แฟนคลับเชียงใหม่หลายพันร่วมส่ง พระเอก “โกโบริ”โอวรุฒ วรธรรมสู่สรวงสวรรค์

ครบ 100 วันการเก็บศพของ อดีตพระเอกคนดัง เจ้าของบทบาท “โกโบริ”นายทหารสุดหล่อ ในเรื่อง”คู่กรรม”ติดตาติดใจแฟนภาพยนตร์มา ได้ถึงแก่กรรม เมื่อเวลา 02.45 น.วันที่ 11 กันยายน 2561 โดยโรคหัวใจวายที่โรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ ทางญาติได้นำศพทำบุญบำเพ็ญกุศล ที่ศาลาสหัส – หงส์ มหาคุณ อนุสรณ์ ภายในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ต.พระสิงห์ อ.มืองเชียงใหม่ เป็นเวลา 7 วันก่อนที่จะนำศพไปเก็บทำบุญ 100 วัน ที่ศาลานวรมย์ ภายในวัด ลัฏฐิวัน หรือ วัดพระนอนขอนตาลศักดิ์สิทธิ์ ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กำหนดวันฌาปนกิจศพในเวลา 15.00 น.วันที่ 23 ธ.ค.นี้


บรรยากาศการทำบุญฌาปนกิจของนายวรุฒ วรธรรม อายุ 49 ปี อดีตดาราภาพยานตร์และลครทีวีชื่อดัง ที่ศาสนสถานเมรุภายในวัด ลัฏฐิวัน หรือ วัดพระนอนขอนตาลศักดิ์สิทธิ์ ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ในเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 23 ธ.ค.นี้โดยบรรยากาศช่วงเช้าทางครอบครัวมีนายแรมและนางอรพิน วรธรรม พ่อและแม่ของโอวรุฒ รวมทั้งมีกลุ่มเพื่อนสนิท มีและคนใกล้ชิดของโอ วรุฒมีนีโน่ เมทินี บูรณศิริ พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง พร้อมตั้ม สมประสงค์ สิงหวนวัฒน์ อดีตศิลปินนักร้องชื่อดังและโดโด้ ยุทธพิชัย ชาญเลขา มาร่วมรับแขกและ ได้ฟังเทศจากพระสงฆ์โดยมีแฟนคลับทยอยเข้ามาร่วมในงานซึ่งทางเจ้าภาพได้จัดเต้นท์รองรับไว้ทั่วบริเวณสถานที่ประกอบพิธี แต่ในช่วงเช้าดารามาบางตา โดยทางเจ้าภาพได้จัดเลี้ยงอาหารให้กับผู้ที่มาร่วมในงาน ซึ่งในช่วงเช้านี้เองมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาทำการล้วงกระเป๋าผุ้มาร่วมงานถึง 3 ราย ทาง นีโน่ เมทะนี ได้รีบประกาศเตือนชาวบ้านและรีบแจ้งตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้กับผู้มาร่วมงานในส่วน ของที่ระลึกงานศพที่จะแจกในวันฌาปนกิจเป็นซองผ้าที่บรรจุผ้าที่มีรูปลายเส้นหน้าโอ วรุฒ และหนังสือประวัติโอวรุฒ แจกภายในงานด้วย

 

ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น.วันเดียวกันนี้ ทางนีโน เมทะนี บูรณศิริ พร้อมญาติได้นำร่างของโอวรุฒ ออกจากโลงเย็นหลังจากที่เก็บร่างมาเป็นเวลาร่วม 100 วันแล้วออกมาใส่โลงไม้สักสีขาว จากนี้ก็จัดขบวน เพื่อนำร่างโอวรฒ ไปไว้บนเมรุที่ประกอบพิธี โดยนีโน เมทะนี แต่งกายชุดข้าราชการผู้พิพากษาสมทบ อัญเชิญพวงหรีดพระราชทานของพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ นำ และโดโด้ ยุทธพิชัย ชาญเลขา อุ้มกระถางธูป และทางญาติได้นำรูปภาพโอวรุฒและโลงศพ เดินเวียน 3 รอบเมรุ โดยมีพระครูบัณฑิตธรรมาภรณ์หรือพระอาจารย์ขาวเจ้าคณะตำบลริมใต้ และเจ้าอาวาสวัดลัฏฐิวันหรือวัดพระนอนขอนตาล พร้อมพระสงฆ์สามเณร เดินจูงศพพร้อมกับบรรยายบุญทำกรรมแต่งและเส้นทางบุญเส้นทางกรรมให้แก่ผู้มาร่วมงาน เมื่อเวียนครบ 3 รอบได้นำโลงศพโอวรุฒ ขึ้นตั้งไว้บนแท่นประกอบพิธี


ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น.ขบวนดอกไม้จันทน์ประทานของพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ โดยโปรดให้หม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคล เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญดอกไม้จันทน์ และเป็นประธานในพิธี โดยมีการอ่านประวัติผู้วายชนม์ โอวรุฒ วรธรรม จากนั้นหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคลเป็นผู้แทนพระองค์ได้อัญเชิญดอกไม้จันทน์ประทาน วางหน้าโลงศพ จากนั้นก็ได้จัดดำเนินการตามประเพณีล้านนาทุกอย่างโดยในงานมีเพื่อนดารามาบางตา ส่วนมากจะเป็นกลุ่มดาราอาวุโสและผู้จัดเก่า มีรอง เค้ามูลคดี,ทาริกา ธิดาทิตย์ ,มนัสชนก ส่งศรีสุข,โย้ง เชิญยิ้ม,กอบสุข จารุจินดา,จินตหรา สุขพัฒน์,เกรียงไกร อุณหนันท์ เป็นต้นและก่อนพิธีเผามีการฟ้อนเทวะอโสงขัยเทวดา จำนวน 2 ชุดก่อนที่จะมีการจุดไฟเผาร่างของโอวรุฒสำหรับของที่ระลึกงานศพแจกให้แฟนคลับที่มาร่วมงานเป็นภาพวาดลายสีน้ำของโอวรุฒ ในชุดนายทหารญี่ปุ่นโกโบริพร้อมพระผงหลวงพ่อทวด

