ช้างชนช้าง ศึกเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ “บุญเลิศ เชียงใหม่คุณธรรม”ชน”พิชัย พรรคเพื่อไทย”

ศึกช้างชนกันที่สนามเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เสียงมโหรทึกครึกโครมมาแต่เช้าของวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่บริเวณลานหน้าที่ทำการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่(อบจ.เชียงใหม่)

เมื่อมีกลุ่มผู้สนับสนุนการเมืองท้องถิ่นฝ่ายละไม่ต่ำกว่า 500 คนในมือถือดอกไม้นานาพรรณมายืนแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน มีป้ายสนับสนุนที่ชัดเจน เห็นชื่อนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่นำธงกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ประกาศตัวชัดเจนไม่ฝักไฝ่พรรคการเมืองฝ่ายไหนทั้งสิ้น มารอกันเต็มไปหมดส่งเสียงเชียร์ บุญเลิศ บุญเลิศ จนกระหึ่มไปหมด และตามด้วยกองเชียร์ของ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ที่ลงในสีเสื้อของพรรคเพื่อไทย ที่มีแฟนคลับมาเชียร์อย่างเหนียวแน่น บรรยากาศการส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่มไม่แพ้กัน และสองสองฝ่ายยืนเผชิญหน้ากัน แต่เต็มไปด้วยไมตรีจิตอันดียิ่งต่อกัน

 

จนถึงเมื่อเวลา 08.30 น. ที่หอประชุมสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ การเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่โดยมีผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ 2 ราย มาลงทะเบียนเพื่อยื่นใบสมัครก่อนเวลา คือนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ”สว.ก๊อง” อดีต ส.ว. เชียงใหม่ ที่มาลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ตามด้วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ.เชียงใหม่

ซึ่งประกาศตัวชัดเจน นำกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม มาชูธงอีกครั้งเพื่อรักษาตำแหน่งนายก อบจ.เชียงใหม่ ด้วยเชื่อมั่นในฝีมือที่ผ่านมาในการพัฒนาเคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกอำเภอว่า จะกำชัยชนะไว้ได้ในที่สุด ซึ่งทั้งสองฝ่ายนำทีมผู้สมัคร ส.อบจ.มาสมัครครบทั้ง 42 เขต นอกจากนี้ยังมีผู้สมัคร ส.อบจ. กลุ่มประชารัฐเชียงใหม่ มาสมัครในวันแรก 18 เขต จากทั้งหมด 42 เขต แต่ผู้สมัครนายก อบจ. เชียงใหม่ของกลุ่มประชารัฐเชียงใหม่ชื่อ นายบดินทร์ กินาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มประชารัฐเชียงใหม่ ยังไม่เดินทางมายื่นใบสมัคร

จากนั้นการจับหมายเลขระหว่างผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ 2 คนในวันแรก หลังยื่นใบสมัครแล้ว ปรากฎว่า นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร จับสลากได้หมายเลข 1 ส่วนนายบุญเลิศ บูรณถปกรณ์ ได้หมายเลข 2 ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ที่รอฟังการจับหมายเลข อยู่ด้านล่างต่างส่งเสียงเฮลั้น พร้อมทั้งชูนิ้วขึ้นตามหมายเลขที่ฝ่ายของตนจับได้ และมีทั้งสองลงมาพบกับแฟนคลับต่างส่งเสียงตะโกนเชียร์กันดังลั่นอย่างสนุกสนานยิ่ง โดยทั้งนายบุญเลิศ และนายพิชัย ได้จับมือกันจะทำหหน้าที่ในการหาเสียงอย่างบริสุทธิ์ สมานฉันฑ์ ไม่ซื้อเสียง ไม่โจมตีใส่ร้ายป้ายสีกัน หลังเลือกตั้งเสร็จไม่ว่าฝ่ายไหนจะแพ้หรือชนะ ทั้งสองก็ยังจะคงเป็นพี่น้องกัน ช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมืองเชียงใหม่

นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายกอบจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนได้เบอร์ 2 แสดงถึงความโชคดี ชู 2 นิ้ววิคตอรีหมายชัยชนะ สิ่งสำคัญคืนนโยบายที่จะให้กับคนเชียงใหม่เป็นสิ่งสำคัญ นโยบนายเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพของคนเรื่องการศึกษารวมถึงเรื่องต่างๆที่ตนยังทำคั่งค้างไว้ไม่เสร็จ เพราะคิดว่าเราคงต้องใช้เวลาในอีก 4 ปีข้างหน้าสานต่อเพื่อให้ภาระกิจสำเร็จในทุกๆด้านโดยเฉพาะปัญหาหมอกควันและฝุ่นpm2.5 ซึ่งคาดว่าปีนี้สถานการณ์จะหนักกว่าปีที่ผ่านมาเนื่องจากความแห้งแล้งและปริมาณน้ำน้อย อย่างไรก็ตามมีความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะได้กลับมาบริหารอบจ.เชียงใหม่อีก โดยในส่วนของผู้สมัครส.อบจ.80%เป็นคนเดิมส่วน การหาเสียงจะเน้นแบบคนรุ่นใหม่ ไม่โจมตีกัน ได้คุยกับผู้สมัครอีกฝ่ายแล้วว่าจะมีการรณรงค์หาเสียงแบบคนรุ่นใหม่

“ผมในฐานะนำกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรมมีความพร้อม 100%เราส่งครบ 42 เขต ผู้สมัครของเราทุกคนคุณภาพคับแก้ว และตนก็ตั้งใจทำงานเพื่อท้องถิ่นอย่างชัดเจน จึงมีความมั่นใจว่าจะกลับมารับใช้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง”อดีต นายก อบจ.เชียงใหม่ 2 สมัยกล่าว

ทางด้าน “สว.ก๊อง”นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะได้คุยกับทางนายบุญเลิศแล้วว่าเรารู้จักกันมานาน เป็นพี่เป็นน้อง เสร็จเลือกตั้งก็เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม และมีความมั่นใจมากเพราะลงพื้นที่มาตั้งแต่ปี 57 ลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนครบทั้ง 25 เขตและหลังจากสมัครจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่โรงยิมเนเซี่ยม 2 สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี

นายมงคล สุกใส ประธานกกต.ประจำอบจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 2-6 พ.ย.63 เป็นช่วงรับสมัครผู้บริหารท้องถิ่นทั้ง 42 เขต โดยวันนี้เป็นวันแรกของการรับสมัคร ในฐานะประธานกกต.ท้องถิ่นขอยืนยันว่ากระบวนการรับสมัครและเลือกตั้งได้มีการเตรียมการและซักซ้อมมาหลายวันโดยเฉพาะกระบวนการก่อนออกใบสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการซักซ้อมทีมงานและยืนยันว่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกคนเข้าใจบทบาทของตัวเอง

สีสันประเพณีเดือนยี่เป็งเมืองเจียงใหม่งดงามตระการตา

งานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2563 จัดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. โดยจุดตามจุดใหญ่ของเมืองเชียงใหม่ โดยไฮไลท์อยู่ในช่วงเวลา 19.00 น.กิจกรรมต๋ามปะติ๊ด ส่องฟ้าฮักษาเมือง รอบคูเมืองด้านใน และที่บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เป็นจุดที่งดงามเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว มีการฟ้อนเทียนของช่างฟ้อน 600 คนและตกแต่โคมล้านนาอย่างงดงาม รวมทั้งเป็นจุดที่ตั้งของกระทงใหญ่ที่งดงาม

 

ตามวัดต่างๆรอบบริเวณนั้นไม่ว่าเป็นวัดหมื่นตูมที่มีการจุดผางปะติ๊ดลานวัดสวยงามมาก วัดศรีสุพรรณ มีการจุดผางปะติ๊ดตักบาตรดอกบัวที่พระอุโบสถเงินแห่งแรกของโลก วัดอินทขิล มีการประดับโคมและลอยกระทงในอ่างน้ำหน้าอุโบสถและที่ วัดโลกโมฬี ถือเป็นจุดที่สร้างสีสันโดยมีการประดับโคมและจุดผางปะติ๊ดและการแสดงทางวัฒนธรรมที่งดงาม

บริเวณแม่น้ำปิงหน้าเทศบาลนครเชียงใหม่มีประชาชนรวมทั้งพี่น้องชาวไทยใหญ่ไปลอยกระทงในแม่น้ำปิงจำนวนมาก ถือว่างานประเพณีเดือนยี่เป็งถึงแม้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะแทบไม่มีแต่ก็มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและไทยใหญ่ที่อยู่ในเมืองเชียงใหม่ออกมาร่วมงานจนทำให้คึกคักขึ้นมาได้ แต่ที่หายไปก็คือโคมไฟที่มีการห้ามปล่อยอย่างเด็ดขาดในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ดอกไม้ไฟยังคงมีการเล่นกันแต่ไม่มากเท่าที่ควรแต่สีสันแม่น้ำปิงยังคงสวยงามตายิ่ง

 

  น.ส.ภัคนันท์ วินิจชัย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ได้เผยว่างานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ถือว่ามีความคึกคัก ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปะปราย ในปีนี้เราจัดแบบนิวนอร์มอล โดยที่วัดโลกโมฬีมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรม และตามจุดต่างๆอีก 7 จุดที่มีการนำกระทงใหญ่ไปตั้งไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม ปีนี้ถือว่าคึกคักจึงขอเชิญชวนมาเที่ยวในวันที่ 1 พ.ย.ยังมีอีกวัน//

พังแม่บุญชู ช้างวัย80 ปีปางช้างแม่สาล้ม เหตุชราและหนาว

 

เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 26 ต.ค.นี้ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการปางช้างแม่สา จำกัด ได้รับรายงานจาก นสพ.รณชิต รุ่งศรี นายสัตวแพทย์ประจำปางช้างแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ว่า ช้างพังแม่บุญชู วัย 80 ปีที่อยู่ในส่วนของเดอะช้าง หรือสถานที่เลี้ยงช้างชรา ได้เสียชีวิตอย่างสงบหลังจากทางทีมงานสัตว์แพทย์ได้ทำการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในช่วงเช้ามืด จากสาเหตุที่อากาศที่หนาวเย็นและช้างก็อายุมากแล้ว

 


