จังหวัดลำปาง เชิญร่วมย้อนวันวาน รำลึกวันประวัติศาสตร์รถไฟรถม้าลำปาง 2562 วันที่ 29 มีนาคม – 2 เมษายน 2562

 

นายประจวบ กันธิยะ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เชิญร่วมย้อนวันวาน รำลึกวันประวัติศาสตร์รถไฟรถม้า

ลำปาง ประจำปี 2562 ในระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 2 เมษายน 2562 ณ บริเวณสถานีรถไฟนครลำปาง

การจัดงานดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมประจำปีของจังหวัดลำปาง เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติ

ศาสตร์ความสำคัญของกิจการรถไฟ รถม้า ที่ได้เข้าสู่จังหวัดลำปาง ที่ได้เปิดเส้นทางรถไฟสายเหนือมา

สิ้นสุดที่ จ.ลำปาง เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า

อยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2459 สนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปางและรำลึกประวัติ

ศาสตร์ของรถไฟและรถม้าลำปาง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการคมนาคมขนส่ง การพัฒนาเศรษฐกิจและ

สังคมของชาวจังหวัดลำปางเป็นเวลา จึงเป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์สำคัญที่จะช่วยให้การท่องเที่ยว

ของจังหวัดลำปางเติบได้อย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่

ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง เผยว่าการจัดงานในครั้งมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย มีการตกแต่ง

ประดับไฟแสง สี บริเวณสถานีรถไฟฟ้านครลำปางให้สวยงาม เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้

ชื่นชมความงดงามของสถานีรถไฟนครลำปางที่มีอายุกว่า 103 ปี ชมนิทรรศการประวัติศาสตร์รถไฟ

รถม้า การสาธิตการประกอบรถม้า นิทรรศการภาพถ่ายวิถีชีวิตชาวรถม้าลำปาง การแข่งขันขี่ม้ามหาสนุก

แรลลี่รถม้าพาเพลิน สวนสนุกสไลด์เดอร์จำลอง กิจกรรมการท่องเที่ยวจาก กฟผ.แม่เมาะ การแสดงต่าง

ๆ บนเวที

ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร ครบรอบ 103 ปี สถานีรถไฟนครลำปางและพิธีเรียกขวัญม้า วันที่ 1 เมษายน

2562 เลือกช๊อปสินค้า อาหารหลากหลาย ของดีของเด่นจังหวัดลำปาง กิจกรรมแสดงความบันเทิงกับ

บทเพลงที่เล่าเรื่องเมืองลำปาง ผ่านศิลปินล้านนา เช่น ณัฏฐ์ กิตติสาร ฟ้า ยศสรัลและน้องผึ้ง ประกาศิต

วงคาวบอยแบนโจ ครูแอ็ด เดอะสะล้อ และธวัช เมืองเถิน นอกจากกิจกรรมความบันเทิงมากมาย และ

มหกรรมสินค้าของเด่นของดีจังหวัดลำปาง

วันที่ 29 มีนาคม พิธีเปิดงาน และศิลปิน ณัฏฐ์ กิตติสาร
วันที 30 มีนาคม การแข่งขันแรลลี่รถม้าลำปาง, ศิลปินฟ้า ยศสรัลและน้องฝั่ง ประกาศิต
วันที่ 30 มีนาคม ศิลปินวงคาวบอยแบนโจ
วันที่ 1 เมษายน กิจกรรมทำบุญตักบาตร, ฮ้องขวัญม้า, กีฬามหาสนุก และศิลปิน ครูแอดเดอะสะล้อ
วันที 2 เมษายน ศิลปินธวัช เมืองเถิน

หอการค้าเชียงใหม่ จัดงาน “ Chiang Mai Smart City 2020” เป็นการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2562 พร้อมมอบเงินจำนวน 1 แสนบาทให้จังหวัดเชียงใหม่ร่วมแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า

เมื่อเช้าวันที่ 16 มี.ค.2562 ที่ห้องเชียงทอง ศูนย์ประชุมนานาชาติ คุ้มคำ (คุ้มขันโตก) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมนางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันเปิดการสัมมนา “ Chiang Mai Smart City 2020” ในการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2562 และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่สมัยที่ 22 ประจำปี 2562 – 2563 และทั้งหมดร่วมกันมอบเงินจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) ให้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่ร่วมแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ต่อไปด้วย

ด้านนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ผมมองว่าหลังจากการพัฒนาเชียงใหม่เป็น smart city แล้วจะนำเชียงใหม่ไปสู่ smart economy ซึ่งผมสนใจเรื่องเมืองสุขภาพ จะทำให้เชียงใหม่เป็น smart wellness ซึ่งในความเป็น smart wellness ไม่ได้มองแค่มิติเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องเป็นเมืองที่คนเชียงใหม่มีสุขภาพที่ดีด้วย

“ทั้งนี้มิติด้านเศรษฐกิจของ smart wellness ถือว่าสำคัญมาก เพราะจะทำให้เกิดการขนส่งการเดินทางเข้าสู่เชียงใหม่ เกิดการจ้างงาน เกิดการบริบาล การดูแลรักษา ให้คนมาพักผ่อน จะทำให้เกิดเศรษฐกิจขึ้นมา เป็นสิ่งที่จับต้องได้ และเชียงใหม่มีศักยภาพจะเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (medical health hub) ด้วยขีดความสามารถของจังหวัดที่มีสูงมากในการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับสากล บริการสปาที่ได้มาตรฐานสากล และมีลองสเตย์สำหรับผู้สูงอายุที่ได้มาตรฐานระดับสากลเช่นกัน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งอนาคตเชียงใหม่จะเติบโตบนฐานของการเป็น Smart City ได้” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในนามหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ขอขอบพระคุณท่านรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคม ท่านไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี ขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ท่านศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ที่ให้เกียรติกล่าวต้อนรับท่านรัฐมนตรีช่วยฯ และแขกผู้มีเกียรติในวันนี้ การประชุมใหญ่สามัญสมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดเป็นประจำทุกปีภายใน 90 วัน นับจากวันสิ้นปี ทั้งนี้ เพื่อสรุปและรายงานผลการดำเนินงานโครงการกิจกรรมที่หอการค้าฯ ได้ดำเนินงานมาในรอบระยะ 2 ปีที่ผ่านมาของคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 21

สำหรับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ได้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลา 41 ปี มีบทบาทในการส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ในจังหวัดเชียงใหม่ การจัดกิจกรรมสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้สมาชิกรับทราบข้อมูล ประเด็นทางยุทธศาสตร์ ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่จะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ การประชุมใหญ่สามัญสมาชิก จึงได้กำหนดให้มีการปาฐากถาพิเศษหัวข้อ “เชียงใหม่ Smart City 2020” โดยท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ตรงกับสถานการณ์และทิศทางการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ในอนาคต และหัวข้อ“ส่องกล้อง มองโอกาส เจาะตลาดการค้าและโลจิสติกส์บนเส้นทาง R3A” โดย ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ หัวหน้าศูนย์ China Imtelligent Center มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ทราบถึงสถานการณ์การแข่งขันรูปแบบการค้าและการตลาดแบบดั้งเดิมไปสู่การค้าบนตลาดออนไลน์ (Border Trade E-commerce) ที่ทำให้ผู้ประกอบการ สามารถอาศัยรูปแบบตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เป็นช่องทางการค้าและสร้างความรับรู้ไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดประเทศจีนที่มีกำลังซื้อ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของสมาชิก.

รัฐบาลญี่ปุ่นจัดโครงการ คุซะโนะเนะ สนับสนุนการก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนบ้านห้วยหญ้าไซ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 ที่สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ ได้จัดพิธีลงนามโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (คุซะโนะเนะ) ระหว่าง นายคะซึโนริ คาวาดะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ กับนายสงคราม มังคะละ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยหญ้าไซ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนโครงการแก่โรงเรียนบ้านห้วยหญ้าไซ เป็นงบประมาณมูลค่า 5,835,000บาท เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนในครั้งนี้จะช่วยให้เด็กนักเรียนของโรงเรียนบ้านห้วยหญ้าไซได้รับการศึกษาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยยิ่งขึ้น

โรงเรียนบ้านห้วยหญ้าไซ เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ตั้งอยู่ในพื้นที่สูงทางทิศใต้ของจังหวัดเชียงราย นักเรียนส่วนใหญ่เป็นชนเผากลุ่มชาติพันธุ์อาข่าและล่าหู่ โรงเรียนบ้านห้วยหญ้าไซเป็นสถานศึกษาของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเยาวชนจากท้องถิ่นให้เข้าสู่สังคม ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้โรงเรียนได้ขยายโอกาสด้วยการรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตามความต้องการอันแรงกล้าของชาวบ้านในท้องถิ่น จึงมีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้โรงเรียนไม่สามารถจัดเตรียมห้องเรียนให้เพียงพอได้ ส่งผลให้จำนวนนักเรียนในหนึ่งห้องเรียนมากเกินเกณฑ์ที่กำหนด นักเรียนบางส่วนต้องเรียนในห้องเรียนชั่วคราวที่ดัดแปลงมาจากหอพักหรือห้องเก็บของ และนักเรียนชั้นมัธยมต้องเรียนในห้องเรียนสำหรับชั้นประถมศีกษา ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการสร้างความมั่นคงของมนุษย์ให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (คุซะโนะเนะ) สืบไป

21 มีนาคม 2562 ช่วงเวลากลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน เป็นวัน “วสันตวิษุวัต” หรือ วัน“ราตรีเสมอภาค”

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผย 21 มีนาคม 2562 เป็นวัน “วสันตวิษุวัต” ช่วงเวลากลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ถือเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาลเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเปลี่ยนสู่ฤดูใบไม้ร่วงของประเทศในซีกโลกใต้

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า วันที่ 21 มีนาคมนี้ เป็นวัน “วสันตวิษุวัต” (วะ-สัน-ตะ-วิ-สุ-วัด) (Vernal Equinox) กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน “วิษุวัต” (Equinox) ในภาษาสันสกฤตหมายถึง จุดที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลกพอดี แปลเป็นภาษาไทยว่า “ราตรีเสมอภาค” แต่ละวันดวงอาทิตย์จะปรากฏในตำแหน่งต่างกัน เปลี่ยนตำแหน่งไปประมาณวันละ 1 องศา เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนมา ณ ตำแหน่งตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลก ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกพอดี จึงมีช่วงเวลากลางวันยาวเท่ากับกลางคืน นับเป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงของประเทศในซีกโลกใต้ สำหรับประเทศไทย วันดังกล่าวดวงอาทิตย์ขึ้นเวลาประมาณ 06:22 น. และจะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 18:28 น. (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร)
นายศุภฤกษ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ในหนึ่งปี โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี โลกจึงมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ช่วงใกล้ที่สุดประมาณต้นเดือนมกราคม (147 ล้านกิโลเมตร) และช่วงไกลที่สุดประมาณต้นเดือนกรกฎาคม (ระยะห่างเฉลี่ย 152 ล้านกิโลเมตร) เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของระยะทางใกล้-ไกล ในการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมาก ไม่มีผลต่อการเกิดฤดูกาลแต่อย่างใด แต่การที่แกนหมุนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศากับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจึงรับแสงอาทิตย์ได้ในปริมาณไม่เท่ากัน ส่งผลให้มีอุณภูมิต่างกัน รวมถึงมีระยะเวลากลางวันและกลางคืนที่ต่างกันด้วย เป็นเหตุให้เกิดฤดูกาลขึ้นบนโลก จะสังเกตได้ว่าในฤดูร้อนเวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน ดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็วและตกช้า ส่วนในฤดูหนาว เวลากลางคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็ว

ในรอบ 1 ปี เกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ ดังนี้
1. วันวสันตวิษุวัต (วะ-สัน-ตะ-วิ-สุ-วัด) (Vernal Equinox) ในปี 2562 ตรงกับวันที่ 21 มี.ค. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
2. วันครีษมายัน (ครีด-สะ-มา-ยัน) (Summer Solstice) ในปี 2562 ตรงกับวันที่ 21 มิ.ย. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันยาวที่สุดในรอบปี สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือ นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ช่วงกลางวันจะสั้นที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว
3. วันศารทวิษุวัต (สาด-ทะ-วิ-สุ-วัด) (Autumnal Equinox) ในปี 2562 ตรงกับวันที่ 23 ก.ย. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
4. วันเหมายัน (เห-มา-ยัน) (Winter Solstice) ในปี 2562 ตรงกับวันที่ 22 ธ.ค. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี หรือที่คนไทยเรียกว่า “ตะวันอ้อมข้าว” สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือ นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ ช่วงกลางวันจะยาวที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจับมือสมาคมนักธุรกิจไทยจีนเชียงใหม่ สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยและองค์กรพันธมิตรจัดงาน “International Investment Business Matching 2019: IIBM 2019”ระหว่างวันที่ 18-21 ก.ค.นี้ที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่าเชียงใหม่

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจับมือสมาคมนักธุรกิจไทยจีนเชียงใหม่ สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยและองค์กรพันธมิตรจัดงาน “International Investment Business Matching 2019: IIBM 2019”ระหว่างวันที่ 18-21 ก.ค.นี้ที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่าเชียงใหม่เพื่อส่งเสริมให้มีการทำธุรกิจการค้า การร่วมลงทุน คาดมีนักลงทุนทั้งไทย-จีนเข้าร่วมงานกว่า 2 หมื่นคน

วันที่ 9 มีนาคม 2562 ที่ห้องดอยหลวง โรงแรมดวงตะวัน นายอาโป ทักษิณกำเนิด นายกสมาคมนักธุรกิจไทย-จีน เชียงใหม่ พร้อมด้วยนางประภา กลิ่นสุวรรณ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดเชียงใหม่,นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ Modern Property Consultants ,นางอรุณี เทียมหงส์ นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย,นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสามาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ นายชำนาญ เผือกวัฒนะ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และนางระย้า อิสริยยศวดี นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “International Investment Business Matching 2019: IIBM 2019” ซึ่งสมาพันธ์ SME ไทยภาคเหนือ, สมาคมนักธุรกิจ ไทย-จีน (40 สมาคม), สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ และองค์กรพันธมิตรในประเทศไทยและนานาชาติร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 18-21 กรกฎาคม 2562 ที่ ศูนย์แสดงสินค้าเชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเช็นทรัลพลาซา แอร์พอร์ต เชียงใหม่
นางประภา กลิ่นสุวรรณ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวทำเพื่อจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นจุดการค้าการลงทุนของประเทศไทย สนับสนุนผู้ประกอบการด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจลองสเตย์ ให้สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างไทย-จีน อีกทั้งเป็นการส่งเสริมด้านการศึกษาระดับนานาชาติ รองรับการขยายตัวของธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและสนับสนุนภาคการศึกษาให้เตรียมการรองรับการเปลี่ยนแปลงการค้าโลก และนอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี การค้า สินค้าเกษตร ให้สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการค้า และเผยแพร่สินค้าต่าง ๆ ให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติได้
สำหรับการจัดงาน “International Investment Business Matching 2019: IIBM 2019” ยังมีองค์กรพันธมิตรอย่าง หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ สมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการไทยจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมผู้ผลิตและส่งออกสินค้าหัตถกรรมภาคเหนือ เครือขายโอท็อปเชียงใหม่ สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น สมาคมอสังหาริมทรัพย์ระยอง Malaysian Institute of Estate Agents (MIEA) Institute of Estate Agents, Singapore (IEA) Myanmar Real Estate Service Association (MRESA) Vietnam National Real Estate Association (VNREA) Cambodia Valuers and Estate Agents Association (CVEA) Philippine Association of Real Estate Boards, Inc (PAREB) มาร่วมกันจัดงานนี้ด้วย
สำหรับงาน“International Investment Business Matching 2019: IIBM2019” จะจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 18 -วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2562 ที่ศูนย์การค้าเช็นทรัลพลาซา แอร์พอร์ต เชียงใหม่ มีผู้ร่วมออกบูธจัดงานกว่า 200 บูท โดยมีวัตถุประสงค์การจัดงานเพื่อส่งเสริมให้มีการทำธุรกิจการค้า การร่วมลงทุน ระหว่างประเทศ ประกอบด้วย ธุรกิจเอสเอ็มอี ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจด้านการศึกษา ธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายในงานจะมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้คำแนะนำในด้านต่างๆ เช่น การนำเข้า การส่งออก กฎระเบียบ มาตรฐานสินค้า เป็นต้น ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีการให้ข้อมูลด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ด้านสังคม รวมทั้งให้คำปรึกษาครบวงจรในการจับคู่ทางธุรกิจ ฯลฯ เพื่อให้การลงทุนระหว่างกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 20,000 คน ทั้งจากประเทศไทย ประเทศจีน และสมาชิกในกลุ่มประชาคมอาเซียน (AEC) โดยล่าสุดสมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ประเทศจีน และกลุ่มประเทศอาเซียนได้ตอบรับเข้าร่วมงานครบทุกประเทศ คาดว่าภายในงานจะมีมูลค่าการค้า การลงทุนระหว่างกันกว่า 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้คณะผู้จัดงาน ยังได้รับเกียรติจากกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการเปิดงานในวันพฤหัสที่ 18 กรกฎาคม 2562 โดยรูปแบบการจัดงานเป็นการแสดงสินค้าและจับคู่ทางธุรกิจ มีการสัมมนาให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการค้า การลงทุน แบ่งเป็นโซนของการจับคู่ทางธุรกิจ การจัดแสดงสินค้า 8 โซน รวมประมาณ 200 บูท ประกอบด้วย โซนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Zone) ภายในงานมีการจัดกิจกรรม “50% Property Shock Sale” จากกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ต่างๆ พร้อมแพ็คเกจการให้กู้ดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินชั้นนำ อีกทั้งยังมีการส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยผ่าน “โครงการบ้านล้านหลัง” ตามนโยบายของภาครัฐและเป็นการขยายตลาดให้กับกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจากนานาชาติให้กว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งภายในงานยังมีการจัดประมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (Auction) อีกด้วย
โซนธุรกิจท่องเที่ยว การพำนักระยะยาว (Tourism & Long Stay Zone) ประกอบด้วยโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ลองสเตย์ กลุ่มผู้สูงวัย เกษียณอายุ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ มีการส่งเสริมให้ความรู้ผู้ประกอบการในการร่วมลงทุน การทำธุรกิจแบบพึ่งพา การหาแหล่งเงินทุน การบริหารจัดการธุรกิจ เป็นต้น โซนการลงทุนนานาชาติและกลุ่มประเทศอาเซียน (International & AEC Zone) จัดให้มีการแสดงสินค้า ธุรกิจจากกลุ่มประเทศ AEC และจากอินเดีย ยุโรป อเมริกา พร้อมข้อมูลที่ประโยชน์ต่อผู้สนใจ อาทิ กฎระเบียบด้านการลงทุนระหว่างประเทศ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมการลงทุน การค้าระหว่างกัน ปัจจัยส่งเสริม ปัจจัยด้านปัญหาอุปสรรคที่ต้องการให้ได้รับการดูแลจากภาครัฐ
โซนด้านการศึกษา (Education Zone) ภายในงานมีกิจกรรม“Education Fair” ให้ทุนการศึกษาจากสถานศึกษาชั้นนำในประเทศไทย จีน ยุโรป การให้คำปรึกษาในการศึกษาต่อต่างประเทศ การบริการจัดหาที่พัก วีซ่า และอื่นๆ ที่จำเป็นในแต่ละประเทศ โดยมี TOP Universities จากทั่วโลกมาเปิดบูทแสดงนิทรรศการให้ข้อมูลด้านการศึกษา
โซนธุรกิจเอสเอ็มอี (SMEs Zone) และโซนสินค้าเกษตร (Agricultural Zone) มีการออกบูทจากผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ในภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ มีหน่วยงานที่ปรึกษาจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดโลก ,โซนอาหารและกิจกรรม (Food & Activities) ประกอบด้วย Food Truck และการออกร้านจากร้านอาหารชื่อดัง การจัดแสดงเทศกาลอาหารและผลไม้ “Food & Fruit Festival” ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ชิมผลไม้และอาหารไทย เพื่อส่งเสริมธุรกิจการค้าระหว่างกันให้ขยายตัวมากขึ้น
โซนโลจิสติกส์และพลังงาน (Logistic & Energy Zone) การส่งเสริมธุรกิจการค้า ธุรกิจ E-commerce จำเป็นต้องมีการขยายตัวด้านการขนส่งสินค้าต่างๆ รองรับ รวมทั้งด้านธุรกิจพลังงานที่เป็นแนวโน้มการขยายตัวของพลังงานสะอาดในตลาดโลก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแสดงบนเวทีกลาง ทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย-นานาชาติ การเดินแบบ มินิคอนเสิร์ต การสาธิตเมนูอาหารนานาชาติ การสัมมนา หัวข้อทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ และการมอบทุนการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานเป็นกลุ่มนักธุรกิจไทย นักธุรกิจจีน นักธุรกิจจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ประชาชนทั่วไป นักท่องเที่ยวชาวจีน จะเข้ามาชมงานไม่น้อยกว่า 20,000 คนตลอดการจัดงาน

พรรคประชานิยม รวมตัว ประกอบพิธีบรวงสวง ขออวยพรชัย ที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ก่อนเริ่มขบวนรอบเมืองเชียงใหม่

เมื่อ.วันที่ 3 มี.ค.2562 นายศุภฤกษ์ สมมิตร ประธานสาขาพรรคภาคเหนือตอนบน และในฐานะผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 เชียงใหม่ เบอร์ 14 นำสมาชิกพรรคประชานิยม (ปย.) เชียงใหม่-ลำพูน ประกอบด้วย ผู้สมัครเชียงใหม่เขต 1 นายสมกฤต บุญไชย เบอร์ 8, เขต 2 นายสมบูรณ์ กิติ เบอร์ 15, เขต 3 นายวุฒิไกร จินาวา เบอร์ 3 ,เขต 5 นายกรินท์ บุญตันสา เบอร์ 19, เขต 6 นายธีรภัทร พิสูจน์ เบอร์ 18, เขต 7 นส.พรรณนิภา ปินตานา เบอร์ 10, เขต 8 นายศรัญย์ ปัญญา เบอร์ 15, เขต 9 นายถาวร ธิมะโน เบอร์ 17 และ จ.ลำพูน เขต 1 นายรังสรรค์ ปาลี เบอร์ 19 และ เขต 2 นส.ปาณิสรารัชฌ์ วิเศษยิ่ง เบอร์ 24 ได้ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวง ขออวยพรชัย ที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และไหว้ขอพรศาลหลักเมืองเชียงใหม่ จากนั้นเริ่มขบวนปลุกกระแสพรรคประชานิยมในตลาดต่างๆทั่งเมืองเชียงใหม่ตลอดทั้งวัน

นายศุภฤกษ์ สมมิตร ประธานสาขาพรรคภาคเหนือตอนบน และในฐานะผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 เชียงใหม่ เบอร์ 14 กล่าวว่า กระทำงานของพรรค ปย. “ประชาชน ต้องมาก่อน” นโยบายพรรคจับต้องได้ เพราะมีทีมงานลงพื้นที่เก็บปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมาแล้ว เน้นแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรกรรม เพราะที่ผ่านมาการเมืองไม่นิ่ง ทำให้ราคาผลการเกษตรตกต่ำและถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา ภาคเหนือปลูกข้าว ทำสวน ปลูกหอม กระเทียม ลำไย ทางพรรค ปย.ได้คิดนโยบายตั้งบริษัทของรัฐจัดซื้อตรงจากชาวบ้านไว้ในคลังของรัฐเก็บผลผลิตในช่วงราคาตกต่ำ เมื่อราคาดีก็นำออกมาขายจะช่วยทำให้ราคาผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรดีขึ้น และแน่นอนว่า พรรคขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณทหาร จากที่ซื้อรถถัง นำไปซื้อรถไถ ดีกว่าทางทหารต้องเสียงบประมาณไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาใช้งบซื้ออาวุธไปมากกว่า 400,000 ล้านบาท งบประมาณจำนวนนี้หากนำไปพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ เมื่อหยุดซื้อถังนำไปซื้อรถไถจะดีกว่า ซึ่งนโยบายพรรค คือ 1 ตำบล 1 รถไถ หรือ 1 ตำบล 1 รถเกี่ยวข้าว ลดต้นทุนให้เกษตรกรได้ และเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 360 บาทต่อคนต่อวัน เมื่อดูแลปากท้องชาวบ้านแล้วทางพรรค ปย.เป็นพรรคตำรวจจึงต้องการให้ข้าราชการตำรวจได้มีสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ส่วนการหาเสียงของผู้สมัคร พรรค ปย.ต้องการเป็นพรรคทางเลือก ใช้วิธีการเข้าถึงชาวบ้าน พร้อมสอบถามปัญหา ซึ่งการที่จะได้มาของ ส.ส.จำนวนมากหรือน้อยต้องขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสิน ประธานสาขาพรรค ปย.ภาคเหนือ กล่าว

 

การท่าอากาศยานเชียงใหม่ มอบงบช่วยเหลือแก่ผู้ผ่านการบำบัดและครอบครัวผู้เคยติดยาเสพติด ที่ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 นายสาธิต เดชะตุงคะ ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นผู้แทน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) มอบงบประมาณจำนวน 120,000.- บาท ให้แก่ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจัดหาพันธุ์สุกรและอุปกรณ์สร้างบ้าน มอบให้แก่ผู้ผ่านการบำบัดและครอบครัวผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่อำเภออมก๋อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้ผู้ที่สามารถเลิกเสพฝิ่น ได้ประกอบอาชีพที่สุจริต มุ่งเน้นให้ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับฝิ่นและยาเสพติด โดยมีพลตรี บุญยืน อินกว่าง รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงพื้นที่อำเภออมก๋อย เป็นผู้รับมอบ

ทั้งนี้พื้นที่อำเภออมก๋อย ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกฝิ่นจำนวนมาก ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงพื้นที่อำเภออมก๋อย ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี ลดพื้นที่การปลูกฝิ่น ป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้เข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ดำเนินการบำบัด รักษา ติดตามฟื้นฟูอย่างครบวงจร ส่งเสริมอาชีพและการสร้างรายได้ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงกดดันและปราบปรามผู้ค้า ส่งผลให้พื้นที่ปลูกฝิ่นลดลงจาก 1,539 ไร่เมื่อปี 56/57 เหลือเพียง 26.48 ไร่ในปี 61/62

รมว.ยธ. ร่วม สปป.ลาว เมียนมา ประชุมไตรภาคีระดับรัฐมนตรี สานความร่วมมือการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

 พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมไตรภาคีระดับรัฐมนตรี เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และประเทศไทย ณ โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) มุ่งกำหนดนโยบาย และเป้าหมายด้านยาเสพติดเชิงลึกระหว่าง 3 ประเทศ โดยมี พลตรี สมหวัง ทำมะสิด รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนลาว และพลตรี ออง ตู รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเมียนมา

ที่ประชุมฯ ได้รับทราบสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงแนวทางความร่วมมือภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัยในอนาคต รวมถึงเห็นชอบแนวทางความร่วมมือร่วมกัน ในหลากหลายประเด็น ดังนี้

การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ระหว่าง 3 ประเทศ โดยกำหนดให้หน่วยงานกลางด้านยาเสพติด
ของแต่ละประเทศ เป็นหน่วยงานหลักในการแลกเปลี่ยนข่าวสารข่าวกรองยาเสพติด เพื่อวิเคราะห์การดำเนินงานร่วมกัน

การจัดกำลังปฏิบัติการ ที่ประชุมฯ เห็นควรให้ใช้กำลังปฏิบัติการเข้าเสริม ภายในขอบเขตประเทศของตนเอง เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เข้าขั้นวิกฤติ (Critical Area) โดยยึดยุทธศาสตร์ปิดล้อมสามเหลี่ยมทองคำ และกรอบการปฏิบัติงาน จากแผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัยระยะ 4 ปี (พ.ศ.2562 – 2565) ใช้มาตรการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่จากการจัดทำแผนทวิภาคี เพื่อเสริมให้มาตรการสกัดกั้นยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ความร่วมมือในการประสานการสืบสวน ปราบปรามยาเสพติด โดยได้กำหนดผู้แทนจากหน่วยงานของแต่ละประเทศ เป็นกลไกรับผิดชอบประสานงาน พร้อมร่วมพิจารณากำหนดกลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญ และบทบาทด้านการค้ายาเสพติด เคมีภัณฑ์ สารตั้งต้น ที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ

ความร่วมมือในด้านการประสานงานข่าว โดยจัดระบบประสานงานในระดับพื้นที่ ให้รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ปัญหาที่เปลี่ยนไป เพื่อลดปัญหาในพื้นที่ด่านหน้าและเป็นพื้นที่วิกฤติ (Critical Area) ของทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ จังหวัดท่าขี้เหล็ก สหภาพเมียนมา แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และจังหวัดเชียงราย ประเทศไทย

ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว ถือเป็นการประชุมไตรภาคีในระดับรัฐมนตรีครั้งแรกในรอบ 20 ปี เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดผ่านยุทธศาสตร์ปิดล้อมสามเหลี่ยมทองคำ โดยมุ่งเน้นความร่วมมือด้านการสกัดกั้นยาเสพติด และการแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวเป็นสำคัญ โดยมีกำหนดประชุมทุกๆ 3 เดือน

“BOI ลงพื้นที่ จ.เชียงราย ในโครงการ “BOI เจียงใหม่-สื่อมวลชนสัมพันธ์”

 

นางสาวกนกพร โชติปาล ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคเหนือที่ 1 (เชียงใหม่) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จัดกิจกรรม “BOI เจียงใหม่-สื่อมวลชนสัมพันธ์” เป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์บทบาทภารกิจของหน่วยงาน BOI ตลอดจนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและนโยบายการส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆ เพื่อให้เป็นที่รับรู้ของสาธารณชนมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้จัดโครงการ “BOI เจียงใหม่-สื่อมวลชนสัมพันธ์” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 ก.พ.2562 โดยเยี่ยมชมพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.เชียงราย และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน (One Stop Service Center : OSS) เพื่อทราบความคืบหน้าของโครงการให้บริการของ OSS รวมถึงการเยี่ยมชมการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จ.เชียงราย และฟังบรรยายความพร้อมรองรับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษจากหอการค้าเชียงราย

เยี่ยมชมกิจการโรงพยาบาลของบริษัท ศรีบุรินทร์การแพทย์ จำกัด อ.แม่สาย จ.เชียงราย หรือ โรงพยาบาลเกษมราฎร์ โดยมี นพ.วิศณุ รังษีชัชวาล ผอ.โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ แม่สาย ต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลถึงการขยายการสร้างโรงพยาบาลในสาขาเพิ่มใน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ จ.เชียงราย และขยายสาขาไปประเทศเพื่อนบ้านคือที่ นครเวียงจันทร์ สปป.ลาว และที่อรัญประเทศ จ.ปราจีนบุรี ภายใต้การส่งเสริมของ BOI

จากนั้นรับฟังการบรรยายจากเจ้าหน้าที่ สนง.ศุลกากรแม่สาย สรุปการค้าการลงทุนชายแดนไทย-เมียนมา (ท่าขี้เหล็ก) และชมศักยภาพการค้าการลงทุนด่านท่าขี้เหล็ก

การท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมผู้ประกอบการ ลงพื้นที่จัดงานคืนความสุขเพื่อเด็กไทยในถิ่นทุรกันดาร ปีที่ 5 ณศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา บ้านขุนวิน

นาวาอากาศตรี มณธนิก รักงาม ที่ปรึกษา 10 และรักษาการ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ มอบหมายให้ส่วนกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายอำนวยการ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เดินทางไปตรวจสอบและหารือเบื้องต้นกับครูและผู้นำชุมชน ณ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านขุนวิน (ศศช.บ้านขุนวิน) หมู่ 16 ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขอรับการสนับสนุนงบประมาณสร้างบ้านพักครู โดย ศศช.บ้านขุนวิน ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ การคมนาคมยากลำบาก ประชาชนส่วนใหญ่ยังด้อยโอกาสในการพัฒนาและการศึกษา การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ได้เข้ามาจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนและเยาวชน ให้ได้เรียนรู้ภาษาไทย และการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีครูหมุนเวียนขึ้นมาสอน และต้องพักอาศัยในบ้านพักที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่วมกับผู้ประกอบการ สายการบินและส่วนราชการที่ปฏิบัติงาน ณ ทชม.จึงได้จัดสรรรายได้จากการจัดงานคืนความสุขเพื่อเด็กไทยในถิ่นทุรกันดาร ปีที่ 5 สนับสนุนงบประมาณสร้างบ้านพักครูให้แก่ ศศช.ขุนวิน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ครูที่ต้องเสียสละความสุข ความสะดวกสบายไปให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างประมาณ 1 เดือน และจะได้ส่งมอบให้แก่ ศศช.บ้านขุนวินต่อไป