พระเทพวุฒาจารย์หรือหลวงปู่เจ วัย94 ปีเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง วรวิหาร เชียงใหม่ละสังขาร

เมื่อเวลา 00.01 น.วันที่ 18 มี.ค.นี้พระเทพวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่เจ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อายุ 94 ปี 2 เดือน 18 วัน พรรษา 74 ได้ละสังขารอย่างสงบ ณ กุฏิมหาเจติยาสามัคคี ภายในวัดเจดีย์หลวง วรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อหน้าพระเถรานุเถระ มีพระราชวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน (ธ) พระครูโสภณกวีวัฒน์ ผช.เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงฯ พร้อมคณะกรรมสงฆ์ พระภิกษุสามเณรในวัดจำนวนมากที่ได้ร่วมแสดงความอาลัยในวาระสุดท้าย หลังจากได้เคลื่อนย้ายหลวงปู่ออกจากโรงพยาบาลสงฆ์ภายในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่กลับสู่วัดตามความประสงค์ของท่าน และเมื่อมาถึงก็ได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบภายในกุฏิมหาเจติยาสามัคคี


กำหนดการส่งน้ำสรีระสังขารพระเดชพระคุณในวันที่ 19 มีนาคม เวลา 09.00 น. จะทำพิธีอาราธนาสรีระสังขารหลวงปู่ไปยังพระวิหารหลวง จากนั้นในเวลา 16.00 น. ประกอบพิธีถวายน้ำหลวงสรงศพ หลังจากนั้นจะได้มีการแสดงพระธรรมเทศนา และสวดพระอภิธรรมทุกวัน จนถึงวันพุธที่ 27 มีนาคม จึงจะได้มีการประกอบพิธีทำบุญสัตตมวารครบ 7 วัน


พระครูโสภณกวีวัฒน์ เปิดเผยว่า หลวงปู่เจหรือพระเทพวุฒาจารย์ เป็นผู้มีบุญ ตั้งแต่มาอยู่วัดเจดีย์หลวงฯนานร่วม 80 ปีไม่เคยอาพาธเจ็บป่วยอะไร ตลอดเวลาไม่เคยไปโรงพยาบาล เพิ่งมาปี 2559 วันที่ 18 สิงหาคมที่อาพาธหนักครั้งแรกในชีวิตของท่าน นับแต่นั้นมาก็เข้าออกโรงพยาบาลประจำ รวมทั้งเกิดอุบัติเหตุล้มลงก็กลับเข้าโรงพยาบาลอีกจนถึงวันละสังขาร โดยขณะยังรักษาตัวอยู่ได้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลหลายครั้ง รวมแล้วร่วม 2 ล้านบาท จากคุณความดีของท่านระหว่างเป็นครูพระ และปกครองวัดได้มอบทุนการศึกษา และพัฒนาวัดไว้เป็นอันมาก เมื่อปี 2557 ได้รับรางวัลคนดีศรีแผ่นดินจากมหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ “หลวงปู่ท่านเป็นคนใจดี ไม่เก็บกด มีอารมณ์สม่ำเสมอ ไม่วู่วามโกรธแค้น ปล่อยวาง ดำรงตนอยู่ด้วยความเมตตา ให้อภัยธรรมเป็นจริตนิสัย สมกับฉายา อภโย คือผู้ให้อภัยไม่จองเวร คุณธรรมนี้ทำให้ท่านมีอายุยืน”

สำหรับประวัติ พระเดชพระคุณพระราชเจติยาจารย์ (ชูเกียรติ อภโย เทวินทะ) เป็นบุตรนายบุญมี นางคำปุก เทวินทะ เกิดที่บ้านอุมลอง หมู่ 1 ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2468 เป็นบุตรคนที่ 3 ของครอบครัว (มีพี่น้องชายหญิง 6 คน)บิดามารดาประกอบอาชีพค้าขาย เรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านจบประถม 4 เมื่อปี พ.ศ.2483 ทำงานช่วยบิดามารดา ปี พ.ศ.2487 ได้ติดตามพี่ชายชื่อ สามเณรเดช เทวินทะ วัดสีตลาราม จ.ตาก ติดตามพระอาจารย์กั๊วะ (จำฉายาไม่ได้) พระกัมมัฏฐานเดินธุดงค์ นำทั้งสองคนมาฝากไว้ที่วัดเจดีย์หลวงเพื่อศึกษา จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเจดีย์หลวง เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2487 โดยคุณนายชั้น ระวังเวียงพิงค์ เป็นเจ้าภาพ ซึ่งวันนั้น สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(อ้วน ติสฺโส)สังฆนายกเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ เดินทางขึ้นมาปฏิบัติศาสนกิจในภาคเหนือโดยนำหน่อต้นโพธิ์จากประเทศอินเดียมาปลูกที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ได้แวะมาเยี่ยมวัดเจดีย์หลวง จึงรับเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2488 เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร พระพุทธิโศภน (แหวว ธมฺมทินฺโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาขันติ์ ขฺนติโก (พระธรรมดิลก อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง มรณภาพ 2534) เป็นพระกรรมวาจาจารย์พระหมาหมื่นวุฑฺฒิญาโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “อภโย”


สมณศักดิ์/ตำแหน่งหน้าที่ พ.ศ. 2515 เป็นพระครูวินัยธร ฐานานุกรมของพระเทพสารเวที พ.ศ. 2518 เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูมหาเจติยาภิบาล พระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นโท พ.ศ. 2524 เป็นพระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก (ในราชทินนามเดิม)พ.ศ. 2530 เป็นพระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ (ในราชทินนามเดิม) พ.ศ. 2539 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระมหาเจติยาภิบาล พ.ศ. 2547 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชเจติยาจารย์ พ.ศ. 2523 เป็นเจ้าคณะตำบลช้างเผือก(ธ) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอุปัชฌาย์ วันที่ 14 กรกฎาคม 2551 ได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ ให้ เป็นพระเทพวุฒาจารย์ สีลาจารวิมล โสภณศาสนกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ.

ปางช้างแม่สาจัดงานวันช้างไทย รูปแบบเชิดชูควาญช้าง สร้างขวัญกำลังใจจากพิษไวรัสโควิด-19

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 11 มีนาคม 2563 ที่ส่วนจัดแสดงปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทปางช้างแม่สา จำกัด ได้จัดกิจกรรมมอบรางวัลควาญช้างยอดเยี่ยมของปางช้างแม่สา จำนวน 30 คน เนื่องในวันช้างไทย ปี 2563 พร้อมทั้งมอบเข่งผลไม้นานาชนิดที่ช้างชอบเป็นอาหารช้างโดยจัดเป็นการภายในในช่วงการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งปกติงานวันช้างไทยจัดขึ้นใน วันที่ 13 มีนาคมของทุกปี

นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ปางช้างแม่สา จำกัด กล่าวว่า ในวันที่ 13 มีนาคม ทุกปีปางช้างแม่สา จะจัดงานวันช้างไทยขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความสำคัญของวันช้างไทย ในปี 2563 นี้ ปางช้างแสา จึงได้จัดงานวันช้างไทยขึ้น

แต่การจัดงานในครั้งนี้จะแตกต่างจากทุกปี ด้วย ดังนั้นนโยบายของผู้บริหารในปีนี้ จึงจัดงานวันช้างไทยในรูปแบบที่เรียบง่ายและเน้นให้ความสำคัญกับช้างและควาญช้างมากกว่า เพื่อตอบแทนการทำงานของควาญช้างและช้างตลอด 44 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่ม ก่อตั้งในปี 2519 จนถึงทุกวันนี้โดยในปีนี้ทางผู้บริหารปางช้างแม่สา

จึงได้ทำกิจกรรมตอบแทนการทำงานของช้างและควาญช้างโดยการจัดงานมอบรางวัลควาญช้างยอดเยี่ยมให้กับควาญช้าง จำนวน 30 รางวัล กิจกรรมนี้จึงจัดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม 2563 ก่อนวันช้างไทยจริงสองวัน เพื่อเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำการประชาสัมพันธ์ออกไปเผยแพร่ในวงกว้างอย่างรวดเร็ว เหมาะสมต่อไป

