เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดชมฟรี 1-15 กรกฎาคม.นี้สไตล์ New Normal

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เตรียมความพร้อมเปิดให้บริการ สไตล์ New Normal เปิดฟรี 1-15 กรกฎาคม.นี้

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน 2563 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเช็คความพร้อมของ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีก่อนการเปิดให้บริการ โดยมี นายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ และนำเข้าประชุมเพื่อฟังบรรยาสรุปความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาชมเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งการเปิดให้บริการในครั้งนี้จะเป็นการเปิดให้บริการในรูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยเที่ยวสไตล์ New Normal ในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้

หลังจากที่ได้รับฟังการบรรยายสรุปแล้ว นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าถึงความพร้อมการเปิดให้บริการของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในครั้งนี้ เป็นการเปิดให้บริการในรูปแบบการท่องเที่ยวที่สร้างความมั่นใจและปลอดภัย สไตล์ New Normal ตามโครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA)

และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว หรือผู้มาใช้บริการ หลังจากสถานการณ์โควิด – 19 อยู่ในระดับที่ปลอดภัย เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจึงได้กำหนดแนวทางการรับมือป้องกันโรค ทั้งทางด้านสุขลักษณะของอาคาร อุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ในอาคาร การจัดอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค รวมถึงการป้องกันและคัดกรองสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและนักท่องเที่ยว ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาใช้บริการได้อย่างดี

โดยการเปิดให้บริการของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในครั้งนี้ มาพร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษ มอบความสุขให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 1 – 15 กรกฎาคม 2563 และโปรโมชั่นลด 50% ในวันที่ 16 – 31 กรกฎาคม 2563 ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมจะต้องลงทะเบียนจองการเข้าชมล่วงหน้าผ่าน www.chiangmainightsafari.com ได้ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป

โดยแบ่งรอบเวลาการเข้าชมเป็น 3 รอบ คือ เวลา 13.00 – 16.00 น., เวลา 16.00 – 19.00 น. และเวลา 19.00 – 22.00 น. พร้อมจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละรอบๆ ละ 300 คน เท่านั้น โดยกิจกรรมที่จะเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2563 นี้ ได้แก่ กิจกรรมการนั่งรถชมสัตว์, การเดินชมส่วนแสดงจากัวร์เทรล และการแสดง Safari Dancing Show (งดการป้อนอาหารสัตว์) และในเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จะได้เพิ่มกิจกรรม Tiger Show และ กิจกรรม Night Predator เพื่อให้เที่ยวชมได้เต็มรูปแบบ แต่ยังคงงดการป้อนอาหารสัตว์อย่างต่อเนื่อง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในช่วงเวลานี้ โปรดเตรียมตัวมาให้พร้อม สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร และพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อเตรียมพร้อมท่องเที่ยววิถีใหม่ สนุก และปลอดภัยกันทั้งครอบครัว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โทร. 053 – 999000 หรือ Line@ : nightsafari, Facebook: เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari

จากนั้นนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปชมในส่วนการแสดงTiger Show และ กิจกรรม Night Predator ดูความพร้อมทุกๆด้านของทุกโซนซึ่งพร้อมเต็มที่จะบริการให้กับประชาชนเข้ามาชมอย่างปลอดภัยที่สุด//

เชียงใหม่จัดงาน”ยินดีต้อนรับเปิดเมืองเชียงใหม่ เมืองท่องเที่่ยวปลอดภัย”กระตุ้นการท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 มิ.ย.นี้ที่ลานข่วงประตูท่าแพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เขียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน เชียงใหม่เมืองสะอาด ปลอดภัย ไร้กังวล Chiangmai Safety City Destination

เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ได้โดยไม่ต้องกังวล และกักตัวหลังการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวเชียงใหม่

โดยมีกลุ่มตัวแทนสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่และโรงแรมร้านค้ามาร่วมในพิธีเปิดโดยแต่งกายในชุดล้านนา และจัดเตรียมขบวนแห่ เพื่อสร้างสีสันในงาน แต่ปรากฎว่าในช่วงพิธีเปิดมีฝนตกลงมาตลอดเวลา แต่ทุกๆคนก็ยังคงร่วมงาน เพราะถือว่างานนี้เป็นงานแรก

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ต้องยุติลง แต่ในปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนแล้วที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้สามารถเปิดเมืองท่องเที่ยวได้อีกครั้ง

ควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยของสถานบริการต่างๆ ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข หรือ ชีวิตวิถีใหม่ (new normal) ทั้งนี้จากผลสำรวจล่าสุดของสวนดุสิตโผ จังหวัดเชียงใหม่เป็นเป้าหมายอันดับ 1 ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต้องการเข้ามาท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์โควิด-19


นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวเรื่องการท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์โควิด สิ่งสำคัญก็จะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวซึ่งก็เป็นข่าวที่ดี เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวเชียงใหม่เป็นเมืองอันดับ1 ที่นักท่องเที่ยวอยากจะมาเที่ยวที่สุดหลังสถานการณ์โควิด ที่เบาบางลงแล้ว จึงขอให้กำลังใจชาวเชียงใหม่ในพ้นวิกฤตการและให้เตรียมพร้อมรับฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะมาถึงเพราะเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวต้องการมาที่สุด


นายพรชัย จิตนวเสถียร ประธานโครงการเชียงใหม่เมืองท่องเที่ยวปลอดภัย กล่าวว่า การจัดโครงการในครั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ความพร้อมในการให้บริการด้านการท่องเที่ยวปลอดภัย รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยววางใจในมาตรฐานการบริการของสถานบริการต่างๆ ที่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ทำให้นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนทุกท่านสามารถใช้ท่องเที่ยวและใช้บริการร้านค้าในจังหวัดเชียงใหม่ ได้อย่างปลอดภัย

นักท่องเที่ยวแห่เที่ยวปางช้างแม่สา เชียงใหม่เข้าชมฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายพร้อมจัดมาตรการคัดกรองคุ้มเข้ม

นักท่องเที่ยวชาวไทย พาลูกหลานเดินทางมาท่องเที่ยวที่ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 15 มิ.ย.นี้ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ปางช้างแม่สา ได้เปิดปางช้างแม่สาให้ชมฟรีแบบ นิวนอร์มอล หลังจากปิดให้บริการชั่วคราวไปนานเกือบ 3 เดือน เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19

การกลับมาเปิดให้บริการครั้งนี้ โดยเปิดให้เข้าชมฟรีตลอดไป เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชมช้างความน่ารักของช้างทั้ง 78 เชือก ของปางช้างแม่สา รวมทั้งป้อนอาหารช้าง ซึ่งปางช้างแม่สามีบริการตะกร้าอาหาร ที่มีทั้งอ้อย กล้วย ข้าวเหนียว และอาหารเสริม ตะกร้าราคา 100 บาท ส่วนตะกร้าใหญ่ 300 บาท


โดยในการเปิดวันแรกปางช้างแม่สาได้วางมาตรการคัดกรอง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทั้งการตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ จุดลงทะเบียน และสแกนคิวอาร์โค้ด แอปไทยชนะ เพื่อจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในปางช้างแม่สา รอบละไม่เกิน 200 คน

โดยก่อนที่จะเป็นให้ชม มีลูกช้างพังช่อเอื้อง และพังเอื้องฟ้าวัย 3 ขวบ มารอต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยทุกคนจะต้องตรวจวัดอุณหภูมิ รวมถึงช้างน้อยทั้งสองที่ให้ทางเจ้าหน้าที่ปางช้างตรวจวัด ได้อุณหภูมิ 36.5 องศาฯทั้งสองเชือกอย่างน่ารัก โดยนักท่องเที่ยวคนแรกที่เดินเข้าปางช้างเป็นพระสงฆ์มาจาก จ.ปทุมธานี

จากนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย และที่น่าแปลกใจมาก มีมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน กลุ่มละประมาณ 5-6 คน เข้ามาชมด้วย รวมทั้งนักท่องเที่ยวฝรั่ง ซึ่งในการเข้าชมทางปางช้างจะให้เข้าชมรอบละไม่เกิน 200 คน ปรากฎว่านักท่องเที่ยวเต็มทุกรอบ

ซึ่งภายในเป็นวิถีการท่องเที่ยวชมช้างแบวิถีใหม่ไม่มีการแสดงให้ชมเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากทางปางช้างแม่สา เปลี่ยนวิถีการเลี้ยงช้างจากที่เคยแสดงโชว์ความสามารถและนั่งหลังช้างชมไพร มาเป็นให้ดูความน่ารักทางธรรมชาติของช้างโดยช้างจะไร้โซ่ไร่ตะขออยู่ตามวิถีธรรมชาติจะมีเพียงราวเหล็กกั้นระหว่างคนและช้างเพื่อความปลอดภัย


นักท่องเที่ยวรายหนึ่ง บอกว่า หลังไม่ได้ท่องเที่ยวมานานเพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทราบข่าวว่าปางช้างแม่สากลับมาเปิดให้บริการ และเปิดให้เข้าชมฟรีจึงเดินทางมา เพื่อเยี่ยมชมและให้อาหารช้าง รวมทั้งอยากเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวคนไทยให้เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่และปางช้างแม่สา


ด้านนางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ปางช้างแม่สา กล่าวว่า วันนี้ทางปางช้างแม่สาเปิดให้บริการเป็นวันแรก โดยถือว่าเป็นการเปิดเที่ยวช้าง แบบมิตติใหม่ ไม่มีการแสดงช้าง ไม่มีการล่ามโซ่ช้าง ไม่มีการนั่งแหย่งช้างแล้วซึ่งปางช้างแม่สาที่ทำมาตลอด 40 ปี แต่ปัจจุบันหลังมีการแพร่ระบาดโควิด 19 ทำให้ทางปางช้างต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบจึงนำการท่องเที่ยวชมช้าง ป้อนอาหารช้าง ให้คนผูกพันอยู่กับช้างมาเป็นการท่องเที่ยวปางช้างแทน

โดยนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวนั้นจะไม่เสียค่าบัตร ที่ปกติจะมีการเก็บค่าบัตรคนละ 250 บาท แต่ขณะนี้เปิดให้เข้าฟรี แต่จะมีการจำหน่ายอาหารช้าง ซึ่งมีตะกร้าละ 100 บาท และตะกร้า 300 บาท ที่ข้างในตะกร้าจะประกอบไปด้วย กล้วย อ้อย ข้าวเหนียวปั้นก้อนวิตามิน หญ้าเนเปีย ฟักทองนึ่งและอาหารช้างอัดแท่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมช้างสามารถซื้อป้อนช้างเพื่อเป็นการสนับสนุนอาหารช้าง 78 เชือก และควาญช้างของปางช้างแม่สาและมีร้านกาแฟรวมไปถึงร้านจำหน่ายสินค้าโอท๊อปมาให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายสินค้าอุดหนุนสินค้าโอทอปของชาวบ้านด้วย


สำหรับการเปิดให้บริการครั้งนี้นั้นจะเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา09.00เป็นต้นไป โดยเปิดบริการวันละ 3 รอบๆละ 200 คน รอบแรกเวลา 9.00น.-11.00 น. , รอบที่ 2 เวลา 11.00 น.- 13 .00 น. , รอบที่ 3 เวลา 13.00-15.00 น. ของทุกวัน ถ้าหากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจก็สามารถมาเที่ยวชมช้างป้อนอาหารช้างได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎของปางช้างแม่สา ซึ่งจะมีการตั้งจุดคัดกรอง วัดอุหภูมิก่อนเข้าชมช้างและต้องผ่านอุโมงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนถึงจะสามารถเข้ามาในปางช้างได้///

ตะลึงพิธีสรงน้ำพระราชทานพระบรมธาตุศรีจอมทอง ลอยขึ้นเล่นน้ำอย่างน่าอัศจรรย์

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 5 มิ.ย.นี้ ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ได้จัดประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุศรีจอมทองหรืองานเดือนเก้า เมืองจ๋อมตอง

ในปีนี้ทางนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 เป็นผู้อัญเชิญน้ำสรงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานน้ำสรง เพื่อเชิญไปสรงน้ำพระบรมธาตุเจ้าจอมทอง ในงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุเจ้าจอมทอง ประจำปี 2563

โดยในปีนี้ได้จัดแบบจำกัดจำนวนผู้คนที่จะเข้าร่วมในพิธี เนื่องจากอยู่ในช่วงเว้นระยะห่างทางสังคมจากกระแสไวรัสโควิด 19 ซึ่งในทุกปีจะมีประชาชนมาร่วมพิธีมากกว่า 1 หมื่นคน แต่ในปีนี้ให้เฉพาะผู้ได้รับการอนุญาตจากทางวัดเท่านั้น มีจำนวนไม่เกิน 200 คน

โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่เป็นประธานในพิธี โดยจัดแบบเรียบง่ายแต่ยังคงอนุรักษ์รูปแบของประเพณีไว้ เริ่มตั้งแต่อัญเชิญพระบรมธาตุศรีจอมทอง พระทักษิณโมลีธาตุ หรือพระธาตุส่วนเศียรเบื้องขวาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดโตประมาณ เมล็ดพุทรา สัณฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือน ดอกบวบ หรือ สีคล้ายดอกพิกุลแห้ง จากพระวิหารสถานที่ประดิษฐาน

โดยถือว่าเป็นการประดิษฐานนี้ ไม่ได้เป็นถาวร สามารถอัญเชิญ พระธาตุออกมาให้ประชาชนได้สักการะอย่างใกล้ชิดได้ จึงทำให้เกิดประเพณีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุเข้า – ออกพรรษา ปีละสองครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นศาสนพิธีประจำของวัดแห่งนี้ สืบสานมาอย่างช้านานกว่า 100 ปี โดยวันที่จัดงาน จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 เหนือ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ภาคกลาง หรือประมาณเดือน มิถุนายน

สำหรับการประกอบพิธี ตั้งแต่อัญเชิญพระบรมธาตุศรีจอมทอง ออกจากวิหารหลวงก็ทำพิธีที่อุโบสถของวัด จากนั้นมาประกอบพิธีทางสงฆ์ ก่อนประกอบพิธีอัญเชิญน้ำสรงพระราชทานสรงพระบรมธาตุศรีจอมทอง

โดยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ ทำพิธีถวายน้ำสรงพระราชทานสรงพระบรมธาตุศรีจอมทอง จากนั้นพระสงฆ์และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ร่วมในพิธีได้ร่วมกันสรงน้ำสำหรับน้ำที่ใช้สรง แต่เดิมชาวบ้านถือว่าต้องใช้น้ำจากน้ำแม่กลางผสมกับดอกคำฝอย ให้เป็นสีเหลืองอ่อน โดยมีห้ามนำน้ำส้มป่อยสรงพระบรมธาตุ

ซึ่งพระบรมธาตุอยู่ภายในโกศแก้ว น้ำที่สรงจะผ่านรางน้ำลงมา โดยในทุกๆปีจะมีการเพ่งดูกันว่าพระบรมธาตุศรีจอมทองจะเล่นน้ำหรือไม่ ซึ่งทุกคนก็ได้เห็นที่ร่วมในพิธีก็ได้เห็นพระบรมธาตุศรีจอมทอง ลอยขึ้นลงอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก และพากันรองน้ำที่ผ่านโกศแก้วซึ่งทางวัดได้ปล่อยลงไปในท่อเพื่อให้สาธุชนใช้ขวดรองน้ำนำกลับไปบูชาหรือนำเอาไปเป็นเพื่อเป็นสิริมงคลเพราะมีพลังความศักดิ์สิทธิ์เต็มเปี่ยม

ปางช้างแม่สา เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีในแบบNew Normal

ปางช้างแม่สา เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อุ่นใจ ในแบบNew Normal

ปางช้างแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เตรียมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมวิถีความเป็นอยู่ของช้างชมฟรี เที่ยวเชิงอนุรักษ์ อุ่นใจ ในแบบNew Normal โดยทาง นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปางช้างแม่สา ได้เผยว่าในวันที่ 16 มิ.ย.นี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมวิถีชีวิตใหม่ของช้างภายในปางช้างแม่สา

โดยจะเป็นการเปิดแบบsoft opening ก่อนและจะเปิดเต็มรูปแบบในวันที่ 17 มิ.ย.โดยจะมีการทำบุญเลี้ยงพระเพื่อเป็นสิริมงคล ที่บริเวณลานพิฆเนศว์ และถือโอกาสเปิดปางช้างในมิติใหม่ โดยไม่มีการแสดงช้างหรือนั่งแหย่งหลังช้าง ที่เคยมีมาถึง 44 ปี แต่จะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปและมีการปั้นและป้อนอาหารเสริมให้ช้าง และมีกิจกรรมเสริมชมช้างลงอาบน้ำและอาบน้ำให้ช้าง และเพื่อเป็นการหารายได้ทางปางช้างให้เข้าชมฟรี แต่จะมีการจำหน่ายอาหารช้าง และอาหารและเครื่องดื่มให้กับนักท่องเที่ยว

ส่วนที่ลานพระพิฆเนศว์ที่ถือว่าเป็นจุดศักดิ์สิทธิ์ในปางช้างแม่สา ก็จะเปิดให้ผู้มาเยือนปาางช้างได้สักการะบูชา ถวายกล้วยอ้อยและมาบนบานศาลกล่าวได้ถือว่าเป็นมิติใหม่ จะมีร้านเช่าชุดไทย และชุดล้านนา ในการใช้เดินเที่ยวชมถ่ายรูปกับช้างโดยจะมีมาตรการเข้มในการเฝ้าระมัดระวังในเรื่องไวรัสโควิดโดยจะมีการตรวจวัดไข้ ล้างมือด้วยเจล และทุกๆคนที่ผ่านเข้าไปในปางช้างจะต้องผ่านอุโมงค์สเปย์เพื่อฆ่าเชื้อและติดสติกเกอร์ตามมาตรการของภาครัฐที่กำหนดให้ทุกอย่าง โดยจะมีการคุมเข้มในเรื่องโควิดเพื่อความปลอดภัยในทุกๆด้าน


นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชมช้างและศึกษาวิถีชีวิตช้างได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะทางปางช้างแม่สา ต้องการจะขอบคุณผู้ใจบุญและหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาช่วยเหลือปางช้างแม่สาในช่วงโควิด19 เพราะที่ผ่านมาเมื่อต้องหยุดกิจการกิจกรรมชั่วคราวตามนโยบายรัฐบาล ทางปางช้างไม่มีรายได้เข้ามาเลยต้องสูญเสียมหาศาลเพราะต้องเลี้ยงช้างจำนวน 78 เชือกและควาญพร้อมกับพนักงานร่วม 200 คน ดังนั้นจากภาวะเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้

ทางปางช้างแม่สาคงไม่สามารถจะเอาเงินจากนักท่องเที่ยวชาวไทยในสถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่เก็บค่าผ่านประตู แต่ของให้ผุ้มาเยือนมาช่วยกันเลี้ยงป้อนอาหารช้าง โดยทางปางจะจัดเตรียมไว้ให้หรืออาจจะเป็นการเข้ามาบริจาคเงินช่วยเหลืออาหารช้างก็แล้วแต่ โดยโซนที่จะเปิดได้กำหนดไว้แล้ว แต่ไม่มีการแสดงโชว์ช้างและนั่งหลังช้างเท่านั้น

แต่จะได้ชมการป้อนอาหารช้างและชมช้างลงอาบน้ำ ทั้งครอบครัวช้างน้อยช้างใหญ่ผลัดกันมาให้ชมโดยจะมีการกำหนดจำนวนของนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมครั้งละไม่เกิน 200 คนโดยวิธีการนับจำนวนคนและติดสติ๊กเกอร์จำนวนคน จะไม่ให้หนาแน่น

โดยจะเปิดให้ชม 2 รอบ ตั้งแต่รอบ 09.00 น.จนถึง15.00 น.แต่ด้านหน้าปางช้างแม่สาจะเปิดส่วนบริเวณด้านหน้าปางช้างแม่สา จะเปิดบริการในเวลา 08.00 น. – 16.00 น. มีบริการร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายมูลช้างอินทรีย์ และอื่นๆ ปางช้างแม่สา ยินดีต้อนรับทุกท่าน เข้าชมฟรีในเวลา 09.00 น.เป็นต้นไป


แต่ขอให้ปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ช่วงการป้องกันไวรัสโควิด 19 ของปางช้างแม่สา ทุกคนต้องใส่หน้ากาก ล้างมือ และผ่านซุ่มพ่นน้ำยาค่าเชื้อเข้าไป
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ 053-206-247-8, 089-838-4242

อพยพช้างกลับบ้านครั้งใหญ่หนีภัยร้ายโควิด อยู่ก็อดตาย ไปอาจมีทางรอด

พิษภัยร้ายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วทุกหนระแหง ในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นปัจจัยหลักที่นำรายได้มหาศาลมาสู่ประเทศ ได้รับผลกระทบอย่างรุงแรงชนิดรายได้เป็น”ศูนย์” โดยเฉพาะปางช้างหลายแห่งทั้งเล็กทั้งใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่เคยทำเงินจากการท่องเที่ยว จนสามารถเลี้ยงทั้งคนและช้างได้อย่างสบายมาตลอด

ปางช้างที่มีช้างเป็นของตัวเองและมีสายป่านการเงินที่ยาวก็ยังสามารถประคับประคองเลี้ยงช้างและควาญช้างให้อยู่รอดได้ในระยะยาว แต่ปางช้างที่ต้องเช่าช้างและควาญช้างมาอยู่ในปางตัวเอง เมื่อประสบปัญหานักท่องเที่ยวเป็น”ศูนย์”ก็ต้องเลิกเช่าช้างและให้ช้างและควาญออกจากปางไปเพราะไม่สามารถแบกรับปัญหาการเลี้ยงช้างที่ต้องให้อาหารช้าง เชือกหนึ่งวันละ 300-500 กิโลกรัม

เมื่อเป็นเช่นนี้ทางเจ้าของช้างและควาญช้างจึงต้องนำเชือกกลับบ้าน ช้างที่มาจากต่างจังหวัดทางภาคอีสาน เช่น จ.สุรินทร์ จ.ชัยภูมิ รวมทั้งบุรีรัมภ์และหลายจังหวัดต้องนำช้างกลับโดยวิธีใช้รถบรรทุกช้างกลับในราคาที่แพงมากกว่า 1 แสนบาทขึ้นไป แต่ช้างที่เดินทางมาจาก จ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน รวมทั้งอำเภอแดนไกลของเชียงใหม่ไม่ว่า อ.แม่แจ่ม อ.อมก๋อย ช้างทั้งหมดรวมทั้งควาญช้าง เจ้าของ ช้างกว่า 100เชือก จะต้องใช้วิธีเดินเท้าลัดป่าดอยจาก อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่

ผ่านเส้นทางป่าลึกดอยสูงและเส้นขอบเหวลึก ที่สองข้างทางแทบไม่มีอาหารช้างเลย จากสถานการณ์ไฟป่าที่เผาสองข้างทางจนไม้ใหญ่และพืชล้มตายจำนวนมาก และอากาศที่ร้อนมีทั้งช้างน้อยแรกเกิดวัย 4 เดือนรวมทั้งช้างชราวัยกว่า 60 ปีที่ต้องเดินทางไกลร่วม 200 กิโลเมตร ไร้น้ำและอาหารที่มีในป่าทางธรรมชาติ


ในเรื่องนี้ทางมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม นำโดยนางแสงเดือน ชัยเลิศ นักอนุรักษ์ช้าง ต้องใช้วิธีการช่วยเหลือในด้านอาหารช้างโดยส่งเจ้าหน้าที่เดินร่วมทางไปกับช้างโดยนำรถบรรทุกน้ำ และอาหารช้าง ไม่ว่าจะเป็นหญ้าและแตงโมไปวางไว้เป็นระยะที่ขบวนช้างอพยพจะต้องเดินผ่านป่าระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร จนไปถึงหมู่บ้านที่มีลำน้ำลำห้วย และต้องเดินทางผ่านหมู่บ้านขึ้นดอยสูงจนกว่าจะไปถึงบ้านถิ่นเดิมของเจ้าของช้างซึ่งเป็นเส้นทางมหาโหดจริงๆและช้างเมื่ออพยพไปแล้วก็ไม่ว่าอีกกี่เดือนจะได้กลับมาอีก


นายธีระชัย เปรมชื่นธนาวัลย์ เจ้าของช้างชนผ่าปกากญอ หรือชนเผ่ากะเหรี่ยง ได้เผยว่าจากกระแสไวรัสโควิด ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มีช้างและควาญตกงาน เจ้าของช้างต้องจำเป็นต้องนำช้างกลับเพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เพราะช้างก็ต้องกินควาญก็ต้องกิน ทุกอย่างต้องซื้อกิน แต่หากกลับบ้านก็ดีกว่าเพราะยังมีนา มีไร่ให้ทำกิน จึงต้องกลับบ้านที่ ต.แม่สึก อ.แม่แจ่ม และไกลกว่านี้ก็มี

ในเวลานี้ช้างอพยพเดินทางกลับบ้าน จาก อ.แม่แจ่ม และ อ.แม่แตง เฉพาะช้าง ต.แม่สึก ก็มีประมาณ 100 เชือกแล้ว เราเดินทางมาตั้งแต่เดือน กุมพาพันธ์ มีนาคมและเมษายน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากลับบ้านจะมีอะไรให้ช้างกิน แต่ก็ดีกว่าอยู่ในเก่ารอวันอดตายทั้งคนและช้าง


**เจ้าของช้างชนผ่าปกากญอ ยังกล่าวอีกว่ามันเป็นประวัติศาสตร์ของการอพยพช้างกลับบ้านเป็นร้อยเชือก หรือเกือบ 100 เปอร์เซ็น ของหมู่บ้านช้างห้วย บง อ.แม่แจ่ม ถือว่าเป็นหมู่บ้านดั้งเดิมที่เลียงช้างจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งหากเป็นช้างจากหมู่บ้านแห่งนี้ที่เป็นเจ้าของช้าง และนำไปอยู่ตามปางช้าง อ.แม่แตง และ อ.แม่วาง น่าจะนำช้างเดินทางกลับบ้านหมดแล้ว และกลับไปถึงบ้านก็ไม่รู้ว่าจะมีอาหารช้างเพียงพอหรือไม่

เพราะสภาพพื้นที่ป่าเป็นไร่ข้าวโพดไปหมดแล้ว และหากเจ้าของช้างมีมาตรการรองรับปลูกหญ้าไว้ให้ช้างก็ยังพอจะอยู่ได้ แต่หากยังไม่ได้เตรียมตัวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ต้องเลี้ยงกันตามมีตามเกิดไป แต่ก็ยังดีกว่าอยู่ตามปางช้างที่เดิม ที่ไม่รู้ว่าโควิด19 จะหมดสิ้นไปเมื่อใด และนักท่องเที่ยวจะกลับมาเมื่อใด อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือมากกว่าปีก็เป็นได้


ด้านนางแสงเดือน ชัยเลิศ มูลนิธอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ที่เดินเท้ามากับช้างอพยพในครั้งนี้ด้วยได้เผยว่าช้างที่อพยพในครั้งนี้เป็นช้างของตระกูลปกากญอ หรือกะเหรี่ยง มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ในอดีตช้างเหล่านี้จะนำไปลากไม้ หลังจากลากไม้เสร็จก็มีทำด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่วันนี้เมื่อโควิด -19 สร้างปัญหา

ช้างเหล่านี้ไม่มีงานทำ เขาจึงจำเป็นต้องนำช้างกลับเพราะหากอยู่ในพื้นที่ก็ไม่มีกินไม่มีหญ้าเพราะไฟป่าไหม้หมดเลย เขาต้องพากันหนีตายเพราะไม่รู้อนาคตว่าทัวร์จะกลับมาในเวลาไหน เพราะอยู่ในปางช้างจะต้องเสียค่าน้ำค่าไฟ ต้องขอนำกลับบ้านดีกว่า เขาเดินทางกลับจาก อ.แม่วาง ถึง อ.แม่แจ่ม เป็นหมู่บ้านติดกับแม่ฮ่องสอน ต้องใช้เวลาถึง 5 วัน จะนอนกลางทางและใช้วิธีเดินทางลัดกลางป่า โดยช่วงนี้ช้างอพยพกลับบ้านเป็นร้อยเชือก

 

ช้างเหล่านี้มาทำงานด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แล้ววันนี้โควิด 19 ได้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่มีนักท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทุกคนก็ยังรอ แต่พอรัฐบาลประกาศไม่ให้มีการบริการนักท่องเที่ยวและสายการบินปิดทุกที่ เมื่อนักท่องเที่ยวไม่มี อยู่ที่นี่ก็ตาย สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าคือสิ่งที่ทุกคนคิดกัน

ช้างช่วยช้างมอบมะม่วง 3,000กิโลกรัมให้ปางช้างแม่สา

ช้างช่วยช้างช่วยเกษตรกรพ้นวิกฤตโควิด 19บริษัทประชารัฐรักสามัคคีร่วมกับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)ได้ซื้อมะม่วงจากกลุ่มเกษตรในอำเภอพร้าวนำมะม่วงน้ำดอกไม้มามอบให้ปางช้างแม่สา 3,000 กิโลกรัมและกระจายมอบให้ปางช้างอีก 5 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 รวม ทั้งหมด 24,000 กิโลกรัม


นายณรงค์ คองประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทประชารัฐรักสามัคคีเชียงใหม่และกลุ่มตัวแทนกับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)ได้นำมะม่วงสุกน้ำดอกไม้ ที่ซื้อจากกลุ่มเกษตรกรในอำเภอพร้าว จำนวน 3,000 กิโลกรัม มามอบให้กับทางปางช้างแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม โดยมีนางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัทปางช้างแม่สา ออกมารับมอบพร้อมช้างน้อยพังดอย กับพังขุนศึก

นายณรงค์ คองประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทประชารัฐรักสามัคคีเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังได้รับทราบว่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นมีปางช้างหลายแห่งได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ต้องปิดกิจการไม่มีนักท่องเที่ยว ที่สำคัญไม่มีอาหารช้าง ประกอบกับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ก็ประสบกับปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำส่งออกไม่ได้ ทางบริษัทจึงได้เข้าไปช่วยเหลือซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้จากอำเภอพร้าว นำมามอบให้กับปางช้างแม่สาและปางช้างอีก 5 แห่งเพื่อให้มะม่วงน้ำดอกไม้เป็นอาหารของช้างซึ่งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของช้างและเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย

ด้านนางอัญชลี กัลมาพิจิตรกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปางช้างแม่สา เปิดเผยว่า ปางช้างแม่สาซึ่งมีช้างทั้งหมด 78 เชือกแต่ละวันนั้นช้างจะกินอาหารประมาณวันละ 5 ตัน เมื่อทางบริษัทนำมะม่วงมาให้ถือว่าเป็นการดีและรู้สึกขอบพระคุณเป็นอย่างมากเพราะมะม่วงเหล่านี้จะนำไปเป็นอาหารเสริมทำข้าวเหนียวมะม่วงให้ช้างกินเพื่อเป็นการดูแลสุขภาพของช้างและเสริมวิตามินซีเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับช้างด้วย

ปิดให้บริการชั่วคราวช่วงไวรัสโควิด-19แต่สัตว์ของสวนสัตว์เชียงใหม่ยังสุขภาพแข็งแรงพร้อมโชว์ตัว

หลังจากที่องค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ปิดบริการสวนสัตว์ ในสังกัดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ 18 มีนาคม2563 เป็นต้นมา ตามมติคณะรัฐมนตรีที่มีมติให้กิจการและสถานที่บริการที่มีการรวมคนจำนวนมาก ปิดให้บริการชั่วคราว เพื่อลดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นส่วนหนึ่งในการลดโอกาสในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น


เมื่อวันที่ 30 เม.ย.นี้นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้นำชมชีวิตสัตว์ในช่วงสวนสัตว์เชียงใหม่ปิดบริการชั่วคราว ซึ่งทางสวนสัตว์ถือโอกาศที่การตกแต่งปรับปรุงภายในสวนสัตว์เป็นอย่างดี พร้อมนำชมชีวิตสัตว์ในช่วงไร้คนชม ซึ่งสัตว์ต่างๆยังคงใช้ชีวิตอย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่ว่าจะเป็นโซนฮิปโปโปเตมัส แพนด้าหลินฮุ่ยที่มีผิวขนสีขาวสะอาดตา แพนด้าแดง แพะภูเขา เพนกวิน และนกต่างๆใช้ชีวิตอย่างสบาย อาจจะเป็นเพราะไม่มีผู้เข้าไปชมมากเหมือนครั้งที่ผ่านมา ทำให้สัตว์อยู่อย่างธรรมชาติที่สุด

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่เผยว่า สวนสัตว์เชียงใหม่ ในช่วงระหว่างที่ทำการปิดนั้น บุคลากรในสวนสัตว์เชียงใหม่ ทุกคนยังคงปฏิบัติภารกิจของตนเองในส่วนงานที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งได้มีการปรับปรุงพัฒนาสวนสัตว์ในส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลสัตว์ ทุกคนยังปฏิบัติหน้าที่โดยการให้การดูแลสัตว์และบริเวณส่วนจัดแสดงที่รับผิดชอบ พร้อมทั้ง ทีมสัตวแพทย์ประจำสวนสัตว์ ได้ลงพื้นที่ในการให้การดูแลสัตว์อย่างใกล้ชิด ทุกวันอย่างต่อเนื่อง

ดูแลทั้งในเรื่องการเตรียมอาหารที่มีคุณภาพ การให้อาหารเสริม และการผสมวิตามิน เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับสัตว์ทุกตัวในช่วงของการเปลี่ยนฤดู เช่น สัตว์ในโซนแอฟริกา (ยีราฟ ม้าลาย นกกระจอกเทศ ออริกเขาดาบ ฯลฯ) มีการให้อาหารประเภทหญ้าแห้ง หญ้าสด แครอท และผักบุ้ง และในส่วนจัดแสดงไก่ฟ้า แพนด้าแดง มีการจัดเตรียมอาหารประเภทต่างๆ ไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปให้สัตว์แต่ละชนิดภายในส่วนจัดแสดง ทั้งนี้ได้มีการส่งเสริมพฤติกรรมสัตว์

ในส่วนจัดแสดงนกเพนกวิน โดยนำปลาทู แช่แข็ง ลอยบนผิวน้ำ เพื่อให้นกเพนกวินได้แสดงพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติและเป็นการออกลังกายอีกด้วย อีกชนิดหนึ่งที่ได้ทำการส่งเสริมพฤติกรรมสัตว์ นั่นคือ หมีควาย ทางทีมพี่เลี้ยงได้จัดทำไอศกรีมผลไม้แช่แข็ง พร้อมราดด้วยน้ำผึ้งสดๆ เพื่อให้หมีควายได้สัมผัสด้วยวิธีการดมกลิ่นและ กินน้ำหวาน เพื่อลดความเครียดให้กับสัตว์ ทุกวันจะมีการสลับสับเปลี่ยนการส่งเสริมพฤติกรรมให้สัตว์ชนิดต่างๆอย่างต่อเนื่อง


สำหรับหลายๆ ท่านยังคงออกไปปฏิบัติงานตามปกติ บางท่าน Work from Home หากใครที่ยังคิดถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ สามารถรับความน่ารักของสัตว์ต่างๆ กันถึงบ้าน ได้ทางช่องยูทูป “ChiangMai Zoo Educator Online” และทางแฟนเพจ “สวนสัตว์เชียงใหม่ Chiang Mai Zoo” ทุกวันจะมีลงคลิปสัตว์ต่างๆ สลับสับเปลี่ยนกันไปแต่ละชนิด ให้ได้รับชมกันอย่างจุใจถึงบ้านเลย

โครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน”ร่วมช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

วันที่ 23 เม.ย.63 ที่ศูนย์จัดการขยะแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ บ้านป่าตึงน้อยหมู่ 1 ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ,นายจิระชาติ ซึ่อตระกูล นายอำเภอดอยสะเก็ดและนางวรรณี ลิทองกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท วีพีเอ็นคอลเล็กชั่นส์ จำกัด ได้ร่วมกันมอบสิ่งของอุปโภค บริโภคให้กับตัวแทนผู้นำชุมชน 2 ตำบล 7 หมู่บ้านรอบโครงการศูนย์จัดการขยะฯ ตามโครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน”ร่วมช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการมอบสิ่งของอุปโภค บริโภคในครั้งนี้ว่า เนื่องจากศูนย์จัดการขยะแบบครบวงจร อบจ.เชียงใหม่ตั้งอยู่ในเขตต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่โดยรอบ โดยตลอดที่ผ่านมาต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมือง

โดยเฉพาะศูนย์จัดการขยะแบบครบวงจรแห่งนี้ถือว่าเป็นศูนย์ฯที่มีระบบการบริหารจัดการที่ดีแห่งหนึ่งของประเทศ และในยามที่เกิดปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโควิดฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน ที่ทำให้พี่น้องทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการดูแลบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

ทางด้านนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่ต้องขอบคุณที่อบจ.เชียงใหม่และผู้บริหารบริษัทวีพีเอ็นฯ ที่ได้มอบสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์กับการที่จะให้ประชาชนได้ใช้ดำรงชีวิตในช่วงเวลาหนึ่ง ที่เป็นช่วงเวลาที่มีความยากลำบาก เหมือนกับชื่อโครงการที่ว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน ในการช่วยกันดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน

“ช่วงนี้การแพร่ระบาดของโรคโคลิค 19 ทำให้วิถีการใช้ชีวิตของเรามีข้อจำกัด บางอย่างที่เราเคยทำอย่างสะดวกสบายก็ต้องปรับเปลี่ยนมีข้อจำกัดบ้าง ซึ่งมาตรการที่ออกมาก็เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดกระจายออกไปอีก ตั้งแต่ต้นเดือนจนกระทั่งถึงวันนี้ ทุกภาคส่วนได้มีส่วนสำคัญร่วมกันในการหยุดยั้งการแพร่ระบาด ทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน กรรมการหมู่บ้านของฝ่ายท้องถิ่นทำกันอย่างเต็มที่และกระบวนการตรวจระวังป้องกันการดูแลตนเอง 14 วัน สำหรับคนบางคนเราทำกันอย่างเต็มที่ สิ่งที่ทำให้เป็นความสำเร็จคือครบ 14 วันแล้วที่เราไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราดูสิ่งที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ หรือที่ญี่ปุ่นที่พบการแพร่ระบาดจะเกิดขึ้นใหม่ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นว่า สิ่งที่สำคัญก็คือสิ่งที่เราเคยทำแล้วทำให้กระบวนการควบคุมการป้องกันการแพร่ระบาดได้ผล ก็ขอให้พวกเราได้ทำอย่างต่อเนื่อง”ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าว

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้กล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลพิจารณาแล้ว มีอันใดที่จะสามารถผ่อนปรนได้ สิ่งไหนที่จะทำให้ประชาชนได้มีความสะดวก สบายมากขึ้น เมื่อใดที่เราได้รับสัญญาณตรงนี้ ทางจังหวัดก็จะสามารถผ่อนปรนให้ ทั้งนี้การที่จะผ่อนปรนมาตรการได้สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ก็ต้องมาพิจารณาหลายปัจจัยร่วมจะต้องดูสถิติของการระบาดของผู้ป่วยติดต่อ การติดโรคอะไรทั้งหลาย ในขณะเดียวกันขณะนี้สิ่งที่ทำได้คือความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่เชื่อว่าเราจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี

ขอขอบคุณในน้ำใจของพี่น้องประชาชนที่ยอมทนลำบาก ปฏิบัติตามสิ่งที่กรมควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดให้คำแนะนำ ขอบคุณทีมงานเครือข่ายที่ทำหน้าที่ในการที่ดูแลระวังป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นของหมู่บ้านตำบล ทีมงานทางการแพทย์ ทีมงานตำรวจน ทีมงานหมู่บ้านหรือภาคประชาชนทั้งหลาย ที่ร่วมต่อสู้กันมาโดยใช้ชีวิตที่อยู่ภายใต้ลักษณะที่จะทำให้การควบคุมโรคเป็นไปได้อย่างได้ผล และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เราได้รับกำลังใจจากทีมงานของวีพีเอ็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้อนาคตเราจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมกันได้.

“เราไม่ทิ้งกัน”แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล มอบชุดอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล หรือ PPEให้ตำรวจ

“เราไม่ทิ้งกัน”แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล มอบชุดอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล หรือ PPEให้ตำรวจสู้ภัยโควิด19

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย คณะรอง ผบช.ภ.5 ร่วมรับมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment หรือ PPE) จำนวน 100 ชุด จากที่ปรึกษาคณะกรรมการ กต.ตร.ภ.5 เพื่อใช้ประโยชน์ในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19

วันที่14 เมษายน 2563 เวลา 14.00 น.พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.อดุลย์ ดรุณเพท รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงดเศรณี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร ผบก.อก.ภ.5 และ พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตะสิน ผบก ภ.จว.เชียงใหม่ ร่วมรับมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment หรือ PPE) จำนวน 100 ชุด มูลค่า 70,000 บาท จาก คุณวรรณี ลิทองกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีพีเอ็น คอลเล็คชั่นส์ จำกัด ที่ปรึกษาคณะกรรมการ กต.ตร.ภ.5

เพื่อใช้ประโยชน์ในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19  และได้มอบชุด PPE ต่อให้ พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตะสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ จำนวน 30 ชุด และที่เหลือ 70 ชุด จะได้แจกจ่ายให้กับหน่วยในสังกัดต่อไป