เมื่อได้รับทราบแล้วจึงได้ไปดูพบว่ามีควาญช้าง ลุงโบระ อายุ 79 ปี ควาญช้างชาวปกากญอของพังแม่บุญชูกำลังกล่าวลาแม่บุญชู พร้อมนำกล้วยและขมิ้น สัมป่อย และหญ้า พร้อมเงิน 10 บาทมาวางไว้ที่บนหัวแม่บุญชูอยู่ในอาการเศร้าโศกที่สูญเสียช้างที่ดูแลมานานแล้วไป จากนั้นจึงแจ้งทางปศุสัตว์แม่ริมให้รับทราบ และได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดแม่สา จำนวน 4 รูปมาทำพิธีสวดบังสกุลให้ไปสู่ภพที่ดี พร้อมกันนี้ได้ทำพิธีบอกเจ้าที่เจ้าทางและวิญญาณช้างให้รับทราบว่าตายแล้วขอให้เกิดอย่างภพที่ดีหากยังอยู่ก็ขอคุ้มครองทั้งช้างและคนในปางช้างแม่สาด้วย

ลุงโบระ ได้กล่าวลาช้างบุญชูขอให้ไปเกิดเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย อย่าเกิดเป็นคนจน และระหว่างทางขอให้นำเสบียงอาหารมีกล้วยและหญ้าไปกินด้วยอยู่ด้วยกันมาตลอดเวลา 5 ปีที่ได้ดูแลช้างแม่บุญชูถึงจะมีนิสัยดื้อ แต่ก็อยู่ร่วมกันมาจนตายจากกัน


นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ได้เผยว่าการเสียชีวิตของพังแม่บุญชูในเช้าวันที่ 26 ตุลาคม นี้โดยก่อนหน้านี้ตนได้ทำบ้านพักให้ทางแม่บุญชูแล้วและได้ย้ายพังแม่บุญชูมาอยู่ที่หมู่ บ้านโต้งหลวงระยะหนึ่งแม่บุญชูก็อาศัยอยู่ที่บริเวณนั้นและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีไม่มีงานทำไม่มีกิจกรรมใดๆทั้งสิ้นโดยจะให้เป็นบ้านหลังสุดท้ายของแม่บุญชู แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นบนดอยจึงได้ย้ายแม่บุญชูมายังเดอะช้างซึ่งมีต้นไม้ใหญ่และมีควาญดูแล 24 ชั่วโมง

โดยมีช้างชราเชือกอื่นๆอีก 15 เชือก โดยพังแม่บุญชู เมื่อเช้าวันนี้ลุกไม่ได้จึงให้ทางทีมสัตวแพทย์มาดูแลให้น้ำเกลือก็จะฟื้นตัว แต่เนื่องจากแม่บุญชูอายุมากแล้วจึงจากไปตามอายุขัย เหตุการณ์นี้สร้างความเศร้าสลดแก่พวกเราคนเลี้ยงช้างเป็นอย่างมาก แต่เราก็ได้ดูแลแม่บุญชูอย่างเต็มที่แล้ว แม่บุญชูอยู่ที่ปางช้างแม่สามาไม่น้อยกว่า 40 ปีและควาญที่เลี้ยงแม่บุญชูก็คือลุงโบระ ที่เลี้ยงมา 5 ปีซึ่งมีความรักและความผูกพันกันมากตนมาให้กำลังใจคนเลี้ยงช้างทุกคนรวมทั้งจะให้ลุงโบละ ดูแลช้างตัวต่อไปอีก

นสพ.รณชิต รุ่งศรี นายสัตวแพทย์ปางช้างแม่สา ได้กล่าวว่าการเสียชีวิตเกิดจากอากาศที่เริ่มเปลี่ยงแปลงและอายุแม่บุญชูก็เยอะสรุปเลยง่ายก็เสียชีวิตด้ววยโรคชรา เนื่องจากสภาพร่างกายและภูมิร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ร่างกายอ่อนแอจนถึงเช้าวันนี้ไม่สามารถลุกยืนได้เองทางสัตวแพทย์พยายามเข้าช่วยอย่างเต็มที่แต่เสียชีวิตลงอย่างสงบ

เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวเชียงใหม่

ประชาชนชาวเชียงใหม่ กว่า 5,000 คน สวมใส่เสื้อเหลืองเข้าร่วมกิจกรรม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพครบรอบ 120 ปี สมเด็จย่า และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวเชียงใหม่

 

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 21 ต.ค.นี้ ที่ บริเวณลานน้ำพุ ด้านหน้าศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยประชาชนชาวเชียงใหม่กว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพครบรอบ 120 ปี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า และรวมพลังคนเชียงใหม่ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยสวมใส่เสื้อเหลืองเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพียง พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำประชาชนกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

สมเด็จย่าทรงเป็นพระบรมราชชนนี ของพระมหากษัตริย์ไทย 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และ พระบาทสมเด็จ พระมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 8 และ รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี รวมทั้งทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนนานัปการ ทรงเอื้ออาทรต่อทุกข์สุขของราษฎรโดยถ้วนทั่ว ไม่ว่าผู้นั้นจะมีเชื้อชาติหรือศาสนาใด