หลังพิธีศพเมื่อเวลา 15.30 น.นีโน่ เมทะนี เพื่อนสนิทจนวันตายของ โอ วรุฒ เปิดเผยว่า หลังจากเสร็จพิธีฌาปนกิจศพ ของโอ ก็จะเอาขี้เถ้ากระดูก ไปลอยอังคารที่ทะเลสาปดอยเต่า อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ วัน ที่ 24 ธ.ค. 61 ส่วนแฟนคลับที่จะลงเรือไปร่วมพิธีลอยอังคาร ให้เหมาเรือเอง เนื่องจาก ตนเอง นั้นไม่มีเงินที่จะบริการส่วนนี้แล้ว สำหรับเงินที่จัดการพิธีศพตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ใช้ไปประมาณ 2 แสนกว่าบาท ส่วนเงินที่ได้รับบริจาค จากแฟนคลับ ประมาณ 1 ล้าน 4 แสนกว่าบาท นั้นหลังจากเสร็จพิธีต่าง ๆ ก็จะมอบเงินที่เหลือให้กับครอบครัวของ โอ วรุฒ นำไปใช้จ่ายอย่างมัสยัสถ์ต่อไป สำหรับ ที่นำขี้เถ้ากระดูกไปลอยอังคารที่ ทะเลสาปดอยเต่า เนื่องจากเป็นความประสงค์ของคุณแม่ของ โอ วรุฒ เนื่องจาก คนพี่ที่เสียไปคนก่อน ก็นำขี้เถ้ากระดูกไปลอยอังคารที่ทะเลสาปดอยเต่า ทั้งนี้ต้องการให้ทั้งพี่และน้องอยู่ด้วยกัน สำหรับการจัดงานลุล่วงไปด้วยดี ไดเเท่านี้โอวรุฒก็คงดีใจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกสุดท้ายของนีโน่ที่ได้ส่งโอวรุฒไปสู่ภพที่ดี เป็นอย่างไร นีโน่ ตอบว่าความจริงตนไม่อยากส่งอยาดให้เขาอยู่ต่อ แต่ไม่ใช่อยู่แบบสังขารอย่างนี้อยู่แบบมีชีวิต ตนเสียดายคนๆคนที่ความสามารถพร้อมกว่าตนในการเป็นดารา มีความสามารถมากในการแสดงและเป็นพิธีกร ผมเสียดายเขามากก็ขอให้วิญญาณไปสูสุคติภพที่ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเนื่องจากผู้คนมาร่วมงานจำนวนมากจึงภายในงานปรากฎว่ามีกลุ่มนักล้วงกระเป๋าเข้ามาก่อกวนล้วงเอาเงินแฟนคลับที่มาร่วมงานไปจำนวนถึง 3 ราย ทาง นีโน่ ได้รับแจ้งจึงรีบประกาศเตือนภัยให้ทราบโดยผู้เสียหายที่โดนล้วงกระเป๋าเวลาต่อมาคือ นางสาววนิดา อุ่นเรือน อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 17/1 หมู่ 3 ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดย นางสาววนิดา ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตน นั้นตั้งใจมาร่วมส่งวิญญาณอดีตพระเอก โอวรุฒ วรธรรม เป็นครั้งสุดท้าย และได้เตรียมตัวออกจากบ้านตั้งแต่เช้า แต่ระหว่างที่มาร่วมพิธี เดินดูอาหารที่โรงทานที่จัดขึ้น ปรากฎว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพ ไม่ทราบว่าเป็นใครแอบแฝงก่อเหตุ ล้วงกระเป๋า เอาเงินสด และบัตรประชาชน ในกระเป๋ากางเกงหายไป ซึ่งเสียความรู้สึกมากเนื่องจากงานศพ ยังมีคนที่คิดไม่ดีเกิดขึ้นอยากจะให้ตำรวจเร่งดำเนินการจับกุมโดยด่วนด้วยก่อนที่จะมีคนอื่นโดนล้วงกระเป๋าแบบตนอีก

 

นักท่องเที่ยวฮือฮา เชียงใหม่ซูอควาเรียม จัดซานตาคลอสดำน้ำให้อาหารปลา

เชียงใหม่ซูอความเรียม หรือทะเลบนดอย ที่มีอุโมงค์น้ำจืดและน้ำเค็มยาวถึง 130 เมตร ตั้งอยู่ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ เปลี่ยนโฉมตกแต่เป็นสวนญี่ปุ่น ต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงวันคริสต์มาสและสงท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยได้ให้นักปะดาน้ำแต่งซานตาคลอสให้อาหารปลาทั้งใน อุโมงค์น้ำจืดและอุโมงค์น้ำเค็ม โดยจะจัดพิเศษในวันที่ 25 ธ.ค.จนถึงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

โดยเฉพาะอุโมงค์น้ำเค็มได้มีการโชว์ให้อาหารปลาฉลามและปลาเก๋าแสนรู้ที่ชอบให้คนกอดและทำความสะอาดฟันให้ท่ามกลางความประทับใจ นอกจากนี้ด้านหน้ายังจัดให้นักท่องเที่ยวได้ป้อนอาหารปลาในขวดนมให้ปลาคร๊าฟได้ดูเรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างยิ่ง

นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานบริหารเชียงใหม่ซูอความเรียม ได้เผยว่าในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตนได้จัดตกแต่งด้านหน้าของเชียงใหม่ซูอควาเรียม เป็นสวนญี่ปุ่นมีซากุระจำลอง และเสาโทริอิ โคมญี่ปุ่นมาประดับไว้ เพื่อให้ได้ถ่ายภาพ และยังจัดให้นักปะดาน้ำแต่งกายเป็นซานตาคลอสให้อาหารปลาทั้งในอุโมปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็ม โดยเฉพาะจะได้ชมความน่ารักของปลาทะเลแสนรู้ที่ชอบให้คนกอด โดยการแสดงครั้งนี้จัดในเวลา 15.00 น.ของวันที่ 25 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่วนที่ได้รับความนิยมอย่างประทับใจเป็นการให้อาหารปลาคร๊าฟโดยการให้ดูดขวดนมนักท่องเที่ยวชื่นชอบมาก

อวดโฉมสาวงามเอื้องเหนือ โชว์ชุดว่ายน้ำชิงชัยมงกุฎนางสาวเชียงใหม่ 2562

การจัดประกวดนางสาวเชียงใหม่ประจำปี 2562 กุหลาบเวียงพิงค์ เป็นปีที่ 86 เพื่อคัดเลือกสาวงามที่จะทำหน้าที่เป็นทูตทางวัฒนธรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงใหม่ในการร่วมทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่อสังคม ให้แก่องค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน และเป็นตัวแทนในการประกวดเวทีระดับประเทศและระดับโลกต่อไป

โดยผู้ที่ได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่จะได้รับมงกุฎเพชร สายสะพาย และถ้วยเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 100,000บาทพร้อม รองฯ อันดับ 1-4จำนวน 4ตำแหน่ง ทั้งนี้ยังมีตำแหน่งขวัญใจสื่อมวลชน 1 ตำแหน่งและขวัญใจมหาชน 1ตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.นี้ ที่สระว่ายน้ำของโรงแรมชาลานัมเบอร์ซิก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายอดิศร สุดดี ผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวเชียงใหม่ได้นำกองประกวดนางสาวเชียงใหม่ประจำปี 2562 ได้เปิดตัวผู้สมัครนางสาวเชียงใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 30 สาวงาม

โดยเปิดตัวชุดว่ายน้ำในหลายรูปแบบเพื่อใช้ในการเดินประกวดบนเวทีในการจัดงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี พ.ศ.2562 ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม2561 ถึงวันที่ 8 มกราคม 2562 ณ บริเวณสนามด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

โดยสาวงามแต่ละคนได้เลือกชุดว่ายน้ำยืนถ่ายรูปโพสท่าทางอย่างสวยงาม ท่ามกลางอากาศเริ่มหนาวเย็น แต่บรรดาสาวงามผู้เข้าประกวดส่วนมากจะเป็นกลุ่มนักศึกษาอายุระหว่าง 18-24 ปีที่มีรูปร่างสูงใหญ่เข้ามาประชันโฉมกัน ซึ่งได้มีการเก็บตัวและถ่ายทำตามสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่โดยมีกำหนดประชันโฉมและตัดสินตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ในคืนวันที่ 4 ม.ค.เวลาประมาณ 22.30 น.ที่เวทีประกวดนางสาวเชียงใหม่ในงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี พ.ศ.2562

การจัดประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี2562

การจัดประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี2562ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ในงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2562

เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม นี้ที่ ศูนย์การเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ตทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ และทุกภาคส่วน กำหนดจัดงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี พ.ศ.2562 ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม2561 ถึงวันที่ 8 มกราคม 2562 ณ บริเวณสนามด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ภายในงานการจัดนิทรรศการของส่วนราชการ สถาบันการศึกษา นิทรรศการผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) และของดี25 อาเภอ กิจกรรมกาชาดซึ่งเป็นกิจกรรมการกุศลของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้เข้าประกวดนางสาวเชียงใหม่จำนวน 30 สาวงามมาร่วมเปิดตัว พร้อมทั้งอดีตนางสาวเชียงใหม่หลายสมัย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดย นายไพรัช ใหม่ชมพ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ และทุกภาคส่วน ร่วมแถลงข่าวการจัดงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2562 โดยในปีนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้การสนับสนุนจัหวัดเชียงใหม่ในการจัดประกวดนางสาวเชียงใหม่ประจำปี 2562 กุหลาบเวียงพิงค์ เป็นปีที่ 86 เพื่อคัดเลือกสาวงามที่จะทำหน้าที่เป็นทูตทางวัฒนธรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงใหม่ในการร่วมทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่อสังคม ให้แกองค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน และเป็นตัวแทนในการประกวดเวทีระดับประเทศและระดับโลกต่อไป

โดยผู้ที่ได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่จะได้รับมงกุฎเพชร สายสะพาย และถ้วยเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 100,000บาทพร้อม รองฯ อันดับ 1-4จำนวน 4ตำแหน่ง ทั้งนี้ยังมีตำแหน่งขวัญใจสื่อมวลชน 1 ตำแหน่งและขวัญใจมหาชน 1 ตำแหน่ง และให้การสนับสนุนพิธีเปิดงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2562ในวันที่ 28 ธันวาคม 2561เวลา 18.00 น. และสนับสนุนการแสดงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม และประเพณี ของจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ไม่มีการประกวดนางสาวเชียงใหม่

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์ศิลปวัตนธรรมล้านนาและชาติพันธ์ โดยเน้นเข้ามามีส่วนร่วม ภายใต้แนวคิด นาฏศิลป์ถิ่นล้านนา และ นาฏศิลป์ในชาติพันธ์ งามคุณค่าแห่งแผ่นดิน และดนตรีออร์เคสตร้าล้านนาร่วมสมัย รวมถึงการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจาอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในรัชกาลที่10 และน้อมร้าลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ภายใต้โครงการสืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่สู่เกษตรวิชญา ภายใต้พระบารมี ประชาอยู่ดีมีสุข ตลอดทาง 12 วัน

ไฮโซล้านนา “ระย้า” ประกาศบนโซเซียลแจกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าของประดับส่วนตัวให้กับเพื่อน ทั้งที่รู้จักไม่รู้จัก

สุดฮือฮา ไฮโซล้านนา ระย้า เหลือหลาย หรือนามสกุลใหม่อิสริยยศวดี เตรียมฉลองวันเกิดล่วงหน้า โดยเปิด RAYA คอลเลคชั่น ย่านถนนมหิดล แบ่งปันของเก่าของรักของหวงให้คนรักสวยรักงาม เป็นการสละของรักของใช้ส่วนตัวครั้งใหญ่ในช่วงวันเกิด และส่งท้ายปีเก่า-รับปีใหม่

เมื่อค่ำวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ในเพจ Facebook ส่วนตัว และไลน์กลุ่มต่างๆ น.ส.ระย้า อิสริยยศวดี (เหลือหลาย) นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ 2015 และเจ้าของ RAYA คอลเลคชั่น ตึกใหญ่ติดถนนมหิดล (ขาออกเมือง) ติดปั้มน้ำมันเอสโซ่ ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความว่า “อย่าพลาด!!! โอกาสงาม…วันเดียวเท่านั้น…

ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561 เวลา 10.00-17.00 น. คุณระย้า อิสริยยศวดี สละสมบัติส่วนตัวครั้งยิ่งใหญ่ สละสิ่งของ ก่อนวันคล้ายวันเกิด วันคริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2019 เพื่อท่านได้นำไปใช้ประโยชน์อันสวยงาม แวะมาเลือกกันได้เลยค่ะ พบกันที่อาคารรายา ถนนมหิดล แผนที่ในเพจนี้ได้เลยค่ะ กติกาง่ายๆ หยิบได้ ท่านละ 2 ชิ้น ไม่จำกัด เพศ วัย อายุ และ (กรุณานำถุง/กระเป๋ามาใส่กลับเองคะ สอบถามเพิ่มเติม อินบล็อก/Inbox หรือโทร 052-010111 ได้เลยค่ะ) แล้วพบกันนะคะ”
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง น.ส.ระย้า อิสริยยศวดี ว่าเป็นความจริงที่ ตนเองในฐานะเจ้าของระย้า คอลเลคชั่น ซึ่งเปิดจำหน่ายกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า และเครื่องประดับแบรด์เนม ภายใต้ยี่ห้อ RAYA และยี่ห้อดังอื่นๆ จากทั่วโลก รวมทั้งร้านรายากาแฟ ที่ตั้งอยู่ชั้นหนึ่งของอาคาร เตรียมการนำของใช้ส่วนตัวทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของประดับ ของที่ระลึกที่เก็บไว้เต็มบ้าน บางชิ้นราคาหลายหมื่นบาท ออกมามอบด้วยจิตกุศล

น.ส.ระย้า อิสริยยศวดี ได้พูดถึงความประสงค์ในการแจกของรักของหวงว่า“เป็นความประสงค์ของระย้าจริงๆ หลังจากหายหน้าหายตาจากสังคมไปช่วงหนึ่ง ได้เริ่มการชอบเริ่มชอบการปฏิบัติสมาธิ และได้ทำมาเป็นประจำกว่า 2 ปีกว่าๆ ได้เรียนรู้หลักธรรมคำสอนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้นำมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตตน เกิดความสำนึกว่าเราสะสมของใช้ต่างๆ ไว้มากมายเพื่ออะไร ทำไมจึงไม่นำออกมาแบ่งปันคนอื่น ในที่สุดก็ตกลงใจว่า มอบให้คนที่ต้องการเถอะ มอบให้โดยไม่ผูกพันอะไร ไม่ใช่ขายสินค้ารายาแล้วสมนาคุณใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่ว่าใครมาแล้ว ต้องการหยิบมากกว่า 2 ชื้น ตรงนั้น ก็ขอให้ร่วมกันทำบุญดีกว่า”

ตำรวจภูธรภาค 5 โชว์จับยาเสพติด 2 ล้านเม็ดที่ลำปาง

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 ธันวาคม.นี้ที่หน้า สภ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบก.สส.ภ.5และ พล.ต.ต.นิยม ด้วงสี ผบก.ภ.จว.ลำปางร่วมแถลงผลการจับกุมและตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ 1 ราย ผู้ต้องหา 2 คน มีนายยิ่งเจริญ ศิริธนสมบัติ อายุ 37 ปี ที่อยู่ หมู่ 2 ต.ปางหินฝน อ.แม่แจ่ม จว.เชียงใหม่กับนางศิรินันท์ วรวงค์อุดม อายุ 30 ปี ที่อยู่ หมู่ 1 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จว.เพชรบูรณ์พร้อมของกลาง ยาบ้าประมาณ 2,000,000 เม็ด รถยนต์กระบะ 1 คัน โดยจับ บริเวณด่านตรวจแม่พริก หมู่5ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จว.ลำปาง วันที่ 12ธันวาคม ๒๕๖๑เวลาประมาณ 12.10 น.โดยแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5 ได้เผยถึงบการจับกุมว่าเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก จว.ลำปาง นำโดย ร.ต.อ.พอผล เครือสายใจ รอง สวป.สภ.แม่พริก พร้อมกับพวก ได้รับคำสั่งให้ตั้งด่านตรวจสกัดกั้นยาเสพติดและผู้กระทำผิดกฎหมายโดยได้ตั้งจุดตรวจบริเวณด่านตรวจแม่พริก ม.5 ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จว.ลำปาง ต่อมาเวลาประมาณ 12.10 พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว เลขทะเบียน ผอ 5447 เชียงใหม่ บรรทุกกะหล่ำมาเต็มคันรถ จึงเรียกให้หยุด พบผู้ต้องหาที่ 1 เป็นคนขับ มีผู้ต้องหาที่ 2 นั่งโดยสารมาด้วย ลักษณะท่าทางมีพิรุธอย่างชัดเจน เมื่อสอบถาม มีอาการตกใจ ตัวสั่น หายใจแรง เจ้าหน้าที่ขอดูใบอนุญาตขับรถ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้นำเอาบัตรเอทีเอ็ม มาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดู สอบถามที่มาพบว่า บรรทุกกะหล่ำ มาจาก อ.แม่แจ่ม จว.เชียงใหม่ จะไปส่งตลาดไท เมื่อตรวจสอบรถพบว่าตัวรถอยู่พื้นที่ อ.แม่แจ่ม จว.เชียงใหม่ แต่ตัวคนขับอยู่ ต.เข็กน้อย จว.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีคนชนเผ่าม้งที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงเรียกเข้าตรวจค้นอย่างละเอียด

ผลการตรวจค้นพบยาบ้า บรรจุอยู่ในกระสอบสีเขียว จำนวน 10 กระสอบ มียาบ้าประมาณ 2 ล้านเม็ด บรรทุกอยู่ท้ายกระบะรถ โดยมีกะหล่ำวางทับอยู่ จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย สอบสวนขยายผลผู้ต้องหารับว่า รับจ้างลำเลียงยาเสพติดมาจาก จว.เชียงใหม่ จะไปส่งที่ ตลาดไท ต่อมาได้ขยายผลไปตรวจยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีน้ำตาล ป้ายแดง ก 1922 เชียงใหม่ ที่จอดไว้บริเวณปั้มน้ำมัน ปตท. เขต อ.ฮอด จว.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นของผู้ต้องหา ไว้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการยึดทรัพย์ต่อไป

มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม และเอเซียแอลลิแฟนท์โปรเจค จัดงาน Ethical Elephant Travel Mart ที่เชียงใหม่

ในปัจจุบันกระแสโลกกำลังเปลี่ยนไป การท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมเริ่มได้รับการโปรโมทและกล่าวถึง นักท่องเที่ยวเริ่มตระหนักถึงการท่องเที่ยวโดยไม่เบียดเบียนต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์และสิ่งแวดล้อม กระแสการท่องเที่ยวในทั่วโลกพยายามโปรโมทในเรื่องการท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบ ซึ่งรวมไปถึงในภูมิภาคแถบเอเชีย เราไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่าในหลายประเทศในแถบเอเชีย ยังมีใช้งานสัตว์ในการท่องเที่ยวให้เห็นอยู่ และเช่นกันในประเทศไทยนั้น โดยเฉพาะช้างถูกใช้งานในการให้บริการขี่และโชว์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาหลายทศวรรษ จนถึงถึงทุกวันนี้ ซึ่งขัดกับกระแสโลกในปัจจุบัน และในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวได้ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและเพิ่มมากยิ่งขึ้น ถ้าหากนักท่องเที่ยวไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหันมาท่องเที่ยวแบบเอาใจใส่ สำนึกในความรู้สึก ชีวิต และ ไร้ความรับผิดชอบต่อผู้อื่นแล้ว สัตว์ที่อยู่ในอุตสาหรรมการท่องเที่ยวย่อมประสบจมอยู่กับความทุกข์ทรมาน ไม่เป็นที่สิ้นสุด

การสนับสนุนสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นบันไดขั้นแรกที่ ทางองค์กรของเราจึงอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และเผยแพร่ การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน มีความรับผิดชอบ ในปัจจุบันมีได้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ มีการใช้แบรนด์ Sanctuary อย่างไม่เข้าใจแก่นแท้ของความหมายของคำว่า Sanctuary ดังนั้นทางองค์กร Save Elephant Foundation จึงอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเข้าใจและแนวทาง ที่ถูกต้อง และเพื่อให้นักท่องเที่ยวและบริษัททราเวลเอเย่นต์ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนสถานประกอบการที่เคารพต่อสิทธิของสัตว์มีการดูแลสัตว์ด้วยความเมตตา โดยเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงและสร้างบรรทัดฐานเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ปางช้างอื่น


ทาง Save Elephant Foundation จึงได้คัดเลือกและเชิญศูนย์ช้างที่ได้มาตราฐานในการดูแลสัตว์ จากหลายประเทศในเอเซียเช่นที่พม่า ลาว กัมพูชา อินโดนิเซีย และไทย มาร่วมเปิดบูธเพื่อพบปะเอเย่นต์ต่างๆ โดยปางช้างทั้งหมดจะเป็นปางช้างที่ดำเนินธุรกิจแบบรับผิดชอบและมีความเมตตาต่อสัตว์ และมีจริยธรรม ( Ethical Elephant project) โดยจะมีการทำกิจกรรมที่รับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์ ชุมชน และสื่งแวดล้อม (Responsible Travel) เพื่อให้ทางเอเย่นต์ได้มาทำความเข้าใจในกิจกรรมและเลือกที่จะสนับสนุนธุรกิจหรือโครงการช้างที่ปางช้างนั้น เคารพรับผิดชอบต่อสิ่งมีชีวิตอื่น

ทางมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม และเอเซียแอลลิแฟนท์โปรเจค จึงกำหนดการจัดงาน Ethical Elephant Travel Mart ขึ้นในวันศุกร์ ที่ 14 ธันวาคม 2561 ณศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำ คุ้มขันโตกเชียงใหม่ ณ ห้องคุ้มคำหลวง ชั้น 2 จังหวัดเขียงใหม่
ในงาน ได้รับเกียรติจาก คุณภัคนันท์ วินิจชัย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานและเพื่อให้ สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในปีนี้ที่มีการสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดตัวว่าที่่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ 9 เขต

ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางจากที่ทำการสาขาพรรคเพื่อไทย ถนนลอยเคราะห์ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ได้เดินทางไปที่โรงแรมสเตย์ วิช นิมมานด์ ถนนสิริมังคลาจารย์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อไปพบปะกับกลุ่มสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว และสมาคมโรงแรม เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและรับทราบปัญหาต่างๆของการท่องเที่ยว โดยนำกลุ่มว่าที่ผู้สมัคร สส.เชียงใหม่ทั้ง 9 เขตไปร่วมร่วมฟังปัญหาด้วย โดยมีการใช้เวลาพูดคุยร่วม 2 ชั่วโมง ก็เดินทางต่อมายังสถานที่จัดงานเชียงใหม่ ดีไซน์ วีค ที่หอศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ดูงานออกแบบและร่วมสินค้าเสื้อผ้าชาวเขา ซึ่งภายในงานมีการสาธิตทำ” ตาแหลว”ไม้ไฝ่สาน โดยทางชนเผ่่าหรือคนล้านนา ถือว่าเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งที่ป้องกันสิ่งชั่วร้ายและสิงอัปมงคลที่จะเข้ามาในบ้านหรือหมู่บ้าน ซึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ทดลองทำ โดยพูดในเชิงทีเล่นทีจริงว่าจะนำตาแหลว ไปไว้ที่หน้าพรรคเพื่อป้องกันสิ่งไม่ดีจะเข้ามาสู่พรรค


จากนั้นได้พาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ทั้ง 9 เขตมาไหว้อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เพื่อขอพรให้พรรคมีแต่ความร่มเย็นและ ส.ส.เพื่อไทยที่เชียงใหม่ ยกทีม โดยมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้ามาทักทาย คุณหญิงสุดารันต์ พร้อมพากันถ่ายรูป จากนั้นทาง คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจากที่ได้พบปะกับกลุ่มสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว และสมาคมโรงแรม ได้ประโยชน์มากเพราะเชียงใหม่เป็นอันดับหนึ่งจากการท่องเที่ยวโดยมีการรับฟังถึงปัญหาด้านการท่องเที่ยวที่ลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ลดลงไปถึง 60 เปอร์เซ็นทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างตั้งโรงแรม เกรสเฮ้าน์ โฮมสเตย์ จนไปถึงผู้ทำอาหารขายเล็ก นักท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศลดลงไปถึง 4 ล้านคนทำให้รายได้หายไปหลายหมื่นล้านบาท หลังจากสถานการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตการบริหารจัดการของเราที่ไม่สามารถกู้ภัยได้ทันท่วงทีรวมทั้งมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่เข้าใจใช้คำพูดที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับรัฐบาลและผู้ท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงจึงเกิดปัญหาหลักขึ้นมา ดังนั้นจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและทั่วโลกในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เรื่องของมาตรฐานต่างๆจึงต้องมีความมั่นใจให้เป็นวาระแห่งชาติ ว่านักท่องเที่ยวที่มาเมืองจะมีความมั่นใจในเรื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้ได้

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องการเมือง ข้อห่วงใยของพรรคการเมืองต่างๆที่กังวลอยู่กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บัตรเลือกตั้งจะไม่มีการให้ใส่โลโกพรรค ชื่อพรรคลงไปในบัตรเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยมองดูเรื่องนี้ อย่างไรคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ให้ความเห็นว่าในเรื่องนี้ไม่ใช้เฉพาะพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ประชาชนเองก็มองเห็นเป็นเรื่องตลกไปแล้วว่าตกลงมันคืออะไร การเลือกตั้งมันเป็นการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญก็กำหนดให้บุคคลที่จะลงสมัครเลือกตั้งต้องสังกัดพรรคในนิยามความหมายหรือเป้าหมายก็คือว่าพรรคการเมืองต้องรับผิดชอบต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งก็คิดคนที่ดีในการลงสมัครรับเลือกตั้งและถ้าคนนั้นไปแสดงพติกรรมที่ไม่ดีพรรคต้องรับผิดชอบตามนิยามความหมายและตามกฎหมายด้วย แต่ถึงเวลาแล้วในบัตรเลือกตั้งไม่มีชื่อพรรค ไม่มีโลโก้พรรค เป็นใครอะไรก็ได้มันขัดกันไปหมดไม่เห็นถึงแนวทางการปฎิรูปให้การเมืองมันดีขึ้น นอกจากเห็นแต่สิ่งที่พยายามจะเอารัดเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆให้มากที่สุดไม่คำนึงว่าหลักเกณฑ์ที่จะทำนั้น มันไม่ถูกหลักเกณฑ์มันไม่มีหลักเกณฑ์ด้วยซ้ำไปไม่หลักเกณฑ์และยังบิดเบี้ยวไปจากหลักเกณฑ์ในปกติ หรื่อจากที่สากลเขาทำ มันไม่ใช่การเลือกตั้งครั้งแรกในโลก ในโลกเลือกตั้งมาไม่รู้เท่าไหร่แล้วเป็นหลายๆร้อยปีแล้ว หลักการมันมีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันมีความพยายามที่จะทิ้งหลักเกณฑ์ทิ้งหลักการอะไรก็ได้ที่จะเอารัดเอาเปรียบ มันไม่มีประโยชน์ ไม่ให้ใส่ชื่อพรรคไม่ให้ใส่โลโก้พรรค ถ้าอย่างนี้ก็กลายเป็นว่าระบบพรรคการเมืองทีบอกว่าพรรคการเมืองต้องมีคุณภาพในการกำกับควบคุมตัว ส.ส.ตัวนักการเมืองที่เลือกมาก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ กกต.ไม่ควรอยู่ใต้อำนาจของ คสช. เราต้องเรียกร้องเกียรติยสศักดิ์ศรีและความกล้าหาญของ กกต. ซึ่งอยากจะให้กำลังใจ กกต. และเรียกร้องถึงการรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีและก็อำนาจหหน้าที่ที่จะจัดการเลือกตั้งให้บริสุุทธิ์ยุติธรรมปราศจากการซื้อเสียงปราศจากการใช้อำนาจรัฐ การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคำสั่งปกาศิตบอกว่าห้ามใส่ชื่อพรรค และกกต.ทำตาม มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง อันนี้ก็ต้องฝากด้วยและฝากประชาชนรณรงค์ให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ช่วยกันเรียกร้อง แค่ขอการเลือกตั้งที่ปราศจากการซื้อเสียง ขอแค่การเลือกตั้งที่ปราศจากการใช้อำนาจรัฐ การโกงการเลือกตั้ง แค่นี้ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศแล้ว

“ความจริงน่าจะเป็นเบอร์เดียวทั้งประเทศ แต่ไปเขียนให้สับสนมั่วๆเข้าไว้ ผลการเลือกตั้งจะได้คะแนนแตกกระจาย ก็กลายเป็น 1 เขต 1 เบอร์ลองคิดดู อย่างอยู่ที่กรุงเทพถนนลาดพร้าว มี 4 เขต ขับรถข้ามสะพานฝั่งซ้ายเป็นอีกเขต ฝั่งขาวเป็นอีก 1 เบอร์ ขับรถเลยไปอีกคลองก็เป็นอีกเบอร์ แล้วประชาชนจะสับสน หรือมีประโยชน์อะไร วันนี้เห็นผลแล้วของการทำแบบนี้ ก็มาอ้างแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นแผนตั้งแต่ต้นหรือไม่ อยู่ในแผนโรดแมปหรือเปล่าที่จะให้มันวุ่นๆแบบนี้ ม.44 ใช้อะไรได้เยอะมาก ก็ลองใช้ ม.44ให้เขตเดียวเบอร์ทั่วประเทศ อันนี้ถือเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยพรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค พรรคต้องรับผิดชอบต่อการกระทำทุกการกระทำ และพรรคก็พร้อมที่จะได้รับการตัดสินจากประชาชน แต่วันนี้สับสนปนเปไปหมด เอา ม.44 แบ่งเขตยังได้เลย ลองเอา ม.44 เขตเดียวเบอร์เดียวทั้งประเทศได้ไหม”คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นว่า อดีต กกต.ออกมาให้ความเห็นหากการเลือกตั้งครั้งนี้มันการฟ้องร้องมากที่สุด สุดท้ายอาจจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะมันจะทำให้เสียเปล่า คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า ไม่ทราบจะใช้คำพูดไหนแล้ว ต้องให้ประชาชนตัดสินใจกันเองแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ในวันที่กำลังจะคืนประชาธิปไตยและเกิดเหตุการณ์ที่มันไม่ได้พัฒนาประชาธิปไตยให้ดีขึ้นก็ฝากประชาชนให้ช่วยกันดู ส่วนที่จะมีการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.นี้ในส่วนพรรคการเมืองเองก็อยากให้มีการเลือกตั้งอยู่ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะมีเทคนิคแทรกติกอะไรอีกหรือเปล่า

เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญส่ง แกนนำที่ถูกแจ้งจับไปกรุงเทพ

เมื่อเวลา 09.09 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2561 ที่ลานอนุวารีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย เชิงดอยสุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลุ่มเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพและตัวแทนกลุ่มต่างๆได้ร่วมกัน จัดกิจกรรมทำบุญสืบชะตาปัดเคราะห์เพื่อสร้างให้กำลังใจ นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ และนายเรืองยศ สิทธิโพธิ์ สมาชิกเครือข่ายที่ถูกสำนักงานศาลยุติธรรมแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทจากกรณีการต่อต้านโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้พร้อมต่อสู้ต่อไปในทุกรูปแบบจนกว่าจะได้ป่าสมบูรณ์กลับคืนมา โดยพิธีจัดแบบล้านนาโบราณโดยมีพระครูสมุห์วิเชียร คุณธัมโม ประธานสงฆ์วัดเจดีย์แม่ครัว อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เป็นประธานสงฆ์ มีพระสงฆ์จำนวน 7 รูป ประกอบพิธีสืบชะตาและสวดชยันโต เพื่ออวยชัยให้ศีลให้พรคุ้มครองป้องกันอันตรายทุกอย่าง พร้อมมอบพระเครื่องพระรอด และครูบาศรีวิชัย รุ่นจัดการตนเอง มีนายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ นายบัณรส บัวคลี่ นางปลายอ้อ ทองสวัสดิ์ นายจำเหลาะ สมจิตต์ นางคำศรีดา แป้นไทย และ น.ส.ลักขณา ศรีหงส์ ร่วมในพิธี โดยใช้เวลาประกอบพิธีนานร่วม 1 ชั่วโมง

หลังจากเสร็จพิธีนายจำเหลาะ สมจิตต์ ในฐานะปราชญ์ล้านนา ได้เป็นตัวแทนมอบรูปถ่ายครูบาเจ้าศรีวิชัย ตนบุญแห่งล้านนาให้แก่นายธีระศักดิ์และนายเรืองยศ เพื่อความเป็นสิริมงคลและคุ้มครองในการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สน.พหลโยธิน กรุงเทพมหานครในเวลา 14.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม 2561 พร้อมกันนี้บรรดาผู้ร่วมพิธีได้มอบดอกกุหลาบสีแดง เพื่อเป็นกำลังใจร่วมสู้เพื่อผืนป่าดอยสุเทพต่อไป


จากนั้นนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ พร้อมเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ได้ร่วมกันนำดอกไม้และธูปเทียนขึ้นกราบนมัสการขอพรต่อหน้าอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยแล้ว พร้อมประกาศจุดยืนจะต่อสู้ปกป้องจนกว่าจะได้ป่ากลับคืนมาโดยผู้มาร่วมพิธีได้ถ่ายรูปร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการเรียกร้องต่อไป


นายธีระศักดิ์ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า หลังจากคณะกรรมการชุดใหญ่ที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีมติออกมา ตนรู้สึกขอบคุณเพราะอย่างน้อยก็ไม่มีผู้พักอาศัยในบ้านพัก 45 หลัง แต่ทั้งนี้เราจะฟังคำตอบจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่าจะมีแนวทาง มีมติ ครม. หรือมีคำสั่งอย่างไรออกมา แต่ทางเครือข่ายขอยืนยันว่าตราบใดที่ป่าแหว่งยังอยู่ก็ยังเป็นความขัดแย้งของชาวเชียงใหม่ ป่าแหว่งต้องหายไปจากผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของเชียงใหม่ เรายืนยันว่าเครือข่ายจะต่อสู้ต่อไป แม้ว่ารัฐบาลนี้จะไม่จัดการให้เด็ดขาด แต่เราเชื่อว่าพลังของคนเชียงใหม่และคนรักสิ่งแวดล้อมจะยืนหยัดต่อสู้ต่อไป

นายธีระศักดิ์ ได้เผยว่า ในเวลา 14.00 น. วันที่ 12 ธันวาคมนี้ ตนจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาที่ สน.พหลโยธิน ซึ่งจะมีสภาทนายความเพื่อสิทธิและเสรีภาพประชาชนจะมาช่วยดูแล เป็นคำพูดจากกรณีการสัมภาษณ์ตอนที่ถูกค้นบ้านก็คาดว่าจะไม่มีอะไรมากนัก เพราะเราทำเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อส่วนรวม ไม่ได้หมิ่นประมาทโดยส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาทผู้พิพากษาหรือตุลาการท่านใด เราทำเพื่อสิ่งแวดล้อมปกป้องผืนป่า

“ตราบใดที่เรายังไม่ได้ผืนป่าคืนมาโดยสมบูรณ์ทางแกนนำและเครือข่ายยังเห็นบาดแผลอยู่บนดอยถึงแม้ท่านจะไปปลูกต้นไม้ก็ตาม แต่พื้นคอนกรีต พื้นถนน บ้านต่างๆที่ไม่มีการรื้อมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปฟื้นผืนป่ากลับคืนมา ป่าแหว่งก็จะเป็นบาดแผลบนดอยสุเทพที่จะประจานสิ้งที่เกิดขึ้นที่ทำให้ชาวเชียงใหม่ไม่สบายใจ เรายืนยันว่าเราจะยังต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะไปป่าสมบูรณ์คืนมา ถือแม้ไม่สำเร็จในรัฐบาลนี้ รัฐบาลหน้าเราก็จะดำเนินการต่อจนกว่าจะได้ผืนป่ากลับมา”นายธีระศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

“ลุงแซม”อุรังตุตังสวนสัตว์เชียงใหม่ มีกระสอบเป็นเพื่อนไว้ปูนั่งชมเงาตัวเอง สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

ไปเที่ยวเชียงใหม่อย่าลืมเยี่ยมชมสวนสัตว์เชียงใหม่ไปให้กำลังใจ”ลุงแซมลิงอุรังอุตังวัย 20 ปี สวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ตัวเดียวไปไหนมาไหนจะลากกระสอบติดตัวไปมา เมื่อช่วงหนาวก็จะใช้กระสอบคลุมห่มนอน แต่เมื่อจะออกไปไหนก็จะใช้เท้าหลังลากกระสอบติดตัวไป ทุกหนแห่ง เมื่อถึงริมนำก็จะใช้กระสอบปูและเอาหน้าก่ายนั่งชมเงาตัวเองในน้ำเป็นภาพที่สุดน่ารักประทับใจนักท่องเที่ยว ซึ่งทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ทำส่งเสริมพฤติกรรมสัตว์ให้กับลิงอุรังอุตังได้มีการพัฒนา โดยได้นำเชือกมาผูกให้ลิงอุรังอุตังไต่เพื่อเคลื่อนไหวร่างกายและอวัยวะตามธรรมชาติ และเพื่อให้ลิงอุรังอุตังได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ลุงแซมมีอายุมากแล้วยังคงสนใจกระสอบเท่านั้น ซึ่งก็สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวในพฤติกรรมคล้ายมนุษย์เราที่ต้องการความอบอุ่นและความสบายใจที่ถิ่นที่อยู่ ปีใหม่นี้หากใครเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่ต้องแวะไปเยี่ยมชมและให้กำลังใจ ซึ่งที่่ผ่านมามีผู้ไปเยี่ยมและซื้อไอสครีมไปให้ แต่ช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นลุงแซม ได้เมินไอสครีมไปแล้ว และทางสวนสัตว์เชียงใหม่ก็ได้ห้ามไม่ให้อาหารแก่ลุงแซมเพื่อความปลอดภัยแล้ว เพราะถือว่าเป็นสัตว์หายากหนึ่งเดียวของสวนสัตว์เชียงใหม่ซึ่งเมื่อก่อนนี้ลุงแซม มีคู่อยู่ด้วย แต่ก็ล้มหายตายจากไปนานร่วม 10ปีแล้วจนลุงแซมเหลือตัวเดียว ทางสวนสัตว์ได้พยายามหาคู่ให้ แต่ก็ยังหาไม่ได้ลุงแซมจึงอยู่กับกระสอบและนั่งดูเงาตัวเองเป็นเพื่อน

สำหรับลิงอุรังอุตังนั้น เป็นไพรเมตจำพวกลิงไม่มีหาง ที่อยู่ในสกุล Pongo (พอง-โก) เป็นสัตว์พื้นเมืองของเกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา ในประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น มีขนาดใหญ่คล้ายมนุษย์ ไม่มีหาง หูเล็ก แขนและขายาว ตัวผู้มีน้ำหนัก 75–200 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียหนัก 50–80 กิโลกรัม มีขนหยาบสีแดงรุงรัง เมื่อโตขึ้นกระพุ้งแก้มจะห้อยเป็นถุงขนาดใหญ่ มันชอบอยู่บนต้นไม้โดดเดี่ยว เว้นแต่ช่วงผสมพันธุ์จะอยู่เป็นคู่ ชอบห้อยโหนจากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่ง มีการสร้างรังนอน แบบเดียวกับชิมแปนซี เชื่อง ไม่ดุ หัดง่ายแต่เมื่อเติบโตแล้วจะดุมาก เมื่ออุรังอุตังอายุ 10 ปี จะสามารถผสมพันธุ์ได้ ออกลูกทีละ 1 ตัว และอายุยืนถึง 40 ปีเลย ปัจจุบัน เป็นสัตว์หายาก อาหารหลักคือผลไม้ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะทุเรียน นอกจากนี้ยังกินแมลงไข่นก สัตว์เล็ก ๆ อื่น ๆ อีกด้วย


ในเรื่องนี้ นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ ได้เชิญชวนมาเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นช่วงที่อากาศดี ทางสวนสัตว์มีสัตว์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแพนด้าที่นำออกสวนหลังบ้าน และการแสดงโชว์ของสัตว์ต่างๆรวมทั้งเยี่ยมหาลุงแซมอุรังตุุตังแสนรู้ ที่เป็นขวัญใจเด็กๆไม่แพ้ช่วงช่วงหลินฮุ่ย แพนด้า ซึ่งทางสวนสัตว์ได้มีการจัดส่งเสริมพฤติกรรมสัตว์ต่างๆเพื่อให้สัตว์มีความสุข รวมทั้งผู้ที่มาเที่ยวได้เห็นพฤติกรรมของสัตว์ต่างๆอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด