เกษตรเชียงใหม่ชวน “ชม ชิม ช็อป สตรอว์เบอร์รี่สะเมิง”ผลโตๆแดงๆแสนอร่อย

นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสถานการณ์ การผลิตสตรอว์เบอร์รี่อำเภอสะเมิงจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายเสกสรร บัลลังก์ เกษตรอำเภอร่วมให้ข้อมูลการผลิต

เชียงใหม่เป็นแหล่งปลูก “สตรอว์เบอร์รี่” ที่สำคัญของประเทศโดยมีพื้นที่การผลิตทั้งสิ้น 6,670 ไร่ ปลูกมากที่สุดที่อำเภอสะเมิง เนื่องด้วยสภาพภูมิประเทศ ความสูงที่เหมาะกับการติดดอก พัฒนาผลของสตรอว์เบอร์รี่ ซึ่งเกษตรกรจะเริ่มทำการเพาะปลูกปลายเดือนสิงหาคม เก็บผลผลิตตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ซึ่งตั้งแต่เริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยวใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน ส่วนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จะเป็นเดือนที่สตรอว์เบอร์รี่ออกสู่ตลาดจำนวนมาก และทางอำเภอสะเมิงมีการจัดงานวันสตรอว์เบอร์รี่เป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้เป็นครั้งที่ 18 จะตรงกับวันที่ 6-10 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อเป็นการส่งเสริมการการผลิต ที่ปลอดภัย การคัดพันธุ์ดี อีกทั้งยังเป็นกระจายผลผลิตสตรอว์เบอรี่ในช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก รวมถึงเป็นการเพิ่มมูลค่าจากการท่องเที่ยววิถีเกษตร ซึ่งปีหนึ่งสามารถสร้างมูลค่าหลายล้านบาท

นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่ากรมส่งเสริมการเกษตร ได้ส่งเสริมสตรอว์เบอร์รี่แปลงใหญ่ จำนวน 50 ราย พื้นที่กว่า 350 ไร่ ผ่านศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) โดยมีนายวิทยา นาระต๊ะและนายธนิน ยี่โท เกษตรกรต้นแบบ ส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสรอว์เบอร์รี่ปลอดภัย ตั้งแต่การขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ใช้ไหลปลอดโรค การใช้สารชีวภัณฑ์ ปุ๋ยหมักรวมถึงการแปรรูปเพิ่มมูลค่า ในรูปแบบ แยม,อบแห้ง,น้ำ, ไวน์ ผ่านการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน

 

ไม่เพียงเท่านี้ยังมีหน่วยงานเอกชนร่วมนำนวัตกรรมในการผลิตโดยใช้กระดาษแทนใบตองตึง คลุมแปลงเพื่อต่อยอดนวัตกรรมสู่เกษตรกรไม่เพียงเท่านี้ยังได้รับงบประมาณจังหวัดเพื่อพัฒนาการผลิตสตรอว์เบอร์รี่ในระบบปิดเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตและสามารถแข่งขันในระบบธุรกิจลดการใช้สารเคมีเกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

ล่าจนได้ จับหนุ่มอันตราย ฆ่าพ่อเลี้ยง ข่มขืนแม่ตัวเองได้แล้ว

กรณีนายไชยา ต๊ะนา อายุ 31 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุ ข่มขืนแม่ของตัวเอง เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2561แล้วหลบหนีไป พร้อมกับขโมยปืนล่าสัตว์ของชาวบ้านไปด้วย และเชื่อว่าขณะนี้ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเขานานนับเดือนแล้ว โดยชาวบ้านต่างหวาดผวา เนื่องจาก นายไชยา มีประวัติ เคยต้องโทษคดีฆ่าพ่อเลี้ยงเสียชีวิตเมื่อครั้งเป็นเยาวชน และเมื่อพ้นโทษออกมายังเคยก่อเหตุคดีอื่นๆจนเข้าๆออกๆคุก และยังพฤติกรรมเป็นอันธพาล ชอบพกอาวุธมีด เมาสุราแล้วมีเรื่อง ทะเลาะวิวาท กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นประจำด้วย จนกระทั่งล่าสุดมาก่อเหตุข่มขืนแม่ของตัวเองอีก จึงทำให้ชาวบ้านต่างหวาดจนทางตำรวจต้องตั้งค้าหัวนำจับ 5,000 บาท ตามข่าว

โดยความคืบหน้าในคดีนี้ ทาง พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบก.สส.ภ.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธวัชชัชัย พงษ์วิวัฒน์ รอง ผบก.สส.ภ.5 ,พร้อมชุดสืบสวนภาค 5 ,ชุดสืบสวน สภ.จว.เชียงใหม่ และสืบสวน สภ.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด ได้มีการประชุมร่วมกันกลางดึกวันที่ 14 ม.ค.โดยตั้งศูนย์ไล่ล่าอยู่ในห้องประชุม สภ.แม่โป่ง จากการวางสายไว้ตามจุดต่างๆ จนทราบว่าในห้วงเวลา ประมาณ 21.00 น.วันที่ 14 ม.ค.ได้มีสัญญาณมือถือของนายไชยา ต๊ะนา ผู้ต้องหารายนี้ได้โทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์ของหญิงสาวคนสนิท โดยบอกว่าตลอดเวลาที่หลบหนีตำรวจอยู่ในป่ากินแต่ไข่มดแดง ไม่ได้กินข้าวและเหล้าเลย ทางหญิงสาวจึงให้บอกที่อยู่และจะนำน้ำอาหารและเหล้าไปส่งให้

โดยนัดหมายกันที่กระท่อมร้างในป่าใกล้หมู่บ้านของของนายไชยา ซึ่งห่างจากสถานีตำรวจประมาณ 7 กิโลเมตร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนให้ทางหญิงสาว นำอาหารสุราผสมยานอนหลับ ไปให้ เพราะหากเข้าไปจับกุมเกรงคนร้ายมีอาวุธปืนจะมำให้เกิดการสูญเสียขึ้นเพราะเป็นช่วงกลางคืน ซึ่งทางหญิงสาวได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปโดยพบนายไชยา นั้นหลบอยู่ในกระท่องมีสภาพอิดโรย สวมเสื้อหนาวสีน้ำเงินกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ ซึ่งนายไชยา มีการระวังตัวอย่างเต็มที่ แต่เมื่อนกินอาหารและดื่มเหล้าเข้าไป ทางนายไชยา มีอาการเมาแต่ไม่ยอมนอน แม้หญิงสาวจะแกล้งเมาและนอนหลับไปแล้ว และเมื่อเวลา 03.00 น.เป็นเวลาที่ทางตำรวจข้เาจับกุม แต่นายไชยา ได้ไหวตัววิ่งหลบหนีออกกระท่อมเข้าป่าไปโดยทางเจ้าหน้าที่ติตตามไล่ล่าตัว

จนกระทั่งเวลา เวลา 09.46 น.วันที่ 15 ม.ค.นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้สืบทราบว่านายไชยาที่หลบหนีได้กบดานยังกระท่อมบริเวณทางไปโรงโม่หิน ในบ้านตลาดขี้เหล็ก หมู่ 1 ตำบลแม่โป่ง อำเภอดอยสะเก็ด จึงได้นำกำลังไปตรวจค้นปิดล้อม จับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบเห็นนายไชยา ต๊ะนา วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่จากกระท่อมร้างจะไปบนดอยวิ่งจอมแจ้ง จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไล่ล่าติดตามจับกุมตัวได้ในสภาพอิดโรย ก่อนนำตัวขึ้นรถหน่วยปฎิบัติการพิเศษภาค 5 มาสอบสวนปากคำที่ สภ.แม่โป่ง เบื้องต้นผู้ต้องหายังไม่สามารถให้การใดๆได้เอาแต่หลับด้วยความอ่อนเพลีย

เมือเวลา 12.00 น.พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรเชียงใหม่ ตำรวจ สภ.แม่โป่ง ได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาคือนายไชยา ต๊ะนา ได้แล้ว เบื้องต้นจะได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจสภาพร่างกายที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากผู้ต้องหาอยู่ในสภาพอิดโรย อ่อนเพลีย ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายบุพการี และข่มขื่นกระทำชำเรา โดยมีโทษจำคุก 4-20 ปี โดยเมื่อนายไชยา มีสติและสภาพแข็งแรงก็จะนำไปทำแผนและกราบขอขมาผู้เป็นแม่ต่อไป

โดยล่าสุดทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้ส่งข้อความผ่านเอสเอ็มเอส มายังมือถือของ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบช.ภ.5 ชื่นชมและขอบคุณทีมงานตำรวจภาค 5 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และตำรวจ สภ.แม่โป่ง ที่สามารถปิดคดีได้สำเร็จ

สืบสวนภาค 5 ยกกำลังปิดป่าไล่ล่า หนุ่มยอดชั่ว ฆ่าพ่อเลี้ยง ข่มขืนแม่ตัวเอง ซ้อมน้องสาว ชาวบ้านขวัญผวา

ตำรวจ สภ.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้ออกหมายจับกุมตัวนายไชยา ต๊ะนา อายุ 31 ปีอยู่บ้านเลขที่ 64/1 หมู่1 ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พร้อมกันตั้งสินบนนำจับเป็นบุคคลอันตรายแล้ว โดยจากกรณีโซเชียลมีเดียมีโพสต์และแชร์เรื่องราวเตือนภัย รวมทั้งให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสของนายไชยา ต๊ะนา อายุ 31 ปี ชาวตำบลแม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเมื่อครั้งเป็นเยาวชนเคยก่อเหตุฆ่าพ่อตัวเองจนเสียชีวิตและถูกจำคุก เมื่อพ้นโทษออกได้ก่อเหตุข่มขืนแม่ของตัวเอง เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.61 จากนั้นได้หลบหนีไป ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างหวดผวากันอย่างมาก เนื่องจากเชื่อว่านายไชยา ยังคงหลบซ่อนตัวและวนเวียนอยู่ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นพื้นที่เป็นป่าเขายากในการค้นหาตัวผู้ต้องหามาเนินคดี

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อวันที่ 14 ม.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่โป่ง นำโดย พ.ต.ท.สถิตชัย นิตยวัน สว.สภ.แม่โป่ง / หน.ชุดฯ พร้อมด้วยฝ่ายปกครองและท้องถิ่น รวมทั้งประสานไปตำรวจสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ และตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ให้ช่วยจัดกำลังร่วมกันลาดตระเวนค้นหาตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามจนถึงเวลานี้ยังไม่พบตัว ตอนนี้ทางพี่สาวและแม่ของนายไชยา ผวาหนักต่างพากันอพยพหนีไปอยู่กับญาติในที่ปลอดภัย แล้ว

 

พ.ต.ท.สถิตชัย นิตยวัน สว.สภ.แม่โป่ง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณี นายไชยา ต๊ะนา อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุและได้หลบหนีคดีเข้าป่า และได้มีการโพสต์ได้ระบุข้อมูลว่า “ฝากแจ้งข่าว ใครพบเจอ แจ้งเบาะแสด้วยนะคะ ตอนเป็นเยาวชน ฆ่าพ่อ ติดคุกออกมา ข่มขืนแม่หลบหนีอยู่ เขต อ.แม่ออน ยังจับไม่ได้นั้น ซึ่งตามข้อเท็จจริงเหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2561 ที่ผ่านแล้ว หลังจากเกิดเหตุ ทาง สภ.แม่โป่ง ไม่ได้นิ่งนอนใจหรือ ปล่อยปะละเลยแต่อย่างได้ ประชุมชุดสืบสวนสอบและวางแผนได้ระดมกำลังและตามไล่อยู่ตลอดเวลา และได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นเป็นระยะเเละต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาแต่เนื่องจากพื้นที่ เป็นป่าเขา จากเขาลูกหนึ่งไปอีกลูกต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ละวันตนและผู้ใต้การบังคับบัญชาจะต้องเดินปีนขึ้นวันละหลายสิบกิโล ซึ่งบางวันต้องเดินถึงเที่ยงคืน โดยจะพยายามทุกวิธีการเพื่อจะทำการจับกุมผู้ต้องหาได้ไวที่สุด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งรางวัลสินบนนำจับนายไชยา จำนวน 5,000 บาท สำหรับผู้ชี้เบาะแส จนสามารถนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้เชียงใหม่ ครอบครัวผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าพ่อข่มขืนแม่ผวาแม่หลบไปอยู่บ้านญาติ

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 64 / 1 บ้านตลาดขี้เหล็ก หมู่ 1ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของนางสม (นามสมมุติ) แม่ของนายไชยา ต๊ะนา อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่พ้นโทษจากคดีฆ่าพ่อ และก่อเหตุข่มขืนแม่ และทำร้ายพี่สาว แต่ไม่มีใครอยู่บ้าน จากการสอบถามนายจรูญ สุนันทศิลป์ ผู้ใหญ่บ้าน ทราบว่านางสม (นามสมมุติ) ยังมีอากาหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไปอาศัยอยู่กับญาติที่ในพื้นที่ต่างอำเภอ เนื่องจากยังอยู่ในอาการผวาและเกรงว่าลูกชายจะกลับมาทำร้าย ส่วนน้องสาววัย 13 ปี ของนายไชยา ผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลอยู่ เนื่องจากยังมีอาการหวาดกลัวเพราะว่าถูกพี่ชายทำร้ายหลายครั้ง

 

พ.ต.ท.สถิตย์ นิตย์วัน สารวัตร หน.สภ.แม่โป่ง เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านตลาดขี้เหล็กโดยได้ประสานกำลังกับชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านในพื้นที่เนื่องจากหมู่บ้านดังกล่าวติดกับป่าดอยจอมแจ้งซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว

ด้านชาวบ้านในพื้นที่หากันหวาดผวากันทั้งหมู่บ้านเพราะะชาวบ้านเชื่อยังคงหลบซ่อนตัวและวนเวียนอยู่ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด หรือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกันและเป็นพื้นที่ป่าเขา ซึ่งนายไชยามีอาวุธปืนติดตัว ตำรวจตามล่าอย่างกระชั้นชิด ถือเป็นบุคคลอันตราย แต่ยังไม่พบตัวนั้น

ญาติๆแฉประวัตินายไชยา ต๊ะนา อายุ 31 ปี โดยเมื่อปี 2545 ขณะยังเป็นเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ต้องหาได้ใช้มีดปลายแหลมฆ่าพ่อเลี้ยง และถูกจับกุมดำเนินคดี เนื่องจากเป็นเยาวชนจึงติดคุกเพียง 3 ปีเท่านั้น หลังพ้นโทษกลับมาอยู่บ้าน ก็ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ทำตัวเกเร ดื่มสุราหาเรื่องข่มขู่ทำร้ายชาวบ้านและทำร้าย ข่มขืนคนในครอบครัวเป็นประจำ เป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้าน


ในช่วงที่ทางตำรวจไล่ล่าติดตามตัวอยู่ ทำให้ชาวบ้านวิตกกังวลไม่มีใครกล้าไปหาของในป่า กลัวเจอผู้ต้องหา อยากให้เจ้าหน้าที่จับตัวให้ได้เร็วๆ ชาวบ้านตอนนี้ก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันแล้ว หวาดผวากัน บางคนมีไร่มีสวนติดกับป่าก็ไม่กล้าเข้าไปในสวน ตอนนี้หลายกระแสก็บอกว่าคนร้ายหนีไปในป่าแถวเทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด เจ้าหน้าที่ก็ติดตามอยู่

ด้าน พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบก.สส.ภ.5 ได้เปิดเผยว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 นำกำลังลงพื้นที่สมทบกับตำรวจเชียงใหม่และ สภ.แม่โป่ง ไล่ล่าผู้ต้องหาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลอันตราย ขโมยปืนชาวบ้านไปด้วย ได้แจ้งให้ตำรวจระมัดระวัง แต่คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้


ทางด้าน พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้เดินทางไปยัง สภ.แม่โป่ง และรับฟังรายละเอียดต่างๆ รวมถึงแบ่งงานไล่ล่าผู้ต้องหา พร้อมเปิดเผยว่า คดีนี้ พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันติสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้สั่งการให้ตำรวจเชียงใหม่ประสานกับตำรวจท้องที่ และภาค 5 ติดตามจับกุมตัวมาให้จงได้ โดยได้ส่งกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษและตำรวจท้องที่มาร่วมกันไล่ล่าอยู่แล้ว และก็ได้มาสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้อบอุ่นใจ

 

” นายไชยา ต๊ะนา อายุ 31 ปีพฤติกรรมก้าวร้าว หากได้ดื่มสุราแล้วก็จะมีนิสัยแปลกๆ หลังพ้นโทษฆ่าพ่อก็มาก่อคดีข่มขืนแม่ ทำร้ายแม่ และน้องสาว รวมถึงก่อคดีลักเล็กขโมยน้อยอีก ขอฝากไปยังผู้ต้องหาหรือบุคคลที่ให้ที่พักพิงหรือช่วยเหลือในการหลบหนีก็ขอให้มอบตัวเสีย หากมีการต่อสู้เจ้าหน้าที่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฏหมายและยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันตัว ตอนนี้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นทุกจุดที่ต้องสงสัย และจุดที่ได้รับข้อมูลมาจากประชาชน ขอให้ประชาชนช่วยสอดส่องด้วย หากพบก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที”รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่กล่าวทิ้งท้าย//

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ และพบปะพี่น้องประชาชน อำเภอแม่แจ่ม

วันที่ 14 มกราคม 2562 เวลา10.35 น.  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการโครงการแม่แจ่มโมเดลการบูรณาการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืนครบวงจรด้วยกลไกประชารัฐ

ในการนี้นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการของกรมส่งเสริมการเกษตรที่ได้นำกิจกรรม และผลิตภัณฑ์ด้านวิสาหกิจชุมชนเกษตรธรรมชาติปลอดภัยบ้านแม่ปาน-สันเกี๋ยง ตำบลช่างเคิ่ง ซึ่งวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้มีสมาชิกทั้งหมด 141 คนร่วมมือกันประกอบอาชีพด้านเกษตรผสมผสาน,เกษตรแปรรูปและหัตกรรม โดยเป็นผลสำเร็จจากการทำเกษตรผสมผสานเพื่อลดการทำไร่ข้าวโพด มาทำกิจกรรมทางเลือก

นอกจากนี้กรมส่งเสริมการเกษตร ยังได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยมีมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นผู้ริเริ่มวิจัยและพัฒนาโครงการ ธรรมชาติปลอดภัยแม่แจ่ม: แม่ปาน-สันเกี๋ยง โมเดล กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรธรรมชาติปลอดภัย ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ที่ยึดหลักศาสตร์พระราชารัฐกาลที่ 9 คือการระเบิดจากข้างใน เข้าใจ เข้าถึงพัฒนา บนรากฐานของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักในการดำเนินโครงการ

 

ซึ่งการดำเนินงานของโครงการฯได้ดำเนินการสร้างบ่อพวง ทำให้เกษตรกร แม่บ้าน บ้านสันเกี๋ยงได้รับผลประโยชน์จากการใช้น้ำบ่อพวง โดยเฉพาะกลุ่มแปลงใหญ่ลำไย ที่มีสมาชิกทั้งหมด 80 ราย พื้นที่ปลูก 391 ไร่

ในการนี้นางดาเรศร์ กิตติโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร พร้อมด้วยนายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ คณะนายกรัฐมนตรี ณ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์31 ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

“วัด ประชา รัฐ สร้างสุข กาดก้อม กองเตียว ถนนสายวัฒนธรรม 100 ปี ศรีนวรัฐ”

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2562 เวลา 14.30 น. นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำคณะเดินทางมาตรวจงานใน จ.เชียงใหม่ และได้เยี่ยมชมตลาดประชารัฐ ถนนสายวัฒนธรรมชุมชนวัดศรีนวรัฐ (บ้านทุ่งเสี้ยว) ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ พร้อมชมคุ้มเจ้าเก่า และสัมผัสวิถีชีวิตชาวไทเขิน ซึ่งมีชุมชนร่วมกันแต่งกายชุดไทเขินคอนต้อนรับ และจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองเพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมโดยมี น.ส.ภัทราภร ลายจุด นายอำเภอสันป่าตอง ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมพร้อมเปิดงาน

 

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เดินทางมาที่วัดศรีนวรัฐ เพื่อเยี่ยมชมคุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ (ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดศรีนวรัฐ) ที่ถูกบันทึกไว้ว่าสร้างเมื่อปี 2470 และสร้างหลองข้าวขนาดใหญ่ไว้ที่ด้านหน้าคุ้มเจ้าอีกด้วย ว่ากันว่าพระราชชายาเจ้าดารารัศมีก็เคยมาพำนักที่นี่ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ที่ยังจดจำได้ จากนั้นท่านรัฐมนตรีฯ เข้ากราบไหว้พระประธาน พระเจ้าหลวง (หลวงพ่อทองคำ) พระเจ้าสักคงตัน ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ที่นับถือของชุมชนแห่งนี้ พร้อมถวายชุดผ้าไตร พระครูถาวรนพรัฐ เจ้าอาวาสวัดศรีนวรัฐ โดยมี น.ส.ภัทราภร ลายจุด นายอำเภอสันป่าตอง ผู้แทน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ ณ พิพิธภัณฑ์เรือนไทเขิน (ตั้งอยู่ข้างวัดศรีนวรัฐ) พร้อมเดินเยี่ยมชมกิจกรรม “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข กาดก้อม กองเตียว ถนนสายวัฒนธรรม 100 ปี ศรีนวรัฐ” ชมการแสดงของเด็กๆ, การแสดงพื้นถิ่นทางวัฒนธรรม และการแสดงดนตรีไทยล้านนา พร้อมรับประทานอาหารเย็นแบบขันโตก (อาหารพื้นเมือง) โดยชุมชนบ้านทุ่งเสี้ยว

 

พระครูถาวรนพรัฐ เจ้าอาวาสวัดศรีนวรัฐ กล่าวว่า “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข กาดก้อม กองเตียว ถนนสายวัฒนธรรม 100 ปี ศรีนวรัฐ” เป็นกิจกรรมแรกที่ทางวัดศรีนวรัฐ ได้ร่วมกับชุมชนบ้านทุ่งเสี้ยว และอ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ที่มองเห็นถึงการอนุรักษ์รักษาศิลปวัฒนธรรมไทยเขินให้สืบไป และเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยได้ร่วมกันแต่งชุดพื้นบ้าน(ไทเขิน) และนำอาหารพื้นบ้านพร้อมสินค้าหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล (OTOP) มาวางแผงขาย และจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยไว้ในตลาดประชารัฐแห่งนี้อีกด้วย

รวมทั้งจัดให้มีบ้านพักโฮมสเตย์ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และจัดรถรางนำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมคุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ, เมืองเก่าเวียงท่ากาน, บ้านไทเขินวัดต้นกอก, ศิลปะการตีมีดที่บ้านร้องตีมีด เรือนไทเขินโบราณ ของชุมชนบ้านทุ่งเสี้ยว บ้านดงก่ำ บ้านป่าสัก บ้านต้นแหนหลวง บ้านต้นแหนน้อย เป็นต้น

 

พระครูถาวรนพรัฐ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข กาดก้อม กองเตียว ถนนสายวัฒนธรรม 100 ปี ศรีนวรัฐ” เป็นกิจกรรมแรกที่ทางวัดศรีนวรัฐ ได้ร่วมกับชุมชนบ้านทุ่งเสี้ยว และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ จัดทุกๆ วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 16.00 – 20.00 น. จึงอยากจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสถนนสายวัฒนธรรมแห่งนี้

ธารน้ำใจจากเหนือสู่ใต้ชาวเชียงใหม่ร่วมมณฑลทหารบกที่ 33 นำสิ่งของมาบริจาคช่วยผู้ประสบภัยพายุโซนร้อนปาบึก

มณฑลทหารบกที่ 33ค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ร่วมกับประชาชนชาวเชียงใหม่ร่วมบริจาคสิ่งของข้าวสารอาหารแห้งให้กับผู้ประสบภัยพายุโซนร้อนปาบึกที่บริเวณลานประตูท่าแพ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ของวันที่ 7 มกราคม จนถึงวันที่ 16 มกราคม 2562 มีประชาชนชาวเชียงใหม่และใกล้เคียงร่วมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาร่วมบริจคจำนวนมาก

โดยทาง มณฑลทหารบกที่ 33 ได้นำวงดนตรีทหาร มาร้องเพลงขับกล่อมผุ้มาร่วมบริจาค เมื่อวันที่ 11 มกราคม นี้ มีพล.ต.สาธิต ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เดินทางเป็นประธานในการรับมอบจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน

 

โดยมี พันเอก อโณทัย ชัยมงคล รอง ผู้บัญชาการมณฑลที่ 32 รักษาราชการแทน รอง ผู้บัญชาการมลฑลที่ 33 มาร่วมต้อนรับผู้บริจาค โดยมี นายชาตรี เชื้อมโนชาญ อดีตรอง นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นายขจรศักดิ์ อัครมั่งคั่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์พัฒนาเชียงใหม่ บริษัท เชียงใหม่พัฒนากรุ๊ป จำกัด ในนาม อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ ประธานกรรมการฯ และนายปรีชา วรกุล นายกเทศมนตรีตำบลฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และโรงแรมดุสิตอินน์เชียงใหม่ พร้อมทั้งชมรมชาวใต้ภาคเหนือ และศูนย์การค้ากาดสวนแก้วเชียงใหม่

บรรยากาศวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2562เด็กเริงรื่น คึกคักทั่วเชียงใหม่

บรรยากาศวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2562 เด็กๆเชียงใหม่ยังคงต้องการไปชมการโชว์เครื่องบินและการแสดงต่างๆที่กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ ที่มีการนำเครื่องบินรบและเครื่องที่ปลดประจำการมาโชว์ให้กับเด็กๆรวมทั้งการแสดงบินผาดโผน บินรบ บินกู้ภัยและทิ้งระเบิดสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเด็กๆเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกันนี้ตามจุดต่างๆทีการละเล่นให้กับเด็กๆรวมทั้งทางบริษัทคิงเพาเวอร์ ได่นำลูกฟุตบอลจำนวน 10,000 ลูกมาแจกให้กับเด็กๆด้วย

ที่ลานอินทนนท์ ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5 เป็นประธาน พร้อมด้วยพล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.สมสง่า ชรินทร์ รอง ผบช.ภ.5 ,คณะแม่บ้านตำรวจ ภ.5 และผู้บังคับบัญชาในสังกัด ภ.5 ร่วมจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2562 ณ ลานอินทนนท์ ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีบรรดาเด็กๆมาร่วมงานจำนวนมาก มีการแสดงของตำรวจและการละเล่นต่างๆมอบรางวัลจำนวนมากบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

 

ที่หน้ากองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่พล.ต.บรรณวัฒน์ พรหมจรรย์ ผบ.พล.ร.7 และนางบุณยวีร์ พรหมจรรย์ ประธานชมรมแม่บ้าน ทบ.พล.ร.7 ร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2562. ภายในงานได้จัดให้มีกิจกรรมการแสดงของเด็กนักเรียน การตอบคำถามมอบของรางวัล นิทรรศการการแสดงยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะทางทหาร การแสดงของชมรมร่มบิน จว.เชียงใหม่ การสาธิตการใช้อาวุธบนหลังม้า ของ พัน.สต.และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ มีประชาชนนำบุตรหลานมาร่วมกิจกรรมดังกล่าวประมาน 2,000คน ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นอกจากนี้ตามสวนสัตว์เชียงใหม่ และเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้จัดการแสดงโชว์และแจกรางวัลให้กับเด็กๆพร้อมแสดงโชว์สัตว์แสนรู้ การเต้นมาสคอส สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ตามศูนย์การค้า สถานบันโรงเรียน เทศบาลและอบต.และหน่วยงานภาครัฐได้จัมีการจัดงานวันเด็กอย่างสนุก อย่างไรก็ตามงานวันเด็กทำให้การจราจรถนนสายต่างๆในตัวเมืองเชียงใหม่โดยเฉพาะเส้นทางไปสนามบินเชียงใหม่การจราจรติดขัดมาก

ป่าไม้ ตำรวจ ฝ่ายปกครองร่วมกันจับ มอดไม้ ยังไม่สิ้นจากดอยเต่า

ฝ่ายปกครองอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ สนธิกำลังร่วมกับตำรวจป้องกันและปราบปรามทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยป่าไม้เชียงใหม่ที 16 เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 2 จุดในพื้นที่ตำบลบงตัน หลังจากได้รับรายงานว่ามีการลักตัดไม้จากป่าสงวนแห่งชาติในอำเภอดอยเต่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย พร้อมของกลางไม้สักท่อน 25 ท่อน ไม้สัก ไม้ประดู่ แปรรูปกว่า 1 พันแผ่น ก่อนจะขยายผลหาเครือข่ายที่ร่วมขบวนการ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 11 มกราคม นายกองโท บำรุงเกียรติ วินัยพานิช นายอำเภอดอยเต่า ร่วมกับ พันตำรวจโทกิตติ์ธนัตถ์ มหาวันแจ่ม สวป. สภ .ดอยเต่า ช่วยราชการตร.ปทส. จังหวัดเชียงใหม่ ทหาร ป.พัน7 และหน่วยป่าไม้ ชม.16 นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านไม่มีแลขที่และบ้านเลขที่ 183 บ้านบงตัน ตำบลบงตัน อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่

 

หลังได้รับรายงานว่า มีการลักลอบตัดไม้จากป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่อำเภอดอยเต่า อำเภอฮอด และอำเภออมก๋อย มาซุกซ่อนไว้ที่นี้จากการตรวจค้นภายในบ้านพักและสวนลำไย ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 1 กิโลเมตร พบไม้ประดู่เป็นท่อนขนาดใหญ่ 25 ท่อน ไม้แผ่นแปรรูปทั้งไม้สัก และไม้ประดู่ กว่า 1 พันแผ่น จากการสอบสวน นายวีระชาติ หรือ ติ๊บ หลังบัตร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวให้การรับสารภาพว่า ไม้ทั้งหมดนั้นเป็นของตนเองโดยได้ซื้อจากนายทุนซึ่งจะนำมาขายให้กับตนเองที่กำลังจะสร้างบ้านแต่ยังไม่ทันสร้างก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมก่อน

 

ตำรวจตั้งข้อหามีไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีไม้กระยาเลยหวงห้าม อันยังมิได้แปรรูปและแปรรูปเกินกว่าปริมาตร 0.2 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีพร้อมเตรียมขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป

แม่แจ่มโมเดลในการแก้ไขปัญหาไฟป่าในระดับอำเภอใน 9 พื้นที่เสี่ยงของภาคเหนือ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำร่องใช้แม่แจ่มโมเดลในการแก้ไขปัญหาไฟป่าในระดับอำเภอใน 9 พื้นที่เสี่ยงของภาคเหนือ ล่าสุดใช้เทคโนโลยีใหม่ชิงเผาโดยใช้อากาศยานไร้คนขับเป็นครั้งแรก พร้อมปล่อยกำลังพลในการลาดตระเวนป้องกันไฟป่าทั่วประเทศ

เมื่อ เวลา 13.30 น. วันที่ 10 ม.ค.นี้ที่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงานการรณรงค์การป้องกันและควบคุมมลพิษหมอกควันไฟป่า ในโครงการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ไฟป่า โดยบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน พร้อมเปิดตัวการสาธิตใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ในการชิงเผาลดปริมาณเชื้อเพลิง พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์ดับไฟป่าให้ผู้นำชุมชน และปล่อยขบวนลาดตระเวนและขบวนรณรงค์ไฟป่า ที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อออกไปสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนทุกชุมชนพื้นที่เสี่ยงในอำเภอแม่แจ่ม เนื่องจากสถานการณ์ปีนี้น่าเป็นห่วง เพราะฤดูแล้งยาวนานจึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยถึงสถานการณ์ไฟป่าปี 2561 ว่า ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พบจุดความร้อน จำนวน 3,753 จุด โดยมีการดับไฟป่า จำนวน 513 ครั้ง พื้นที่เสียหายรวม 20,212 ไร่ ภาคเหนือตอนบน ตรวจพบจำนวน 2,417 จุด ภาคเหนือตอนล่าง จำนวน 453 จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 570 จุด ภาคกลาง จำนวน 298 จุด และภาคใต้ จำนวน 15 จุด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบปี 2560 กับ ปี 2561 พบว่ามีจำนวนลดลงถึง 541 จุด จากสถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่ตั้งไว้ได้เป็นอย่างดีโดยกรมป่าไม้นอกจากจะสร้างความรับรู้ ความเข้าใจให้แก่ประชาชนในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันแล้ว ยังส่งเสริมความมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย ตลอดจนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมไฟป่าอีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมการสาธิตปฏิบัติการสนธิกำลังในการดับไฟป่า การชมห้องสถานการณ์ควบคุมไฟป่า กิจกรรมการลดปริมาณเชื้อเพลิง โดยนำกิ่งไม้ ใบไม้ หรือวัชพืชมาทำปุ๋ยอินทรีย์ การเดินรณรงค์ป้องกันไฟป่า พร้อมปล่อยกำลังพลลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นกระบวนการการมีส่วนร่วม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดการแก้ไขปัญหา ทั้งภาครัฐภาคเอกชน ภาคประชาชน ทหาร ตำรวจ เครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า และเยาวชนในพื้นที่แนวคิดและการใช้อากาศยานไร้คนขับ UAV แม้ว่าวิธีการชิงเผาจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหาแต่ในข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนคนที่ใช้ปฏิบัติงานรวมถึงการเข้าถึงพื้นที่เข้าถึงได้ยาก ยังคงเป็นข้อจำกัดในการปฏิบัติงานอยู่

การใช้อากาศยานไร้คนขับจึงเป็นทางเลือกในการแก้ไขข้อจำกัดนี้ พร้อมยังสามารถกำหนดพื้นที่ที่ต้องการชิงเผาสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมเช่นกล้องและเซ็นเซอร์ต่างๆจากแนวคิดที่จะทำการเผาเชื้อเพลิงในพื้นที่เข้าถึงได้ยากนวัตกรรมที่ทางกลุ่มนำมาใช้จึงมีหลักการคือ การบรรทุกอุปกรณ์จุดไฟที่เป็นสารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์สามารถหาได้ง่ายๆมีราคาถูกโดยบรรจุสารเคมีเพื่อผสมกันและจะเกิดการลุกไหม้โดยด่วนจะทำการผสมสาร 2 ตัวกลางอากาศในภาชนะปิดและปล่อยให้ตกลงตรงเป้าหมายเพื่อทำการจุดเชื้อเพลิงต่อไปใช้เวลาประมาณ 10 ถึง 60 วินาที สารเคมีก็จะเกิดการลุกไหม้เผาเชื้อเพลิงที่ตกค้างภายในป่า ซึ่งเหมาะสมสำหรับการชิงเผาในพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูงชัน

“แม่เหียะโมเดล”โครงการนำร่อง โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลเมืองแม่เหียะ แห่งแรกของประเทศ

เมื่อเวลา11.00 น.วันที่9 ม.ค.62 ที่ เทศบาลเมืองแม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหหม่ นายอนุสันต์ เทียนทอง รองประธานกรรมการมูลนิธิบ้านบางแค อดีตอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นประธานในการปฐมนิเทศ นักเรียนผู้สูงอายุทม. แม่เหียะ พร้อมทั้งร่วมเปิดโครงการและทำบันทึกข้องตกลง โครงการ “แม่เหียะโมเดล โครงการนำร่อง โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลเมืองแม่เหียะ” โดยมีนายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ พร้อมด้วย ผศ.อนุพร สุวรรณวาจกกสิกิจ ผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรักษาการแทนผู้อำนวยการสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนผู้สูงอายุ ทางอากาศ หรือทางสถานีวิทยุ ม.ก. AM 612 kHz. ซึ่งถือว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมทั้งมีตัวแทนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ท้องถิ่นอำเภอเมืองเชียงใหม่และผู้เกี่ยวข้อง มาเป็นสักขีพยาน และร่วมแสดงความยินดี อย่างคับคั่ง คาดหวังผู้สูงอายุร่นแรก กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 100 คน ได้รับความรู้และนำไปใช้เพื่อส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเหียะโมเดล โครงการนำร่อง โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลเมืองแม่เหียะ โดยเทศบาลเมืองแม่เหียะร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน ระหว่าง เทศบาลเมืองแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลความร่วมมือตามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน ระหว่าง กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับสถานีวิทยุ ม.ก. ที่ได้หารือกันก่อนหน้านี้ การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนนี้หน้านี้ได้มีการกำหนดหลักสูตรและจัดทำสื่อการเรียนการสอน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ นายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศบาลเมืองแม่เหียะ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ทางเทศบาลเมืองแม่เหียะ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทำหลักสูตรต่างๆ สำหรับโครงการนำร่องครั้งนี้ และได้กำหนดวิทยากรและดำเนินการ ประสานหารือทุกฝ่าย เดินหน้าผลิตเนื้อหาผ่านทางรายการวิทยุให้กลุ่มผู้สูงอายุที่ร่วมโครงการ 100 คน ได้รับฟังเพื่อประเมินผลความเข้าใจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านต่างๆ ตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ และเป็นกรณีศึกษานำร่องสู่การพัฒนาและขยายผลต่อไป ซึ่งทางกรมกิจการผู้สูงอายุมีนโยบายว่าจะเป็นพื้นที่แรกของการดำเนินการก่อนจะพัฒนาระยะต่อไป โดยเบื้องต้นมี 25 หลักสูตร ด้านสุขภาพให้กับผู้สูงอายุ ด้านการเรียนรู้เพื่อเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย จะมีการนำเสนอผ่านทางวิทยุ ม.ก. ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 รวม 9 สัปดาห์ ทุกวันจันทร์/ พฤหัสบดีและศุกร์ เวลา 06.30น.และ 16.30 น.เริ่มออกอากาศวันที่ 10 ม.ค.62 โดยผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการได้รับวิทยุ เพื่อเป็นสื่อในการเรียนการสอนในครั้งนี้ด้วย

สำหรับแม่เหียะโมเดล โครงการนำร่อง โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลเมืองแม่เหียะ นี้ถือเป็นอีกพันธกิจหนึ่งที่จะร่วมกันสิบสานพระราชปณิธานและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ เทศบาลเมืองแม่เหียะ และสถานีวิทยุ ม.ก.ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนพันธกิจที่เป็นการให้บริการสาธารณะ เพื่อส่งเสริมความพร้อมของท้องถิ่นรองรับกับสังคมผู้สูงอายุ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ในการส่งเสริมและสืบสานศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาของท้องถิ่นให้คงอยู่คู่สังคมไทยด้วย โดยหลักสูตรการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ของแม่เหียะโมเดล โครงการนำร่อง โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลเมืองแม่เหียะ นี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือ ภายใต้การขับเคลื่อน พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ได้นำร่องโครงการ เพื่อรองรับกับสังคมผู้สูงวัย ทั้งนี้ถือเป็นโครงการแรก ของประเทศ

โดยหลักสูตรในรายวิชา 25 เรื่อง ในโครงการนำร่องครั้งนี้ คือ เรื่องของสถานการณ์และแนวคิดของผู้สูงอายุไทย กฎหมายในชีวิตประจำวันและสิทธิของผู้สูงอายุด้านต่างๆ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเปลี่ยนแปลงในวัยผู้สูงอายุกับการป้องกันและรักษาสุขภาพ การดำรงชีวิตแบบสูงวัยที่มีคุณภาพและชีวิตที่มีคุณภาพ การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ อาหารที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ พืชผักสมุนไพรเพื่อสุขภาพ โรคเรื้อรังและที่พบมากในวัยสูงอายุ การใช้ยาให้ถูกวิธี การพัฒนาจิตใจสำหรับผู้สูงอายุ พุทธศาสนาในชีวิตประจําวัน วัฒนธรรมและภูมิปัญญาพื้นบ้าน จิตอาสาเพื่อชีวิตและสังคม ภาษากับการสื่อสารที่สร้างสรรค์ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ อาเซียนน่ารู้ที่เป็นเรื่องราวของประชาคมอาเซียน ภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเตรียมพร้อมรับมือเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติเพื่อลดความสูญเสียและป้องกันผลกระทบ การรู้เท่าทันมิจฉาชีพและภัยสังคม ประโยชน์และโทษของเทคโนโลยี ข้อพิจารณาในการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ การพัฒนาตนเอง การเสริมสร้างทักษะทางสังคมที่เหมาะสม ศิลปะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นและการออมกับการจัดการทางการเงินทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย กาย อารมณ์ จิต สังคม อีกทั้งยังส่งเสริมคุณค่าภูมิปัญญาของผู้สูงอายุ อันเป็นอัตลักษณ์ให้คงอยู่คู่ตำบลแม่เหียะ อย่างยั่งยืน