โดยเฉพาะพระองค์ท่านได้ทรงตั้งหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว. ขึ้นในพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นแห่งแรก เพื่อออกไปให้บริการประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร หลังจากที่เสด็จเยี่ยมราษฎร แล้วทรงพบว่าราษฎรเหล่านั้นเมื่อเจ็บป่วยไม่มีโอกาสได้รับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่แก่ราษฎรในพื้นที่ สร้างความปลื้มปิติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

“ยี่เป็งโกมล้านนา ปู่จาผางผะตี๊บ ที่หนองบัวพระเจ้าหลวง “อ.ดอยสะเก็ด งดงามตระการตายิ่ง

แอ่วประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ต้องไป”ยี่เป็งโกมล้านนา ปู่จาผางผะตี๊บ ที่หนองบัวพระเจ้าหลวง “งดงามตระการตายิ่ง

งานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่หรือประเพณีลอยกระทง ที่เทศบาลตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ในปีนี้ทางนายชุติพนธ์ (เฉลิม) สารแปง นายก เทศมนตรีเทศบาลตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ประกาศจัดงานประเพณียี่เป็งโกมล้านนา ปู่จาผางผะตี๊บ ที่หนองบัวพระเจ้าหลวง ในแบบNew Normal แต่แฝงด้วยความยิ่งใหญ่ทางประเพณีวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาตามบทเพลง”วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำจะนองเต็มตะลิ่ง พวกเราชายหญิงสนุกกันจริงมาลอยกระทง “โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 30 ต.ค.-1 พ.ย.2563

โดยจะเนรมิต หนองบัวพระเจ้าหลวง ที่โด่งดังเป็นตำนานของล้านนาตามบทเพลงท่อนหนึ่งของ นักร้องอมตะบุษยา รังสี ที่ร้องเพลงหนองบัวบรรยายให้เห็นภาพได้อย่างไพเราะจับใจ”..ราตรีเพิ่งเยือนเห็นเด่นเดือนเหมือนจิตเราน้ำงามด้วยเงาจากฟ้า ดวงบนนั่นไกลนัก เกินจักเอื้อมคว้าเดือนแก่นนี้มา ให้ชมธารนามผอง หนองบัวแห่งใดไม่เหมือนหนองบัวที่ใจ เรานี้ได้ เคยสุขสมถึงตัวร้างไปหัวใจขอจมหนองบัวรื่นรมย์ หนองบัวที่ชมจันทร์แมน..

รำลึกถึงบทเพลงหนองบัว แล้วต้องมาเที่ยวชม “ยี่เป็งโกมล้านนา ปู่จาผางผะตี๊บ ที่หนองบัวพระเจ้าหลวง “ที่หนองบัวพระเจ้าหลวงให้ได้ชมอุโมงค์โคมไฟล้านนาหลากสีที่ประดับประดาโดยรอบสถานที่จัดงานมากกว่า 5 พันดวง บริเวณคุ้งน้ำรอบสององค์พญานาคจะมีการผางประทีป ดั่งดาวบนดิน กว่าพันดวง เพื่อส่องสว่างสวยงามบริเวณทั่วหนองบัว มีโคมลอยหรือว่าวไฟที่ให้ผู้มาร่วมงานปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าจนระยิบระยับเพื่อบูชาดวงเดือนและส่องทางสวรรค์ โดยทั่วงานจะมีการแสดงทางประเพณีวัฒนธรรมที่สวยงามยิ่ง การันตีจาพภาพในปีที่ผ่านๆมาจะงดงามประทับใจเมื่อได้ร่วมสัมผัสบรรยากาศประเพณีแบบเก่าแก่แต่แฝงไว้ด้วยความงดงามจนเกินบรรยาย

นายชุติพนธ์ (เฉลิม) สารแปง นายก เทศมนตรีเทศบาลตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ได้กล่าวถึงงานในปีนี้มีพิธีเปิดงานประเพณียี่เป็งโกมล้านนา ปู่จาผางผะตี๊บ ที่หนองบัวพระเจ้า ที่เทศบาลตำบลเชิงดอยร่วมกับอำเภอดอยสะเก็ดและชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันจัดขึ้น เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น และยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ในยุคชีวิตวิถีใหม่หรือ นิวนอร์มอล

ซึ่งมีการจัดทำโคมผัดหรือโคมหมุนขนาดใหญ่ให้ชม มีซุ้มประตูพญานาค อุโมงค์โคมไฟล้านนา มีการแสดงทางวัฒนธรรมของกลุ่มแม่บ้านดอยสะเก็ด และชนเผ่าต่างๆที่มาร่วมแสดงในงานพร้อมประดับโดยรอบงานกว่า 5 พันดวง นอกจากนี้จะมีผางประทีปจุดคืนละ 5 พันดวง เพื่อส่องสว่างสวยงามบริเวณหาดหนองบัวพระเจ้าหลวงตลอดการจัดงานระหว่างวันที่30ตุลาคม.ถึ
ง1พฤศจิกายน 2563 นี้

การจัดงานเทศกาลโกมล้านนา ปู่จาผางผะตี๊บ จัดเป็นปีที่5 ซึ่งปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี โดยรูปแบบงานประเพณีโกมล้านนา ปู่จาผางผะติ๊บหนองบัวพระเจ้าหลวง ยังคงแฝงด้วยคติธรรมและความเชื่อของคนล้านนา” มาเต๊อะมาแอ่วกั๋นหื้อได้เน้อ”

“บุญเลิศ”ประกาศตัวชัดเจนไม่สังกัดพรรคการเมืองใด ชูธง”กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม”สู้ศึกเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่

” บุญเลิศ”ประกาศตัวชัดเจนนำกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม สู้ศึกเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่

นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ 2 สมัยนายบุญเลิศ กล่าวถึงการเลือกตั้งนายก และ ส.อบจ.เชียงใหม่ 42 เขต ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดเลือกตั้ง วันที่ 20 ธันวาคมนี้ ว่าพร้อมเลือกตั้ง ผู้บริหารและทีมงานพร้อม 100% ขอลงสมัครในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรมซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใดๆในประเทศไทยเลย

“ผมต้องการอิสระในการทำงานอย่างแท้ เราจะทำงานเพื่อคนเชียงใหม่อย่างแท้จริงเพื่อรับใช้ประชาชนทุกคนโดยไม่ต้องฟังคำสั่งจากพรรคใดพรรคหนึ่ง ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่จะสร้างกิจกรรมสร้างมิติใหม่ทางการเมืองท้องถิ่น เราจะประกาศตัวเป็นอิสระจากการครองงำของพรรคทุกพรรคในประเทศไทยอย่างชัดเจน เพราะที่ผ่านมาการทำงานกับพรรคใดพรรคหนึ่งยากมากเพราะหากพื้นที่ใดไม่ได้คะแนนตามเป้าหมายก็ห้ามไม่ให้ตนไปช่วยพื้นที่ที่ไม่ใช่ฐานเสียของเขา


“นโยบายเร่งด่วน ที่สำคัญคือ การฟื้นฟูและส่งเสริมท่องเที่ยวจังหวัด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน โดยประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) จัดแสงสว่าง หรือไลท์อัพ บริเวณโบราณสถาน และวัดรอบคูเมืองเชียงใหม่ รวม 40 จุด ซึ่งดำเนินการเกือบเสร็จแล้ว พร้อมส่งเสริมงานประเพณีเดือนยี่เป็งหรือลอยกระทง งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ งานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองหรือสงกรานต์ เพื่อนำรายได้สู่จังหวัดหลายหมื่นล้านบาท พร้อมแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันฝุ่นละออง PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวและสุขภาพ ซึ่งได้ตั้งงบบางส่วนสนับสนุนหมู่บ้าน 500 แห่ง เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว”

ผู้สื่อข่าวถามกรณีจังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่หรือเมืองหลวงพรรคเพื่อไทย มี ส.ส.8 เขต จาก 9 เขต เป็นห่วงหรือกังวลหรือไม่ นายบุญเลิศ กล่าวว่าไม่ห่วงหรือกังวลอะไร แต่อยากให้การเมืองท้องถิ่นเป็นเรื่องคนของท้องถิ่นได้พิจารณาตัดสินใจ กรณีมีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.นั้น ส่วนตัวรู้สึกดีใจ ที่มีผู้สมัครหลากหลาย ไม่ว่าเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ขอเป็นโซ่กลาง เพื่อทำงานให้ชาวเชียงใหม่ได้สะดวก ส่วนตัวได้ทุ่มเททำงานให้กับท้องถิ่นมา 10 กว่าปี มีผลงานเป็นที่ยอมรับ เชื่อว่าประชาชนให้โอกาสกลับเข้ามาบริหารเป็นสมัยที่ 3

 

 

บรรยากาศสุดฟีน จิบกาแฟเคียงนาง ดูช้างชมนาขั้นบันได เดอะช้างดาราอั้งคอฟฟี่ แม่ริม

ใครที่ชอบธรรมชาติที่สวยงามของนาขั้นบันได ป่าดอยช่วงฝนที่เขียวชะอุ่ม นั่งจิบชากาแฟและอาหารเหนือ พร้อมชมช้างที่อยู่อย่างธรรมชาติที่สุดต้องมาที่ บ้านโต้งหลวง ตั้งอยู่ในเดอะช้าง หรือหมู่บ้านควาญช้างวิลเลทของปางช้างแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จะมีร้านกาแฟริมนาป่าเขาของชนเผ่าดาราอั้ง หรือปะหล่อง ชื่อว่า ดาราอั้งคอฟฟี่ จิบกาแฟ

บรรยากาศที่สวยงามเกินบรรยาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งนาเขียวขจี แบบขั้นบันได ป่าดอยที่เขียวสดใสในยามฤดูฝน ที่ดูงามสะอาดตายิ่งนัก และยังได้เห็นช้างที่ปลดระวางปลดโซ่ปลดตะขอให้ชีวิตบั้นปลายที่อยู่อย่างธรรมชาติที่สุด ถือเป็นร้านกาแฟ ที่สวยงามมีมนต์เสน่ห์มาก แก่ผู้ที่ได้มาเยือนแม้เพียงครั้งหนึ่งของชีวิตก็จะไม่ลืมเลือนสถานที่แห่งนี้


ซึ่งนอกจากชากาแฟรสเลิศ แล้วที่แห่งนี้ยังมีอาหารเหนือสูตรโบราณของชาวดาราอั้งและขนมปังขนมเค้กแสนอร่อยไว้บริการ โดยพนักงานที่เป็นชนเผ่าดาราอั้ง หรือชนเผ่าปะหล่อง ที่แต่งกายที่งดงามตามเผ่า และในร้านกาแฟยังมีของที่ระลึกรวมทั้งชุดของชนเผ่าไว้จำหน่ายและให้นักท่องเที่ยวได้แต่งตัวกลมกลืนกับธรรมชาตินั่งจิบชากาแฟและน้ำผลไม้หรืออาหารเหนือริมทุ่งนา ก็ยากที่จะบรรยายบรรยากาศที่แสนได้

สัมผัสคำว่าโรแมนติก ที่แปลความว่า ชวนรักชวนฝัน, หวาน, หวานซึ้ง, พาฝัน, จินตนิยม. โดยราคาที่นิยมในหมู่นักกินนักท่องเที่ยว “ชากาแฟไม่ถึงร้อยและวิวหลักล้าน เลยทีเดียว “นับว่าเป็นร้านกาแฟสุดคลาสสิคแห่งหนึ่งที่ต้องไปให้ได้เมื่อมาเชียงใหม่ก็ว่าได้เลย


สำหรับร้านกาแฟดาราอั้ง อยู่เส้นทางสายแม่ริม-สะเมิง ก่อนที่จะถึงปางช้างแม่สา จะมีทางเข้าสู่หมู่บ้านโต้งหลวง ต.แม่แรม อ.แม่ริม ระยะทางเข้าไปประมาณ 500 เมตรก็ถึงแล้ว ในที่แห่งนี้ยังมีโฮมสเตย์สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาพักในหมู่บ้านควาญช้างจะได้สัมผัสความงดงามที่้ต่างกันเช้าสายบ่ายเย็นเป็นบรรยากาศที่สวยงามแตกต่างกันไป

ชนเผ่าดาราอั้ง หรือ ปะหล่อง เป็นชนเผ่าที่มีประเพณีวัฒนธรรมที่งดงามยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น ส่วนมากนับถือพระพุทธศาสนา มีการแต่งกายที่งดงามยิ่ง ซึ่งชนเผ่าดาราอั้งที่มาอยู่ที่บ้านเดอะช้าง หมู่บ้านโต้งหลวง แห่งนี้เป็นครอบครัวของควาญช้างวันนี้ ดาราอั้ง ยังคงเลี้ยงช้าง แต่ก็หันมาช่วยกันทำร้านกาแฟ เปิดประตูรับนักท่องเที่ยว ชาวไทยที่จะมาเยือนชมธรรมชาติที่งดงาม

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูป เช็คอิน จะเต็มอิ่มกับ ‘นาขั้นบันได’ ผืนกว้าง มีป่าดอยที่สมบูรณ์ มีช้างยืนหากินอย่างเป็นธรรมชาติบนเนินดอย พร้อมกับการจิบน้ำชา กาแฟ และน้ำดื่มสมุนไพรแล้ว ยังมีอาหารเรียกน้ำย่อย ‘เมี่ยงคำใบชะพลู-กลีบบัว’ จัดใส่ภาชนะมาพร้อมเครื่องเคียงชวนให้น้ำลายสอ ไม่ว่าจะเป็น ถั่วคั่วหอมๆ มะนาว พริกขึ้หนูสวน ขิงสด หอมแดง มะพร้าวคั่ว ราดด้วยน้ำเมี่ยงที่เคี่ยวจนหอม อร่อยๆ ราคา 150 บาท พร้อมอาหารเหนือ ล้ำลำ หรือสุดอร่อย ไม่ว่าจะเป็นปูนาทอดกรอบ ปูอ่องที่หากินได้ยาก แกงฮังเล ไข่ต้ม แคบหมู น้ำพริกถั่วเน่าของชนเผ่าดาราอั้งขนานแท้ พร้อมผักสดออแกนิคสดๆ และหากผู้ที่ต้องการพักเพื่อดูบรรยากาศเช้าสายบ่ายเย็น

ที่แห่งนี้ยังมีโฮมสเตย์ บ้านแบบล้านนาให้อยู่ทั้งครอบครัวเลย ขอบอกว่าบรรยากาศที่แห่งนี้สุดฟีนจริงๆ เล่าขานเท่าไหร่ก็ไม่เห็นชัดถึงบรรยากาศเท่ากับได้มาสัมผัสด้วยตาตัวเอง..แล้วจะได้รู้ว่าสุขตากับธรรมชาติ สุขกายที่ได้มาอยู่..สุขใจที่ได้ใกล้ชิดกับความยิ่งใหญ่สวยงามของอากาศที่แสนบริสุทธิ์ ป่าดอยที่เขียวรวมทั้งทุ่งนา ฟ้าสีครามและบรรดาช้างที่อยู่อย่างมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต ..ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณอ๊อด 094-8308264​ หรือ 053-206 247 ช่วงปลายฝนต้นหนาว ความงดงามจะสมบูรณ์แบบมาก..มาเต๊อะมาแอ่วฮือได้

งานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ แบบ New normal เนื่องในวันออกพรรษา ประจำปี 2563

เทศบาลเมืองแม่เหียะ ร่วมกับ คณะสงฆ์ตำบลแม่เหียะ และอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญในประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ แบบ New normal เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามให้คงอยู่สืบไป

เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 3 ต.ค..นี้ ที่บริเวณหอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลเมืองแม่เหียะ ร่วมกับ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จัดพิธีทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ เนื่องในวันออกพรรษา มี นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธาน

 

โดยมีพระสงฆ์ สามเณร จำนวน 69 รูป ร่วมบิณฑบาตรมีพุทธสานิกชนชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวหลายพันคนมาร่วมในพิธีโดยจัดแบบ New normal ขอความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย


ซึ่งวันเทโวโรหณะ ถือเป็นการทำบุญตักบาตรในเทศกาลวันออกพรรษา ตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชน ที่เชื่อว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้า เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จขึ้นไปจำพรรษาและเทศนาอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดา ครั้นออกพรรษาแล้วก็เสด็จลงมาจากเทวโลกในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11

พระอินทร์ทรงนิมิตบันได 3 อย่างถวาย ได้แก่ บันไดทอง บันไดแก้วมณี และบันไดเงิน หัวบันไดพาดอยู่ที่ยอดเขาสิเนรุ เชิงบันไดอยู่ที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร เวลาเสด็จลงทรงใช้บันไดแก้วมณี เหล่าเทวดาลงทางบันไดทอง เหล่ามหาพรหมลงทางบันไดเงิน จึงเรียกการเสด็จครั้งนั้นว่า เทโวโรหณะ

 

สุขสันต์วันเกิดอันแสนอบอุ่นของ”แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล “นักธุรกิจหญิงแกร่งของล้านนา

สุขสันต์วันเกิดอันแสนอบอุ่นของ”แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล “นักธุรกิจหญิงแกร่งของล้านนา

ประมวลภาพอันแสนอบอุ่นในงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 66 ปีของ “แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล” ประธานกรรมการ บริษัท วี.พี.เอ็น.คอลเล็คชั่น จำกัด จัดขึ้นบ้านสวนริมลำพูน จ.ลำพูน วันที่ 19 กันยายน 2563โดยภายในงานประดับไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ โดยเฉพาะดอกกุหลาบแดง ที่แม่เลี้ยงวรรณีชื่นชอบเป็นพิเศษงดงามยิ่งผสมผสานด้วยเสียงเพลงบรรเลง

บรรดาแขกผู้ทรงเกียรติ ไม่ว่าจะเป็นท่านสมภพ ผ่องสว่าง อธิบดีศาลปกครองเชียงใหม่, นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และว่าที่รองปลัดกระทรวงมหาดไทย,นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ว่าที่ผู้ว่าราชการ จังหวัดตาก ,นายวรยุทธ เนาวรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ว่าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน,นายสิธิชัย จินดาหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ว่าที่ผู้ว่าราชการ จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อม พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่และผู้ทรางเกียรติอีกจำนวนมากเข้ามาร่วมงานด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นยิ่ง

แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล ได้กล่าวเชิญผู้มาร่วมงานร่วมกันร้องเพลง “ลูกทุ่งเสี่ยงเทียน” เพื่อ เป็นการสักการะสิ่งศักดิ์ทั้งหลายอันได้แก่ พระแม่เจ้าจามเทวี พ่อปู่ขุนดาบ และสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงที่ปกปักรักษาคุ้มครองบ้านสวนริมลำพูนแห่งนี้ เพื่อเป็นสิริมงคล โดยแม่เลี้ยงวรรณีได้เดินจุดเทียนท่ามกลางมวลดอกไม้อย่างงดงาม

ซึ่งพิธีจุดเทียนจะทำทุกๆปีในงานวันเกิดของแม่เลี้ยงวรรณีโดยจะมีบรรดาคณะผู้บริหาร และพนักงานบริษัท วีพีเอ็น คอลเล็คชั่นส์ จำกัดนำเค็กวันเกิดมาด้านหน้าเวที จากนั้นทุกๆคนในงานร่วมกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับแม่เลี้ยงวรรณีพร้อมทั้งกล่าวอวยพรให้แม่เลี้ยงวรรณีมีแต่สุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงและประสบความสำเร็จในชีวิตการงานการลงทุนอย่างมั่นคงสถาพรสืบต่อไป


แม่เลี้ยงวรรณี ได้มอบพระพุทธรูปเ”พระพุทธนวล้านตื้อ เชียงแสนสี่แผ่นดิน”(รุ่นแม่ของแผ่นดิน) เป็นพระพุทธรูปที่สร้างถวายเป็นพระราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงมอบให้กับแขกผู้ทรงเกียรติที่มาร่วมในงานเพื่อนำกลับไปบูชาเป็นสิริมงคล

4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จัดงาน Lanna Expo 2020 ครั้งที่ 8

4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จัดงาน Lanna Expo 2020 ครั้งที่ 8ระหว่างวันที่ 18-27กันยายนนี้ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7รอบพระชนมพรรษา เชียงใหม่ภายใต้แนวคิด “กินดี อยู่ดี ชีวิตวิถีใหม่” เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงทางการค้าและการลงทุน ต่อยอดธุรกิจสู่ระดับโลกอย่างยั่งยืน

ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา เชียงใหม่นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ เป็นประธานเปิดงานLanna Expo 2020 ครั้งที่ 8ระหว่างวันที่ 18-27กันยายนนี้ จัดโดย กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) ภายใต้แนวคิด “กินดี อยู่ดี ชีวิตวิถีใหม่” พบกับงานออกร้านแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการสุดยอดผลิตภัณฑ์จากกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1กว่า 750 คูหา และกิจกรรมเจรจาธุรกิจเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มภูมิภาค ต่อยอดธุรกิจสู่ระดับโลกอย่างยั่งยืน

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า งาน Lanna Expo มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสการสร้างงานและกระจายรายได้สู่ชุมชน ตลอดจนเพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงความต้องการของตลาดเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตน รวมถึงการขยายฐานลูกค้าในระดับนานาชาติโดยเน้นการจัดแสดงสินค้า การเจรจาธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มภูมิภาค และกลุ่มประเทศอาเซียน ให้สินค้าและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน1 เป็นที่รู้จักและรับรู้ถึงศักยภาพที่โดดเด่น สำหรับงาน Lanna Expo2020 ในปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1(เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) ได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อต่อยอดความสำเร็จ และส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการในกลุ่มจังหวัดให้เกิดการเติบโตทางการค้าและการลงทุน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสในการสร้างงาน และกระจายรายได้สู่ชุมชน ตลอดจนมีการเจรจาธุรกิจเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มภูมิภาค ขยายฐานการตลาดสู่ระดับนานาชาติ

ทั้งนี้งาน Lanna Expo ๒๐๒๐ มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่18 ถึงวันที่ ๒๗ กันยายน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 (เสาร์ – อาทิตย์ ปิดเวลา 21.00) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา เชียงใหม่ภายใต้แนวคิด “กินดี อยู่ดี ชีวิตวิถีใหม่” โดยแบ่งพื้นที่คูหาแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการ จำนวน ๔ กลุ่ม ๔ โซนสินค้า ได้แก่ โซนสินค้าเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่ง, โซนสินค้าสุขภาพและความงาม สมุนไพร, โซนสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นและสิ่งทอ ของฝากของที่ระลึก และโซนสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เกษตรแปรรูป

และยังมีจุดที่น่าสนใจคือ โซนจัดแสดง Lanna Handicraft Festival ซึ่งเป็นการนำเสนอผลงานการสืบสานภูมิปัญญาล้านนาที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของท้องถิ่นล้านนา ได้แก่ การสาธิตการแกะลาย พิมพ์แป้ง ย้อมคราม, การจัดแสดงเครื่องจักสาน, การสาธิตการลงสีร่มกระดาษสา และพัดกระดาษสา, การจัดแสดงเครื่องเงินแห่งเมืองล้านนา, การจัดแสดงผ้าห่อคัมภีร์, การจัดแสดงพวงกุญแจจากผ้าทอ, การจัดแสดงโคมล้านนา และโคมไต, การจัดแสดงดุนโลหะ (ต๋งลาย), การจัดแสดงดอกสวย และการจัดแสดงเสื้อเย็บมือจากชนเผ่าอาข่า (อีก้อ)

นอกจากนี้ยังได้ร่วมเพลิดเพลินไปกับกิจกรรม และโปรโมชั่นสุดพิเศษจากโรงแรม และบริการการท่องเที่ยว โดยกลุ่ม We Love Chiangmai ซึ่งถือเป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้มาร่วมออกบูธที่บริเวณทางเข้างาน

อนึ่งในส่วนของการเจรจาธุรกิจได้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการในยุค New Normal ผ่านระบบ Online Business Matching ที่ผู้ประกอบการสามารถนำเสนอสินค้าให้กับคู่ค้า และเจรจากับผู้ประกอบการ ชมคลิปวิดีโอ แคตตาล็อกสินค้า ฝากข้อความนัดเวลาเจรจาการค้าล่วงหน้าหรือเจรจาการค้าได้ทันที

อย่างไรก็ตาม การจัดงานในครั้งนี้ถือว่ายังอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด – 19 ซึ่งคณะผู้จัดงานได้ตระหนักถึงความสำคัญของมาตรการในการดูแลสุขอนามัยแก่ผู้เข้าร่วมงาน โดยจะดำเนินการตามมาตรการและข้อกำหนดในการควบคุมโรคโควิด – 19อย่างเคร่งครัดตั้งแต่การเข้าติดตั้งงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน มาตรการด้านสุขภาพและอนามัยต่าง ๆ ระหว่างการจัดงาน เช่น การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาในพื้นที่งานแสดงสินค้า การคัดกรองคนเข้างานด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ การติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่าง ๆ ทั่วบริเวณงาน การดูแลความสะอาดของพื้นผิวสัมผัสภายในบริเวณงาน รวมถึงการจัดการจำนวนผู้เข้าร่วมงานไม่ให้หนาแน่นเกินไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบต่าง ๆ ด้านสุขอนามัย และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานตลอดระยะเวลาการจัดงาน