ชาวเชียงใหม่รวมใจไล่หมอกควัน เชิญชวนประชาชนออกมาร่วมใช้น้ำไล่ทั่วเมือง

จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดกิจกรรม “ชาวเชียงใหม่ ร่วมใจ ไล่หมอกควัน” เชิญชวนประชาชนร่วมสร้างความชุ่มชื้นในอากาศพร้อมกันทั้งจังหวัด


นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในวันที่18 มี.ค.62เวลา 10.30 น. จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดกิจกรรม
“ชาวเชียงใหม่ ร่วมใจ ไล่หมอกควัน” พร้อมกันทั่วทั้งจังหวัด โดยอำเภอเมืองเชียงใหม่ จัดที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ และรอบคูเมืองเชียงใหม่ มีการปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำ ฉีดพ่นล้างทำความสะอาดถนน และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ โดยมีส่วนราชการภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรม ขณะที่ทุกอำเภอจะจัดกิจกรรมเช่นเดียวกันทั่วทั้งจังหวัด
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมกันฉีดพ่นน้ำ รดน้ำต้นไม้ ล้างถนนบริเวณหน้าบ้านของตนเอง เพื่อสร้างความชุ่มชื้นใน
อากาศ สร้างความสดใสให้กับจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการมีส่วนร่วมของชาวเชียงใหม่ทุกคน

“เชียงใหม่ประชาสัมพันธ์ปลูกพืชใช้น้ำน้อยลดความเสี่ยงช่วงแล้ง”

วันที่ 11มีนาคม 2562 เวลา 13.00 น. นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยนางวรินทร มั่งมูลอู เกษตรอำเภอหางดง ประชาสัมพันธ์การเฝ้าระวังการปลูกพืชฤดูแล้ง เพื่อให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน รวมถึงไม่ให้กระทบต่อน้ำที่ต้องใช้อุปโภค บริโภค ระบบนิเวศต่างๆ โดยกำชับทางสำนักงานเกษตรอำเภอให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการดูแลพืชไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น


นายสมพล แสนคำเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรฯโดยคณะอำนวยการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรระดับจังหวัดและอำเภอ(COO&OT )ร่วมวางแผนการเพาะปลูก ติดตามสถาณการณ์น้ำ อีกทั้งแนะนำเกษตรกรปลูกพืชอื่นๆที่ใช้น้ำน้อยในช่วงฤดูแล้ง “โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรังปี2562 “พืชที่แนะนำตามความต้องการตลาด อาทิ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง คะน้า ผักกาดฮ่องเต้ กุยช่ายเป็นต้น ซึ่งมีเกษตรกรร่วมโครงการกว่า 5,100 ไร่ ใน 17 อำเภอ

ส่วนพื้นที่ข้าวนาปรังจ.เชียงใหม่คาดการณ์ว่าจะมีพื้นที่ปลูก 127,940 ไร่ในเขตชลประทาน 95,096ไร่ นอกเขตชลประทาน 32,844 ไร่ ซึ่งพื้นที่ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ0.2% เป็นผลจากเกษตรกรบางส่วนปรับเปลี่ยนปลูกพืชอื่นเช่น นายพร อินยา เกษตรกรหมู่6บ้านแสนตอ ต.น้ำแพร่ ต.หางดง หันมาปลูกมะเขือเทศโรงงานจำนวน 3ไร่ ใช้เวลาปลูก 2 เดือนครึ่งทำรายได้กว่า 75,000 บาท มากกว่าการปลูกข้าวนาปรัง 3 เท่าตัว และยังสามารถปลูกพริก ต่อจากมะเขือเทศทำให้เกษตรรายได้หมุนเวียนตลอดช่วงฤดูแล้งนี้อีกด้วย

งานมหกรรมท่องเที่ยวอเมซิ่งเบตง 2019 จากใต้สู่เหนือ จัดโชว์ห้างดังกลางเมืองเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 8-11 มี.ค. 2562 ที่ลานโปรโมชั่น 2 ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล จ.เชียงใหม่ นายวรเชษฐ พรมโอภาษ รองผู้ว่าราการจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดงาน”มหกรรมท่องเที่ยว อเมซิ่งเบตง 2019″ และกล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว จ.ยะลา และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ โดยทาง จ.ยะลาได้คัดสรรค์ผู้ประกอบการสินค้า OTOP ระดับพรีเมียมจำนวน 40 ร้ายเปิดให้สัมผัส ชิม ชม ช้อป กับอาหารและสินค้าชื่อดัง

“มหกรรมท่องเที่ยว อเมซิ่งเบตง 2019″ เป็นการนำสินค้าจาก จ.ยะลา นำเสนอและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้รู้จักเสน่ห์ของ จ.ยะลา เพราะ จ.ยะลามีบ่อน้ำร้อนเบตง สวนไม้ดอกเมืองหนาว อุโมงค์ปิยะมิตร ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลสาบและป่าฮาลา บาลาและอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในพื้นที่ มีอาหารท้องถิ่นที่อร่อยและขึ้นชื่อลือชาไม่ว่าจะเป็นแกงปักษ์ใต้ ไก่เบตง ชาชัก เป็นที่ถูกปากและถูกใจนักท่องเที่ยว และเป็นการประชาสัมพันธ์ อ.เบตง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองเบตง จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวในดวงใจของชาวเชียงใหม่เพื่อจะได้เดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวในเบตงกันมากขึ้น”

ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ชาวเชียงใหม่ได้มีโอกาสเห็นวิธีการชงชาชัก และรสชาดที่หอมอร่อยลิ้นของชาชัก และไก่เบตง ที่นำมาบริการให้ชิมกลางเมืองเชียงใหม่ จะสร้างความครื้นเครงและสนุกสนานและมอบความสุขให้กับพี่น้องชาวเหนือและนักท่องเที่ยวทุกท่านได้อีกทางหนึ่ง”

สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3จัดกิจกรรม ปรามสื่อร้าย ขยายสื่อดี

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 7 มี.ค.นี้ ห้องส่งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้าน Fake News และประกาศเจตนารมณ์ ปรามสื่อร้าย ขยายสื่อดี นำโดย นางสาวศศิวิมล พงษ์ปรีชา ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 พร้อมด้วย นางสาวจันทนา อ้นคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวธนวรรณ ชุมแสง ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งข้าราชการ องค์กร สื่อมวลชน สถาบันการศึกษา และประชาชนชาวเชียงใหม่ เข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ


ปัจจุบันการพัฒนาของเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนจำนวนมากสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านเครื่องมือและเทคโนโลยีการสื่อสารได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลมีเดียหรือสื่อสังคมออนไลน์ ได้กลายเป็นแหล่งที่ผู้คนเข้าไปติดตามข่าวสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล แสดงความคิดเห็น ความรู้สึกต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งหลายกรณีเป็นภัยอย่างมหันต์

 

กรมประชาสัมพันธ์จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้าน Fake News และประกาศเจตนาตรมณ์ปรามสื่อร้าย ขยายสื่อดี ภายใต้โครงการสร้างภาคีเครือข่ายรณรงค์ต่อต้านข่าวลวง Fake News เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายรณรงค์ร่วมกันต่อต้านข่าวลวง และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้ตระหนักถึงภัยของข่าวลวง และร่วมกันต่อต้าน//

บางกอกแอร์เวย์สเปิดเส้นทางบินใหม่ เชียงใหม่ – กระบี่ และ เชียงใหม่ – หลวงพระบาง (สปป.ลาว)

ษริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จัดงานแถลงข่าวเปิดเส้นทางบินใหม่ เชียงใหม่ – กระบี่ และ เชียงใหม่ – หลวงพระบาง (สปป.ลาว) โดยมีนายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการขายของสายการบินฯ และนางสาวภัคนันท์ วินิจชัย ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่เป็นผู้แถลงข่าวและนางจันทร์ทิพย์ ทองกันยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ให้เกียรติร่วมในงาน ณ ห้องอาหาร Time Riverfront Cuisine & Barโรงแรม ณ นิรันดร์ จังหวัดเชียงใหม่

นายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการขาย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า “การเปิดเส้นทางบินเชียงใหม่ – กระบี่ และ เชียงใหม่ – หลวงพระบาง (สปป.ลาว) ของสายการบินฯ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายเครือข่ายเส้นทางบินของบางกอกแอร์เวย์สให้ครอบคลุมประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) โดยใช้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการบินทางภาคเหนือ เนื่องจากเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอันดับต้นของประเทศไทยและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากเส้นทางบินภายในประเทศและเส้นทางบินจากต่างประเทศ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี การเปิดเส้นทางบินตรงจากเชียงใหม่ไปยังเมืองต่างๆ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารโดยไม่ต้องเดินทางกลับไปต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันบางกอกแอร์เวย์ส มีเส้นทางบินจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปยังเมืองต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุย ภูเก็ต เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ย่างกุ้ง (เมียนมาร์) มัณฑะเลย์ (เมียนมาร์) และฮานอย (เวียดนาม) และจะเปิดบินอีก 2 เมือง ในปลายเดือนมีนาคม 2562 นี้ คือกระบี่และหลวงพระบาง (สปป.ลาว) ซึ่งทั้ง 2 เมืองเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก”

“การเชื่อมต่อเส้นทางเชียงใหม่ – กระบี่ นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้ที่มีถิ่นพำนักอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังภาคเหนือให้สามารถเดินทางต่อโดยเครื่องบินไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในภาคใต้ โดยไม่ต้องไปต่อเครื่องที่กรุงเทพ แล้วยังทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความสวยงามทางธรรมชาติวัฒนธรรมของภาคเหนือและทะเลทางภาคใต้ เป็นการส่งเสริมนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในเรื่องของการเที่ยวข้ามภาค สำหรับเส้นทางเชียงใหม่- หลวงพระบาง (สปป.ลาว) จะทำให้บางกอกแอร์เวย์สมีเส้นทางบินครอบคลุมในกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มเติมคือ สปป.ลาว โดยเราเล็งเห็นว่าเมืองหลวงพระบาง เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบด้านวัฒนธรรม ต้องการความเงียบสงบ วิถีชีวิตเรียบง่ายเลือกเดินทางมาพักผ่อน ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองหลวงพระบาง (สปป.ลาว) เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม เราเชื่อว่าเส้นทางบินนี้จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก”

นางสาวภัคนันท์ วินิจชัย ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า “ในปี 2561 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวน 10,844,753 คน โดยคิดเป็นร้อยละ 30.1 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังภาคเหนือซึ่งเป็นชาวต่างชาติ 3,252,594 คน นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมีจำนวนมากเป็นอันดับที่หนึ่ง รองลงมาคือ อเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศส ตามลำดับ โดยในปี 2562 ทาง ททท.คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 5 และรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าแนวโน้มของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนน่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากอาเซียน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และจากยุโรป เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ในปีนี้”

“นับว่าเป็นโอกาสทีดีที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเส้นทางบิน เชียงใหม่-กระบี่ และชียงใหม่-หลวงพระบาง (สปป.ลาว) เพราะนอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวในตลาดซึ่งมีอยู่เดิมแล้ว ให้เดินทางไปท่องเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทยและเมืองใกล้เคียงกับเมืองหลวงพระบาง (สปป.ลาว) ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ การผลักดันเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเดินทางต่อไปยังเมืองหลักและเมืองรองอื่นๆ ในประเทศไทยได้นั้นจะก่อให้เกิดการรายได้ทางการท่องเที่ยวหมุนเวียนภายในประเทศมหาศาล” นางสาวภัคนันท์ กล่าว

เส้นทางบิน เชียงใหม่ – กระบี่ (เที่ยวเดียว) จะเริ่มให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน (อาทิตย์ อังคาร และพฤหัสบดี) ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2562 และจะปรับเป็นให้บริการทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ319 ขนาด 144 ที่นั่ง โดยเที่ยวบิน PG 246 ออกจากเชียงใหม่ เวลา 12.00 น. ถึงกระบี่ เวลา 13.55 น.

เส้นทางบินระหว่าง เชียงใหม่ – หลวงพระบาง (สปป.ลาว) (ไป-กลับ) จะให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน (อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์) ด้วยเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง โดยเที่ยวบินขาไป PG983 ออกจากเชียงใหม่ เวลา16.30 น. ถึงหลวงพระบาง (สปป.ลาว) เวลา 17.45 น. เที่ยวบินขากลับ PG984 ออกจากหลวงพระบาง (สปป.ลาว) เวลา 18.30 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 19.45 น. โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2562 เป็นต้นไป

ผู้สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ที่www.bangkokair.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ให้บริการลูกค้า (Call Center) โทร. 1771 ตลอด 24ชั่วโมง ค่าบริการครั้งละ 3 บาททั่วไทย (เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน) หรือสำนักงานออกบัตรโดยสารทั่วประเทศ และตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสาร ผู้โดยสารทุกท่านของบางกอกแอร์เวย์ส สามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองผู้โดยสารที่ให้บริการอาหารว่าง เครื่องดื่มและอินเทอร์เน็ต ณ สนามบินที่เปิดให้บริการ และสามารถทำการเช็คอินออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมงล่วงหน้าก่อนการเดินทางได้ที่ www.bangkokair.com/pages/view/online-check-in

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สำรวจแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งที่ 3 ของจังหวัด บ่อน้ำสมัยพุทธกาล ที่นำไปประกอบพิธีสำคัญและพิธีหลวงหลายครั้ง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ก.พ.นี้ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ พุทธโธ นายอำเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สำรวจบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ขุนน้ำแม่ปิง อำเภอเชียงดาว ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดทำน้ำอภิเษกของจังหวัดในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อให้การจัดพิธีทำน้ำอภิเษกของจังหวัดเชียงใหม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติฯ

จากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ซึ่งเล่าสืบทอดต่อกันมาว่า บริเวณพื้นที่เทือกเขาขุนน้ำแม่ปิง พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดมนุษย์ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เมื่อมนุษย์ทราบก็พากันไปกราบไหว้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ไปรวมกันเข้าเฝ้ากราบไหว้พระองค์ด้วย ในบรรดาสัตว์เหล่านั้นมีพญาช้างเผือก งาแดง เชือกหนึ่ง เกิดศรัทธานำผลไม้เรียกว่า ผลนะ หรือ ลูกสมอ ไปถวายพระพุทธเจ้า ต้นสมอที่พญาช้างเผือกเก็บไปถวายอยู่ที่บริเวณขุนน้ำปิงแห่งนี้ ซึ่งเกิดรอยเท้าช้าง 2 รอย ชาวบ้านเชื่อว่าน้ำที่ไหลผ่านและอยู่ในรอยเท้าพญาช้างเผือก เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ สำหรับขนาดบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ส่วนที่เป็นรอยเท้าทั้ง 2 บ่อ บ่อที่ 1 กว้างประมาณ 63 เซนติเมตร ลึก 52 เซนติเมตร บ่อที่ 2 กว้างประมาณ 64 เซนติเมตร ลึก 61 เซนติเมตร ขุนน้ำแม่ปิงแห่งนี้ถือว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประชากรตำบลเมืองนะ เนื่องจากประชาชนได้นำไปใช้อุปโภคบริโภค ทำเกษตรกรรม กสิกรรมในพื้นที่ตลอดทั้งปี

แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ขุนน้ำแม่ปิง ได้ถูกนำไปประกอบพิธีสำคัญเกี่ยวกับพิธีหลวงหลายครั้ง ซึ่ง 2 ครั้งล่าสุด ได้นำไปประกอบพิธีเสกน้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

รองแม่ทัพภาค 3ระดมฉีดม่านน้ำเพื่อฟอกอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 21 ก.พ.นี้ ที่ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กองบัญชาการณ์ควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า จัดชุดปฏิบัติการออกฉีดพ่นม่านน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและฟอกอากาศในพื้นที่ โดยใช้รถดับเพลิงของ อบจ.เชียงใหม่ และทหารพัฒนา จำนวน 10 คันจอดริมอ่างเก็บน้ำทำการสูบน้ำจากห้วยตึงเฒ่า พ่นขึ้นสู่อากาศ เพื่อให้ละอองน้ำกระจายไปตามทางลมเข้าไปทำความชื้น ซึ่งเมื่อระดมกันฉีดน้ำทำให้เกิดลมเย็นบริเวณนั้นขึ้นทันที


พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า จากที่พบค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นละออง PM10 และปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ของ จังหวัดเชียงใหม่มีแนวโน้มสูงขึ้น จำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ซึ่งกองบัญชาการณ์ควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ได้ร่วมกับส่วนราชการในจังหวัด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันแก้ไขปัญหา

โดยมีแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม โดยภาคพื้นดินได้จัดทำระบบฉีดม่านน้ำเพื่อฟอกอากาศ ในช่วงเวลา 10.00-14.00 น. บริเวณอ่างเก็บน้ำต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ตลอดจนควบคุมสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ให้ลดลงอีกทางหนึ่ง และหากได้ผล ก็จะใช้วิธีการนี้บริเวณน้ำปิงในตัวเมืองเชียงใหม่และน้ำจากคูเมืองเชียงใหม่ โดยไม่ต้องใช้วิธีนำรถบรรทุกน้ำออกไปฉีดพ่น ให้ใช้แหล่งน้ำในจุดๆนั้นเลย//

อุทยานหลวงราชพฤกษ์จัดนิทรรศการ “236 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์”

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) จัดนิทรรศการ “236 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ และเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ได้ทรงสร้างความเป็นเอกราช ความมั่นคง และความเป็นไทย ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนทำให้สยามประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมกับอารยะประเทศ โดยจัดขึ้นที่ อาคารนิทรรศการ 2อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่

เวลา 10.00 น. วันที่ 20 ก.พ.นี้ ที่ อาคารนิทรรศการ 2อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ นางมิ่งขวัญ วิชยารังสกฤษดิ์ ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ “236 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” โดยมีนางสาวรุจิรา ริมผดี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวรายงานการจัดนิทรรศการครั้งนี้เป็นนิทรรศการที่แสดงถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงพระราชอุตสาหะทำนุบำรุงบ้านเมือง ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยในด้านต่างๆ รวมทั้งนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรที่ทรงสืบสานพระราชกรณียกิจ อันนำประโยชน์สุขแก่ปวงชนชาวไทย

โดยภายในบริเวณจัดงานนิทรรศการแบ่งออกเป็น 12 ห้อง ดังนี้ห้องที่ 1 อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤาห้องที่ 2 สงคราม 9 ทัพ สยาม ล้านนา มหากัลยาณมิตรห้องที่ 3 ตั้งกรุงผดุงเอกราชห้องที่ 4-5 ฟูเฟื่องมหานครห้องที่ 6 เมื่อลมเปลี่ยนทิศห้องที่ 7 เรียนรู้วิทยาการ รากฐานสู่อารยะห้องที่ 8 สยามสมัยใหม่ห้องที่ 9 สยามมานุสติห้องที่ 10 ต่างแคว้นแผ่นดินเดียวห้องที่ 11 ศาสตร์พระราชาพัฒนาชาติห้องที่ 12 สืบทอดพระราชปณิธาน

นิทรรศการครั้งนี้มุ่งหวังสร้างการเรียนรู้ ความเข้าใจ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าผ่านนิทรรศการ “236 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. ณ อาคารนิทรรศการ 2 อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

โรงพยาบาลลานนา รับการตรวจประเมินมาตรฐานสถานพยาบาลในโครงการประกันสังคม

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ โรงพยาบาลลานนา นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ และ นพ.ธีระยุทธ นิยมกูล รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา พร้อมทั้งหัวหน้าแผนกทุกฝ่าย ให้การต้อนรับคณะผู้ตรวจประเมิน จากสำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ กลุ่มงานมาตรฐานทางการแพทย์

นำโดย นพ.พลเลิศ พันธุ์ธนากุล ที่ปรึกษาทางการแพทย์ , นางกฤษณา กลิ่นสมิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการพยาบาล และนางกนกนันท์ วิริยานันท์ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ พร้อมทั้งนางสาวลัดดา แซ่ลี้ ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ นำทีมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประกันสังคม จ.เชียงใหม่ ลงพื้นที่เข้าตรวจเยี่ยม เพื่อประเมินมาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์ การพยาบาล เอกสารข้อมูลสถานพยาบาล และมาตรฐานด้านความปลอดภัย รวมทั้งด้านการให้บริการของโรงพยาบาลลานนาทุกระบบ

วัตถุประสงค์ของการตรวจประเมินในครั้งนี้ เพื่อเป็นการตรวจรับรองมาตรฐานสถานพยาบาล ควบคุมการบริการของสถานพยาบาลในระบบประกันสังคม ให้มีความพร้อมในการให้บริการผู้ป่วย และต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานประกันสังคม

 

โดยโรงพยาบาลลานนา ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนในโครงการประกันสังคม ที่มีผู้ไว้วางใจเลือกประกันตนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดเชียงใหม่ มากถึง 150,000 คนแล้วในขณะนี้ จึงจำเป็นจะต้องรักษามาตรฐานในการให้บริการ และปรับปรุงพัฒนาอยู่อย่างเสมอ เพื่อรองรับผู้มาใช้บริการที่มากขึ้นในทุกๆ ปี

สวนสัตว์เชียงใหม่ร่วมกับอุทยานหลวงราชพฤกษ์ร่วมจัดโปรโมชั่น “บัตรเดียว เที่ยวสุดคุ้ม” เที่ยวหอคำหลวง พ่วงดูหมีแพนด้า

เมื่อ เวลา 10.30 น. วันที่ 18 ก.พ.นี้ ที่ ห้องประชุมอาคารสโมสรหมีแพนด้า สวนสัตว์เชียงใหม่นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.อาณดา นิรัตนตรายกุล ผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ แถลงข่าวการจับมือกันระหว่างสององค์กรจัดทำโครงการ “บัตรเดียว เที่ยวสุดคุ้ม” เที่ยวหอคำหลวง พ่วงดูหมีแพนด้า เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่


นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์จ.เชียงใหม่ เผยว่า การจัดทำโครงการส่งเสริมการขายในครั้งนี้โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวและการเรียนรู้ภายใต้โครงการ “บัตรเดียว เที่ยวสุดคุ้ม” เที่ยวหอคำหลวง พ่วงดูหมีแพนด้า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยผู้ใหญ่ ในราคา 175 บาท / เด็ก 110 บาท และสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผู้ใหญ่ ราคา 325 บาท / เด็ก 250 บาท โดยจัดจำหน่ายบัตรให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมและเรียนรู้ในพื้นที่ของ สวนสัตว์ จ.เชียงใหม่และอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในอัตราราคาพิเศษ โดยได้เริ่มใช้โปรโมชั่นนี้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ไปจนถึงวันที่ 15 กันยายน 2562 ที่จะถึงนี้เท่านั้น และถือว่าเป็นโครงการริเริ่มของทั้งสองหน่วยงานเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวและถ้าประสบผลสำเร็จก็จะต่อยอดในการจัดโปรโมชั่นแบบนี้ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ถือเป็นการคืนความสุขให้แก่ประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย


ดร.อาณดา นิรัตนตรายกุล ผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ กล่าวว่าขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ลองมาสัมผัสอุทยานหลวงราชพฤกษ์และสวนสัตว์เชียงใหม่ตามโครงการ “บัตรเดียว เที่ยวสุดคุ้ม” เที่ยวหอคำหลวง พ่วงดูหมีแพนด้า รับรองว่าราคาสุดคุ้มจริงๆ เพราะกิจกรรมของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ มีให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างมากมายจริงๆสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สวนสัตว์ จ.เชียงใหม่ 053 – 358116/www.chiangmaizoo.com หรืออุทยานหลวงราชพฤกษ์ 053 – 114110 – 5 / www.royalparkrajapruek.org.