“ในปี 2563 นี้ปางช้างแม่สาไม่ได้งดจัด ”งานวันช้างไทย” แต่ย้ายมาจัดในวันที่ 11 มีนาคม 2563 เวลา 10.00 น. ช่วงเช้ามีพิธีทางสงฆ์ ถวายเพลพระสงฆ์ 9 รูป จัดเลี้ยงอาหารกลางวันพนักงานพร้อมแจกกล่องใส่อาหาร แบบทัพเพอร์แวร์ สามารถนำมาใช้ซ้ำ (Reuse) จำนวน 400 กล่องและช่วงบ่าย ในเวลา 13.00 น. มีพิธีมอบเกียรติบัตรควาญช้างยอดเยี่ยมจำนวน 30 รางวัล พร้อมกับการเปิดร้านอาหารสวัสดิการพนักงาน และจัดเลี้ยงอาหารช้างจำนวน 78 เชือกซึ่งการจัดงานในวันนี้จัดแบบไม่ฟุ่มเฟือยตามสภาพเศรษฐกิจโดยเน้นปรัญชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง และจัดงานเป็นการภายใน ปางช้างแม่สาประกาศปิดทำการครึ่งวันบ่าย ทั้งนี้เพื่อป้องกันไวรัสโควิด19 ที่กำลังแพร่ระบาดอีกด้วย “

ปางช้างแม่สา จัดเชิดชูเกียรติควาญช้างที่เลี้ยงช้างยอดเยี่ยม วันช้างไทย

ปางช้างแม่สา อ.แ ม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นปางช้างที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ในทุกๆปีจะมีการจัดงานวันช้างไทย ในวันที่ 13 มีนาคม.นี้ แต่ปรากฎว่าในปีนี้ทาง นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทปางช้างแม่สา จำกัด ได้เลื่อนการจัด”งานวันช้างไทย” ย้ายมาจัดในวันที่ 11 มีนาคม 2563 เวลา 10.00 น.

โดยเช้ามีพิธีทางสงฆ์ ถวายเพลพระสงฆ์ 9 รูป จัดเลี้ยงอาหารกลางวันพนักงานพร้อมควาญช้างพร้อมแจกกล่องใส่อาหารทัพเปอร์แวร์แบบนำมาใช้ซ้ำ(Reuse) จำนวน 400 กล่อง


และช่วงบ่าย ในเวลา 13.00 น. จะมีพิธีมอบเกียรติบัตรควาญช้างยอดเยี่ยมจำนวน 30 รางวัล พร้อมกับการเปิดร้านอาหารสวัสดิการพนักงาน และจัดเลี้ยงอาหารช้างจำนวน 78 เชือกโดยการจัดงานในปีนี้งานจัดแบบไม่ฟุ่มเฟือยตามสภาพเศรษฐกิจ และจัดเป็นการภายใน ปางช้างแม่สาประกาศปิดทำการครึ่งวันบ่ายของวันที่ 11 มีนาคม ทั้งนี้เพื่อป้องกันไวรัสโควิด19ไปด้วย


นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการปางช้างแม่สา ได้เผยว่าหลังจากที่ได้มีพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมควาญช้างปางช้างแม่สา(หลักสูตรเข้มข้น ครั้งที่ 1)เพื่อให้ควาญช้างของปางช้างแม่สาได้รับรู้วิทยาการใหม่ๆในการดูแลช้างที่อยู่ภายในปางช้างได้อย่างถูกต้องที่สุดไม่ว่าจะเป็นอาหารช้าง และระบบๆในด้านต่างๆของช้าง จนการเลี้ยงช้างของปางช้างแม่สา ทำให้ช้างอยู่ดีกินตามหลักสุขาภิบาลทุกอย่าง

ในปีนี้จึงจะมีพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับควาญช้าง ที่ดูแลช้างอย่างดีที่สุดเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับควาญช้าง ส่วนการเลี้ยงอาหารช้างก็จะทำกัน แต่เน้นความเรียบง่ายจัดแบบไม่ฟุ่มเฟือยตามสภาพเศรษฐกิจ และจัดเป็นการภายใน

“ปิยะนุช ศกุนตนาค” ได้ฤกษ์เปิดสิ่งมหัศจรรย์ในเชียงใหม่ “มหัศจรรย์เมืองจิ๋ว” ปะทะ “บะหมี่ยักษ์ใหญ่มหึมา”

เมื่อเช้าวันที่ 6 มีนาคม 2563 ปิยะนุช (นาคคง)ศกุนตนาค พิธีกรและดารานักแสดงชื่อดัง ผู้ได้รับกล่าวขานให้เป็นบุคคลสัญญาณลักษณ์ของจิ๋ว ได้ฤกษ์เปิด “มหัศจรรย์เมืองจิ๋ว” อย่างเป็นทางการ ณ ปิยะนุช (นาคคง)ศกุนตนาค ถนนสันทรายสายเก่า ข้างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งเปิดร้าน “บะหมี่ล้มยักษ์” ไปพร้อมๆกัน เพื่อให้ผู้มาเยี่ยมได้ “เอี่ยมตาและอิ่มท้อง” ในที่เดียวกัน

 

โดยมี อาจารย์ดรุณีนาถ นาคคง คุณครูดีเด่นอันดับที่ 1 ประเทศไทยปี พ.ศ.2539 ผู้ริเริ่มฟื้นฟูของจิ๋วให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกครั้งเมื่อ 50 กว่าปีก่อน และเป็นมารดาของปิยะนุช ศกุนตนาค เป็นประธานพิธีตัดริบบิ้น เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับลูกสาว

สำหรับงานเริ่มด้วยพิธีบวงสรวงเจ้าที่แบบล้านนา เสร็จแล้วต่อด้วยพิธีพราหมณ์ โดย สล่าแดง ผู้สร้างและออกแบบ วัดป่าดาราภิรมย์, วัดเด่น เจ้าของบ้านเรือนไทยหมู่สไตล์ลานนา 19 หลัง และ พิธีสงฆ์ ภายในงานนี้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านจะได้ชมการแสดงจากโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาลานนา พร้อมชิมและชม “บะหมี่ล้มยักษ์” จานมหึมาซึ่งเป็นจานที่ใหญ่ที่สุด ที่ต้องร่วมกันรับประทาน 16-20 คนต่อหนึ่งจาน

เนื่องในโอกาสเปิดกิจการร้านใหม่ “ภูมิ-ศรตายจิต ศกุนตนาค” ผู้บริหารร้าน “บะหมี่ล้มยักษ์” ได้เปิดเผยถึงโปรโมชั่นที่น่าสนใจว่า ทางร้านเปิดให้ทุกคนมาพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นนักกินจุหรือไม่ โดยท้าให้กินบะหมี่จานละ 189 บาท ถ้ากินหมดคนเดียวจะได้กินฟรี และทุกวันศุกร์จะมีการแข่งขันการกิน “บะหมี่จานมหึมาราคา 499 บาท” แบบทีมละ 3 คน จำนวน 2 ทีม ภายใน 20 นาที หลังจากนั้นจะเก็บสถิติใน 1 เดือน ทีมไหนทำเวลาได้ดีที่สุด จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท

สำหรับ “คนท้อง” ทุกคนสามารถรับประทาน “บะหมี่หมูแดง” จานปกติฟรีทุกวัน และถ้ารับประทานครบทุก 100 บาท จะได้รับบัตรเข้าชม “มหัศจรรย์เมืองจิ๋ว” ราคา 99 บาท 1 ใบ ร้านเปิดทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.00-20.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์)สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลข 089-7333666 (มหัศจรรย์เมืองจิ๋ว) และ 081-4511508 “บะหมี่ล้มยักษ์

ลองมาชิมอาหารและสัมผัสบรรยากาศ รื่นฤทัยที่ ร้าน”ลาบภิรมย์ “

ลองมาชิมอาหารและสัมผัสบรรยากาศ รื่นฤทัยที่ ร้าน”ลาบภิรมย์ ”

มาเชียงใหม่จะดื่มจะชิมอาหารให้สบายใจ ขอให้นึกถึง ร้าน ลาบภิรมย์ เลยสี่แยกไฟเขียวไฟแดง แยกสีบัวเงิน เส้นสันกำแพงสายใหม่ไป 20 เมตร

ร้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่บรรยากาศสุดบรรเจิด มีดนตรีโฟล์คซอง คลอเบาๆ อาหารรสเลิศ ไม่ว่าจะเป็น ลาบ ที่สมชื่อร้าน รดชาดที่ภิรมย์ลิ้น รวมทั้งอาหารไม่ว่าจะเป็นพื้นเมืองและอาหารทั้งเนื้อ และปลา กุ้งสดๆ และอาหารจานเด่นหม่าล่าหม้อไฟ 2.เนื้อจรเข้ผัดฉ่า 3.เนื้อตุ่นจิ้มแจ่ว สุดยอดในราคาที่ย่อมเยา พร้อมพนักงานชายหญิงที่มีมนุษยสัมพันธ์ดียิ่ง

ภายในร้าน มีจอทีวีขนาดใหญ่ให้ชมการถ่ายทอดฟุตบอลยุโรปนัดสำคัญ

จุดที่น่าสนใจมาก และน่าจะมีร้านเดียวในเชียงใหม่ ลูกค้าที่ไปอุดหนุนชอบที่สุดก็จะเป็นห้องน้ำที่ตกแต่งอย่างสวยงาม สะอาดสะอ้านและมีขอให้บริการฟรีไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งหน้าสตรีที่มีคุณภาพ น้ำยาทำความสะอาด รวมทั้งน้ำยาบ้วนปาก ที่จัดวางยิ่งกว่าโรงแรมหรูที่ใครเห็นก็อดถ่ายภาพไม่ได้

สำหรับกลุ่มงานที่บริหารลาบภิรมย์ยุคใหม่ล้วนมืออาชีพ มีอุ้ย – อภิวรรธษ์,เบียร์- ภูพิวัฒน์,ทัก – ชุติเดช จะบรรยายไม่หมดต้องไปลองสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเองและจะรู้ว่า ทำไมต้องชื่อ ลาบภิรมย์

 

เข้าไปแค่สัมผัสบรรยากาศก็ราบรื่น ออกมาก็ก็ภิรมร์ใจ จนลืมไม่ลง จนต้องมีครั้งสอง สามสี่อีก ชื่อก็บอกลาบภิรมย์ ไปลองซิครับหรือใครอยากลิ้มลองความอร่อยหนีความวุ่นวายเมื่อเย็นจากในเมืองเชิญครับร้านลาบภิรมย์ ร้านเปิดเวลา 17.00 . – 24.00 หรือโทรสอบถามรายละเอียดจองโต๊ะได้ที่ 095-1340787

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ รับรายงานตัวบัณฑิต คุมเข้มตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาด ไวรัสโควิด-19

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ รับรายงานตัวบัณฑิต คุมเข้มตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาด ไวรัสโควิด-19

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563 บัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้ารายงานตัว ณ ลานอนันต์ปัญญาวีร์ อาคารอำนวย ยศสุข เพื่อเตรียมเข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประจำปีการศึกษา 2561 – 2562 (ครั้งที่ 42) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5-6 มีนาคม 2563 ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่

โดยในปีนี้มีบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวน 4,003 ราย แยกเป็น ระดับบัณฑิตศึกษา (ป.โท-ป.เอก) จำนวน 128 ราย และระดับบัณฑิต (ป.ตรี) จำนวน 3,875 ราย


จากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด -19 อยู่ในขณะนี้ ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของบัณฑิต ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัยได้วางมาตรการคุมเข้ม การเฝ้าระวังและและการป้องกันการระบาดของโรค

โดยจัดให้มีจุดบริการแอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือ จัดให้มีการตรวจวัดไข้บัณฑิต ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด หากบัณฑิตมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส มหาวิทยาลัยจะส่งให้แพทย์วินิจฉัย บัณฑิตจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่วันรายงานตัวเป็นต้นไป

โดยให้ปฏิบัติตามประกาศมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เรื่องมาตรการเฝ้าระวังและการป้องกันการระบาดของโรคไวรัสโควิด -19 สำหรับการฝึกซ้อมและพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ครั้งที่ 42 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 อย่างเคร่งครัด

เชียงใหม่เปิดตัวแบรด์ “We Love Ching Mai” ดันธุรกิจท่องเที่ยวสู่ระดับโลก

เชียงใหม่เปิดตัวแบรด์ “We Love Ching Mai” ดันธุรกิจท่องเที่ยวสู่ระดับโลก

จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว ทั้งภาครัฐ เอกชน ผนึกกำลังเปิดตัวแบรนต์ “We Love Chiang Mai” ดันธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ให้แข็งแกร่งตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกในด้านการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2563 จังหวัดเชียงใหม่ได้ผนึกกำลังทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว เปิดตัวแบรนด์ “We Love Ching Mai” ที่บริเวณข่วงประตูท่าแพ โดยมี นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำเปิดกิจกรรม พร้อมกล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งในด้านการท่องเที่ยว และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จังหวัดเชียงใหม่จึงได้ร่วมสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เปิดตัวแบรนด์ “We Love Ching Mai”

ซึ่งเป็นแบรนด์ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่สร้างสรรค์โดยทุกคนเป็นเจ้าของรวมกัน ใช้ความสามัคคีของทุกภาคส่วนร่วมมือในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้กับจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งทางด้านการประชาสัมพันธ์ การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ให้กลับมาคึกคักเช่นเดิม รวมทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจและสังคม อย่างยั่งยืน ซึ่งจะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ชัดเจน และมีความโดดเด่นเป็นที่จดจำ ตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกในด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่

เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เข้ามาสัมผัสความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมที่ดีงาม กับรอยยิ้มที่สดใสของคนในจังหวัดเชียงใหม่


นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ได้กล่าวว่าในการจัดกิจกรรมเรารักเชียงใหม่ เป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสกิจกรรมเรารักเชียงใหม่ก็คือพวกเราทั้งหลายคนเชียงใหม่ เป็นคนที่รักเมืองเชียงใหม่เรามาช่วยกันคนละไม้คนละมือทำให้สิ่งที่เราทำได้ เพื่อทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองที่น่าอยู่ ตรงนี้เป็นความตั้งใจ การเริ่มต้น ณ วันนี้จะเป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่ง

แต่ในอนาคตอันใกล้เชื่อว่า เรารักเชียงใหม่จะเป็นศูนย์รวมในการทำ โดยในวันนี้มีภาคธุรกิจการภาคบริการเกี่ยวกับท่องเที่ยวจำนวน 16 สาขาได้มารวมตัวกันเพื่อจะสร้างกระแสทำสิ่งให้เป็นมาตรฐานสำหรับการท่องเที่ยวได้ตลอดไปเพราะ เชียงใหม่จะต้องเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ตรงนี้เราได้เป็นวิกฤติให้เป็นโอกาส เมื่อเรามีโอกาสแล้วเราจะใช้โอกาสนี้ต่อไป


ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนได้จัดกิจกรรมดีๆ มากมายภายใต้แบรนด์ “We Love Chiang Mai” ตลอดไปต่อจากนี้ โดยในวันนี้นอกจากจะเปิดตัวแบรนด์ “We Love Chiang Mai” แล้ว ยังมีกิจกรรมสำคัญซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมนำร่อง คือโครงการ Refeshing Chang Mai เชียงใหม่สดใส สุขภาพปลอดภัย

ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้านการท่องเที่ยวและเอกชน ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สปา แหล่งท่องเที่ยว รถตู้ รถเช่า จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ “We Love Chiang Mai Best Deals” ส่วนลดกว่า 50% ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

เขย่ากันอย่าง”ม่วนอ๊กม่วนใจ๋ “ช้างชวนชาวเจียงใหม่ มาฮ่วมกั๋นใน “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น ปีที่ 6”

​ส่งท้ายเดือนแห่งความรักเดินหน้าหวานกันอย่างต่อเนื่อง เอ้ย!! …สนุกกันยาวไปสำหรับ “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส ปีที่ 6” มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ พร้อมการกลับมาของ 6 ศิลปิน ที่ผนึกกำลังรวมความสนุกแบบ มหึมา ชวนเพื่อนชาวเชียงใหม่กอดคอเพื่อน ๆ ทั้งภาคเหนือมาม่วนอ๊กม่วนใจ๋…แน่นลานประเสริฐแลนด์ งานนี้บอกเลยว่าแก๊งเพื่อนทุกรุ่นต่างกุมมือมาร่วมตอกย้ำความสนุก…แบบไม่แคร์ฝุ่นกันเลยจ้า…!!

​จัดเต็มไปตามระเบียบสำหรับคอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น ปีที่ 6” มิวสิคโทรโพลิส มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ ที่กระแสตอบรับจากเพื่อน 4 จังหวัดที่ผ่านมาการันตีด้วยประชากรเข้าร่วมคอนเนคความสนุกอย่างอบอุ่นร่วม 70,000 คน

จนมิตรภาพทะลักล้นลานทุกจังหวัด ครั้งนี้ได้เดินทางมาปักหมุดต่อที่เชียงใหม่ ซึ่งทั้ง 6 ศิลปินต่างขนเพลงเตรียมไปแจกความสนุกให้เพื่อน ๆ ภาคเหนือเพียบ เริ่มจากร็อครุ่นพี่ บิ๊กแอส ที่ใส่เพลงฮิตเรียกน้ำย่อยก่อนจะชวนเพื่อนเก่าอย่าง ลาบานูน มาร่วมแจมด้วยกันในรอบ 20 ปี จนลานประเสริฐแลนด์สะเทือนด้วยเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ หลังจากนั้นพี่ใหญ่ก็ปล่อยเวทีให้กับ 3 หนุ่มลาบานูน สานต่อความสนุก โดยเฉพาะเพลง “ยาม” ที่หลายคนร้องตามจนดังสนั่น ทำเอาหนุ่มเมธีถึงกับยิ้มแก้มปริด้วยความประทับใจ จนมาถึงคิวของสาวเซอร์ ปาล์มมี่ ที่จัดเพลง ยาวเหยียดมาเช็คเรทติ้งชาวเชียงใหม่

ซึ่งถือว่าผ่าน 100% เพราะพลเมืองที่นี่เขาร้องตามได้ทุกเพลงเลยจ้า และสนุกกันต่อกับหนุ่ม ๆ โปเตโต้ ที่ไม่ยอมให้ได้พักหายใจด้วยการขนเพลงฮิตมาตอกย้ำกันให้เพื่อนภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง ทำเอาสาวปาล์มมี่ต้องขอขึ้นร่วมร้องเพลง “กลัว” ของตัวเองบนเวทีนี้ด้วย มาถึงหนุ่ม ๆ บอดี้สแลม

ซึ่งว่าที่เจ้าบ่าวอย่าง ตูน ขอแจกความสนุกแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะเพลง “ความเชื่อ” ได้ชวนเพื่อนศิลปินขึ้นมาร้องเพลงร่วมกันบนเวที เรียกว่าเซอร์ไพร้ซแฟน ๆ แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลย และปิดท้ายความสนุกจากเจ้าพ่อแร็พเปอร์ โจอี้ บอย และแก๊งเพื่อนแน่นเวทีแบบนอนสต็อป

งานนี้ชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ได้รับความสนุกแบบอบอุ่นด้วยมิตรภาพดี ๆ จาก 6 ศิลปิน รวมถึงบรรดาเพื่อน ๆ ที่เข้ามาร่วมงานแบบเต็มอิ่ม นอกจากนี้ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายตุลา พัฒโนทัย ผู้จัดการภาคการขาย 5และ นายสำรวย แสงอรุณ ผู้ช่วยผู้จัดการภาคการขาย 5 ร่วมถ่ายภาพกับศิลปินเป็นที่ระลึก

งานนี้เพื่อน ๆ ชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง เตรียมนับถอยหลังแล้วมาคอนเนคคำว่า “เพื่อน” ไปกับคอนเสิร์ต ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ ครั้งต่อไปที่ ลานโกลบอลเฮ้าส์ จังหวัดนครราชสีมา พบกับศิลปินระดับช้างอย่าง บอดี้สแลม, โปเตโต้, โจอี้ บอย, ปาล์มมี่, บิ๊กแอส และ ลาบานูน ในวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2563 ประตูมหานครดนตรีเปิดให้เข้าเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป

สำหรับใครที่มีบัตรแล้วรีบลงทะเบียนก่อนวันที่ 20 มีนาคม 2563 โดยผู้เข้าชมคอนเสิร์ตฯ ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และ พกบัตรประชาชนมาด้วยทุกครั้ง ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Chang World และ Line: @Changworldth รีบกอดคอเพื่อนแล้วมาคอนเนคไปด้วยกัน…ช้างเติมเต็มคำว่าเพื่อน
#ChangMusicConnection #Musictropolis #มิวสิคโทรโพลิส #มหานครดนตรี #เชื่อมต่อทุกมิตรภาพ #Chang #ช้างเติมเต็มคำว่าเพื่อน

“สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล ภ.5 ”

วันที่ 19 ก.พ.63 เวลา 09.00 น.พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรมโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล ภ.5 ” ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำเชียงใหม่ (คุ้มขันโตก) อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่

โดยมี พล.ต.ต.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี, พล.ต.ต.อดุลย์ ดรุณเพท รอง ผบช.ภ.5 เข้าร่วมพิธี
โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรม ประกอบด้วย ผบก. , รอง ผบก.ภ.จว.(ปป) ในสังกัด และเจ้าหน้าตำรวจวิทยากรต้นแบบ ระดับ ภ.จว และ สภ. จำนวนรวม 851 นาย

ทั้งนี้การฝึกอบรมได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. บรรยายให้ความรู้ ”สถานการณ์ของประเทศ ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง” พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก. บรรยายให้ “ความรู้เกี่ยวกับ โครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริและการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” , พล.ต.นเรศ จิตรักษ์ อดีตอนุศาสนาจารย์กองทัพบก และน.ส.พนิตพิมพ์ ทั่งเชียงใหม่ ให้ความรู้การแสวงหาการมีส่วนร่วมและสร้างเครือข่ายผู้นำประชาชนในการเป็นพลังแผ่นดินแก้ไขปัญหาบ้านเมือง มาบรรยายให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีความรู้ ความเข้าใจ และร่วมกันเป็นพลังแผ่นดิน แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของบ้านเมืองในทุกด้าน โดยบูรณาการร่วมกับผู้นำเครือข่ายประชาชน ทุกภาคส่วนในท้องถิ่น จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

เพื่อสร้างหมู่บ้านท้องถิ่นให้มีความสงบเรียบร้อย เข้มแข็ง สามัคคี และเข้าใจการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งปลุกสำนึกรักบ้านเกิด ของกลุ่มคนทำงาน ที่ไปทำงานต่างท้องที่ให้กลับบ้านเกิด มาร่วมพัฒนาหมู่บ้านท้องถิ่น สร้างรายได้และเศรษฐกิจในหมู่บ้านท้องถิ่น อันจะทำประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เชียงใหม่ รวมพลัง รู้ทัน สู้ภัยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที 19 ก.พ.นี้ ที่บริเวณสถานีขนส่งอาเขตร2 อ.เมือง จ.ชียงใหม่นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ นางวราภรณ์ วรพงศธร ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่

จัดกิจกรรมรวมพลัง รู้ทัน สู้ภัยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019โดยระดมการพ่นละอองฆ่าเชื้อจากสารสกัดธรรมชาติ จากนวัตกรรมไทยด้วยเครื่องพ่น AIROFOG U260 เป็นเครื่องพ่นชนิดเดียวกันกับที่ในอากาศยาน โดยเน้นพื้นที่ความเสี่ยงของเชื้อไวรัส

โดยเฉพาะสถานีขนส่งรถโดยสารสาธารณะ รถบัสประจำทาง เป็นต้น และนอกจากนี้ยังจัดให้มีบูธแจกเอกสารให้ความรู้ การเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา พร้อมด้วย เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่มาใช้บริการที่สถานีขนส่งแห่งนี้

 

นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่าในวันนี้ทาง อบจ.เชียงใหม่ ร่วมกับทางขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ใด้จับกิจกรรม “รวมพลัง รู้ทัน สู้ภัย มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” โดยจัดกิจกรรมระดมการพ่นละอองฆ่าเชื้อจากสารสกัดธรรมชาติ จากนวัตกรรมไทยด้วยเครื่องพ่น AIROFOG U260 เป็นเครื่องพ่นชนิดเดียวกันกับที่ในอากาศยาน

โดยเน้นพื้นที่ความเสี่ยงของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะสถานีขนส่งรถโดยสารสาธารณะ รถบัสประจำทาง และนอกจากนี้ยังจัดให้มีบูธแจกเอกสารให้ความรู้ การเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา พร้อมด้วย เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัย เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนาในครั้งนี้อย่างทั่วถึงโดยจะดำเนินการไปจนกว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายลงหรือหมดไป