน วางลวดหนามป้องลักลอบเข้าเมือง ลดการแพร่ระบาดโรคโควิด 19

ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองร่วมกับนายอำเภอแม่สายและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ร่วมกันวางแนวลวดหนามเพื่อสร้างเครือข่ายแนว ป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้ามาของแรงงานต่างด้าวตามช่องทางท่าข้ามธรรมชาติ ลดการแพร่ระบาดของโรคโควิค 19


วันที่ 10 ก.ค.63 เวลา 09.00 น. พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองร่วมกับ นายประสงค์ หล้าอ่อน อำเภอแม่สาย ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย, ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเชียงราย, ผู้นำท้องถิ่น/ท้องที่ และประชาชน ได้ร่วมกันวางแนวลวดหนาม และสร้างเครือข่ายแนวร่วม ในการช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลในหมู่บ้านตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบหลบหนีเข้ามาของแรงงานต่างด้าวตามช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติ


ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แรงงานต่างด้าวบางส่วนพยายามที่จะลักลอบเข้ามาในเขตไทยตามช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติโดยไม่ผ่านกระบวนการกักตัว (State Quarantine) ตามขั้นตอนของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความหวั่นวิตกของคนภายในประเทศ

โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่พยายามลักลอบเข้ามาทางด้านชายแดน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เนื่องจากผู้ประกอบการในพื้นที่ อำเภอแม่สายฯ มีความต้องการแรงงานเข้ามาดำเนินกิจการของตนเอง เช่น แรงงานในการก่อสร้าง, แรงงานด้านการเกษตร และลูกจ้างตามสถานประกอบการต่างๆ แต่เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีการเปิดด่านพรมแดนถาวรในพื้นที่ จึงทำให้แรงงานต่างด้าวมีความพยายามในการลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย


ทั้งนี้ที่ผ่านมากองกำลังผาเมือง ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามมาตรการ 5 ด้าน โดยการประสานความร่วมมือไปยังประเทศเมียนมาผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC ในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว การเพิ่มเติมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวน 25 ชุดปฏิบัติการ ในการเพิ่มความถี่การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ พร้อมทั้งได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม ตลอดจนการติดตั้งไฟส่องสว่างแบบโซล่าเซลล์ พร้อมกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อเพิ่มศักยภาพ

ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จำนวน 17 จุด, และการทำเครื่องกีดขวางโดยการติดตั้งรั้วลวดหนามเพิ่มเติม 8 จุด ปรับปรุงลวดหนามที่มีอยู่เดิม จำนวน 14 จุด ให้มีความแข็งแรง ทนทาน โดยเฉพาะในช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม นอกจากนี้กองกำลังผาเมืองยังได้มีการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งหลบซ่อน/พักพิง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตามแหล่ง ที่พักพิงชั่วคราวบริเวณพื้นที่หมู่บ้านตามแนวชายแดน พร้อมจัดชุดปฏิบัติการด้านกิจการพลเรือน จำนวน 5 ชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่สร้างการรับรู้ให้กับผู้นำชุมชน และประชาชนในหมู่บ้านตามแนวชายแดน ในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทั้งการแจ้งเบาะแส และการกระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กองกำลังผาเมือง สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาตามช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติ จำนวน 34 ครั้ง ผู้ต้องหา 125 คน เป็นชาวเมียนมา 113 คน ชาวลาว 10 คนและ ชาวจีน 2 คน ซึ่งหน่วยได้ร่วมกับด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศพรมแดนแม่สายในการคัดกรองก่อนที่จะผลักดันกลับประเทศต้นทาง ตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย
ทั้งนี้ กองกำลังผาเมือง จะยังคงเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนี เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเพื่อให้การแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพบก

ครูบาน้อย เตชปฺญโญ สูญเสียโยมพ่อ อายุ 95 ปีอย่างสงบ

ครูบาน้อย เตชปฺญโญ สูญเสียโยมพ่อ พ่ออุ้ย คำ กองคำ อายุ 95 ปีอย่างสงบ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 5 ก.ค.ที่วัดศรีดอนมูล ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พระครูสิริศิลสังวร หรือ ครูบาน้อย เตชปัญฺโญ เกจิอาจารย์ล้านนา เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล ได้ประกอบพิธีทำบุญงานศพโยมพ่อ นายคำ กองคำ อายุ 95 ปี ได้ละสังขารด้วยความสงบที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา

เมื่อเวลา 06.45 น.วันที่ 4 ก.ค.นี้ ทางครูบาน้อย ได้นำสรีร่างของพ่ออุ้ยคำ โยมพ่อมาบำเพ็ญกุศล ณ วิหารบุญบารมีหลวงพ่อเพชร อุดมทรัพย์ สมปรารถนา วัดศรีดอนมูล อ.สารภี

ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. จนถึง วันที่ 8 ก.ค.นี้มีสวดพระอภิธรรมทุกคืน วันที่ 9 ก.ค.จะทำการฌาปนกิจศพที่เมรุชั่วคราววัดศรีดอนมูลในเวลา 13.00 น.โดนชยพิธีกรรมจะทำแบบล้านนาโบราณ

ครูบาน้อย เตชปฺญโญ ได้กล่าวสั้นๆว่าพุทโธ พุทโธ ให้โยมพ่อไปสู่สรวงสวรรค์พบนิพพาน เกิดแก่ เจ็บตาย เป็นวัฎจักรสังขารของมนุษย์

ขบวนแห่เทียนพรรษาคนบนดอยชนเผ่าปะหล่องยึดมั่นประเพณี

ที่ จ.เชียงใหม่ บรรยากาศการแห่เทียนเข้าพรรษาในทุกๆปีจะคึกคัก แต่ในปีนี้ตามวัดต่างๆดูเงียบเหงาแทบจะไม่มีเลย มีเพียงการถวายไม่มาก แต่ที่หมู่บ้านโต้งหลวง หมู่ 9 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนเผ่าปะหล่องหรือดาราอั้ง ที่แห่งนี้จะเข้มแข็งในประเพณีเข้าพรรษาเป็นอย่างมากโดยในทุกๆปีจะใช้ช้างนำขบวนแห่เทียน

แต่ในปีนี้พื้นที่มีการเลี้ยงแบบปลดโซ่ไร้ตะขอ จึงงดนำช้างมาร่วมขบวน โดยเมื่อเวลา17.30 น.วันที่ 4 ก.ค.ชาวบ้านชนเผ่าปะหล่องบ้านโต้งหลวง ได้แต่งกายชนเผ่าอย่างสวยงาน เข้ามาร่วมแห่เทียน วันเข้าพรรษา

โดยมีการฟ้อนรำ ร้องเพลง บรรเลงฆ้อง กลอง ฉิ่งฉาบ ลานหมู่บ้านด้วยและแห่ขบวนเทียนออกจากหมู่บ้านผ่านทุ่งนา เข้าไปถวายที่วัดโต้งหลวง ทำพิธีเวียนรอบวิหาร 3 รอบก่อนถวายเทียนพรรษาและเครื่องครัวทานให้พระสงฆ์

จากนั้นร่วมกันกินอาหารเจที่จักชดเตรียมมาและฟังธรรมจนสว่างคาตา ถือว่าเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอย่างเหนียวมายาวนาน//